ถ้าน้องๆ เคยสอบตก หมดกำลังใจในการเรียน วันนี้พี่เมษ์ขออาสามาเติมไฟให้น้องๆ ด้วยบทสัมภาษณ์จากพี่ซัลฟา ปิตุภูมิ หิรัณยพิชญ์ อดีตนักเรียนธรรมดาๆ เคยติดโปรฯ ก่อนจะก้าวมาเป็นผู้บริหารของแบรนด์ Teddy House ที่มี่สาขามากกว่า 40 สาขา สร้างแบรนด์คนไทยให้ไปสู่ระดับโลกได้ พี่ซัลฟา ทำได้อย่างไรตามมาดูกันดีกว่าค่ะ
น้องๆ หลายคนอาจจะรู้จัก Teddy House ร้านขายตุ๊กตาหมีน่ารักๆ บรรยากาศอบอุ่นแบบบ้านตุ๊กตาสีขาวในสยามสแควร์ ซอย 11 รวมถึงตุ๊กตาหมีแบรนด์เดียวกันที่มีอยู่ตามห้างสรรพสินค้า เชื่อหรือไม่ว่าผู้บริหารร้านเป็นหนุ่มไฟแรงที่ไม่ได้จบบริหารแต่อย่างใด แต่กลับเป็นชายหนุ่มที่มีจุดเริ่มต้นจากการเรียนโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ การทำงานจากคณะนิเทศศาสตร์ จุดเริ่มต้นที่น่าสนใจนี้ทำให้เราต้องเชิญพี่ซัลฟามาพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวของเขาต่อ
- Q : สวัสดีค่ะพี่ซัลฟา รบกวนพี่แนะนำตัวเองหน่อยค่ะ
- A : สวัสดีครับผมปิตุภูมิ หิรัณยพิชญ์ แต่เรียกซัลฟาก็ได้ ตอนนี้เป็น Managing Director ของบริษัท เท็ดดี้เฮ้าส์ จำกัด จบนิเทศฯ โฆษณา จาก ม. รังสิต ครับ
- Q : พี่ซัลฟาบอกว่าจบนิเทศฯ โฆษณา อยากให้พี่ซัลฟาเล่าย้อนกลับไปถึงเส้นทางการเรียนก่อนค่ะว่าไปไงมาไงถึงมาทำธุรกิจได้
- A : ต้องออกตัวว่าสมัยมัธยมเราไม่ได้เป็นคนตั้งใจเรียน เรียนตกบ้างผ่านบ้างตลอดเวลา จนรอดเข้ามหาวิทยาลัยมาได้ ก็มาเลือกเรียนโฆษณาเพราะเลือกเรียนตามเพื่อน ไม่ได้ใส่ใจเลือกคณะ เลือกมหาวิทยาลัย แค่ฟังรุ่นพี่ว่าเรียนที่ไหนยังไง แล้วก็ดูว่าเพื่อนเรียนอะไรก็ตามไป แต่ด้วยความที่เรารู้สึกว่าไม่รู้จะเรียนทำไมไม่มีอะไรน่าสนใจ เลยทำให้ตอนเทอมสองพี่ติดโปร แต่ก็โชคดีนะที่เจออาจารย์ท่านหนึ่งที่ทุกคนบอกเลยว่าอาจารย์คนนี้โคตรเขี้ยว เลยลองนั่งฟังดู วันนั้นอาจารย์ให้คาถาพี่สองอย่าง คือ “เอ๊ะ? กับ อ๋อ!” เอ๊ะ คือ เครื่องหมายคำถาม? และอ๋อ คือ เครื่องหมายอัศเจรีย์ ! ที่เตือนใจมาถึงทุกวันนี้ว่า ให้คุณตั้งคำถามสังเกตสิ่งรอบข้าง เมื่อตั้งคำถามเสร็จ เครื่องหมายอัศเจรีย์ก็คือไปใส่มาด้วยว่าคำตอบมันคืออะไร พอฟังอาจารย์พูดแล้วเราก็เห้ย อาจารย์คนนี้ไม่ธรรมดาก็เลยเริ่มฟังอาจารย์พูดมากขึ้น ทำให้เราเปลี่ยนความคิดอยากเรียนมากขึ้นจึงเรียนจนจบ ป.ตรี หลังเรียนจบก็เดินทางไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศครับ
- Q : พอเรียนจบนิเทศฯ มาแล้วหันมาจับธุรกิจเท็ดดี้เฮ้าส์ได้ยังไงคะ
- A : อืมมมม ตอนแรกบอกตรงๆ ว่าไม่ได้คิดว่าจะมาทำธุรกิจนี้ แต่มันคือธุรกิจครอบครัว แต่อย่างที่บอกว่าจบนิเทศฯ มา เราก็อยากไปทำแนวสื่อสาร โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ครีเอทีฟ ไดเรกเตอร์ เอเจนซี่ เหมือนเพื่อนเราคนอื่นนะ แถมตอนเรียนไม่เคยช่วยงานที่บ้าน ไปช่วยลูกพี่ลูกน้องทำโรงเรียนสอนดนตรีด้วยซ้ำ แต่ก็พอจะรู้ชะตากรรมอยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องลงเอยที่นี่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตกลงอะไรแบบจริงจัง
- วันหนึ่งคุณแม่ก็บอกว่าถึงเวลาต้องมาช่วยงานที่บ้านแล้ว เรานั่งคิดอยู่นานว่าเราเหมาะกับอะไร ตุ๊กตาหมีเนี่ยนะ!?!?!
- ถึงแม้จะเห็นมาตั้งแต่เด็ก และเป็นความผูกพันระหว่างครอบครัว เพราะเท็ดดี้เฮ้าส์เป็นชื่อบริษัทตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว เพียงแต่เมื่อก่อนเรามีโรงงาน มีดีไซเนอร์คอยดีไซน์และผลิตตุ๊กตาหมีส่งออกไปติดแบรนด์คนอื่น แต่เราก็อยากหามุมมองที่จะทำให้เราอยากทำงานตรงนี้ ทำแล้วเราสนุก จนเราคิดได้ว่า ถึงเราทำเอเจนซี่หรืองานที่ตรงสายมา เราก็ต้องไปสร้างแบรนด์ ไปหาไอเดียให้งานคนอื่นอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นตลาด แบรนด์ โลโก้ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเราจะแฮปปี้หรือเปล่า เพราะฉะนั้นเราทำแบรนด์ให้บริษัทของครอบครัวไม่ดีกว่าหรือ มาทำให้แบรนด์นี้ให้แข็งแรงขึ้นดีกว่าเพราะเราขาดแค่แบรนด์อย่างเดียว จึงปรึกษากับคุณแม่ว่า เราขอสร้างแบรนด์ให้เท็ดดี้เฮ้าส์ โดยใช้ชื่อเท็ดดี้เฮ้าส์ขึ้นมาในตอนนั้น ตั้งแต่จดทะเบียนจนถึงตอนนี้ก็ประมาณ 15 ปีแล้ว
- Q : การทำงานที่ไม่จบตรงสายโดยตรงยากมากมั้ยคะ
- A : ไม่ง่ายเลยที่จะทำงานให้ดีตั้งแต่ต้นทั้งที่ไม่คุ้นเคย ต้องมาเรียนรู้กันใหม่ เพราะอย่างเราก็เริ่มเรียนรู้ตั้งแต่แรก รู้ทุกเรื่องในบริษัทให้ลึกทั้งที่มาการผลิต กระบวนการแฮนเมดทุกขั้นตอน รู้จักว่าตุ๊กตาของเราแต่ละตัวเป็นรุ่นไหน เย็บยังไง การติดตา ติดจมูก ยัดนุ่น ทั้งหมดต้องค่อยๆ เรียนรู้ แต่อาศัยว่าเราพยายามเรียนรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการถามแล้วลงมือทำ
- แล้วอย่างที่บอกว่าเราไม่ใช่เด็กเรียน ไม่ค่อยได้วิชาการ แต่ชอบลงมือทำ ชอบปฏิบัติ ชอบทดลอง เลยสนุกกับสิ่งที่เรายังไม่รู้ พยายามเรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน และการรับช่วงต่อในการบริหารไม่ง่าย มีอุปสรรคเยอะ เพราะธุรกิจครอบครัวจะทำให้ต่อเนื่องทำให้เป็นที่ยอมรับมันยากมาก
- Q : พี่ซัลฟาบอกว่ายากมาก แล้วพี่ซัลฟาผ่านช่วงเวลาวิกฤตินั้นมาได้ยังไรคะ
- A : พี่ผ่านช่วงนั้นมาได้เพราะพยายามคุยกับแม่ คุยกับครอบครัว ก็เหมือนการขับรถแหละ เราคงไม่ชอบหรอกที่ผู้ใหญ่จะมาคอยบอกว่าขับอย่างนี้นะ เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาอย่างนี้นะ แต่อยากให้การพูดคุยกับผู้ใหญ่เป็นการแนะนำว่ารถคันนี้มีปัญหาอะไร อาจจะต้องเปลี่ยนยางเดี๋ยวยางมันระเบิด เครื่องมันไม่ค่อยดีซึ่งพอเรารู้ศักยภาพของรถเราแล้ว เราจะพามันไปได้ถูก
- แต่ก็อาจจะมีคำถามเกิดขึ้นว่าแล้วถ้าพาไปเจ๊งล่ะ? บอกเลยว่า “คงต้องปล่อยนะ” ปล่อยให้เขาทำตามวิธีของเขา แต่เชื่อว่าจริงๆ แล้วคนที่มีกิจการที่บ้านจะเอาตัวรอดได้นะ อาจจะเริ่มจากเรื่องเล็กๆ เริ่มทำได้ในโปรเจกต์เล็กๆ แล้วเขยิบมาโปรเจกต์ใหญ่ขึ้นจนเป็นซีอีโอในที่สุด
- Q : พี่ซัลฟาคิดว่าวันนี้ประสบความสำเร็จแค่ไหนกับแบรนด์ที่สร้างขึ้น แล้วมีแผนจะพัฒนาต่อไปยังไงคะ
- A : เราภูมิใจที่ได้เรียนรู้มากกว่าจะพูดว่าประสบความสำเร็จ เพราะทุกอย่างคือการเรียนรู้ สำหรับแบรนด์เราพยายามสร้างแบรนด์ที่เป็นสากล ตอนนี้เราวางแผนไว้ทั้งหมดแล้วในระยะสั้นและระยะยาวว่าเราจะต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง เราแพลนจะโตไปเรื่อยๆ พยายามทำงานตามกลไกให้มีระบบ คนอาจจะมองว่าเปิดสาขาแฟรนไชส์ 40 กว่าสาขาแล้ว ต้องใหญ่โตอย่างเซเว่นอีเลฟเว่นหรือแมคโดนัลด์ แต่เราไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น ไม่ได้นับสาขา แต่อยากให้แฟรนไชส์เท็ดดี้เฮ้าส์เป็นการขยายความรู้ที่มีอยู่ ขายแบรนด์ที่เราอยู่มากกว่า
- Q : ในฐานะผู้บริหาร พี่ซัลฟาคิดว่าอะไรเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้บริหารคะ
- A : ในฐานะผู้บริหาร พี่ซัลฟาคิดว่าอะไรเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้บริหารคะ
- ต่อมาคือเรื่องมุมมองความคิด ต้องอย่ามองด้านเดียว มองหลายๆ ด้าน มองให้รอบ เราจะเห็นภาพหลายๆ ด้าน อีกอย่างคือ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าต้องนั่งคุยงานกับคนอื่น แล้วอยากให้ออกมาดีจริงๆ ต้องคิดเผื่อเขาว่าเขาอยากได้อะไร
- Q : อยากให้พี่ซัลฟาฝากอะไรถึงน้องชาว Dek– D สักหน่อยละกันค่ะ
- A : สำหรับน้องๆ อยากฝากให้ลอง “ฟัง” เพราะเด็กรุ่นใหม่ ไฟแรง อาจจะอีโก้สูง แต่ถ้าสูงมากไปตกลงมาก็เจ็บนะ แล้วถ้ารับไม่ได้ก็จะหมดไฟไปเลย
- อีกอย่างคือบางเรื่องที่เรา “อยากทำ” ไม่จำเป็นต้องทำวันนี้หรอก แต่ควรทำงานที่ต้องทำในวันนี้ให้เสร็จก่อน ทำให้จบให้ได้ก่อนแล้วน้องก็จะโตขึ้น ถึงวันหนึ่งที่พร้อม คุณอยากไปทำอะไรก็ไปทำเลย แต่อย่าลืมว่าเส้นทางที่เราได้เลือกเองแล้ว เราต้องรับผิดชอบเส้นทางนั้นด้วย
พี่เมษ์ คิดว่าน้องๆ น่าจะได้มุมมอง และแนวคิดใหม่ๆ ไม่น้อยเลยนะคะ พี่เมษ์ว่าอย่างน้อยก็ได้เห็นแล้วว่าไม่มีอะไรได้มาโดยง่ายดายเลยจริงๆ
มีอุปสรรค และความผิดพลาดมากมายกว่าเราจะไปถึงจุดหมาย แต่อุปสรรคและความผิดพลาดเหล่านั้นแหละ
ที่จะทำให้เรามีประสบการณ์ที่จะทำให้เราก้าวต่อไป และพร้อมที่จะเติบโตขึ้นค่ะ
สุดท้ายนี้ ทีมงาน Dek-D.com ต้องขอขอบคุณ พี่ซัลฟา ปิตุภูมิ หิรัณยพิชญ์ ที่ให้เกียรติในการสัมภาษณ์แบบ Exclusive ในครั้งนี้ด้วยนะคะ
6 ความคิดเห็น
สักวันจะทำให้ได้อย่างพี่ซัลฟานะคะ ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะเลย
ขอบคุณกระทู้ดีๆนะคะ
เจ๋งอ่ะ
แต่ราคาตุ๊กตาพี่แพงไปหน่อย แง้..
(แต่ของเค้าต้องดี มีคุณภาพอยุ่แล้วอะเนาะ)
สักวันจะเป็นวันของเรา...
ใช่ร้านที่แพนเค้กกับเวียร์เป็นพรีเซ็นเตอร์มั๊ยอ่ะ ?? (ตอนนั้นสองคนนี้เค้ายังเป็นแฟนกันอยู่และความรู้สึกเราคือเหมือนร้านนั้นแบบการออกแบบถายในร้านมั้นคล้าย ๆ กันอ่ะ) ต่ถ้าไม่ใช่ช่วยบอกด้วยนะ อยากไป ^^