ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!! เส้นทางความสำเร็จ "เอ ศุภชัย" จากหนุ่มวิศวะฯ มาเป็นนักปั้นมือทอง

10 แรงบันดาลใจ จุดไฟแห่งฝัน
ตอนที่ 1 เอ - ศุภชัย จากหนุ่มวิศวะฯ โยธา มาเป็นนักปั้นมือทอง

ถ้ามีฝันอยากเป็นดาราดังอย่าง อั้ม-พัชราภา, มาริโอ้, ณเดชน์, หมาก-ปริญ, เนย-โชติกา และซุป’ตาร์อีกหลายคนในวงการบันเทิง คนที่เรานึกถึงคงไม่พ้น พี่เอ–ศุภชัย ศรีวิจิตร นักปั้นที่ได้รับฉายา “นักปั้นมือทอง” แต่ใครจะรู้ว่าจาก หนุ่มวิศวะฯโยธา มาเป็นนักปั้นมือทองในปัจจุบันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิด

จากเส้นทางวิศวะฯ โยธา มาเป็นนักปั้นดาราและผู้จัดการดารา เกิดขึ้นได้อย่างไร วันนี้พี่เมษ์ได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่เอ-ศุภชัย มาดูกันดีกว่าค่ะว่ากว่าจะเป็น “เอ-ศุภชัย” พี่เอก้าวเข้ามาในเส้นทางนี้ได้อย่างไร

“เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร มาจากอำเภอเล็กๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช พยายามสอบเข้าโรงเรียนดังในจังหวัด โหนรถสองแถวไปเรียนฝ่าฝุ่นแดงๆ ชั่วโมงครึ่งทุกเช้า ผลักดันตัวเองเพื่อเข้ามาเรียนที่ ม.รังสิต ในวันนั้นพี่เอปูกระดาษหนังสือพิมพ์นอนบนรถไฟชั้นสามเพื่อให้ได้มาเรียน พี่บอกตัวเองว่า เราถอยหลังไม่ทันแล้วเพราะเราเดินทางมาไกลขนาดนี้ เราบอกกับตัวเองว่า ถ้าไม่ได้ดีจะไม่กลับบ้านนอก” เป็นคำพูดที่มาพร้อมกับแววตามุ่งมั่นจากพี่เอ-ศุภชัย ก่อนเริ่มการสัมภาษณ์

  • Q : พี่เอช่วยเล่าเส้นทางการเรียนของพี่เอในรั้วมหาวิทยาลัยให้น้องๆ Dek – D ฟังหน่อยค่ะ
  • A : เอ ศุภชัย เข้าเรียน ม.รังสิต ปี 2534 ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา ก่อนจะรีรหัสตัวเองเพื่อจบในปี 2540 ในคณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาการโฆษณา
  • Q : ทำไมพี่เอถึงเลือกเรียนคณะวิศวะฯ แล้วเปลี่ยนมาเรียนนิเทศฯ ได้ยังไงคะ?
  • A : ด้วยความที่คุณพ่อเป็นครู ทำให้ มองแต่วิศวะ เภสัช หมอ ครู ไม่กี่อาชีพที่เป็นที่ยอมรับในสังคมสมัยนั้น ทั้งๆ ที่เราเป็นคนที่ชอบแสดงออกตั้งแต่เด็กอยากจะเรียนด้านนิเทศฯ พ่อก็ไม่ยอมเขาก็บอกว่า มีสองอย่างให้เลือกถ้าไม่เลือกเรียนวิศวะฯ ก็ให้เป็นครู พี่จึงเลือกที่จะเรียนวิศวะฯ เพราะอยากจะเข้ากรุงเทพ พี่เอก็เรียนไปด้วยทำงานเป็นตัวประกอบไปด้วย ได้ค่าจ้าง 300 – 500 บาท ไปด้วย เราเรียนมา 6 ปี พอปีสุดท้ายเรารู้แล้วว่าเราพยายามในสิ่งที่ไม่ถนัดเลยจึงไปรีรหัสจนจบคณะนิเทศฯ ในที่สุด
  • Q : แปลว่าพี่เอไม่ชอบวิศวะฯ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ มีโอกาสเลือก พี่เอจะยังเรียนวิศวะฯ หรือเรียนนิเทศฯ คะ
  • A : พี่เอไม่ได้มองว่ามันเป็นความชอบหรือไม่ชอบ แต่พี่เอว่ามันเป็นหน้าที่ของลูก เป็นความรับผิดชอบ แต่พี่เอขอบคุณคณะวิศวะฯ นะเพราะวิศวะฯ สอนระบบให้เราในการจัดการอะไรหลายๆ อย่าง เช่นถ้าเราจะหาคำตอบจากโจทย์ข้อหนึ่ง โจทย์ของเราคืออะไร คือต้องการเข้าสู้วงการบันเทิง แต่คำตอบนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นตามตัวอย่างที่อาจารย์สอนในห้องเรียน แต่มันสามารถพลิกแพลงได้ เราสามารถใช้หลายๆ สูตร แต่คำตอบมันเหมือนกันทุกคำตอบ ส่วนนิเทศฯ สอนให้เรารู้จักการเข้าสังคม ซึ่งเราจะเอามาประยุกต์ใช้ได้
  • ถ้าย้อนไปพี่เอก็คงทำเหมือนเดิม มันอาจจะไม่ใช่ทางเดินที่เป็นเส้นตรงกว่าจะมาถึงวันนี้ เราก็อ้อมโลกมานิดนึง อ้อมภูเขาหลายๆ ลูก กว่าจะคว้าโอกาสให้ได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ บางครั้งก็ท้อนะแต่ทำยังไงได้ ตัวเราเองตั้งความฝันแล้วว่าฉันจะต้องไปสู่จุดมุ่งหมายให้ได้ เราจะไม่ถอย
  • Q : แล้วพี่เอเข้ามาเป็นผู้จัดการดาราอย่างทุกวันนี้ได้ยังไงคะ
  • A : จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้จัดการดาราเริ่มจากเราอยากเป็นดาราก่อน แล้วตอนเรียนเราใช้ชีวิตคาบเกี่ยวระหว่างสองคณะทำให้เจอ ยุ้ย-ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี ที่คณะนิเทศฯ ทำให้เจอน้าหน่อย น้าของน้องยุ้ย ที่ทำโมเดลลิ่งเกี่ยวกับนักแสดงตัวประกอบ เป็นก้าวแรกที่ได้เขามาเล่นเป็นตัวประกอบเผื่อจะได้เป็นตัวเอก แต่พยายามครั้งแล้วครั้งเล่าเค้าไม่เลือกเราสักทีจนเรารู้สึกว่ามันมีจุดตันของมัน เราจะดันมันอีกเหรอ ถ้าคนเราเดินแล้วมันเจอก้อนหินหรือกำแพงอ่ะ คุณจะเดินต่อไปอีกเหรอ คุณหัดเลี้ยวสิ หัดเลี้ยวตั้งแต่ยังมีแรงอยู่ จึงใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส มองตามความเป็นจริง เราเป็นดาราไม่ได้งั้นเราหาทางอื่นที่ใกล้เคียงฝันที่สุดก็แล้วกัน พี่เอเลยต่อยอดจากตัวประกอบมาช่วยจัดหานักแสดงตัวประกอบ แล้วใช้เงินเก็บจากการทำงานระหว่างเรียนถีบตัวเองจนไปถึงอังกฤษ เพราะตอนนั้นพี่เอรู้แค่ว่าประเทศไทยยังไม่พอเลยตัดสินใจไปอังกฤษด้วยเงินที่หามาด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้ได้โอกาสเรียนทำอาหารที่ Le Cordon Bleu มันไม่ใช่ไปเรียนอย่างเดียว แต่ยังได้ใช้ชีวิตในอีกรูปแบบในอีกสังคม เราได้ประสบการณ์ เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนโลกทัศน์ใหม่ๆ หลังกลับมาจากอังกฤษ เลยกลับมาดูแลอั้ม-พัชราภา ในฐานะผู้จัดการดาราเต็มตัวเพราะเรารู้จักเค้าตั้งแต่ตอนเรียนนิเทศฯ แล้วก็ค่อยๆ มาปั้นป๋อ เวียร์ ณเดชน์ ต่อๆ มา
  • Q : พี่เอคิดว่าการเป็นนักปั้นดารา และผู้จัดการดารายากหรือเปล่า มีคุณสมบัติอะไรสำคัญบ้าง
  • A : พี่เอมองว่ามันเป็นเซ้นส์เหมือนมาจากจิตใต้สำนึก ถ้าถามว่าการที่ทำให้คนดังมันยากไหม ก็เหมือนกับที่คุณกินข้าวแล้วถามตัวเองว่ายากไหม มันตอบไม่ได้เพราะมันกลายเป็นชีวิตเราไปแล้ว แล้วการที่พี่เลือกปั้นก็ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จไปหมดทุกคน ผิดพลาดไปบ้างก็มี ไม่ได้ประสบความสำเร็จไปซะทุกอย่าง พี่เอไม่เคยคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะถ้าเราคิดว่าเราประสบความสำเร็จแล้วทุกอย่างก็จะหยุด ไม่มีการพัฒนา เพราะพี่เอว่าถ้าเมื่อไหร่พี่คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้ว เราก็จะหยุดเดิน เป็นเอ-ศุภชัย นัมเบอร์วันของประเทศ คงนั่งเชิดหน้าอยู่บนพรม Hermes แล้วถือกระเป๋า Hermes เดินสวยๆ รอบบ้าน ใส่ชุดนาการ่าไปแล้ว แต่ทุกวันนี้เรายังคิดว่าตัวเองเพิ่งเข้าวงการเมื่อปีที่แล้วนี่เอง เราบอกตัวเองว่าเราเข้าวงการมาเมื่อวานนี้ เราก็เลยขยันมากๆ เพราะคุณสมบัติของนักปั้นและผู้จัดการดาราที่สำคัญคือต้องรู้จักตัวตนของคนที่เรากำลังปั้นหรือดาราในสังกัดเรา ส่งเสริมเค้าให้เหมาะกับสิ่งที่เค้าถนัด เพราะแต่ละคนไม่ได้ทำได้ทุกอย่าง แล้วต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ทั้งเรื่องเงินและตรงต่อเวลา รวมถึงต้องตอบแทนสังคมด้วยถ้ามีโอกาส
  • Q : พี่เอคิดว่าชีวิตในวัยเรียนมีผลต่อการทำงานแค่ไหนและเหมือนกันหรือเปล่าคะ
  • A : พี่เอว่าเราได้อะไรจากข่วงที่เรียนเยอะนะ อย่างแรกที่ได้จากการเรียนคือเพื่อน ได้สังคม ได้Connection เพราะตอนอยู่มหาลัยพี่เออยากทำกิจกรรมนักศึกษา พี่เอก็ทำเลย เต็มที่เพราะเป็นโอกาสที่ทำให้เรารู้จักเพื่อนให้ได้เยอะที่สุด มันน่าเสียดายนะถ้ามาเรียนมหาวิทยาลัยแล้วได้ความรู้ แต่คุณไม่รู้จักเพื่อนเลย เพราะความรู้หาจากที่ไหนก็ได้ แต่เพื่อนมันจะหาได้ก็จากตรงนี้ แล้วมหาวิทยาลัยก็รวบรวมคนทุกเพศ ทุกวัย รวมคนจากที่ต่างๆ จังหวัดต่างๆ มาให้เราได้เจอโดยไม่ต้องออกไปตามหาเลย

อย่างที่สองที่พี่เอได้คือความรู้และก็ประสบการณ์ต่างๆ พี่พยายามใช้สิ่งที่มหาวิทยาลัยมีให้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด อยากให้คิดว่ามหาวิทยาลัยเป็นบ่อทองแล้วให้คุณไปขุดด้วยวิธีไหนก็ได้ ในเมื่อคุณมาอยู่ที่นี่แล้ว คุณจะทำอย่างไรให้สามารถตักตวงประโยชน์จากที่นี่ให้ได้มากที่สุด คุ้มที่สุด

ส่วนการทำงาน พี่เอว่ามันเหมือนตอนเรียนนะ แต่เราแค่เปลี่ยนมุมมอง อย่างเช่น ถ้าคุณเป็นดาราแล้วพรุ่งนี้มีถ่ายละครแต่คุณไม่ท่องบทเลย มันต่างอะไรกับที่เรียนหนังสือแล้วมาเผางาน อ่านหนังสือข้ามคืนเอาตอนสุดท้ายก่อนสอบ ปั่นงานคืนสุดท้ายก่อนส่ง คุณไม่มีทางได้เกรดเอหรือบีหรอก มันไม่ต่างกันเลย ทั้งดาราทั้งนักเรียน หรืออาชีพอื่นๆ พี่เอว่ามันเป็นหน้าที่ที่คุณต้องทำเต็มที่ในเวลางานหรือเวลาเรียนก็แล้วแต่ แล้วพอกลับถึงบ้านก็ท่องบทหาความรู้เพิ่มเติมบ้าง แล้วต่อไปอนาคตคุณก็จะได้ดีเอง แต่ถ้าคุณทำแล้วไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ มันก็ไม่มีทางได้ดีทุกอย่าง ทั้งนักเรียน นักศึกษา จนถึงการทำงาน

  • Q : นักปั้นดาราอย่างพี่เอ พี่เอมองว่าการเรียนสำคัญแค่ไหน
  • A : พี่เอว่าการเรียนสำคัญนะ พี่เอมีวันนี้ได้เพราะพี่เอเรียนหนังสือ พ่อแม่พี่เอบอกว่าอย่างน้อยต้องเรียนให้จบ พี่เอจะสอนเด็กในสังกัดเสมอว่าดาราจะสวยหล่ออย่างเดียวไม่ได้เพราะความหล่อความสวยแก่ไปก็ร่วงโรยไปตามกาลเวลา ต้องเรียนหนังสือด้วย เพราะความรู้ที่ได้เราใช้ได้ตลอดชีวิต อย่างน้อยก็เอามาใช้ในการดำรงชีวิตได้
  • Q : พี่เอคิดว่าอะไรที่ทำให้พี่เอก้าวมาจนถึงทุกวันนี้
  • A : พี่เอมาถึงวันนี้ได้เพราะพี่เอเรียนรู้อาชีพตัวเอง ตั้งใจทำให้ดีที่สุดทุกๆ วัน สิ่งสำคัญที่อีกอย่างที่พี่เอพูดเสมอคือให้คิดดีทำดี พี่เอว่าถ้าเราคิดบวกเดี๋ยวสิ่งที่บวกๆ ก็จะกลับคืนมาหาเราเอง แล้วอย่างที่พี่เอบอก เราไม่เคยคิดว่าเราเป็นนัมเบอร์วันของประเทศ เราคิดว่าเราเป็นเด็กใหม่เสมอ ต้องขยัน อดทน คิดว่าเราเป็นตัวเล็กๆ ไม่เคยคิดว่าตัวเองใหญ่เลย เพราะถ้าเมื่อไหร่เราคิดว่าเราตัวใหญ่ EQ เราจะน้อย ในวงการนี้ ถึง IQ เราจะสูงเท่าไหร่ แต่ถ้า EQ เราน้อย เราก็ไม่รอด เพราะว่าวงการนี้ EQมากกว่า IQ แล้วพี่ก็คิดว่าคนเราต้องพากเพียร พยายาม มุ่งมั่น ทำในสิ่งที่ชอบเพื่อให้ก้าวไปให้ถึงฝัน
  • Q : อยากให้พี่เอฝากอะไรถึงน้องๆ Dek–D สักหน่อยค่ะ
  • A : ต้นทุนของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน มากบ้าง น้อยบ้าง เหมือนต้นไม้นั่นแหละ ต้นที่เจริญงอกงามที่สุด คือต้นกล้าที่ดีที่สุด อยากฝากให้น้องๆ ตัวเองให้เป็นต้นกล้าที่ดีที่สุด และอย่าลืมทำฝันของตัวเองให้ถึงที่สุด แต่ถ้าวันหนึ่งรู้ว่ามันทำไม่ได้ เราก็เปลี่ยนมาทำในสิ่งที่เราทำได้และเหมาะกับเรา เหมือนคุณอยากไปกรุงโรม แต่ถนนก็ไม่ได้มีเส้นเดียวที่วิ่งเข้าสู่กรุงโรมเหมือนกัน เลือกเอาเส้นที่เราไปได้
เป็นอย่างไรบ้างคะน้องๆ กว่าจะทำฝันสำเร็จมันไม่ง่ายเลยจริงๆ ใช่มั้ยล่ะ จากการสัมภาษณ์พี่เอ ศุภชัย สิ่งหนึ่งที่พี่เมษ์รับรู้ได้จากทั้งแววตา คำพูด
และสิ่งที่พี่เอแสดงออกมาคือความพยายาม ความอดทน และความมุ่งมั่น เพื่อไปให้ถึงสิ่งที่ตัวเองฝัน สู้จนสามารถทำฝันของตัวเองสำเร็จ แถมยังเผื่อแผ่
เข้าไปสร้างฝันให้อีกหลายคนประสบความสำเร็จไปด้วย จากหนุ่มวิศวะฯ โยธา จนมาเป็นนักปั้นดารา ผู้จัดการดาราอย่างในวันนี้อาจจะไม่ง่ายแต่ก็คุ้มค่าที่จะพยายามจริงๆ น้องๆ ที่มีความฝันอย่าลืมพยายาม อดทน และมุ่งมั่นนะคะ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้จริงๆค่ะสุดท้ายนี้สุดท้ายนี้
ทีมงาน Dek-D.com ต้องขอขอบคุณ พี่เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร ที่ให้เกียรติในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ด้วยนะคะ
พี่เมษ์
พี่เมษ์ - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายการศึกษา

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
Fenita's Member 4 เม.ย. 57 12:52 น. 7

พี่เอ เก่งมากๆเลยค่ะ พี่มีความมุ่งมั่นตั้งใจดีมากเลย หนูจะเอาพี่เป็นแบบอย่างในชีวิต " หากทางมันตัน เราต้องเลี้ยวใช่ไหม เราต้องเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส " ถึงจะชอบในสิ่งๆนั้น แต่หากมันไม่ไหวมันเป็นไปไม่ได้ เราต้องเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ที่เรารักและชอบมันเช่นกัน ประโยคนี้ของพี่ หนูจะจำให้ขึ้นใจ ไว้เป็นแรงผลักดันให้สู้ต่อไป :D

0
กำลังโหลด
มัส'ส [MUSH] Member 6 เม.ย. 57 13:04 น. 13

ชอบที่พี่เอพูดว่า

"เหมือนคุณอยากไปกรุงโรม

แต่ถนนก็ไม่ได้มีเส้นเดียวที่วิ่งเข้าสู่กรุงโรมเหมือนกัน

เลือกเอาเส้นที่เราไปได้"

0
กำลังโหลด
้enkp 5 เม.ย. 57 19:56 น. 9
รักพี่เอตรงที่ เอาแอร์เมส ใส่กระปิ ใส่สตอ นี่แหล้ะ 555555 เราเคยดูรายการที่นี่หมอชิต เจ้แกที่แอร์เมสจ่ายตลาด ซื้อกระปิซื้อสตอใส่แอร์เมส5555555555 ชอบอ้ะะะะะะะ
0
กำลังโหลด
คนธรรมดา 6 เม.ย. 57 12:16 น. 12
เรารู้จักพ่อและแม่ของพี่เอ ...บอกได้เลยว่าท่านทั้งสองเป็นคนที่ใจดีและสอนลูกหลานได้เก่งมากๆ เรานับถือพี่เอมากๆที่เป็นคนมีความพยายามและอดทน ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากง่ายๆ และเมื่อทำตามความฝันของตัวเองสำเร็จ ก็ไม่ลืมครอบครัว(กตัญญูโคตรร) ที่เราชอบอีกอย่างคือเป็นคนที่ไม่หยิ่ง... ปล.น้องสาวพี่เอน่ารักทั้งคู่เลย^^
0
กำลังโหลด

15 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เด็กวิทย์ติสท์แตก 3 เม.ย. 57 19:45 น. 5
พี่เอเก่งมากเลยค่ อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย พี่เอทำให้หนูสู้ต่อ ขอบคุณนะคะ ตอนนี้หนูกำลังเจอทางตันของชีวิตเลย หนูจะเลี้ยวแบบพี่เอบอกค่ะ พี่เอเก่งมากๆเลย หนูขอนำพี่เอมาเป็นตัวอย่างนะคะ รักพี่เอมากๆค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่ทำให้หนูมีแรงสู้ต่อไป (:
0
กำลังโหลด
เรื่องของกุ 3 เม.ย. 57 21:07 น. 6
ภๆๆี่ พี่เอ เป็น ศิษย์เก่าโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.นครศรีํธรรมราช โรงเรียนอันดับต้นๆของจังหวัด มันไม่บ้านนอกนะ จังหวัดนี้ ต่างจังหวัดตัองบ้านนอกเหรอ เห้อ -*-
2
กำลังโหลด
Fenita's Member 4 เม.ย. 57 12:52 น. 7

พี่เอ เก่งมากๆเลยค่ะ พี่มีความมุ่งมั่นตั้งใจดีมากเลย หนูจะเอาพี่เป็นแบบอย่างในชีวิต " หากทางมันตัน เราต้องเลี้ยวใช่ไหม เราต้องเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส " ถึงจะชอบในสิ่งๆนั้น แต่หากมันไม่ไหวมันเป็นไปไม่ได้ เราต้องเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ที่เรารักและชอบมันเช่นกัน ประโยคนี้ของพี่ หนูจะจำให้ขึ้นใจ ไว้เป็นแรงผลักดันให้สู้ต่อไป :D

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
้enkp 5 เม.ย. 57 19:56 น. 9
รักพี่เอตรงที่ เอาแอร์เมส ใส่กระปิ ใส่สตอ นี่แหล้ะ 555555 เราเคยดูรายการที่นี่หมอชิต เจ้แกที่แอร์เมสจ่ายตลาด ซื้อกระปิซื้อสตอใส่แอร์เมส5555555555 ชอบอ้ะะะะะะะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
คนธรรมดา 6 เม.ย. 57 12:16 น. 12
เรารู้จักพ่อและแม่ของพี่เอ ...บอกได้เลยว่าท่านทั้งสองเป็นคนที่ใจดีและสอนลูกหลานได้เก่งมากๆ เรานับถือพี่เอมากๆที่เป็นคนมีความพยายามและอดทน ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากง่ายๆ และเมื่อทำตามความฝันของตัวเองสำเร็จ ก็ไม่ลืมครอบครัว(กตัญญูโคตรร) ที่เราชอบอีกอย่างคือเป็นคนที่ไม่หยิ่ง... ปล.น้องสาวพี่เอน่ารักทั้งคู่เลย^^
0
กำลังโหลด
มัส'ส [MUSH] Member 6 เม.ย. 57 13:04 น. 13

ชอบที่พี่เอพูดว่า

"เหมือนคุณอยากไปกรุงโรม

แต่ถนนก็ไม่ได้มีเส้นเดียวที่วิ่งเข้าสู่กรุงโรมเหมือนกัน

เลือกเอาเส้นที่เราไปได้"

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด