เคลียร์ชัด! ดราม่ากล้องแพง ชมรมถ่ายภาพ เตรียมอุดมฯ หรือจะสู้แรงบันดาลใจในการถ่ายภาพ

     การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารลงในสังคมออนไลน์ทำให้ผู้คนจำนวนมากได้รับรู้อย่างรวดเร็ว และสามารถแสดงความคิดเห็นกันได้อย่างเปิดกว้างทั้งด้านบวกและด้านลบ และแน่นอนว่าถ้ามีกระแสตอบรับในทางไม่ดี ก็จะมีดราม่าบังเกิดขึ้นตามมานั่นเองค่ะ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ น้องๆ คงได้เห็นกระแสการแชร์ภาพสุดทึ่งของนักเรียนจำนวนมาก ที่ชาวเน็ตเข้าใจว่าเป็นชมรมถ่ายภาพจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้ใช้กล้องราคาแพงมาเก็บภาพงานเปิดตัวเชียร์ลีดเดอร์ จนมีความคิดเห็นในเชิงลบออกมาว่าพวกน้องๆ อวดรวย!!!!
    
เครดิต : อาจารย์ตุลนันท์ นวลเพ็ญ (อาจารย์ที่ปรึกษาชมรม)
   
       แต่ถ้าว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว เรื่องแบบนี้ก็ถือว่ารุนแรงสำหรับน้องๆ พอสมควรเลยนะคะ ถ้าจะให้ความยุติธรรมกันก็ควรจะได้พูดคุยให้ทราบถึงเหตุผลหรือที่มาที่ไปกันก่อนเนอะ วันนี้พี่ส้มและพี่ทีเลยเชิญน้องๆ จากชมรมถ่ายภาพมาเปิดใจกันซะเลย

       นำทีมโดยน้องจุ้ย-ปฏิภาณ ลีลาอภิวัฒน์ ประธานชมรม, 
น้องวิป-ก่อตั้ง จันทร์เผิบ กรรมการนักเรียนฝ่ายถ่ายภาพ และน้องเปรม-อาชวิชญ์ ธรรมปัญญา รองประธานชมรม .... งานนี้ขอบอกว่านอกจากดราม่าจะพลิกแล้ว ไลฟ์สไตล์ของพวกเขายังน่าสนใจมากด้วยล่ะ ว่าแล้วก็มาติดตามชมกันดีกว่า...
   
น้องเปรม(รองประธานชมรม) น้องวิป(กรรมการนักเรียนฝ่ายถ่ายภาพ) น้องจุ้ย(ประธานชมรม)
    
ทำความรู้จักกับ "ชมรมถ่ายภาพ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา"
  
     "ชมรมถ่ายภาพ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา" เรียกได้ว่าเป็นชมรมหนึ่งที่เก๋ากึ้กเพราะก่อตั้งมาพร้อมๆ กับโรงเรียน เพื่อรวบรวมนักเรียนที่มีใจรักในการถ่ายภาพมาร่วมด้วยช่วยกันบันทึกภาพกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน โดยในสมัยเริ่มแรกนั้น มีกล้องและอุปกรณ์ในการถ่ายภาพต่างๆ เป็นของส่วนกลางเพื่อให้นักเรียนได้หยิบยืมใช้ควบคู่ไปกับกล้องของตนเองด้วย แต่ในปัจจุบันนักเรียนในชมรมได้นำกล้องถ่ายภาพมาเอง และร่วมกันเรียนรู้วิธีการถ่ายภาพแบบพี่สอนน้อง โดยมีของส่วนกลางเป็นอุปกรณ์เกี่ยวกับการล้างฟิล์ม ห้องมืด และตู้อบฟิล์ม
 
    
     "สมัยก่อนกล้องแพงมาก และยังไม่แพร่หลายด้วย ชมรมนี้เลยตั้งขึ้นมารวบรวมคนที่สนใจทางด้านนี้จริงๆ ก็มีใช้กล้องตัวเองกับกล้องโรงเรียนบ้าง ส่วนใหญ่เป็นกล้องของโรงเรียนครับ แต่ปัจจุบันเป็นกล้องส่วนตัวของคนในชมรมแล้ว มีทั้ง DSLR Mirrorless ไม่มีกล้องของโรงเรียนแล้วครับ หน้าที่ของเราในโรงเรียน คือเป็นส่วนกลางที่ใครต้องการให้ช่างภาพไปเก็บภาพตอนทำกิจกรรมในโรงเรียนก็สามารถมาติดต่อผม เพื่อขอคนไปถ่ายรูปให้ ผมก็จะประสานงานกับน้องๆ ในชมรมว่ามีใครอยากถ่ายมั้ย น้องๆ จะได้ฝึกฝีมือไปในตัว"  น้องจุ้ยกล่าว
  
  
  
แรงบันดาลใจที่ไม่ยิ่งใหญ่ แต่กลับมีสไตล์และการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง!
  
     เมื่อพี่ส้มได้สอบถามถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้สามหนุ่มจากชมรมถ่ายภาพมีแรงบันดาลใจอยากจะจับกล้องขึ้นมา ปรากฏว่าเรื่องราวของแต่ละคนกลับเป็นเรื่องธรรมดาๆ ของวัยรุ่นทั่วไปแต่วิธีการศึกษาและพัฒนาฝีมือกลับมีความน่าสนใจและใช้ได้ผลจริงๆ กับเจ้าตัวมาแล้วค่ะ
  
    
     "ตอนผมเด็กๆ ไม่ค่อยมีรูปถ่าย เพราะครอบครัวไม่ชอบการถ่ายรูป แต่ผมเป็นคนที่อยากเก็บความทรงจำ เลยหัดถ่ายมาเรื่อยๆ ตอนแรกก็เริ่มจากเอา DSLR ของพ่อมาหัดถ่าย พอถ่ายไปเรื่อยๆ ก็คิดว่าเราควรจะขยับขยายสไตล์กล้องกันหน่อย เลยมาเล่นกล้องฟิล์ม ผมชอบภาพฟิล์ม มันดูเก่าๆ คลาสสิก ก็เลยศึกษาดู ซื้อมาถ่ายเอง ล้างรูปเอง ซึ่งก็เพิ่งมาเริ่มจริงจังตอนอยู่ชมรมนี่แหละครับ จากที่เคยถ่ายตามสไตล์ตัวเอง ก็ต้องมีคอนเซ็ปต์ มีโจทย์ที่เขาขอมาซึ่งไม่เหมือนที่เราชอบ แต่เราก็ต้องถ่ายให้ได้"  น้องเปรมกล่าว
   
     ได้เห็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจจากตัวเองไปแล้ว ลองมาดูคนที่มีครอบครัวเป็นต้นแบบการถ่ายภาพกันหน่อย... 
  
    
      "แต่ก่อนครอบครัวเป็นคนชอบถ่ายรูปมาแต่ไหนแต่ไร เวลาไปเที่ยวคุณพ่อคุณแม่ก็ชอบถ่ายรูป พอมาดูรูปตอนเด็กๆ ก็มีสวยๆ เยอะดี เลยอยากถ่ายบ้าง ผมเริ่มตั้งแต่ประถมฯ ครับ ถ่ายเรื่อยๆ มาเริ่มจริงจัง เล่น DSLR ตั้งแต่ ม. ต้น ตอนอยู่โรงเรียนเก่าก็เป็นสตาฟถ่ายภาพเหมือนกันนะ ถ่ายแต่พวกภาพกิจกรรมถ่ายภาพไม่ได้จริงจังมาก จนมาเข้าชมรมถ่ายภาพที่นี่ เป็นกรรมการนักเรียนด้วย งานเป็น Official มากขึ้น เราต้องมาคุมงานถ่ายรูปในโรงเรียน ประสานงานหลายฝ่าย ก็ยิ่งต้องจริงจังมากขึ้นครับ" น้องวิปกล่าว
    
     ส่วนคนที่มีแรงบันดาลใจฮาๆ และพี่ส้มคิดว่าน่าจะคล้ายๆ กับน้องผู้ชายหลายคนที่อยากจับกล้องแล้วเท่ ก็คือน้องประธานชมรมนั่นเอง!
  
   
     "จริงๆ เพิ่งมาสนใจที่จะถ่ายรูปตอน ม. ปลาย คือที่บ้านไม่ได้เป็นคนถ่ายรูป เรื่องถ่ายรูปไม่ได้อยู่ในหัวเลยครับ คือมันเริ่มจาก ม.ต้น ผมเห็นเพื่อนที่อยู่ชมรมถ่ายภาพ เอากล้องโรงเรียนมาถ่าย ดูเท่ดี มายืนข้างๆ แถวที่คนอื่นตากแดดร่วมกิจกรรม ซึ่งมันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมไปอ้อนพ่อขออนุญาตเก็บเงินซื้อกล้อง DSLR ของตัวเอง พอได้กล้องก็ดีใจครับ แต่ยังถ่ายไม่เป็นหรอก ก็ลองฝึกแชะเล่นบ้าง ถามพันทิปบ้าง ไม่ได้ไปเรียนที่ไหนหรอก เริ่มจากศูนย์แบบ Zero to Hero เลย (หัวเราะ) พอรู้ว่าโรงเรียนนี้มีชมรมถ่ายภาพก็เลยมาสมัครดู ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้เพราะเริ่มเล่นกล้องมาปีกว่าเอง แต่พี่เค้าก็น่ารักดีครับ เห็นความตั้งใจของผมเลยรับเข้ามา"
 
  
     คุยกันมาสักพักก็พอจะจับทางได้ว่า การได้เข้ามาเป็นคนในชมรมถ่ายภาพแห่งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษานี้ ทำให้น้องๆ ได้เรียนรู้ในการถ่ายภาพตามคอนเซ็ปท์ต่างๆแม้จะตรงใจบ้าง ไม่ตรงใจบ้าง แต่หน้าที่ของทุกคนก็คือรักษามาตรฐานด้วยการสร้างผลงานออกมาตามความเหมาะสมกับแต่ละกิจกรรมนั่นเอง และพอถามถึงสไตล์ที่ชอบกันบ้างล่ะ?
  
     เริ่มที่ผู้เดินทางสายกล้องฟิล์ม "จริงๆ ผมไม่มีสไตล์ครับ (หัวเราะ) ถ่ายตามใจตัวเองนี่แหละ แต่ผมจะพกกล้องตลอดเวลา พอเจออะไรน่าสนใจก็ถ่ายเลย" 
  
      
     "ถ้าเป็นผมก็ Landscape เลยครับ เพราะผมชอบสีของท้องฟ้า สีน้ำเงินมันดูสบายตาดี เวลาไม่มีกล้องยังหยิบมือถือมาแชะเลย Still life ผมก็ชอบนะ ถ่ายสิ่งของนิ่งๆ นี่แหละ หามุมถ่ายให้มันดูมีอะไรขึ้นมาก็ขลังดีเหมือนกัน"  น้องจุ้ยกล่าว
   
     ส่วนสายสุขุมนุ่มลึก คงต้องคนนี้เลยค่ะ "ผมชอบถ่ายหน้าคน ตอนเห็นพวกเขายิ้มแล้วดูมีความสุขดี" น้องวิปกล่าวสั้นๆ แต่ดันโดนน้องจุ้ยแซวว่า "เพราะมันแท็กได้เฟซบุ๊กเจ้าของหน้าล่ะสิ" (ฮาลั่นทั้งวง)
  
   
   
ระดับชมรมถ่ายภาพแห่งเตรียมอุดมศึกษา จะคัดเลือกคนเข้ากันแบบธรรมดาๆ ได้ยังไงล่ะ?
    
     หลังจากโหมดเฮฮาเม้าท์มอยกันไปแล้ว มาเข้าโหมดจริงกับกับการคัดเลือกคนเข้าชมรมกันหน่อยดีกว่า น้องๆ สามคนนี้บอกพี่ส้มว่าชมรมนี้เขาพิจารณาหลายจุดเลยนะคะ พอสรุปคร่าวๆ ก็คือ

- น้องจะต้องมีกล้องเป็นของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องราคาแพงแต่ขอให้ถ่ายภาพออกมามีคุณภาพมากกว่ากล้องมือถือก็พอ
- ต้องมีพื้นฐานในการถ่ายภาพมาบ้าง ซึ่งจะวัดจากภาพถ่ายฝีมือน้องๆ ที่ต้องส่งมา 10 ภาพขึ้นไป
- ต้องตอบคำถามวัดทักษะการถ่ายภาพ
- ต้องเช็ก EQ กันด้วยว่า
มีความเหมาะสมจะมาเป็นสมาชิกชมรมหรือไม่

      จำนวนที่รับนี่ขอบอกเลยว่าเพียงรุ่นละ 10 คนเท่านั้นค่ะ เป็นยังไงล่ะ ธรรมดาซะที่ไหน...
  
    
     "ผมอยู่ ม.6 ก็จะมีหน้าที่คัดน้องที่มาออดิชั่น ชมรมเราก็จะไปตั้งป้ายรับสมัครบ้าง หรือประกาศทางเฟซบุ๊ก นัดน้องๆ มารับใบสมัครไปเขียน คนที่ใช่สำหรับชมรมก็ขอแค่มีความสนใจและมีพื้นฐานมาบ้าง มีกล้องของตัวเองเพราะจะได้ไม่ปัญหามายืมกันวุ่นวายภายหลัง แต่ก็ไม่ได้บังคับว่าต้องเป็นกล้องแพง หรือรุ่นไหนยังไง ซึ่งส่วนทักษะนี้เพื่อนก็จะเป็นคนคัดไปครับ ส่วนผมก็จะเป็นคนสัมภาษณ์น้อง เรียกว่าคัดที่นิสัย ก็มีคำถามถ้าพี่สั่งงานน้องไป และมีการบ้านที่ต้องส่งในเวลาเดียวกันพอดี น้องๆจะจัดการยังไง ถ้าทำไม่ทันจะแก้ปัญหายังไง เพราะผมมองจากความเป็นจริงว่าเราไม่สนว่าเค้าจะถ่ายรูปเก่งแค่ไหน เพราะกิจกรรมหลักๆในชมรมก็คือการสอนถ่ายรูป น้องก็ต้องได้มาเรียนกับเพื่อนอยู่ดี ชมรมเรารับรุ่นละแค่ 10 คนเท่านั้นครับ คือในเวลาทำงานจริงๆ ไม่จำเป็นต้องทำงานกันหลายคน ยิ่งคนน้อย ยิ่งเหนียวแน่น ในเวลาที่เราลำบากเขาก็ยังอยู่กับเรา"  น้องจุ้ยกล่าว
  
    
     
ดูกิจกรรมในชมรมก็ไม่เบา แล้วเราบริหารเวลาให้เรื่องเรียนได้เหรอ?
   
     พอพี่ส้มถามน้องๆ ทั้งสามคนเรื่องการแบ่งเวลา แน่นอนว่าเด็กกิจกรรมเด่นแบบนี้ เขาต้องมีวิธีจัดการแบ่งเวลาให้เรื่องเรียนที่ดีเยี่ยมเช่นกันค่ะ ซึ่งสามหนุ่มนี้จัดลำดับความสำคัญให้เวลาเรียนเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนกับเรื่องงานถ่ายรูป ก็ตามสไตล์ของแต่ละคนเลย...
  
    
     เริ่มที่น้องเปรม "เราต้องเลือกว่าอะไรสำคัญกว่า ถ้าเราถ่ายรูปมาแล้วมาทำรูป เราจะไม่มีเวลาทำการบ้านแล้วเราจะทำไม่ทันครับ ผมเลยทำการบ้านก่อนแล้วมานั่งแต่งรูปยาวๆ เพลินๆ บางทีก็เล่นเกมส์ด้วย(หัวเราะ)"
    
     ส่วนน้องวิปผู้มีตำแหน่งกรรมการนักเรียนเป็นทุนเดิม แน่นอนว่างานหนักกว่าเพื่อน "ด้วยหน้าที่แล้วผมจะงานเยอะกว่าคนอยู่ชมรมธรรมดา เพราะต้องคอยถ่ายรูปกิจกรรมโรงเรียนด้วย ติดต่อประสานงานอีก บางทีก็เวลานอนน้อยลง ถ้ามีทั้งงานรูปที่ต้องส่งและงานการบ้าน ผมเลือกที่จะทำการบ้านก่อน เพราะถ้าทำทีหลังมันจะรนไปหมด จะทำได้ไม่เต็มที่ครับ"
 
      
     ส่วนน้องจุ้ยบอกว่า "ตั้งแต่ ม.4 ผมก็มีการบ้านเยอะ งานทำรูปส่งชมรมก็เยอะเหมือนกัน แต่ผมก็เลือกการบ้านก่อน ซึ่งถ้ารูปไม่ทันจริงๆ ก็ขอโทษพี่เขาไป พอขึ้น ม.5 เลยเริ่มดูสเกลงานว่างานไหนต้องการรูปเท่าไหร่ ช่างภาพมีกี่คน จะได้ไม่ต้องทำรูปเยอะเกินความจำเป็น และตอนนี้ผมก็อยู่ ม.6 แล้ว หน้าที่หลักแน่นอนของผมก็การอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ ทั้งยังต้องรับหน้าที่ในการเป็นประธานชมรมอีก ก็ค่อนข้างต้องมีระเบียบกับตัวเองมากขึ้น ทุกอาทิตย์ที่จะมีการเข้าชมรม ผมก็ต้องคิดตลอด ว่าจะทำยังไงให้สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วม ทำให้น้องๆ รักชมรมเหมือนที่ผมรัก ต้องเอาใจใส่ทุกคนเป็นพิเศษ นั่นคือหน้าที่และบทบาทที่สำคัญของประธานชมรมของผม ดังนั้น เวลาว่างหลังเลิกเรียน ทุกวัน จะมีเวลามากน้อยยังไง ก็ต้องอ่านหนังสือครับ เพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา เพื่ออนาคตของตัวเราเอง”
  
    
ถ้าเพื่อนๆ อยากฝึกถ่ายรูปแบบผมบ้าง นี่คือเทคนิคที่ยินดีแชร์ครับผม!
 
     สำหรับน้องๆ ที่สนใจอยากฝึกถ่ายรูปแต่ยังลังเลว่าจะเริ่มที่ตรงไหนดี ยังไม่เงินซื้อกล้องด้วย เพื่อนๆ จากชมรมถ่ายภาพเค้าสามารถตอบข้อข้องใจให้ได้ทันทีเลยค่ะ!
  
     "ถ้ายังเก็บเงินไม่ถึง ฝึกกับสิ่งที่มีก่อนก็ได้ครับ ผมมีเพื่อนคนนึงใช้กล้องมือถือถ่ายก็สวยเหมือนกัน มันอยู่ที่จินตนาการมากกว่า ฝึกมุมมอง การจัดองค์ประกอบภาพ แล้วก็หาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องการวัดแสง ซึ่งหาดูตามอินเทอร์เน็ตก็มี ไม่จำเป็นต้องไปเรียนที่ไหนเลยครับ"  น้องวิปกล่าว
 
  
     ส่วนน้องเปรมก็มีคำแนะนำดีๆ สำหรับคนที่อยากซื้อกล้องมาฝากล่ะ "ผมพูดตรงๆ ถ้าเพิ่งเริ่มเล่น แน่นอนว่าเรามีทักษะน้อย กล้องก็มีแบ่งเป็นคลาส แต่ละคลาสก็ราคาไม่เท่ากัน ไม่มีเงินจริงๆ ก็ซื้อมือสองก่อนก็ได้ครับ คือผมว่ามันไม่ยากเกินพยายาม คือถ้าเราชอบจริงๆ ก็ตั้งต้นจากทุนที่ถูกๆ และค่อยพัฒนาทีหลังก็ได้ หรือถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าชอบกล้องแบบไหน จะเป็นกล้องฟิล์มแบบผมรึเปล่า ก็ลองหาสไตล์ของตัวเองให้เจอก่อนค่อยซื้อกล้องครับ" 
 
    
     มาที่น้องจุ้ยกันบ้าง "ก่อนอื่นผมว่าเราควรหาแรงบันดาลใจก่อน ว่าอยากถ่ายรูปเพราะอะไร อาจจะอยากเท่เหมือนผมก็ได้นะ (หัวเราะ) คือทำให้เรามีความรู้สึกอยากจะถ่าย จะได้มีแรงจูงใจ ไม่เบื่อไปง่ายๆ ธรรมดาแล้วกล้องยิ่งแพงก็ยิ่งลูกเล่นเยอะ แต่ถ้าเราเพิ่งเล่น เราจะเอาลูกเล่นเยอะไปทำไมถ้าเรายังใช้ไม่เป็น ยังเพิ่งเริ่มก็เอาตัวที่ไม่แพงก็ได้ครับ ขนาดเกมส์ หรือของอื่นๆ เรายังเก็บเงินซื้อได้เลย ถ้าเรารักในการถ่ายรูปจริงๆ ผมว่าเรื่องแค่นี้ก็คงไม่ยากเกินความพยายาม ประหยัดมากขึ้นหน่อย อาจจะไม่ต้องรบกวนเงินพ่อแม่ก็ได้เลยนะ เป็นการฝึกตัวเองให้มีความอดทนได้เหมือนกัน"
     
  
คุยกันเรื่องถ่ายรูปไปแล้ว แล้วเรื่องดราม่ากล้องแพงล่ะเอายังไงดี?
   
     พอพี่ส้มยิงประเด็นนี้เข้าไป แน่นอนเลยค่ะว่าสามหนุ่มจากชมรมถ่ายภาพเค้าเตรียมตัวเตรียมใจมาแถลงไว้แล้ว แต่จะเป็นยังไงนั้น มาฟังจากปากเจ้าตัวดีกว่า!
  
    
     เปิดที่ประธานชมรม "ดราม่ามันเกิดจากกล้องราคาแพง คือวันนั้นเป็นวันเปิดตัวเชียร์ลีดเดอร์ โรงเรียนนี้จะแบ่งตึกเป็นสี ลีดประจำตึกก็เหมือนลีดประจำสี ซึ่งเค้าก็ฝึกซ้อมกันมาอย่างหนักครับ เลยมาขอช่างภาพจากชมรมเราไปช่วยถ่าย ทางเราก็อยากช่วยเขาเพราะเห็นเหนื่อยมาทั้งเดือน อยากให้เขาได้มีรูปเก็บไว้ เลยไปช่วยถ่าย ซึ่งในงานวันนั้น ช่างภาพที่เห็นก็มีมาจากหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นทีมโฟโต้ประจำตึกเอง เพื่อนๆ ของลีด ซึ่งกล้องที่พวกเขาเอามากันก็ไม่ได้เป็นกล้องของพวกเขาเองทั้งหมด บางคนก็ยืมที่บ้านมาครับ" น้องจุ้ยกล่าว
 
   
     ส่วนน้องวิปก็อยากให้ชาวเน็ตลองพิจารณาถึงความเป็นจริง "งานนี้เป็นงานเปิดตัวเชียร์ลีดเดอร์นะครับ ผมอยากให้มองที่กิจกรรมนี้เป็นหลัก คนไปถ่ายรูปแค่เป็นส่วนหนึ่งเอง ก็คือช่วยๆ ให้เพื่อนๆ ได้มีรูปเท่านั้นเอง ซึ่งคนที่มีใจรักบางคนก็ทุ่มเท อยากให้รูปออกมาสวยเลยลงทุนกับอุปกรณ์ เลยเป็นภาพกล้องแพงอย่างที่เห็นน่ะครับ"
  
     แต่คนที่ทำเหมือนเรื่องนี้ชิลล์ที่สุด ก็ต้องยกให้คนนี้ "ผมคิดว่ากล้องแพงมันไม่ใช่ตัววัดว่าเราจะถ่ายเก่งหรือถ่ายดีหรอกครับ แต่ที่เห็นกล้องแพงๆ น่ะ ก็เหมือนคนที่เขาชอบซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอางแบรนด์เนม บางทีมันก็เป็นรสนิยมที่ให้ความสุขทางใจ อย่าไปมองเป็นดราม่าเลย" น้องเปรมกล่าว
 
   
     จากเหตุการณ์ดราม่าที่เกิดขึ้นก็แน่นอนแหละค่ะ ว่าเด็กๆ ชมรมถ่ายภาพ จะต้องได้บทเรียนและแง่คิดเพิ่มเติมแน่นอน...
   
     น้องเปรมผู้ชิลล์ที่สุดก็พูดก่อนเลยว่า "เรื่องพวกนี้มันเป็นกระแสสังคม ถ้าไม่มีใครไปกดแชร์เลย ไม่มีใครสนใจสองสามวันก็โดนดันฟีดลงมาแล้ว แต่ถ้าใครไปตอบโต้ เรื่องมันก็ยิ่งบานปลาย และยิ่งถ้าเราเป็นเด็กนักเรียนไปพิมพ์คำอะไรที่ไม่เหมาะสม มันก็ยิ่งเสื่อมเสียมาถึงสถาบัน ผมจะพยายามสอนน้องในชมรมให้วางตัวให้เหมาะสม และรู้หน้าที่ของตัวเองครับ"
 
   
     "คือตอนแรกผมมองว่าการที่เราแชร์ไปแล้วเค้ามาว่าโรงเรียนเรา มีหลายคนมองว่าทำไมเด็กเตรียมฯ เป็นแบบนี้ ถ้าเรายิ่งตอบโต้ไปแรงๆ โรงเรียนก็จะยิ่งเสียชื่อเสียงมากขึ้น ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ควรจะนิ่งไว้ดีกว่า" น้องวิปกล่าว
   
     ปิดท้ายที่น้องจุ้ยที่มองสถานการณ์นี้ได้อย่างเข้าอกเข้าใจ "ผมว่าจริงๆ แล้ว เด็กๆ ที่พกกล้องแพงก็มีทุกโรงเรียนแหละครับ แต่อาจเพราะโรงเรียนเตรียมฯ เป็นที่รู้จัก เลยโดนสังคมจับตามอง ซึ่งเอาจริงๆ พวกเราก็เป็นแค่วัยรุ่น มีความอยากรู้อยากลอง บางคนที่ออกไปตอบโต้ด้วยความรุนแรง มันก็เป็นวัยวุฒิของเขาที่มีเท่านี้ แต่พยายามจะถกเถียงผู้ใหญ่ซึ่งมันดูไม่เหมาะสม และไม่ใช่โรงเรียนสอนให้พวกเราเป็นแบบนี้หรอกครับ ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง อย่าไปเหมารวมที่สถาบันเลยครับ"
 
   
   
กิจกรรมหนัก ดราม่าเหนื่อย แต่ก็พร้อมที่จะพัฒนาชมรมเสมอ!
 
     จากประสบการณ์สุดหนักหน่วง ทั้งการเรียนที่เข้มข้น กิจกรรมที่แน่นเอี้ยด แถมยังมีดราม่ามาบั่นทอนกำลังใจ ก็ไม่ได้ทำให้น้องๆ ทั้งสามคนรู้สึกท้อใจเลิกถ่ายภาพหรอกนะคะ เพราะพวกเขามีไฟที่พร้อมจะพัฒนาชมรมไปต่ออีกซะด้วย มาดูกันดีกว่าว่าพวกเขามีความตั้งใจยังไงบ้าง...
 
    
     "พวกผมพาน้องมาถ่ายภาพในชมรม ให้เขาได้เริ่มเรียนรู้หน้าที่ มาลองฝึกทำอะไรหลายๆอย่าง จะได้จัดการอะไรถูก โดยผมจะคอยย้ำน้องอยู่เสมอว่าต้องแต่งตัวถูกระเบียบของโรงเรียนนะ กางเกงอย่าสั้น กระโปรงอย่าสั้น ติดกิ๊บดำด้วย บางทีก็ไม่เป๊ะ 100% ต้องฝากเพื่อนน้องไปเตือนกันเองบ้างก็มี คือต้องการให้ปฏิบัติตามกฎของโรงเรียนไว้ เพราะอยากปลูกฝังสิ่งดีๆ ไว้ให้น้องๆ ชมรมถ่ายภาพจะได้มีภาพลักษณ์ที่ดีอยู่ตลอดไปครับ และจากเหตุการณ์ดราม่าเรื่องรูปนี้ ผมก็มีข้อคิดไว้เตือนตัวเองและสอนน้องๆ เป็นจรรยาบรรณเลยล่ะ ว่าถ้ามีรูปหลุดหรือไม่เหมาะสมก็ไม่ควรเอาไปลง คือต้องให้สื่อของเรารับผิดชอบต่อสังคมครับ" น้องๆ ทั้งสามคนกล่าว     
 
 
 
แนวคิดของคนที่รักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ แต่ยังไงก็ยกให้การเรียนเป็นที่หนึ่ง!
  
     ถึงแม้จะเห็นว่าน้องๆ ชมรมถ่ายภาพมีความทุ่มเท และฝีมือในการถ่ายรูปมากแค่ไหน แต่สิ่งที่พวกเขาเลือกให้ความสำคัญมากที่สุด ก็คือหน้าที่ของความเป็นนักเรียนที่ต้องตั้งใจเรียนนั่นเองค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเนิร์ดอะไรนะ พวกเขาเข้าใจเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านทุกคนนั่นแหละ ลองอ่านดูสิคะ
   
     "นี่มันเป็นปีสุดท้ายของชีวิต ม.ปลายแล้ว เราต้องทำให้เต็มที่ คือถ้าหมดช่วงนี้ก็ไม่ใช่ฟีลมัธยมแล้ว ถ้ามัวแต่ไปยึดกับความสนุกมากก็อาจจะต้องเรียนซ้ำมัธยมอีกปีนึง การถ่ายรูปเป็นสิ่งที่พวกผมรักก็จริงครับ แต่ยังไงก็ยังเป็นงานอดิเรก เราต้องไม่ลืมแบ่งเวลาให้การเรียนด้วย ถ้าเอาแต่ถ่ายรูปอย่างเดียวก็อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จในด้านการเรียนก็ได้นะ เพราะยังมีอนาคตรออยู่เหมือนกันครับ  ตอนนี้ต้องเอาเรื่องเรียนที่โรงเรียนก่อน แล้วค่อยไปศึกษาต่ออย่างเต็มที่ในห้องเรียนระดับมหาวิทยาลัยครับ" น้องๆ ทั้งสามคนกล่าวปิดท้าย
 
  
       
     โอ้โห.. เรียกว่าเข้มข้น เคลียร์ชัดจัดเต็มได้ทั้งประเด็นดราม่าและรูปแบบการใช้ชีวิตของเด็กชมรมถ่ายภาพ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเลยนะคะ ถ้าใครสนใจอยากชมผลงานของพวกเขาก็เชิญที่แฟนเพจ PhotoTriam ได้เลยค่ะ น้องๆ มีความสามารถและแนวคิดที่น่าสนใจแบบนี้ แน่นอนเลยว่าพี่ส้มและพี่ทีก็ต้องมอบรางวัล Idol กิจกรรมให้ไปครองแล้วหละ ขอแสดงความยินดีด้วยจ้า!!!

  
      ส่วนใครที่อยากเป็น Idol กิจกรรมแห่ง Dek-D.com พร้อมรับถ้วยเด็กกิจกรรมเท่ๆ แบบนี้ไปครอง สามารถส่งเรื่องราวเด็กกิจกรรมที่น่าสนใจของตัวเอง บรรยายความยาว 1 หน้ากระดาษมาได้ที่ Methawee@dek-d.com คนไหนเจ๋งจริง เดี๋ยวพี่ทีมงานจะรีบติดต่อกลับไปหาเลยจ้า
 
ทำเนียบเด็กกิจกรรม
   ชื่อชมรม     ชมรมถ่ายภาพ
   โรงเรียน             เตรียมอุดมศึกษา
   วันก่อตั้ง                   ไม่ปรากฎ แต่มีมายาวนาน หลังจากการต่อตั้งโรงเรียนไม่นาน (ประมาณ พ.ศ. 2480)
   จำนวนสมาชิก     30 คน (รุ่นละ 10 คน)
      หน้าที่
   ของชมรม
   ดำเนินการสอนเกี่ยวกับการถ่ายภาพพื้นฐานให้กับสมาชิก
โดยรุ่นพี่ และเป็นตัวแทนของช่างภาพของโรงเรียน
   นโยบาย
   ให้ความรู้ ประสบการณ์แก่สมาชิกอย่างเต็มที่ 
ในหน้าที่ของตัวแทนช่างภาพ เพียงเพื่อหาประสบการณ์
และเพื่อประโยชน์ของโรงเรียนเท่านั้น
   หลักในการ
    อยู่ร่วมกัน
   ชมรมถ่ายภาพ ไม่ได้มีหน้าที่หลักในการควบคุมช่างภาพอื่น
ดังนั้นหากมีผู้ละเมิดกฏ เราสามารถเตือนผู้กระทำผิด
และปฏิบัติให้ถูกต้องเพื่อเป็นตัวอย่างเท่านั้น
   3 คำให้ชมรม
   ประธานหล่อ
    
พี่ส้ม
พี่ส้ม - Columnist คนทำคอนเทนต์ออนไลน์ ที่เชื่อว่าใครก็เป็นเด็กดีได้ในสไตล์ของตัวเอง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

มัณทนา Member 2 ก.ย. 59 15:19 น. 3

เกิดมาเป็นเด็กเตรียมอดุมศึกษาต้องทำใจกับพวกขี้อิจฉานะคะ

เป็นเด็กเตรียมอุดมศึกษาทำอะไรดีๆมีสาระก็เหมือนผิดไปหมด

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

9 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
วิเวียน 2 ก.ย. 59 13:04 น. 2
เป็นกำลังใจให้ จิงๆไม่เห็นจะต้องดราม่า คนชอบถ่าบภาพส่วนใหย่ก็อยากมีกล้องดีๆทั้งนั้นแหละ เยี่ยม
0
กำลังโหลด
มัณทนา Member 2 ก.ย. 59 15:19 น. 3

เกิดมาเป็นเด็กเตรียมอดุมศึกษาต้องทำใจกับพวกขี้อิจฉานะคะ

เป็นเด็กเตรียมอุดมศึกษาทำอะไรดีๆมีสาระก็เหมือนผิดไปหมด

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Slother Member 7 พ.ค. 62 22:10 น. 9

สู้ๆนะคะน้องๆสำหรับเรื่องดราม่า

ชีวิตเราต้องเจอปัญหาเข้ามาวุ่นวายอีกเยอะ แต่ถ้าผ่านมันไปได้ต่อให้ปัญหาต่อไปจะหนักขนาดไหนเราก็ผ่านมันไปได้เช่นกันค่ะ

Cr. ตรง3คำให้ชมรมนี่...555

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด