|
|
ฮั่นแน่...น้องๆ แฟนคอลัมน์คณะในฝันคงตั้งตารอกันยกใหญ่ เพราะคราวที่แล้วพี่ยีนสัญญาไว้ว่า จะนำกุญแจสำรองดอกใหญ่มาไขปัญหาคาอกที่ว่า เรียนคณะนิเทศฯ วารสารฯ สื่อสารฯ แล้ว จะมีงานทำหรือไม่ ครั้งนี้พี่ยีนเลยควง 3 สาว 3 คณะ จาก 3 สถาบันมาให้รู้จักกันครับ พี่ๆ ทุกคนมีหน้าที่การงานกันทั้งนั้น แต่ใครไปทำอะไรอยู่ที่ไหน เชิญติดตามกันได้เลยครับ...
| |
|
|
รุ่นพี่คนที่ 1 : พี่เก่ง กราฟิกดีไซเนอร์
|
พี่ยีน: แนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยครับ? |
|
พี่เก่ง: ชื่อธรรมวัฒน์ กิตติมนตรีชัย ชื่อเล่นชื่อเก่ง จบ ม.ปลาย จาก โรงเรียนทวีธาภิเศก และปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะนิเทศศาสตร์ สาขาการโฆษณาครับ
|
พี่ยีน: ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยครับ? | พี่เก่ง: เพราะว่าชอบครับ ชอบงานทางด้านนี้รู้สึกดูไม่น่าเบื่อดี อีก อย่าง มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่อยู่ มีชื่อเสียงครับ ถึงแม้จะไม่ใช่มหาวิทยาลัยเอกชนที่อยู่ใกล้บ้าน ที่สุด แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ |
พี่ยีน: ตอนเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างครับ?
|
พี่เก่ง: ก็มีเข้าค่ายของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยครับ ค่ายพระพุทธศาสนา กิจกรรมเชียร์ ไหว้พระ 9 วัด ไหว้ครู ปลูกป่า แล้วก็กิจกรรมต่างๆ ของชมรมครับ |
|
|
|
|
|
|
|
|
พี่ยีน:อยากฝากอะไรเพิ่มเติมกับน้องๆ บ้างครับ? |
พี่เก่ง: อยากจะฝากว่าการเลือกงานนั้นมันไม่ผิดครับ แต่บางทีก็ต้องดูองค์ประกอบหลายๆ อย่างด้วย เช่น ถ้าเรามุ่งไปที่จุดๆ เดียว บางทีมันอาจจะทำให้เราพลาดโอกาสสำคัญในชีวิตไปก็ได้ และเมื่อเราคว้าโอกาสนั้นไว้ได้แล้ว ก็ต้องทำมันให้ดีที่สุดครับ อย่าปล่อยให้มันหลุดลอยไป แล้วต้องมาเสียใจทีหลัง
และในอนาคต ถ้าน้องๆ มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรี ก็คว้าไว้เลยนะครับ มันเป็นสิ่งจำเป็นมากครับ เพราะทุกวันนี้การแข่งขันมันสูง ยิ่งเรียนสูงก็ยิ่งได้เปรียบครับ | |
พี่ยีน:ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกันทำอะไรกันต่อไปบ้างครับ?
|
พี่เก่ง: ส่วนใหญ่ก็หางานทำกันเลย บางคนก็เปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่วนบางคนก็ศึกษาต่อครับ |
0 |
พี่ยีน:แล้วตัวเก่งเอง จบมาแล้วทำงานเลยหรือเปล่าครับ? |
พี่เก่ง: จบมาแล้วทำงานเลยครับ ทำกราฟฟิคดีไซน์ งานที่ทำก็จะเป็นพวกงานออกแบบตามสื่อสิ่งพิมพ์ และงาน event ต่างๆ ครับ |
|
พี่ยีน:ก่อนเรียนจบกับหลังเรียนจบ สิ่งที่คาดหวังไว้ต่างกันบ้างไหมครับ? |
พี่เก่ง: ต่างกันนิดหน่อยครับ ก่อนจบนั้นความคาดหวังคืออยากทำงานเป็น art director แต่ในปีที่จบนั้น เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้คนตกงานเยอะ เราเองก็กลัว
พอดีมีอาจารย์แนะนำมาว่า บริษัทออแกไนเซอร์กำลังหากราฟิกดีไซเนอร์ ก็เลยลองส่งตัวอย่างผลงานไปให้เขาดู แล้วเขาก็เรียกสัมภาษณ์ ตอนนั้นก็ลังเลมากว่าจะเอาดีหรือเปล่า เพราะตำแหน่งไม่ค่อยตรงตามที่เราคาดหวังไว้ แต่โอกาสมาถึงแล้วก็ไม่อยากปล่อยมันไป เลยคว้าเอาไว้ก่อน เพราะมันก็ยังตรงกับที่เราเรียนมา และเราก็สามารถทำได้ ดีกว่าเตะฝุ่นครับ แล้วก็เป็นการหาประสบการณ์ไปในตัวด้วย แต่อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะว่าจะคิดอย่างไร
| |
| |
|
|
รุ่นพี่คนที่ 2 : พี่แก้ว Producer |
|
พี่ยีน: แนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยครับ? |
พี่แก้ว: ชื่อแก้วค่ะ จบจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ เอกวิชาสื่อสารมวลชน วิชาโทภาพยนตร์ ตอนนี้ทำงานเป็นโปรดิวเซอร์อยู่ที่ Channel [V] Thailand รายการคนดูเป็นใหญ่ |
|
พี่ยีน: ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนี้ครับพี่แก้ว? |
พี่แก้ว: เพราะตอนเด็กๆ มีความฝันว่าอยากเป็นนักจัดรายการวิทยุ ตอนเด็กๆ คนอื่นเขาเล่นกระโดดหนังยางกัน แต่เรามานั่งอัดเสียงจากวิทยุใส่เทป ทำเหมือนตัวเองจัดรายการอยู่ แล้วเอามาเปิดฟัง และตอนเด็กๆ มักจะเพ้อเจ้อเกี่ยวกับเรื่องราวในวงการบันเทิงมากๆ ชอบดูละครหลังข่าว ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือเยอะมากๆ คณะนี้เลยเหมาะที่สุดแล้ว |
|
พี่ยีน: ตอนเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างครับ? |
พี่แก้ว: ที่หลักๆ คือได้ทำละครประจำปีของคณะทั้ง 4 ปีที่เรียนอยู่ โดยช่วยในส่วนกำกับเวที เริ่มตั้งแต่ปี 1 ก็เป็น Back Stage (งานกำกับเวที) พอปี 2 ก็ได้เลื่อนขั้นมาทำ Co-Stage และปีสุดท้ายก็ได้เป็น Stage Manager (ผู้จัดการเวที) ซึ่งการทำละครถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากๆ เพราะได้รู้จักเพื่อน และรุ่นพี่ รุ่นน้อง เพราะต้องร่วม workshop ละคร ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน และไม่น่าเชื่อว่าหลายๆ คนที่เราเห็นตอนทำละครเวทีด้วยกัน ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นคนดังในจอทีวีหลายคนเลย |
|
พี่ยีน: คิดว่าคณะนี้ให้อะไรกับพี่แก้วบ้างครับ? |
พี่แก้ว: นอกจากให้การศึกษา ซึ่งแน่นอนอยู่แล้ว! คณะนี้ยังทำให้เราได้กล้าทำอะไรหลายๆ อย่างที่ฝันไว้นานแล้ว และทำให้เราได้เจอเพื่อนๆ ที่เป็นคอเดียวกัน ชอบและมองอะไรในแบบเดียวกัน | |
|
|
พี่แก้ว (คนที่ยืนหน้าสุด) |
| | |
|
|
|
พี่ยีน: ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกันทำอะไรกันต่อไปบ้างครับ? |
่พี่แก้ว: ส่วนใหญ่ที่จบเอกสื่อสารมวลชน จากรุ่นเดียวกันตอนนี้ ก็มีทำงานด้านโทรทัศน์ไม่กี่คน ที่เหลือก็จะทำงานในสายงานนี้แหละ แต่จะเป็นในด้านอื่นๆ เช่น เป็น พีอาร์ค่ายเพลง หรือทำประชาสัมพันธ์ |
|
พี่ยีน: พี่แก้วจบมาแล้วทำงานเลยรึป่าว? |
พี่แก้ว: จบมาได้สองเดือน ก็ได้งานเลยที่ช่อง TOC หรือ Thailand Outlook Channel ทำเป็น Co-Producer ฝ่ายข่าวภาษาอังกฤษ หน้าที่ก็คือทำการตัดต่อข่าว และควบคุมการออกอากาศข่าวทุกต้นชั่วโมง ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ที่ Channel [V] Thailand ดูรายการ คนดูเป็นใหญ่ ออกอากาศทุกวันเลย ตั้งแต่ 5 โมงเย็นอย่าลืมดูนะ
รายการนี้เป็นรายการสดมีทุกวัน ก็เหนื่อยหน่อย สิ่งที่ต้องทำก็ทุกอย่างเลยแหละ ทั้งเขียนสคริปต์รายการ ควบคุมการออกอากาศ ทำพร็อพเองก็มี รวมถึงต้องประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ทั้ง กล้อง สวิตเชอร์ วีเจ และต้องวางกิจกรรมให้รายการมีความน่าสนใจอยู่เรื่อยๆ บางทีก็ต้องไปออกกองถ่ายรายการนอกสถานที่บ้าง นอกจากนี้ก็ต้องช่วยทำรายการสดรายการอื่นๆ ด้วย ซึ่งถ้าใครโทรมาเล่นเกมในรายการสด แล้วเจอเสียงสวยๆ ที่คอยรับโทรศัพท์ก็เสียงพี่และเพื่อนเองนะแหละ โทรมาเล่นกันเยอะๆ นะ โฮะๆๆๆ |
|
พี่ยีน: ตอนก่อนจบกับหลังจบ สิ่งที่คาดหวังไว้ต่างกันบ้างไหมครับ? |
พี่แก้ว: ก็ไม่ได้ต่างจากที่คาดหวังเท่าไร เพราะตอนที่เรียนอยู่ก็ได้ทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง เช่น การทำมิวสิควิดีโอส่งประกวด การทำละคร หรือช่วยรุ่นพี่ทำหนังสั้น ฯลฯ ซึ่งไม่ต่างจากอาชีพที่ต้องทำหลังจบ เพราะต้องถึก ต้องอดทน พอๆ กัน และอีกอย่างตอนที่เรียนอยู่ งานที่อาจารย์ให้ทำส่ง เยอะมาก และยังให้ผ่านยากมากๆ อีก พอมาทำงานและได้เจอกับระบบการทำงานก็เลยปรับตัวได้ง่าย | | |
|
พี่ยีน: คิดจะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไหมครับ? |
พี่แก้ว: ตอนนี้ยังค่ะ เพราะตั้งใจทำงานในส่วนเบื้องหลังการทำงานโทรทัศน์ ซึ่งถ้าจะเลือกทำงานด้านนี้ การทำงานจริงๆ จะได้ประสบการณ์มากกว่าไปเรียนต่อ เพราะถ้าไปเรียนจะเป็นส่วนทฤษฏีมากกว่าการได้ปฏิบัติจริง |
|
พี่ยีน: อยากฝากอะไรถึงน้องๆ ที่สนใจคณะนี้บ้างครับ? |
พี่แก้ว: ชีวิตหลังเรียนจบ ก็ต้องแตกต่างกับสมัยเรียนอยู่แล้ว เพราะมันเป็นโลกแห่งชีวิตจริง โลกแห่งการทำงาน ความรับผิดชอบ และหน้าที่การงานจะบังคับให้เราสนุกได้น้อยลง เช่น ถ้าสมัยเรียน ถ้าเราจะทำรายการส่งอาจารย์หลุดโลกแค่ไหนก็ได้ แต่ในการทำงาน ถ้าเราจะทำรายการขึ้นมารายการหนึ่ง เราต้องคิดให้รอบคอบ เพราะมีทั้งลูกค้าและโฆษณาที่คอยตีกรอบข้อจำกัด และที่สำคัญที่สุดคือการเป็นสื่อมวลชนต้องรับผิดชอบต่อมวลชนจริงๆ
อย่างปัจจุบันนี้ เรามีเด็กๆ ที่ดูรายการเราอยู่หลายคน ซึ่งยังเป็นเด็กประถมอยู่เลย จะนำเสนออะไรก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อน เพราะบางทีเราอาจไปชี้นำเด็กๆ โดยไม่รู้ตัว ถ้าน้องๆ คิดอยากจะทำงานในส่วนเบื้องหลัง พี่แก้วว่าการทำงานจริงจะได้ประสบการณ์มากกว่าการเรียนต่อในระดับปริญญาโทหรือสูงขึ้นไป เพราะได้เจอสถานการณ์จริง ทั้งลูกค้า ทั้งคนดู และปัญหายิบย่อยที่อาจไม่เจอตอนเรียน แต่ถ้าอยากจะต่อยอดการศึกษาก็น่าจะทำงานไปสักพัก เพราะในระดับปริญญาโทของด้านสื่อสารมวลชน ส่วนใหญ่จะเอื้อให้กับคนที่พอมีประสบการณ์จากการทำงานแล้วมากกว่า | |
|
|
|
รุ่นพี่คนที่ 3 : พี่ตาล Executive PR Consultant |
|
พี่ยีน: แนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยครับ? |
พี่ตาล: สวัสดีค่ะ ชื่อ นันทิยา ลิมปิอนันต์ชัย ชื่อเล่น ตาล ค่ะ อายุ 23 ปี จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน เอกโฆษณา เพิ่งรับปริญญาไปเมื่อปีที่ผ่านมาค่ะ GPA 3.24 ปัจจุบันทำงานด้าน Public Relation (PR) หรือประชาสัมพันธ์ค่ะ ตำแหน่ง Executive PR Consultant โดยลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทต่างๆ จะว่าจ้างให้ตาลไปเป็นตัวแทนของบริษัทนั้น และตาลก็มีหน้าที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทลูกค้ากับสาธารณชน หน้าที่หลักๆ ก็คือ ติดต่อประสานงานกับลูกค้า รวบรวมข่าว เขียนข่าว แปลข่าว ทำแผนประชาสัมพันธ์ จัดงานแถลงข่าว มีจัดงานอีเวนท์ด้วยค่ะ |
|
พี่ยีน: ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนี้ครับ? |
พี่ตาล: ตาลชอบดูทีวี ดูภาพยนตร์ อ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสารมาตั้งแต่เด็กๆ โตขึ้นมาเลยมีความสนใจทางด้านงานสื่อสารมวลชน พอมีโอกาสเลือกมหาวิทยาลัย ตาลเลยเลือกเรียนธรรมศาสตร์ เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันอยากจะเข้าเรียนตั้งแต่สมัยเด็กๆ พอตาลตอนเอ็นทรานซ์ ก็เลยเลือกคณะวารสารศาสตร์ฯ ตาลเลือกเรียนเอกโฆษณา เพราะเป็นสาขาที่ได้ใช้ความคิด ได้ใช้สมองสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ทั้งในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนั้นการเรียนการฝึกฝนระบบความคิดที่ได้รับมายังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับการทำงานจริงๆ ในหลากหลายสาขาอาชีพด้วยค่ะ |
|
พี่ยีน: ตอนเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างครับ? |
พี่ตาล: สำหรับกิจกรรมในมหาวิทยาลัยก็จะแบ่งเป็นหลาย ๆ ระดับนะคะ ทั้งระดับชมรม ระดับมหาวิทยาลัย และระดับคณะ ถ้ามีเวลาว่างจากการเรียนตาลก็จะไปช่วยกิจกรรมของมหาวิทยาลัยทุกระดับเลยค่ะ อย่างเช่น งานรับน้องที่คณะฯ งานฟุตบอลประเพณี จุฬา-ธรรมศาสตร์ | | |
|
|
|
|
|
ตอนที่ยังเรียนอยู่ก็มีไปช่วยแปรอักษร แต่ตอนนี้จบแล้วก็ยังไปร่วมด้วย อย่างครั้งล่าสุดงานฟุตบอลประเพณี จุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 65 ก็เพิ่งไปเชียร์มาค่ะ แต่ไม่ได้ไปแปรอักษรแล้วนะคะ ไปนั่งเชียร์ค่ะ
ส่วนกิจกรรมภายในของคณะวารสารฯ ที่สำคัญ ก็จะมีกิจกรรมวันแรกพบนะคะ เพื่อทำความรู้จักกับรุ่นน้องปี1 ที่เพิ่งเอนทรานซ์เข้ามา ให้น้องๆได้ทำความรู้จักกับสายรหัสของตัวเอง ตั้งแต่ ปี 2 - ปี 4 รวมถึงพี่ๆ บัณฑิตด้วย JC Night เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมของคณะที่จัดขึ้นทุกปี เพื่อรับน้องที่คณะวารสารศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จะมีการบายศรีรับขวัญน้องๆ ปี 1 โดยพี่ๆ JC (Journalism and mass communication) จะมาผูกสายสิญจน์รับขวัญน้องๆ นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีการแสดงจากน้องๆ ปี 1 และก็พี่ๆ ทุกปี และก็มีการจัดแสดงคอนเสิร์ตด้วย ส่วนละครเวที คณะวารสารศาสตร์ จะมีจัดขึ้นทุกปีค่ะ |
|
พี่ยีน: คิดว่าคณะนี้ให้อะไรกับพี่ตาลบ้างครับ? |
พี่ตาล: ตาลคิดว่า ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาจากการเรียนที่คณะวารสารฯ นั้น เป็นประสบการณ์ที่มีค่า มีการปลูกฝังระบบการคิดแบบสร้างสรรค์ เพราะในสาขาที่เกี่ยวข้องกับงานสื่อสารมวลชน เราจะต้องสามารถนำความรู้รอบๆ ตัวมาประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตและการทำงานของเราได้ การบ้านที่เราได้รับก็เป็นความท้าทายให้เราคิดอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอค่ะ ดังนั้น ไม่ว่าเราจบออกไปทำงานในสาขาใดๆ เราก็จะสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน รวมถึงการดำเนินชีวิตประจำวันด้วยค่ะ นอกจากนั้น การได้ฝึกทำงานทำโปรเจ็กต์ต่างๆ ร่วมกับพี่ๆ น้องๆ ในคณะ ก็ฝึกให้เราได้รู้จักการทำงานเป็นทีม รู้จักการปรับตัวเข้าหากัน เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข |
|
พี่ยีน: ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกันทำอะไรกันต่อไปบ้างครับ? |
พี่ตาล: ตาลจบมาทางด้านโฆษณา แต่กลับได้มาทำงานในด้าน Travel และ PR ส่วนกลุ่มเพื่อนสนิทของตาลส่วนใหญ่จบมาก็ทำงานในวงการโฆษณาเยอะค่ะ อาจจะเริ่มต้นด้วยการเป็น AE (Account Executive คือผู้บริหารงานลูกค้า ติดต่อลูกค้า) เป็น Media Buyer (เจ้าหน้าที่จัดซื้อสื่อ) ทำการตลาด ส่วนเพื่อนสนิทนอกกลุ่มก็แยกย้ายกระจายตัวไปทำงานตามสื่อที่ตัวเองถนัดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นด้านทีวี หนังสือพิมพ์ ออแกไนเซอร์ (บริษัทรับจัดงานอีเวนท์ต่าง) เพื่อนส่วนใหญ่จบมาก็จะหางานทำได้เลยค่ะ |
|
พี่ยีน: พี่ตาลจบมาแล้วทำงานเลยรึป่าว? |
พี่ตาล: ก่อนที่ตาลจะเรียบจบ ก็เริ่มสมัครงานเลยค่ะ แต่ตาลได้ทำงานมาใน Travel Agency เป็น Contracting Executive มีหน้าที่ติดต่อทำสัญญากับโรงแรม ตรวจตราโรงแรม ดูแลลูกค้า คอยติดต่อประสานงานเวลาที่สัญญาต่างๆ มีปัญหา หาลูกค้าใหม่ๆ ช่วงนั้นอาจจะเหนื่อยนิดหน่อยที่เราต้องทำงานไปด้วย ทำสารนิพนธ์ไปด้วย แต่ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ผ่านมาได้ด้วยดี เพราะใช้ความพยายามและอดทนอย่างสูงค่ะ | |
|
พี่ยีน: ตอนก่อนจบกับหลังจบ สิ่งที่คาดหวังไว้ต่างกันบ้างไหมครับ? |
พี่ตาล: ต่างกันมากค่ะ เพราะก่อนเรียนจบตาลคาดหวังไว้ว่าอยากจะทำงานเร็วๆ อยากหาเงินได้เอง คิดว่าการทำงานต้องสนุกกว่าการเรียน แต่พอได้มาทำงานจริงๆ แล้ว ก็รู้เลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเราจะต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน ยิ่งที่ทำงานเก่าตาลคือมีตอกบัตรด้วย ก็ต้องตรงเวลา ถ้าไปสายมันก็จะแสดงถึงประสิทธิภาพการทำงานของเราละว่าเป็นอย่างไร จะผ่าน Probation (ระยะเวลาทดลองงาน) ไหม แล้วอย่างเวลานายมอบหน้าที่อะไรให้เรา เราก็ต้องทำให้เสร็จภายในเวลาที่เขากำหนด ให้งานมีคุณภาพ ไม่ใช่ว่าทำเสร็จเร็ว แต่งานไม่มีคุณภาพก็ใช้ไม่ได้ค่ะ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดก็คือ ตาลมีความรับผิดชอบมากขึ้น (มากๆ) เพราะการทำงานนั้น เราทำดีไม่ดี มันก็ปรากฏให้เห็นเลย มันคือตัวเรา คุณภาพของงาน ความตรงต่อเวลา ความรับผิดชอบ มันแสดงออกถึงความเป็นตัวเรา ความตั้งใจของเรา ดังนั้นเราก็ต้องทำงานให้ดี มีความประพฤติดี |
|
พี่ยีน: คิดจะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไหมครับ? |
พี่ตาล: วางแผนว่าจะเรียนต่อปริญญาโทแน่นอน น่าจะเป็นในด้านของภาษาศาสตร์ค่ะ เพราะพอได้มาทำงานแล้วรู้สึกว่าความรู้ด้านภาษานั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะเรื่องการพูดและการเขียน จากประสบการณ์การทำงานทั้ง 2 ที่ได้แสดงให้เห็นว่า ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษนั้นสำคัญมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อประสานงานกับลูกค้า การเขียนอีเมล และยิ่งตาลทำงานด้านพีอาร์ การเขียน Press release (ข่าวสำหรับแจกให้กับสื่อมวลชน) การเขียนคำบรรยายใต้ภาพ การแปลข่าว ต้องใช้ภาษาอังกฤษตลอดค่ะ หลังเรียนจบปริญญาโทก็คาดว่า ตัวเองจะมีความรู้ในเชิงลึกของวิชาที่เรียนมามากขึ้นและประสบการณ์เพิ่มขึ้นพอที่จะสามารถนำความรู้ประสบการณ์นั้นๆ มาสมัครงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น ทำให้เราได้ใช้ความรู้ความสามารถของเราที่เรียนมา พัฒนางาน สมอง และจิตใจของเราให้เติบโตไปพร้อมๆ กันค่ะ |
|
พี่ยีน: อยากฝากอะไรถึงน้องๆ ที่สนใจคณะนี้บ้างครับ? |
พี่ตาล: อยากฝากให้น้องๆ ทุกคน เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ในรั้วมหาวิทยาลัยให้เต็มที่ แล้วพอได้ออกมาทำงานจริง ก็ขอให้ใช้ความรู้ความสามารถทั้งหมดที่เรียนมา และขวนขวายหาความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพราะเราอาจจะไม่ได้ทำงานตรงกับสายที่เราเรียนมาเหมือนอย่างพี่นะคะ ที่พี่จบโฆษณา แต่มาทำด้าน Travel กับ PR พี่ก็นำประสบการณ์ความรู้ต่างๆ ที่เคยเรียน มาปรับใช้ในชีวิตการทำงาน หรือบางคนอาจได้ทำตรงสาย แต่ก็ต้องเจอกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยได้เจอขณะที่เรียนในมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน ก็ขอให้น้องๆ ตั้งใจ เปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตค่ะ
อยากจะฝากสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างค่ะ สำหรับคนที่ผ่านประสบการณ์การทำงาน ทั้งในรั้วมหาวิทยาลัย หรือการทำงานช่วงซัมเมอร์ ตรงนี้ก็จะได้เปรียบคนที่ไม่เคยทำค่ะ และอยากให้น้องๆ สนใจเรียนเสริมด้านภาษาให้มากๆ ค่ะ ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาที่สาม เพราะในการทำงานนั้น นอกจากภาษาจะมีความจำเป็นมากแล้ว การที่เราได้ภาษาจะทำให้เราได้เปรียบคู่แข่งคนอื่นๆ ค่ะ
ส่วนการเรียนต่อนั้น ถ้ามีโอกาสเรียนพี่ตาลคิดว่าดีค่ะ เพราะเราจะได้มีความรู้เพิ่มเติม และได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ฝึกความรับผิดชอบด้วย เพราะตอนเรียนโท อาจารย์คงจะไม่ได้มาดูแลใกล้ชิด เพื่อนๆ ที่เรียนโทก็ไม่ได้เป็นกลุ่มก้อนเหมือนอย่างปริญญาตรี ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองทั้งหมด ยิ่งถ้าบางคนทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ก็ยิ่งจะต้องใช้ความอดทนอย่างสูง แต่ถ้าน้องๆ มีความมุ่งมั่น ค้นหาสาขาที่จะเรียนโทต่อได้ด้วยใจรักจริงๆ แล้ว ก็ขอให้น้องได้เรียนต่อเถอะค่ะ เพราะการเรียนปริญญาโท จะต้องศึกษาด้านนั้นๆ แบบลึกๆ เฉพาะทาง ไม่ใช่เป็นแบบกว้างๆ เหมือนอย่างปริญญาตรีค่ะ
สุดท้ายพี่ตาลอยากจะบอกว่าใบปริญญาไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ ประสบการณ์ การเรียนรู้ ความพยายาม ความรับผิดชอบในการเรียนของเรา ก่อนที่จะได้ใบปริญญานั้นมาต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ และหากเรานำความรู้เหล่านั้นมาปรับใช้กับการทำงานและการดำเนินชีวิตได้ อนาคตอันสดใสก็รอน้องๆ อยู่แน่นอนคะ อย่าลืมนะคะว่า เงินทองไม่สามารถติดตัวเราไปได้ตลอด แต่ความรู้และความดีต่างหากที่จะสามารถติดตัวเราไปจนวันตายค่ะ | |
|
|
|
|
รุ่นพี่คนที่ 4 : พี่ลินดา Columnist |
|
พี่ยีน: แนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยครับ? |
พี่ลินดา: ชื่อลินดา ราชชัยค่ะ จบจาก มช. คณะการสื่อสารมวลชน สาขาวิชาหนังสือพิมพ์ ตอนนี้เป็นคอลัมนิสต์ของ CLICK Magazine ค่ะ |
|
พี่ยีน: ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนี้ครับ? |
พี่ลินดา: เพราะว่าเป็นคณะที่เราสนใจ รู้สึกว่ามันไม่น่าจะยากเกินไป น่าจะเรียนสนุกสำหรับเรา จบมาก็จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็ตั้งใจไว้ตั้งแต่ ม.4 แล้วว่าจะเข้าคณะนี้ให้ได้ค่ะ |
|
พี่ยีน: ตอนเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างครับ? |
พี่ลินดา: ส่วนใหญ่จะเป็นละครเวทีค่ะ เป็นทั้งเบื้องหลังเบื้องหน้าหลายเรื่อง แล้วก็มีพิธีกร ประกวดดาวหอ |
|
พี่ยีน: คิดว่าคณะนี้ให้อะไรกับพี่ลินดาบ้างครับ? |
พี่ลินดา: ความมั่นใจค่ะ แม้ว่าตัวเองอาจไม่ได้ดูมั่นใจมากเท่าไหร่ แต่คิดว่าถ้าจบคณะพวกภาษาอาจไม่มั่นใจเท่านี้นะ แล้วก็ทักษะในการเขียนเพื่อการสื่อสารซึ่งใช้ในงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ค่ะ นอกจากนี้ยังได้เรื่องการแสดง การดูหนัง ฯลฯ แต่ที่สำคัญเลย คือ ได้เพื่อนๆ ที่น่ารักมากค่ะ | |
|
|
|
|
|
พี่ยีน: ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกันทำอะไรกันต่อไปบ้างครับ? |
พี่ลินดา: ก็ตรงสายค่ะ ผู้ช่วยผู้กำกับ นักเขียน นักข่าว ดีเจวิทยุ แอร์โฮสเตสก็มีเยอะเหมือนกัน บางคนก็เรียนต่อค่ะ |
|
พี่ยีน: พี่ลินดาจบมาแล้วทำงานเลยรึป่าว? |
พี่ลินดา: ทำงานเลยค่ะ ก็ตอนแรกเป็นนักข่าว เหนื่อยมาก ต้องตรงเวลา แต่งตัวดี มีความรู้รอบตัวสูง รู้เหตุบ้านการณ์เมือง มีความคล่องตัว ต้องอึดมาก รู้ว่าควรสัมภาษณ์อะไรในประเด็นที่เป็นข้อเท็จจริง มีวิธีการถามคำถามที่ดีเพื่อให้ได้ข้อมูลมา หลังจากนั้นก็มาทำนิตยสารค่ะ ดูแลด้านแฟชั่น เป็นสไตลิสต์ หานางแบบมาลงหนังสือ เลือกซื้อผ้า ดูเทรนด์การแต่งกาย แต่งหน้า แล้วก็ดูแลคอลัมน์ทั่วไปในนิตยสาร CLICK ค่ะ แล้วก็แปลบางคอลัมน์เป็นภาษาอังกฤษด้วยค่ะ ตรงนี้ไม่เหนื่อยมาก แต่ต้องครีเอทตลอดเวลา ทำให้คอลัมน์เรามีความน่าสนใจ และทันสมัย แล้วก็เป็นครูสอนภาษาเยอรมันบ้างค่ะ ก็รู้สึกว่าชอบงานนี้ค่ะ เป็นตัวของตัวเองดี แต่การเป็นครูเราก็ต้องมีความรู้มากในสิ่งที่จะสอนให้กับลูกศิษย์ค่ะ พอจบคอร์สเราก็ดีใจที่เห็นเขาพูดได้ หรือเห็นเขาสอบได้ |
|
พี่ยีน: ตอนก่อนจบกับหลังจบ สิ่งที่คาดหวังไว้ต่างกันบ้างไหม? |
พี่ลินดา: ก่อนจบคิดว่าชีวิตเป็นเรื่องง่าย จบมาก็มีงานทำเป็นอิสระ ทำงานไปเรื่อยๆ ได้เงินเดือน ค่อยๆ เรียนรู้ไป แต่พอได้มาทำงาน โอ้โห...ชีวิตเปลี่ยนไป เวลาว่างแทบไม่มี แรกๆ อาจสนุก เพราะเราหาเงินได้เอง เลี้ยงตัวเองได้ในระดับหนึ่งก็ภูมิใจ แต่ยิ่งโตขึ้นก็ต้องจัดการตัวเองให้มีวินัยมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รับผิดชอบมากขึ้น ปรับตัวแทบจะตลอดเวลา มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นที เราจะมัวมาเศร้าไม่ได้แล้ว ต้องรู้จักแยกแยะ ซึ่งยากมาก พูดง่ายๆ คือ การเป็นผู้ใหญ่มันยากกว่าที่เราคิดไว้เยอะ ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งรู้สึกว่ารายละเอียดของชีวิตมันซับซ้อนกว่าที่เราคิดไว้เยอะ ตอนนี้จุดมุ่งหมายคือเก็บเงินให้ได้สักก้อนค่ะ เอาไปทำอะไรก็ค่อยคิดอีกที |
|
พี่ยีน: คิดจะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไหมครับ? |
พี่ลินดา: ตอนนี้ยังไม่ได้แพลนค่ะ แต่ถ้าจะเรียนก็คงอยากไปเรียนที่ต่างประเทศค่ะ คงเรียนเป็นด้านเฉพาะๆ มากกว่า อาจจะเป็นพวกการแสดง การเต้น แนวๆ ศิลปะค่ะ คงไม่เรียนต่อโทค่ะ เพราะฝันอยากเรียนมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ที่บ้านไม่สนับสนุนเท่าไหร่ เหมือนสานฝันตัวเอง |
|
พี่ยีน: อยากฝากอะไรถึงน้องๆ ที่สนใจคณะนี้บ้างครับ? |
พี่ลินดา: โลกของการแข่งขันมันสูงมาก ขอให้ตั้งเป้าหมายของตัวเราให้ชัดเจนแล้วอดทนค่ะ ทำให้ดีที่สุดให้พ่อแม่ภูมิใจนะคะ | |
|
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเหล่าเจ๊ๆ ทั้งหลายที่คร่ำหวอดในวงการและโชกโชนประสบการณ์มากมาย น้องๆ ที่สนใจคณะเหล่านี้คงหายกังวลเรื่องการตกงานแล้วใช่ไหมครับ สำหรับเรื่องต่างๆ ที่น้องๆ อยากรู้เพิ่มเติม พี่ยีนจะรวบรวมไปตอบคำถามให้ในคราวหน้ากับ "ที่ตรงนี้มีคำตอบ" นะครับ ติดตามกันคราวหน้านะครับ |
|
|
|
23 ความคิดเห็น
แต่เราไม่ทันแล้วละที่จะเรียนนิเทศ
เพราะตอนนี้ทั้งตัวและหัวใจมอบให้
"บริหารคอม" และ "สารสนเทศไปแล้ว"
หวังว่านู๋ก็คงจะเปนแบบพี่ๆนะค่ะ ^^
อยากเก่งเหมือนพวกพี่อ่า 5 55 คงเป็นไปไดยาก
แล้วจบมาเก่งเหมือนพวกพี่เค้าจัง
*-*
แต่ไม่เก่งภาษา
จะมีงานทำไหม
และการทำงานทางด้านสายนี้
เราต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรเพราะคนจบมาก้อเยอะมากมาย
อยากเข้านิเทศ ใจจะขาดอยู่แล้ว
"เป็นนักข่าวเหนื่อยมาก ต้องตรงต่อเวลา แต่ตัวดี มีความรู้รอบตัว..."
อ่าาาา อยากเป็นบ้าง *0*
จบไปทำไรดี...นอกจากเป็นสถาปนิก
พี่ยีนจะพาไปรู้จักทีละคณะนะครับ ทุกๆ ครึ่งเดือนจะมีคณะใหม่มาแนะนำนะครับ รอติดตามกันได้เลยครับ
สื่อสาร มช. ก้อได้ ขอให้ติดๆ
เห็นมีแต่ จุฬา ธรรมศาสตร์ เชียงใหม่
แล้ว ม.รังสิต ม.กรุงเทพ อะคับ
มันหางานง่ายไหม
ตอนนี้กำลัง งง อยู่ กลัวตกงาน
จบไปก็ไปเริ่มต้นใหม่เหมือนกัน
เรื่องการเรียนไม่มีที่ไหนด้อยกว่ากันนะคะ
มันต่างกันที่รูปแบบการใช้ชีวิตในคณะมากกว่า
ซึงก็ไม่ได้มีอันไหนดีหรือเลวเช่นกัน
มันปะปนกันไปหมดค่ะ
น้องๆ หน้ามลเข้ามาอยู่ masscom
หญิงก็ได้ ชายก็ดี เอากระเทยด้วยซิ ด้วยซิๆ
เข้ามาอยู่ masscom....
แต่จะเก่งในแบบที่ไม่เหมือนพี่ๆ
ขอบคุณสำหรับความรู้มากมายค่ะ
- /i\ -
อยากเรียนแบบพี่ๆ เค้าบ้างนะ ทำเกี่ยวกับ โฆษณาอ่ะ
ถ้าจะเข้านิเทศ ม.ปลายต้องเรียนสายไหนอ่ะ
บอกหน่อยนะค่ะ
แต่เท่าที่เรารู้มานะ
เด็กนิเทศตกงานเยอะอะ จริงๆนะ
เราต้องคิดด้วยว่าที่ทำงานมันมีกี่ และปีนึงเด็กจบมากี่คน
เราว่าถ้าไม่เก่งจริงก็หางานยากอะ ถึงหางานได้เงินเดือนก็น้อยอะ จริงๆ แล้วช่วงเศรษฐกิจแย่นะ เหอๆๆๆ จบข่าวเลยจ๊ะ
ม. อะไร? จะ#1 จะ#2 ของประเทศ? จะไกลแค่ไหน? แต่ถ้าฝีมือห่วย ไม่รับผิดชอบ ดีแต่อ้างสถาบัน ไม่ขวนขวาย ฯลฯ ก็ไม่เป็นผล
เกรดอะไร? เกรดไม่ดี แต่ขันแข็ง อดทน สู้งาน เอาทุกอย่าง // เกียรตินิยม แต่หยิ่ง คุณหนู บ้าเรียน อีคิวต่ำ
มันก้อตกงานเท่ากันหมดแหละ มันอยู่ที่คน
สัจธรรมคือ เก่งพอตัว(เอง) (ไม่ใช่ตัวคนอื่น) // รับผิดชอบ! // ขยัน! // สู้งาน!! // ไม่เลือกงาน!!!!!!!!! //
มีงานทำชัว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!