ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย (คณะนิเทศฯ)

 
คณะนิเทศฯ วารสารฯ และสื่อสารฯ Issue 003 week2, March 2009
 
คณะนิเทศฯ วารสารฯ และสื่อสารฯ
ตอนที่ 3/4 : จากรุ่นพี่ถึงรุ่นน้อง : ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย
 
เสียงจากศิษย์เก่าคณะนิเทศฯ วารสารฯ และสื่อสารฯ


ฮั่นแน่...น้องๆ แฟนคอลัมน์คณะในฝันคงตั้งตารอกันยกใหญ่
เพราะคราวที่แล้วพี่ยีนสัญญาไว้ว่า จะนำกุญแจสำรองดอกใหญ่มาไขปัญหาคาอกที่ว่า เรียนคณะนิเทศฯ วารสารฯ สื่อสารฯ แล้ว จะมีงานทำหรือไม่ ครั้งนี้พี่ยีนเลยควง 3 สาว 3 คณะ จาก 3 สถาบันมาให้รู้จักกันครับ พี่ๆ ทุกคนมีหน้าที่การงานกันทั้งนั้น แต่ใครไปทำอะไรอยู่ที่ไหน เชิญติดตามกันได้เลยครับ...

 

รุ่นพี่คนที่ 1 :
พี่เก่ง กราฟิกดีไซเนอร์
 
 
พี่ยีน: แนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยครับ?
พี่เก่ง: ชื่อธรรมวัฒน์ กิตติมนตรีชัย ชื่อเล่นชื่อเก่ง จบ ม.ปลาย จาก
โรงเรียนทวีธาภิเศก และปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะนิเทศศาสตร์ สาขาการโฆษณาครับ
 
พี่ยีน: ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยครับ?
พี่เก่ง: เพราะว่าชอบครับ ชอบงานทางด้านนี้รู้สึกดูไม่น่าเบื่อดี  อีก
อย่าง มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่อยู่
มีชื่อเสียงครับ ถึงแม้จะไม่ใช่มหาวิทยาลัยเอกชนที่อยู่ใกล้บ้าน
ที่สุด แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ

พี่ยีน:
ตอนเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างครับ?
พี่เก่ง: ก็มีเข้าค่ายของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยครับ ค่ายพระพุทธศาสนา กิจกรรมเชียร์ ไหว้พระ 9 วัด ไหว้ครู  ปลูกป่า แล้วก็กิจกรรมต่างๆ ของชมรมครับ
 

 

 

พี่ยีน:อยากฝากอะไรเพิ่มเติมกับน้องๆ บ้างครับ?

พี่เก่ง: อยากจะฝากว่าการเลือกงานนั้นมันไม่ผิดครับ แต่บางทีก็ต้องดูองค์ประกอบหลายๆ อย่างด้วย เช่น ถ้าเรามุ่งไปที่จุดๆ เดียว บางทีมันอาจจะทำให้เราพลาดโอกาสสำคัญในชีวิตไปก็ได้ และเมื่อเราคว้าโอกาสนั้นไว้ได้แล้ว ก็ต้องทำมันให้ดีที่สุดครับ อย่าปล่อยให้มันหลุดลอยไป แล้วต้องมาเสียใจทีหลัง

    
และในอนาคต ถ้าน้องๆ มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับที่สูงกว่าปริญญาตรี ก็คว้าไว้เลยนะครับ มันเป็นสิ่งจำเป็นมากครับ เพราะทุกวันนี้การแข่งขันมันสูง ยิ่งเรียนสูงก็ยิ่งได้เปรียบครับ


พี่ยีน:
ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกันทำอะไรกันต่อไปบ้างครับ
?

พี่เก่ง: ส่วนใหญ่ก็หางานทำกันเลย บางคนก็เปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง ส่วนบางคนก็ศึกษาต่อครับ
0
พี่ยีน:แล้วตัวเก่งเอง จบมาแล้วทำงานเลยหรือเปล่าครับ?
พี่เก่ง: จบมาแล้วทำงานเลยครับ ทำกราฟฟิคดีไซน์ งานที่ทำก็จะเป็นพวกงานออกแบบตามสื่อสิ่งพิมพ์ และงาน event ต่างๆ ครับ
พี่ยีน:ก่อนเรียนจบกับหลังเรียนจบ  สิ่งที่คาดหวังไว้ต่างกันบ้างไหมครับ?

พี่เก่ง: ต่างกันนิดหน่อยครับ ก่อนจบนั้นความคาดหวังคืออยากทำงานเป็น art director แต่ในปีที่จบนั้น เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้คนตกงานเยอะ เราเองก็กลัว

    
พอดีมีอาจารย์แนะนำมาว่า บริษัทออแกไนเซอร์กำลังหากราฟิกดีไซเนอร์ ก็เลยลองส่งตัวอย่างผลงานไปให้เขาดู แล้วเขาก็เรียกสัมภาษณ์ ตอนนั้นก็ลังเลมากว่าจะเอาดีหรือเปล่า เพราะตำแหน่งไม่ค่อยตรงตามที่เราคาดหวังไว้ แต่โอกาสมาถึงแล้วก็ไม่อยากปล่อยมันไป  เลยคว้าเอาไว้ก่อน เพราะมันก็ยังตรงกับที่เราเรียนมา และเราก็สามารถทำได้ ดีกว่าเตะฝุ่นครับ แล้วก็เป็นการหาประสบการณ์ไปในตัวด้วย  แต่อันนี้มันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะว่าจะคิดอย่างไร

 

รุ่นพี่คนที่ 2 : พี่แก้ว Producer
 
พี่ยีน: แนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยครับ?
พี่แก้ว: ชื่อแก้วค่ะ จบจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ เอกวิชาสื่อสารมวลชน วิชาโทภาพยนตร์ ตอนนี้ทำงานเป็นโปรดิวเซอร์อยู่ที่ Channel [V] Thailand รายการคนดูเป็นใหญ่
 
พี่ยีน: ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนี้ครับพี่แก้ว?
พี่แก้ว: เพราะตอนเด็กๆ มีความฝันว่าอยากเป็นนักจัดรายการวิทยุ ตอนเด็กๆ คนอื่นเขาเล่นกระโดดหนังยางกัน แต่เรามานั่งอัดเสียงจากวิทยุใส่เทป ทำเหมือนตัวเองจัดรายการอยู่ แล้วเอามาเปิดฟัง และตอนเด็กๆ มักจะเพ้อเจ้อเกี่ยวกับเรื่องราวในวงการบันเทิงมากๆ ชอบดูละครหลังข่าว ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือเยอะมากๆ คณะนี้เลยเหมาะที่สุดแล้ว
 
พี่ยีน: ตอนเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างครับ?
พี่แก้ว: ที่หลักๆ คือได้ทำละครประจำปีของคณะทั้ง 4 ปีที่เรียนอยู่ โดยช่วยในส่วนกำกับเวที เริ่มตั้งแต่ปี 1 ก็เป็น Back Stage (งานกำกับเวที) พอปี 2 ก็ได้เลื่อนขั้นมาทำ Co-Stage และปีสุดท้ายก็ได้เป็น Stage Manager (ผู้จัดการเวที) ซึ่งการทำละครถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากๆ เพราะได้รู้จักเพื่อน และรุ่นพี่ รุ่นน้อง เพราะต้องร่วม workshop ละคร ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน และไม่น่าเชื่อว่าหลายๆ คนที่เราเห็นตอนทำละครเวทีด้วยกัน ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นคนดังในจอทีวีหลายคนเลย
 
พี่ยีน: คิดว่าคณะนี้ให้อะไรกับพี่แก้วบ้างครับ?
พี่แก้ว: นอกจากให้การศึกษา ซึ่งแน่นอนอยู่แล้ว! คณะนี้ยังทำให้เราได้กล้าทำอะไรหลายๆ อย่างที่ฝันไว้นานแล้ว และทำให้เราได้เจอเพื่อนๆ ที่เป็นคอเดียวกัน ชอบและมองอะไรในแบบเดียวกัน
 
พี่แก้ว (คนที่ยืนหน้าสุด)
 
 
 
 
พี่ยีน: ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกันทำอะไรกันต่อไปบ้างครับ?
พี่แก้ว: ส่วนใหญ่ที่จบเอกสื่อสารมวลชน จากรุ่นเดียวกันตอนนี้ ก็มีทำงานด้านโทรทัศน์ไม่กี่คน ที่เหลือก็จะทำงานในสายงานนี้แหละ แต่จะเป็นในด้านอื่นๆ เช่น เป็น พีอาร์ค่ายเพลง หรือทำประชาสัมพันธ
 
พี่ยีน: พี่แก้วจบมาแล้วทำงานเลยรึป่าว?
พี่แก้ว: จบมาได้สองเดือน ก็ได้งานเลยที่ช่อง TOC หรือ Thailand Outlook Channel ทำเป็น Co-Producer ฝ่ายข่าวภาษาอังกฤษ หน้าที่ก็คือทำการตัดต่อข่าว และควบคุมการออกอากาศข่าวทุกต้นชั่วโมง ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ที่ Channel [V] Thailand ดูรายการ คนดูเป็นใหญ่ ออกอากาศทุกวันเลย ตั้งแต่ 5 โมงเย็นอย่าลืมดูนะ

         รายการนี้เป็นรายการสดมีทุกวัน ก็เหนื่อยหน่อย สิ่งที่ต้องทำก็ทุกอย่างเลยแหละ ทั้งเขียนสคริปต์รายการ ควบคุมการออกอากาศ ทำพร็อพเองก็มี รวมถึงต้องประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ทั้ง กล้อง สวิตเชอร์ วีเจ และต้องวางกิจกรรมให้รายการมีความน่าสนใจอยู่เรื่อยๆ บางทีก็ต้องไปออกกองถ่ายรายการนอกสถานที่บ้าง นอกจากนี้ก็ต้องช่วยทำรายการสดรายการอื่นๆ ด้วย ซึ่งถ้าใครโทรมาเล่นเกมในรายการสด แล้วเจอเสียงสวยๆ ที่คอยรับโทรศัพท์ก็เสียงพี่และเพื่อนเองนะแหละ โทรมาเล่นกันเยอะๆ นะ โฮะๆๆๆ
 
พี่ยีน: ตอนก่อนจบกับหลังจบ สิ่งที่คาดหวังไว้ต่างกันบ้างไหมครับ?
พี่แก้ว: ก็ไม่ได้ต่างจากที่คาดหวังเท่าไร เพราะตอนที่เรียนอยู่ก็ได้ทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง เช่น การทำมิวสิควิดีโอส่งประกวด การทำละคร หรือช่วยรุ่นพี่ทำหนังสั้น ฯลฯ ซึ่งไม่ต่างจากอาชีพที่ต้องทำหลังจบ เพราะต้องถึก ต้องอดทน พอๆ กัน และอีกอย่างตอนที่เรียนอยู่ งานที่อาจารย์ให้ทำส่ง เยอะมาก และยังให้ผ่านยากมากๆ อีก พอมาทำงานและได้เจอกับระบบการทำงานก็เลยปรับตัวได้ง่าย
 
พี่ยีน: คิดจะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไหมครับ?
พี่แก้ว: ตอนนี้ยังค่ะ เพราะตั้งใจทำงานในส่วนเบื้องหลังการทำงานโทรทัศน์ ซึ่งถ้าจะเลือกทำงานด้านนี้ การทำงานจริงๆ จะได้ประสบการณ์มากกว่าไปเรียนต่อ เพราะถ้าไปเรียนจะเป็นส่วนทฤษฏีมากกว่าการได้ปฏิบัติจริง
 
พี่ยีน: อยากฝากอะไรถึงน้องๆ ที่สนใจคณะนี้บ้างครับ?
พี่แก้ว: ชีวิตหลังเรียนจบ ก็ต้องแตกต่างกับสมัยเรียนอยู่แล้ว เพราะมันเป็นโลกแห่งชีวิตจริง โลกแห่งการทำงาน ความรับผิดชอบ และหน้าที่การงานจะบังคับให้เราสนุกได้น้อยลง เช่น ถ้าสมัยเรียน ถ้าเราจะทำรายการส่งอาจารย์หลุดโลกแค่ไหนก็ได้ แต่ในการทำงาน ถ้าเราจะทำรายการขึ้นมารายการหนึ่ง เราต้องคิดให้รอบคอบ เพราะมีทั้งลูกค้าและโฆษณาที่คอยตีกรอบข้อจำกัด และที่สำคัญที่สุดคือการเป็นสื่อมวลชนต้องรับผิดชอบต่อมวลชนจริงๆ

         อย่างปัจจุบันนี้ เรามีเด็กๆ ที่ดูรายการเราอยู่หลายคน ซึ่งยังเป็นเด็กประถมอยู่เลย จะนำเสนออะไรก็ต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อน เพราะบางทีเราอาจไปชี้นำเด็กๆ โดยไม่รู้ตัว ถ้าน้องๆ คิดอยากจะทำงานในส่วนเบื้องหลัง พี่แก้วว่าการทำงานจริงจะได้ประสบการณ์มากกว่าการเรียนต่อในระดับปริญญาโทหรือสูงขึ้นไป เพราะได้เจอสถานการณ์จริง ทั้งลูกค้า ทั้งคนดู และปัญหายิบย่อยที่อาจไม่เจอตอนเรียน แต่ถ้าอยากจะต่อยอดการศึกษาก็น่าจะทำงานไปสักพัก เพราะในระดับปริญญาโทของด้านสื่อสารมวลชน ส่วนใหญ่จะเอื้อให้กับคนที่พอมีประสบการณ์จากการทำงานแล้วมากกว่า
 

 

 
รุ่นพี่คนที่ 3 : พี่ตาล Executive PR Consultant
 
พี่ยีน: แนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยครับ?
พี่ตาล: สวัสดีค่ะ ชื่อ นันทิยา ลิมปิอนันต์ชัย ชื่อเล่น ตาล ค่ะ อายุ 23 ปี จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน เอกโฆษณา เพิ่งรับปริญญาไปเมื่อปีที่ผ่านมาค่ะ GPA 3.24 ปัจจุบันทำงานด้าน Public Relation (PR) หรือประชาสัมพันธ์ค่ะ ตำแหน่ง Executive PR Consultant โดยลูกค้าซึ่งเป็นบริษัทต่างๆ จะว่าจ้างให้ตาลไปเป็นตัวแทนของบริษัทนั้น และตาลก็มีหน้าที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทลูกค้ากับสาธารณชน หน้าที่หลักๆ ก็คือ ติดต่อประสานงานกับลูกค้า รวบรวมข่าว เขียนข่าว แปลข่าว ทำแผนประชาสัมพันธ์ จัดงานแถลงข่าว มีจัดงานอีเวนท์ด้วยค่ะ
 
พี่ยีน: ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนี้ครับ?
พี่ตาล: ตาลชอบดูทีวี ดูภาพยนตร์ อ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสารมาตั้งแต่เด็กๆ โตขึ้นมาเลยมีความสนใจทางด้านงานสื่อสารมวลชน พอมีโอกาสเลือกมหาวิทยาลัย ตาลเลยเลือกเรียนธรรมศาสตร์ เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันอยากจะเข้าเรียนตั้งแต่สมัยเด็กๆ พอตาลตอนเอ็นทรานซ์ ก็เลยเลือกคณะวารสารศาสตร์ฯ ตาลเลือกเรียนเอกโฆษณา เพราะเป็นสาขาที่ได้ใช้ความคิด ได้ใช้สมองสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ทั้งในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนั้นการเรียนการฝึกฝนระบบความคิดที่ได้รับมายังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับการทำงานจริงๆ ในหลากหลายสาขาอาชีพด้วยค่ะ
 
พี่ยีน: ตอนเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างครับ?
พี่ตาล: สำหรับกิจกรรมในมหาวิทยาลัยก็จะแบ่งเป็นหลาย ๆ ระดับนะคะ ทั้งระดับชมรม ระดับมหาวิทยาลัย และระดับคณะ ถ้ามีเวลาว่างจากการเรียนตาลก็จะไปช่วยกิจกรรมของมหาวิทยาลัยทุกระดับเลยค่ะ อย่างเช่น งานรับน้องที่คณะฯ งานฟุตบอลประเพณี จุฬา-ธรรมศาสตร์
 

 

 

 

 
 
        ตอนที่ยังเรียนอยู่ก็มีไปช่วยแปรอักษร แต่ตอนนี้จบแล้วก็ยังไปร่วมด้วย อย่างครั้งล่าสุดงานฟุตบอลประเพณี จุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 65 ก็เพิ่งไปเชียร์มาค่ะ แต่ไม่ได้ไปแปรอักษรแล้วนะคะ ไปนั่งเชียร์ค่ะ 

        ส่วนกิจกรรมภายในของคณะวารสารฯ ที่สำคัญ ก็จะมีกิจกรรมวันแรกพบนะคะ เพื่อทำความรู้จักกับรุ่นน้องปี1 ที่เพิ่งเอนทรานซ์เข้ามา ให้น้องๆได้ทำความรู้จักกับสายรหัสของตัวเอง ตั้งแต่ ปี 2 - ปี 4 รวมถึงพี่ๆ บัณฑิตด้วย JC Night เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมของคณะที่จัดขึ้นทุกปี เพื่อรับน้องที่คณะวารสารศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จะมีการบายศรีรับขวัญน้องๆ ปี 1 โดยพี่ๆ JC (Journalism and mass communication) จะมาผูกสายสิญจน์รับขวัญน้องๆ นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีการแสดงจากน้องๆ ปี 1 และก็พี่ๆ ทุกปี และก็มีการจัดแสดงคอนเสิร์ตด้วย ส่วนละครเวที คณะวารสารศาสตร์ จะมีจัดขึ้นทุกปีค่ะ
 
พี่ยีน: คิดว่าคณะนี้ให้อะไรกับพี่ตาลบ้างครับ?
พี่ตาล: ตาลคิดว่า ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมาจากการเรียนที่คณะวารสารฯ นั้น เป็นประสบการณ์ที่มีค่า มีการปลูกฝังระบบการคิดแบบสร้างสรรค์ เพราะในสาขาที่เกี่ยวข้องกับงานสื่อสารมวลชน เราจะต้องสามารถนำความรู้รอบๆ ตัวมาประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตและการทำงานของเราได้ การบ้านที่เราได้รับก็เป็นความท้าทายให้เราคิดอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอค่ะ ดังนั้น ไม่ว่าเราจบออกไปทำงานในสาขาใดๆ เราก็จะสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน รวมถึงการดำเนินชีวิตประจำวันด้วยค่ะ นอกจากนั้น การได้ฝึกทำงานทำโปรเจ็กต์ต่างๆ ร่วมกับพี่ๆ น้องๆ ในคณะ ก็ฝึกให้เราได้รู้จักการทำงานเป็นทีม รู้จักการปรับตัวเข้าหากัน เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข
 
พี่ยีน: ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกันทำอะไรกันต่อไปบ้างครับ?
พี่ตาล: ตาลจบมาทางด้านโฆษณา แต่กลับได้มาทำงานในด้าน Travel และ PR ส่วนกลุ่มเพื่อนสนิทของตาลส่วนใหญ่จบมาก็ทำงานในวงการโฆษณาเยอะค่ะ อาจจะเริ่มต้นด้วยการเป็น AE (Account Executive คือผู้บริหารงานลูกค้า ติดต่อลูกค้า) เป็น Media Buyer (เจ้าหน้าที่จัดซื้อสื่อ) ทำการตลาด ส่วนเพื่อนสนิทนอกกลุ่มก็แยกย้ายกระจายตัวไปทำงานตามสื่อที่ตัวเองถนัดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นด้านทีวี หนังสือพิมพ์ ออแกไนเซอร์ (บริษัทรับจัดงานอีเวนท์ต่าง) เพื่อนส่วนใหญ่จบมาก็จะหางานทำได้เลยค่ะ
 
พี่ยีน: พี่ตาลจบมาแล้วทำงานเลยรึป่าว?
พี่ตาล: ก่อนที่ตาลจะเรียบจบ ก็เริ่มสมัครงานเลยค่ะ แต่ตาลได้ทำงานมาใน Travel Agency เป็น Contracting Executive มีหน้าที่ติดต่อทำสัญญากับโรงแรม ตรวจตราโรงแรม ดูแลลูกค้า คอยติดต่อประสานงานเวลาที่สัญญาต่างๆ มีปัญหา หาลูกค้าใหม่ๆ ช่วงนั้นอาจจะเหนื่อยนิดหน่อยที่เราต้องทำงานไปด้วย ทำสารนิพนธ์ไปด้วย แต่ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ผ่านมาได้ด้วยดี เพราะใช้ความพยายามและอดทนอย่างสูงค่ะ
 
พี่ยีน: ตอนก่อนจบกับหลังจบ สิ่งที่คาดหวังไว้ต่างกันบ้างไหมครับ?
พี่ตาล: ต่างกันมากค่ะ เพราะก่อนเรียนจบตาลคาดหวังไว้ว่าอยากจะทำงานเร็วๆ อยากหาเงินได้เอง คิดว่าการทำงานต้องสนุกกว่าการเรียน แต่พอได้มาทำงานจริงๆ แล้ว ก็รู้เลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเราจะต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน ยิ่งที่ทำงานเก่าตาลคือมีตอกบัตรด้วย ก็ต้องตรงเวลา ถ้าไปสายมันก็จะแสดงถึงประสิทธิภาพการทำงานของเราละว่าเป็นอย่างไร จะผ่าน Probation (ระยะเวลาทดลองงาน) ไหม แล้วอย่างเวลานายมอบหน้าที่อะไรให้เรา เราก็ต้องทำให้เสร็จภายในเวลาที่เขากำหนด ให้งานมีคุณภาพ ไม่ใช่ว่าทำเสร็จเร็ว แต่งานไม่มีคุณภาพก็ใช้ไม่ได้ค่ะ

       
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดก็คือ ตาลมีความรับผิดชอบมากขึ้น (มากๆ) เพราะการทำงานนั้น เราทำดีไม่ดี มันก็ปรากฏให้เห็นเลย มันคือตัวเรา คุณภาพของงาน ความตรงต่อเวลา ความรับผิดชอบ มันแสดงออกถึงความเป็นตัวเรา ความตั้งใจของเรา ดังนั้นเราก็ต้องทำงานให้ดี มีความประพฤติดี
 
พี่ยีน: คิดจะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไหมครับ?
พี่ตาล: วางแผนว่าจะเรียนต่อปริญญาโทแน่นอน น่าจะเป็นในด้านของภาษาศาสตร์ค่ะ เพราะพอได้มาทำงานแล้วรู้สึกว่าความรู้ด้านภาษานั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะเรื่องการพูดและการเขียน จากประสบการณ์การทำงานทั้ง 2 ที่ได้แสดงให้เห็นว่า ทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษนั้นสำคัญมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อประสานงานกับลูกค้า การเขียนอีเมล และยิ่งตาลทำงานด้านพีอาร์ การเขียน Press release (ข่าวสำหรับแจกให้กับสื่อมวลชน) การเขียนคำบรรยายใต้ภาพ การแปลข่าว ต้องใช้ภาษาอังกฤษตลอดค่ะ หลังเรียนจบปริญญาโทก็คาดว่า ตัวเองจะมีความรู้ในเชิงลึกของวิชาที่เรียนมามากขึ้นและประสบการณ์เพิ่มขึ้นพอที่จะสามารถนำความรู้ประสบการณ์นั้นๆ มาสมัครงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น ทำให้เราได้ใช้ความรู้ความสามารถของเราที่เรียนมา พัฒนางาน สมอง และจิตใจของเราให้เติบโตไปพร้อมๆ กันค่ะ
 
พี่ยีน: อยากฝากอะไรถึงน้องๆ ที่สนใจคณะนี้บ้างครับ?
พี่ตาล: อยากฝากให้น้องๆ ทุกคน เก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ในรั้วมหาวิทยาลัยให้เต็มที่ แล้วพอได้ออกมาทำงานจริง ก็ขอให้ใช้ความรู้ความสามารถทั้งหมดที่เรียนมา และขวนขวายหาความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพราะเราอาจจะไม่ได้ทำงานตรงกับสายที่เราเรียนมาเหมือนอย่างพี่นะคะ ที่พี่จบโฆษณา แต่มาทำด้าน Travel กับ PR พี่ก็นำประสบการณ์ความรู้ต่างๆ ที่เคยเรียน มาปรับใช้ในชีวิตการทำงาน หรือบางคนอาจได้ทำตรงสาย แต่ก็ต้องเจอกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยได้เจอขณะที่เรียนในมหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน ก็ขอให้น้องๆ ตั้งใจ เปิดรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตค่ะ

        อยากจะฝากสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างค่ะ สำหรับคนที่ผ่านประสบการณ์การทำงาน ทั้งในรั้วมหาวิทยาลัย หรือการทำงานช่วงซัมเมอร์ ตรงนี้ก็จะได้เปรียบคนที่ไม่เคยทำค่ะ และอยากให้น้องๆ สนใจเรียนเสริมด้านภาษาให้มากๆ ค่ะ ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาที่สาม เพราะในการทำงานนั้น นอกจากภาษาจะมีความจำเป็นมากแล้ว การที่เราได้ภาษาจะทำให้เราได้เปรียบคู่แข่งคนอื่นๆ ค่ะ 

        ส่วนการเรียนต่อนั้น ถ้ามีโอกาสเรียนพี่ตาลคิดว่าดีค่ะ เพราะเราจะได้มีความรู้เพิ่มเติม และได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ ฝึกความรับผิดชอบด้วย เพราะตอนเรียนโท อาจารย์คงจะไม่ได้มาดูแลใกล้ชิด เพื่อนๆ ที่เรียนโทก็ไม่ได้เป็นกลุ่มก้อนเหมือนอย่างปริญญาตรี ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองทั้งหมด ยิ่งถ้าบางคนทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ก็ยิ่งจะต้องใช้ความอดทนอย่างสูง แต่ถ้าน้องๆ มีความมุ่งมั่น ค้นหาสาขาที่จะเรียนโทต่อได้ด้วยใจรักจริงๆ แล้ว ก็ขอให้น้องได้เรียนต่อเถอะค่ะ เพราะการเรียนปริญญาโท จะต้องศึกษาด้านนั้นๆ แบบลึกๆ เฉพาะทาง ไม่ใช่เป็นแบบกว้างๆ เหมือนอย่างปริญญาตรีค่ะ

        สุดท้ายพี่ตาลอยากจะบอกว่าใบปริญญาไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ ประสบการณ์ การเรียนรู้ ความพยายาม ความรับผิดชอบในการเรียนของเรา ก่อนที่จะได้ใบปริญญานั้นมาต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ และหากเรานำความรู้เหล่านั้นมาปรับใช้กับการทำงานและการดำเนินชีวิตได้ อนาคตอันสดใสก็รอน้องๆ อยู่แน่นอนคะ อย่าลืมนะคะว่า เงินทองไม่สามารถติดตัวเราไปได้ตลอด แต่ความรู้และความดีต่างหากที่จะสามารถติดตัวเราไปจนวันตายค่ะ
 

 

 
 
รุ่นพี่คนที่ 4 : พี่ลินดา Columnist
 
พี่ยีน: แนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักหน่อยครับ?
พี่ลินดา: ชื่อลินดา ราชชัยค่ะ จบจาก มช. คณะการสื่อสารมวลชน สาขาวิชาหนังสือพิมพ์ ตอนนี้เป็นคอลัมนิสต์ของ CLICK Magazine ค่ะ
 
พี่ยีน: ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนี้ครับ?
พี่ลินดา: เพราะว่าเป็นคณะที่เราสนใจ รู้สึกว่ามันไม่น่าจะยากเกินไป น่าจะเรียนสนุกสำหรับเรา จบมาก็จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็ตั้งใจไว้ตั้งแต่ ม.4 แล้วว่าจะเข้าคณะนี้ให้ได้ค่ะ
 
พี่ยีน: ตอนเรียนได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างครับ?
พี่ลินดา: ส่วนใหญ่จะเป็นละครเวทีค่ะ เป็นทั้งเบื้องหลังเบื้องหน้าหลายเรื่อง แล้วก็มีพิธีกร ประกวดดาวหอ
 
พี่ยีน: คิดว่าคณะนี้ให้อะไรกับพี่ลินดาบ้างครับ?
พี่ลินดา: ความมั่นใจค่ะ แม้ว่าตัวเองอาจไม่ได้ดูมั่นใจมากเท่าไหร่ แต่คิดว่าถ้าจบคณะพวกภาษาอาจไม่มั่นใจเท่านี้นะ แล้วก็ทักษะในการเขียนเพื่อการสื่อสารซึ่งใช้ในงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ค่ะ นอกจากนี้ยังได้เรื่องการแสดง การดูหนัง ฯลฯ แต่ที่สำคัญเลย คือ ได้เพื่อนๆ ที่น่ารักมากค่ะ
 
 
 
 
พี่ยีน: ส่วนใหญ่เพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกันทำอะไรกันต่อไปบ้างครับ?
พี่ลินดา: ก็ตรงสายค่ะ ผู้ช่วยผู้กำกับ นักเขียน นักข่าว ดีเจวิทยุ แอร์โฮสเตสก็มีเยอะเหมือนกัน บางคนก็เรียนต่อค่ะ
 
พี่ยีน: พี่ลินดาจบมาแล้วทำงานเลยรึป่าว?
พี่ลินดา: ทำงานเลยค่ะ ก็ตอนแรกเป็นนักข่าว เหนื่อยมาก ต้องตรงเวลา แต่งตัวดี มีความรู้รอบตัวสูง รู้เหตุบ้านการณ์เมือง มีความคล่องตัว ต้องอึดมาก รู้ว่าควรสัมภาษณ์อะไรในประเด็นที่เป็นข้อเท็จจริง มีวิธีการถามคำถามที่ดีเพื่อให้ได้ข้อมูลมา หลังจากนั้นก็มาทำนิตยสารค่ะ ดูแลด้านแฟชั่น เป็นสไตลิสต์ หานางแบบมาลงหนังสือ เลือกซื้อผ้า ดูเทรนด์การแต่งกาย แต่งหน้า แล้วก็ดูแลคอลัมน์ทั่วไปในนิตยสาร CLICK ค่ะ แล้วก็แปลบางคอลัมน์เป็นภาษาอังกฤษด้วยค่ะ ตรงนี้ไม่เหนื่อยมาก แต่ต้องครีเอทตลอดเวลา ทำให้คอลัมน์เรามีความน่าสนใจ และทันสมัย แล้วก็เป็นครูสอนภาษาเยอรมันบ้างค่ะ ก็รู้สึกว่าชอบงานนี้ค่ะ เป็นตัวของตัวเองดี แต่การเป็นครูเราก็ต้องมีความรู้มากในสิ่งที่จะสอนให้กับลูกศิษย์ค่ะ พอจบคอร์สเราก็ดีใจที่เห็นเขาพูดได้ หรือเห็นเขาสอบได้
 
พี่ยีน: ตอนก่อนจบกับหลังจบ สิ่งที่คาดหวังไว้ต่างกันบ้างไหม?
พี่ลินดา: ก่อนจบคิดว่าชีวิตเป็นเรื่องง่าย จบมาก็มีงานทำเป็นอิสระ ทำงานไปเรื่อยๆ ได้เงินเดือน ค่อยๆ เรียนรู้ไป แต่พอได้มาทำงาน โอ้โห...ชีวิตเปลี่ยนไป เวลาว่างแทบไม่มี แรกๆ อาจสนุก เพราะเราหาเงินได้เอง เลี้ยงตัวเองได้ในระดับหนึ่งก็ภูมิใจ แต่ยิ่งโตขึ้นก็ต้องจัดการตัวเองให้มีวินัยมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รับผิดชอบมากขึ้น ปรับตัวแทบจะตลอดเวลา มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นที เราจะมัวมาเศร้าไม่ได้แล้ว ต้องรู้จักแยกแยะ ซึ่งยากมาก พูดง่ายๆ คือ การเป็นผู้ใหญ่มันยากกว่าที่เราคิดไว้เยอะ ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งรู้สึกว่ารายละเอียดของชีวิตมันซับซ้อนกว่าที่เราคิดไว้เยอะ ตอนนี้จุดมุ่งหมายคือเก็บเงินให้ได้สักก้อนค่ะ เอาไปทำอะไรก็ค่อยคิดอีกที
 
พี่ยีน: คิดจะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไหมครับ?
พี่ลินดา: ตอนนี้ยังไม่ได้แพลนค่ะ แต่ถ้าจะเรียนก็คงอยากไปเรียนที่ต่างประเทศค่ะ คงเรียนเป็นด้านเฉพาะๆ มากกว่า อาจจะเป็นพวกการแสดง การเต้น แนวๆ ศิลปะค่ะ คงไม่เรียนต่อโทค่ะ เพราะฝันอยากเรียนมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ที่บ้านไม่สนับสนุนเท่าไหร่ เหมือนสานฝันตัวเอง
 
พี่ยีน: อยากฝากอะไรถึงน้องๆ ที่สนใจคณะนี้บ้างครับ?
พี่ลินดา: โลกของการแข่งขันมันสูงมาก ขอให้ตั้งเป้าหมายของตัวเราให้ชัดเจนแล้วอดทนค่ะ ทำให้ดีที่สุดให้พ่อแม่ภูมิใจนะคะ
 
        เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับเหล่าเจ๊ๆ ทั้งหลายที่คร่ำหวอดในวงการและโชกโชนประสบการณ์มากมาย น้องๆ ที่สนใจคณะเหล่านี้คงหายกังวลเรื่องการตกงานแล้วใช่ไหมครับ สำหรับเรื่องต่างๆ ที่น้องๆ อยากรู้เพิ่มเติม พี่ยีนจะรวบรวมไปตอบคำถามให้ในคราวหน้ากับ "ที่ตรงนี้มีคำตอบ" นะครับ ติดตามกันคราวหน้านะครับ
 
 

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

23 ความคิดเห็น

คุณหนูมือสอง 9 มี.ค. 52 08:53 น. 1
โอ้โห้!!! เก่งๆ กันทั้งนั้นเลย
แต่เราไม่ทันแล้วละที่จะเรียนนิเทศ
เพราะตอนนี้ทั้งตัวและหัวใจมอบให้
"บริหารคอม" และ "สารสนเทศไปแล้ว"
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กู๊ด 9 มี.ค. 52 15:28 น. 5
เรียนจบนิเทศ

แต่ไม่เก่งภาษา

จะมีงานทำไหม

และการทำงานทางด้านสายนี้

เราต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรเพราะคนจบมาก้อเยอะมากมาย
0
กำลังโหลด
lookshin 9 มี.ค. 52 16:18 น. 6
>.<~

อยากเข้านิเทศ ใจจะขาดอยู่แล้ว

"เป็นนักข่าวเหนื่อยมาก ต้องตรงต่อเวลา แต่ตัวดี มีความรู้รอบตัว..."


อ่าาาา อยากเป็นบ้าง *0*
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
krahang Member 10 มี.ค. 52 09:11 น. 8

พี่ยีนจะพาไปรู้จักทีละคณะนะครับ  ทุกๆ ครึ่งเดือนจะมีคณะใหม่มาแนะนำนะครับ รอติดตามกันได้เลยครับ

0
กำลังโหลด
1991 10 มี.ค. 52 12:12 น. 9
อยากเรียน อยากเก่งเหมือนพี่ๆจังเลยง่ะ แต่นะ เรามัน โง่อ่า เอิ๊กๆๆ

สื่อสาร มช. ก้อได้ ขอให้ติดๆ
0
กำลังโหลด
รังสิตๆ 10 มี.ค. 52 20:37 น. 10
แล้ว นิเทศ เอกชน มันจะหางานได้ง่ายเหมือน รัฐบาลหรือป่าวคับ

เห็นมีแต่ จุฬา ธรรมศาสตร์ เชียงใหม่

แล้ว ม.รังสิต ม.กรุงเทพ อะคับ

มันหางานง่ายไหม

ตอนนี้กำลัง งง อยู่ กลัวตกงาน
0
กำลังโหลด
ลินดา 10 มี.ค. 52 23:34 น. 11
อืม...ความคิดพี่นะคะ ไม่ว่าจบมาจากไหนเปอร์เซนต์การได้งานคงไม่ต่างกันมากค่ะ คิดว่าเค้าดูที่ตัวบุคคลมากกว่า การสัมภาษณ์งาน บุคลิกไรงี้ ว่าจะเข้าได้กับองค์กรรึเปล่า เพราะพอเข้าไปเค้าก็ต้องฝึกให้ใหม่อยู่แล้วค่ะ เอาเป็นว่ารีบๆ สมัครไว้ดีกว่าค่ะ หลายๆ ที่ก็ทำๆ ไปก่อนค่ะ สู้ๆ...!!
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
นิเทศฯชมพู 13 มี.ค. 52 12:57 น. 13
ไม่ว่าเรียนที่ไหน
จบไปก็ไปเริ่มต้นใหม่เหมือนกัน
เรื่องการเรียนไม่มีที่ไหนด้อยกว่ากันนะคะ
มันต่างกันที่รูปแบบการใช้ชีวิตในคณะมากกว่า
ซึงก็ไม่ได้มีอันไหนดีหรือเลวเช่นกัน
มันปะปนกันไปหมดค่ะ
0
กำลังโหลด
พิราบเฌองดอย 1 เม.ย. 52 18:37 น. 14
....สื่อสาร สื่อสาร สื่อสารมวลชล
น้องๆ หน้ามลเข้ามาอยู่ masscom
หญิงก็ได้ ชายก็ดี เอากระเทยด้วยซิ ด้วยซิๆ
เข้ามาอยู่ masscom....
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ตูน 21 ก.ย. 52 16:20 น. 18
ยังไม่แน่ใจเลยอ่ะ

อยากเรียนแบบพี่ๆ เค้าบ้างนะ ทำเกี่ยวกับ โฆษณาอ่ะ

ถ้าจะเข้านิเทศ ม.ปลายต้องเรียนสายไหนอ่ะ

บอกหน่อยนะค่ะ
0
กำลังโหลด
ชายผู้หวังดี Member 1 พ.ย. 52 21:24 น. 19

แต่เท่าที่เรารู้มานะ
เด็กนิเทศตกงานเยอะอะ  จริงๆนะ
เราต้องคิดด้วยว่าที่ทำงานมันมีกี่  และปีนึงเด็กจบมากี่คน

เราว่าถ้าไม่เก่งจริงก็หางานยากอะ  ถึงหางานได้เงินเดือนก็น้อยอะ  จริงๆ  แล้วช่วงเศรษฐกิจแย่นะ  เหอๆๆๆ  จบข่าวเลยจ๊ะ

0
กำลังโหลด
PJpipii 18 พ.ย. 52 02:53 น. 20
คณะไหน? จะวิทย์ / ศิลป์ โอกาสตกงาน/ได้งานก็พอกัน อย่างนิเทศจบประมาน 2,000-4,000 แต่วิทยานี่ เกิน 100,000 ค่า!!!

ม. อะไร? จะ#1 จะ#2 ของประเทศ? จะไกลแค่ไหน? แต่ถ้าฝีมือห่วย ไม่รับผิดชอบ ดีแต่อ้างสถาบัน ไม่ขวนขวาย ฯลฯ ก็ไม่เป็นผล

เกรดอะไร? เกรดไม่ดี แต่ขันแข็ง อดทน สู้งาน เอาทุกอย่าง // เกียรตินิยม แต่หยิ่ง คุณหนู บ้าเรียน อีคิวต่ำ

มันก้อตกงานเท่ากันหมดแหละ มันอยู่ที่คน


สัจธรรมคือ เก่งพอตัว(เอง) (ไม่ใช่ตัวคนอื่น) // รับผิดชอบ! // ขยัน! // สู้งาน!! // ไม่เลือกงาน!!!!!!!!! //




มีงานทำชัว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด