แสดงความคิดเห็น
ถูกเลือกโดยทีมงาน
ยอดถูกใจสูงสุด
1. wealth advisor นี่คาดว่าคงจะเป็นหนึ่งใน Financial Advisor ค่ะคือเป็นอาชีพที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษากับบริษัทที่เป็นลูกค้า หรือกับบุคคลที่ต้องการคำแนะนำในการบริหารเงิน และสินทรัพย์ที่มีอยู่ คำแนะนำที่เกี่ยวข้องก็เช่น: การปกป้องรักษาเงินที่มีอยู่,การนำเงินที่มีอยู่ไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด เป็นต้น
นี่เป้นอาชีพที่เป็นที่นิยมมากในต่างประเทศ แต่ยังใหม่อยู่สำหรับไทย ส่วนมากของใทย อาชีพนี้จะเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารหรือประกันที่ขายสินค้าทางการเงินของสังกัดที่อยู่ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า (แต่ในอนาคต คงจะพัฒนาเป็นAdivsorอิสระที่ไม่ได้ขึ้นกับสถาบันใดๆ เหมือนกับต่างประเทศค่ะ)
2.โบรคเกอร์ จริงๆแล้วเป็นชื่อที่ใช้เรียกบริษัทที่ได้รับอณุญาติซื้อขายหลักทรัพย์(ถ้าเรียกง่ายๆกว้างๆก็อาจจะเรียกว่า "หุ้น") เพราะบุคคลทั่วไปถ้าจะทำการซื้อขายหุ้นต้องทำผ่านบริษัทดังกล่าวเท่านั้น ไม่สามารถซื้อขายได้ด้วยตนเอง โดย โบรคเกอร์จะรับจัดการเปนผู้ซื้อขายหลักทรัพยให้เรา ส่วนเจ้าหน้าที่ จะมีหลายแบบ คือ มีตั้งแต่ Maketer หรือคนที่เป็นฝ่ายขาย(หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าBrokerก็คือคนนี้ค่ะ) มีหน้าที่ป้อนคำสั่งซื้อขายให้ลูกค้า นอกจากนี้ คนเหล่านี้อาจจะแนะนำ รวมถึงวิเคราะห์หลักทรัพย์แต่ละตัวได้ ถ้าหากสอบผ่านเป็นผู้วิเคราะห์หลักทรัพย์ตามกำหนด เช่นการสอบ CFA เป็นต้น(CFAก้อยังแบ่งเป็นอีกหลายเลเวลเหมือนกัน)
นอกจากสองอาชีพที่กล่าวมา เด็กที่จบเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มักจะทำงานกับธนาคารพาณิชย์(ได้เกือบทุกตำแหน่ง เพราะใช้พื้นฐานเศรษฐศาสตร์เป็นหลัก) ข้อดีคือ จะมีความมั่นคงสูงมาก แต่อาจจะน่าเบื่อสำหรับบางคน
หรือบางคนอาจะเลือกทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นนักวิเคราะห์หรือวิจัยเศรษฐกิจของประเทศก็ได้ค่ะ หลายคนบอกว่าทำแล้วท้าทาย เน้นทฤษฏีเศรษฐศาสตร์เต็มๆ
เศรษฐศาสตร์มีส่วนช่วยอย่างมากในการทำความเข้าใจรวมถึงการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการเงินการคลังของประเทศค่ะ การเพิ่ม หรือลดดอกเบี้ย หรือการเพิ่มเงินในระบบเศรษฐกินด้วยวิธีต่างๆที่รัฐบาลหรือแบ๊งชาติชอบออกมาประกาศบ่อยๆ ล้วนแล้วแต่สามารถอธิบายได้ด้วยเศรษฐศาสตร์ทั้งสิ้น ดังนั้น ถ้าน้องอยากเป็นผู้ว่าแบ๊งชาติ หรือเป็นรัฐนตรีกระทรวงการคลัง น้องก็ควรจบเศรษฐศาสตร์นะคะ
หรือ อย่างน้อย น้องๆที่เรียนไป ไม่จำเป็นต้องเป็นProหรือได้เกียรตินิยม ก็ต้องเข้าใจว่า"มันทำไปทำไม" คือถ้า ไม่ได้จะจบมาเอาดีทางเศรษฐศาสตร์โดยตรง อย่างน้อยน้องก็น่าจะอ่านหนังสือพิมพ์รู้เรื่องนะคะ(เหนไหม มีประโยชน์สุดๆ5555)
สุดท้ายค่ะ อยากจะบอกว่า จริงๆแล้ว เศรษฐศาสตร์คือ "ศาสตร์แห่งการเลือก" ค่ะ นี่คือหัวใจของวิชานี้
(ไม่ใช่แค่ "การเลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด.....ฯลฯ" อย่างที่น้องเคยเรียนในหนังสืออย่างเดียวนะคะ อย่างน้อย ถ้าน้องได้ไปสอบสัมภาษณ์ ก็จะได้ไม่ใช้ประโยคนี้ เดี๋ยวจะซ้ำกับเพื่อนๆ5555)
คณะนี้จะสอนวิธีคิดและวิธีการ"เลือก" และอธิบาย ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต(ใช่ค่ะ ถ้าน้องจะใช้ มันใช้ได้หมดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องระดับชาติ ไปจนถึงเรื่องความรัก)ได้อย่างมีเหตุผล ไม่มากก็น้อยค่ะ
หวังว่าคงช่วยได้บ้างนะคะ
นี่เป้นอาชีพที่เป็นที่นิยมมากในต่างประเทศ แต่ยังใหม่อยู่สำหรับไทย ส่วนมากของใทย อาชีพนี้จะเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารหรือประกันที่ขายสินค้าทางการเงินของสังกัดที่อยู่ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า (แต่ในอนาคต คงจะพัฒนาเป็นAdivsorอิสระที่ไม่ได้ขึ้นกับสถาบันใดๆ เหมือนกับต่างประเทศค่ะ)
2.โบรคเกอร์ จริงๆแล้วเป็นชื่อที่ใช้เรียกบริษัทที่ได้รับอณุญาติซื้อขายหลักทรัพย์(ถ้าเรียกง่ายๆกว้างๆก็อาจจะเรียกว่า "หุ้น") เพราะบุคคลทั่วไปถ้าจะทำการซื้อขายหุ้นต้องทำผ่านบริษัทดังกล่าวเท่านั้น ไม่สามารถซื้อขายได้ด้วยตนเอง โดย โบรคเกอร์จะรับจัดการเปนผู้ซื้อขายหลักทรัพยให้เรา ส่วนเจ้าหน้าที่ จะมีหลายแบบ คือ มีตั้งแต่ Maketer หรือคนที่เป็นฝ่ายขาย(หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าBrokerก็คือคนนี้ค่ะ) มีหน้าที่ป้อนคำสั่งซื้อขายให้ลูกค้า นอกจากนี้ คนเหล่านี้อาจจะแนะนำ รวมถึงวิเคราะห์หลักทรัพย์แต่ละตัวได้ ถ้าหากสอบผ่านเป็นผู้วิเคราะห์หลักทรัพย์ตามกำหนด เช่นการสอบ CFA เป็นต้น(CFAก้อยังแบ่งเป็นอีกหลายเลเวลเหมือนกัน)
นอกจากสองอาชีพที่กล่าวมา เด็กที่จบเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มักจะทำงานกับธนาคารพาณิชย์(ได้เกือบทุกตำแหน่ง เพราะใช้พื้นฐานเศรษฐศาสตร์เป็นหลัก) ข้อดีคือ จะมีความมั่นคงสูงมาก แต่อาจจะน่าเบื่อสำหรับบางคน
หรือบางคนอาจะเลือกทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นนักวิเคราะห์หรือวิจัยเศรษฐกิจของประเทศก็ได้ค่ะ หลายคนบอกว่าทำแล้วท้าทาย เน้นทฤษฏีเศรษฐศาสตร์เต็มๆ
เศรษฐศาสตร์มีส่วนช่วยอย่างมากในการทำความเข้าใจรวมถึงการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการเงินการคลังของประเทศค่ะ การเพิ่ม หรือลดดอกเบี้ย หรือการเพิ่มเงินในระบบเศรษฐกินด้วยวิธีต่างๆที่รัฐบาลหรือแบ๊งชาติชอบออกมาประกาศบ่อยๆ ล้วนแล้วแต่สามารถอธิบายได้ด้วยเศรษฐศาสตร์ทั้งสิ้น ดังนั้น ถ้าน้องอยากเป็นผู้ว่าแบ๊งชาติ หรือเป็นรัฐนตรีกระทรวงการคลัง น้องก็ควรจบเศรษฐศาสตร์นะคะ
หรือ อย่างน้อย น้องๆที่เรียนไป ไม่จำเป็นต้องเป็นProหรือได้เกียรตินิยม ก็ต้องเข้าใจว่า"มันทำไปทำไม" คือถ้า ไม่ได้จะจบมาเอาดีทางเศรษฐศาสตร์โดยตรง อย่างน้อยน้องก็น่าจะอ่านหนังสือพิมพ์รู้เรื่องนะคะ(เหนไหม มีประโยชน์สุดๆ5555)
สุดท้ายค่ะ อยากจะบอกว่า จริงๆแล้ว เศรษฐศาสตร์คือ "ศาสตร์แห่งการเลือก" ค่ะ นี่คือหัวใจของวิชานี้
(ไม่ใช่แค่ "การเลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด.....ฯลฯ" อย่างที่น้องเคยเรียนในหนังสืออย่างเดียวนะคะ อย่างน้อย ถ้าน้องได้ไปสอบสัมภาษณ์ ก็จะได้ไม่ใช้ประโยคนี้ เดี๋ยวจะซ้ำกับเพื่อนๆ5555)
คณะนี้จะสอนวิธีคิดและวิธีการ"เลือก" และอธิบาย ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต(ใช่ค่ะ ถ้าน้องจะใช้ มันใช้ได้หมดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องระดับชาติ ไปจนถึงเรื่องความรัก)ได้อย่างมีเหตุผล ไม่มากก็น้อยค่ะ
หวังว่าคงช่วยได้บ้างนะคะ
กำลังโหลด
ถ้าจะเรียนเศรษฐศาสตร์ให้ได้ดี(คือเรียนแล้วเข้าใจจริงๆ เอาไปประยุกต์ใช้ได้) พื้นฐานเลขก็ค่อนข้างจำเป็นเหมือนกันค่ะ เพราะวิชาส่วนมากจะเกี่ยวกับการวิเคราะห์ ตั้งสมมติฐาน หรือสร้างแบบจำลองสถานการณ์จริง(ที่เค้าเรียกว่า Modelนี่แหละค่ะ) เพราะนักเศรษฐศาสตร์จะชอบตั้งคำถามและหาคำตอบโดยการจำลองสถานการณ์ และหาทางที่ลงทุนน้อยที่สุดและได้ประโยชน์สูงสุด ซึงเรื่องพวกนี้ส่วนมากต้องใช้ความรู้ด้านการคำนวณและหลักสถิติเข้ามาช่วยค่ะ
เช่น ถ้าเราอยากรู้ว่าจะไปกินข้าวร้านชื่อดังอาหารอร่อยราคาแพงหน่อย แล้วก็เดินทางไกล กับไปกินร้านแถวบ้านแต่ไม่อร่อยเท่า แต่ราคาถูก อันไหนจะทำให้เราพอใจมากกว่ากัน เราอาจจะใช้หลักเศรษฐศาสตร์เข้ามาช่วยเรา"เลือก"อย่างมีระบบ โดยการตั้งสมมติฐานว่า ถ้าเราให้ความสำคัญกับรสชาติ ราคา และความขี้เกียจ เป็นตัวเลขเท่านี้ แล้วสมมติให้คะแนนของแต่ละร้านในแต่ละด้านเป็นตัวเลข(สมมติว่าไม่มีปัจจัยอื่นมาเกี่ยว เช่นแฟนอยากกินที่อื่น หรือ ร้านปิด)ถ้าเราตีข้อมูลทั้งหมดเป็นตัวเลขแล้วนำมาหาค่าความพอใจสูงสุด เราก็จะสามารถตัดสินใจได้ดีที่สุด
อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะเริ่มคิดแล้วว่า 'เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องใช้เลขเลย แค่นึกแล้วเปรียบเทียบเอาก็ได้แล้ว' แต่สถาณการณ์บางอย่างที่มีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวขอ้งเยอะๆ หรือเรื่องการตัดสินใจระดับชาติมันจะซับซ้อนกว่านี้มาก หรือถ้าเป็นเรื่องง่ายๆ การคำนวนจะทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่าตัดสินใจไม่ผิดพลาด เพราะจะมีความแม่นยำกว่า
ส่วนเรื่องถ้าไม่เก่งเลขแล้วจะเรียนรอดมั๊ย พี่บอกได้เลยว่ารอดค่ะ เพราะพี่ก็ไมเก่งเลขอย่างแรงเหมือนกัน ขนาดที่ว่าคะแนนเลขทีสอบติดเข้ามาน้อยกว่าเพื่อนสายภาษาที่เข้าไปมั่วในห้องสอบเล่นๆอะค่ะ - -" แต่ก็ผ่านมาได้ แต่ว่าความรู้ที่ได้ก้องูๆปลาๆ จะไปเอาดีเต็มที่ด้านสร้างโมเดลนี่คงไม่ไหว
ก่อนที่น้องๆจะหมดศัทธากะพี่นะคะ พี่ขอแก้ตัวก่อนว่า พี่เรียนอยู่สถาบันที่น้องๆหลายคนอยากเข้าแน่ๆค่ะ (สอบเค้ามาได้ด้วยวิชาอื่นค่ะ) ดังนั้น สิ่งที่พี่บอกน้องๆไปพี่ไม่ได้มั่วนิ่มนะคะ โดยเฉพาะเรื่องไม่เก่งเลขนี่ confirm ค่ะ 55555
เรียนเศรษฐศาสตร์นี่ถ้าชอบเลขกับสถิติจะช่วยได้มาก แต่ถ้าไม่ชอบก็ยังเรียนสนุกอยู่ค่ะ ถ้าชอบวิธีการคิดของนักเศรษฐศาสตร์นะคะ(แต่เกรดอาจจะไม่ค่อยงาม)
ดังนั้น ทางที่ดี น้องๆควรจะเตรียมตัวปรับพื้นฐานคณิตศาสตร์ไว้ค่ะ เวลาเข้าไปเรียนจะได้ไม่ลำบาก ถ้าใครชอบอ่านหนังสือแนะนำให้ไปลองหาหนังสือเกี่ยวกับ basic statistics หรือ math for economics มาพลิกดูเล่นๆ เพราะจะบอกว่า หนังสือที่ใช้เรียนจริงส่วนใหญ่(โดยเฉพาะที่เป็นภาษาไทย) มันจะอ่านยาก(มวากก) เข้าใจยากสุดๆ ถ้าเป็นไปได้ให้ลองกัดฟันอ่านหนังสือ math ดีๆแทนค่ะ เพราะหนังสือเมืองนอก (ถ้าเลือกดีๆ) จะอธิบายตั้งแต่เริ่มต้นว่าทำไมต้องเรียน สูตรนี้มาจากไหน เอาไปทำอะไรได้ แล้วจะใช้เมื่อไหร่ยังไง อ่านแล้วจะรู้สึกว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ
น้องคนไหนมีคำถามอะไรเพิ่มเติมก็เมลมาถามพี่ได้นะคะ เพราะพี่ไม่ค่อยได้เข้ามาดู (ขอโทษที่มาตอบช้าค่ะ)
เช่น ถ้าเราอยากรู้ว่าจะไปกินข้าวร้านชื่อดังอาหารอร่อยราคาแพงหน่อย แล้วก็เดินทางไกล กับไปกินร้านแถวบ้านแต่ไม่อร่อยเท่า แต่ราคาถูก อันไหนจะทำให้เราพอใจมากกว่ากัน เราอาจจะใช้หลักเศรษฐศาสตร์เข้ามาช่วยเรา"เลือก"อย่างมีระบบ โดยการตั้งสมมติฐานว่า ถ้าเราให้ความสำคัญกับรสชาติ ราคา และความขี้เกียจ เป็นตัวเลขเท่านี้ แล้วสมมติให้คะแนนของแต่ละร้านในแต่ละด้านเป็นตัวเลข(สมมติว่าไม่มีปัจจัยอื่นมาเกี่ยว เช่นแฟนอยากกินที่อื่น หรือ ร้านปิด)ถ้าเราตีข้อมูลทั้งหมดเป็นตัวเลขแล้วนำมาหาค่าความพอใจสูงสุด เราก็จะสามารถตัดสินใจได้ดีที่สุด
อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะเริ่มคิดแล้วว่า 'เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องใช้เลขเลย แค่นึกแล้วเปรียบเทียบเอาก็ได้แล้ว' แต่สถาณการณ์บางอย่างที่มีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวขอ้งเยอะๆ หรือเรื่องการตัดสินใจระดับชาติมันจะซับซ้อนกว่านี้มาก หรือถ้าเป็นเรื่องง่ายๆ การคำนวนจะทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่าตัดสินใจไม่ผิดพลาด เพราะจะมีความแม่นยำกว่า
ส่วนเรื่องถ้าไม่เก่งเลขแล้วจะเรียนรอดมั๊ย พี่บอกได้เลยว่ารอดค่ะ เพราะพี่ก็ไมเก่งเลขอย่างแรงเหมือนกัน ขนาดที่ว่าคะแนนเลขทีสอบติดเข้ามาน้อยกว่าเพื่อนสายภาษาที่เข้าไปมั่วในห้องสอบเล่นๆอะค่ะ - -" แต่ก็ผ่านมาได้ แต่ว่าความรู้ที่ได้ก้องูๆปลาๆ จะไปเอาดีเต็มที่ด้านสร้างโมเดลนี่คงไม่ไหว
ก่อนที่น้องๆจะหมดศัทธากะพี่นะคะ พี่ขอแก้ตัวก่อนว่า พี่เรียนอยู่สถาบันที่น้องๆหลายคนอยากเข้าแน่ๆค่ะ (สอบเค้ามาได้ด้วยวิชาอื่นค่ะ) ดังนั้น สิ่งที่พี่บอกน้องๆไปพี่ไม่ได้มั่วนิ่มนะคะ โดยเฉพาะเรื่องไม่เก่งเลขนี่ confirm ค่ะ 55555
เรียนเศรษฐศาสตร์นี่ถ้าชอบเลขกับสถิติจะช่วยได้มาก แต่ถ้าไม่ชอบก็ยังเรียนสนุกอยู่ค่ะ ถ้าชอบวิธีการคิดของนักเศรษฐศาสตร์นะคะ(แต่เกรดอาจจะไม่ค่อยงาม)
ดังนั้น ทางที่ดี น้องๆควรจะเตรียมตัวปรับพื้นฐานคณิตศาสตร์ไว้ค่ะ เวลาเข้าไปเรียนจะได้ไม่ลำบาก ถ้าใครชอบอ่านหนังสือแนะนำให้ไปลองหาหนังสือเกี่ยวกับ basic statistics หรือ math for economics มาพลิกดูเล่นๆ เพราะจะบอกว่า หนังสือที่ใช้เรียนจริงส่วนใหญ่(โดยเฉพาะที่เป็นภาษาไทย) มันจะอ่านยาก(มวากก) เข้าใจยากสุดๆ ถ้าเป็นไปได้ให้ลองกัดฟันอ่านหนังสือ math ดีๆแทนค่ะ เพราะหนังสือเมืองนอก (ถ้าเลือกดีๆ) จะอธิบายตั้งแต่เริ่มต้นว่าทำไมต้องเรียน สูตรนี้มาจากไหน เอาไปทำอะไรได้ แล้วจะใช้เมื่อไหร่ยังไง อ่านแล้วจะรู้สึกว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ
น้องคนไหนมีคำถามอะไรเพิ่มเติมก็เมลมาถามพี่ได้นะคะ เพราะพี่ไม่ค่อยได้เข้ามาดู (ขอโทษที่มาตอบช้าค่ะ)
กำลังโหลด
เศรษฐศาสตร์กับบัญชีนี่ไม่เหมือนกันเลยจ้า เศรษฐศาสตร์จะเน้นการมองและวิเคราะห์เศรษฐกิจในมุมกว้างมากกว่า
ส่วนบัญชีนี่ก็น่าจะแล้วแต่ว่าเรียนบัญชีสายอะไร แต่เท่าที่พี่เข้าใจ บัญชีจะเน้นวิชาชีพมากกว่าทฤษฎี สายหลักๆบัญชีก็น่าจะมี Audit กะ Corporate Control อันแรกน่าจะเรียนเกี่ยวกับการตรวจสอบงบการเงินของบริษัท ส่วนอีกอันน่าจะเกี่ยวกับการใช้การเงินเปน็นเครื่องมือในการบริหารบริษัท เช่นการตั้งเงินเดือนหรือโบนัสให้มีผลกับการทำงานของลูกจ้าง อย่างเช่นการผูกโบนัสไว้กับราคาหุ้นของบรัษัท หรืออะไรพวกนี้ (อันนี้เป็นความเข้าใจแบบผิวเผินจากคนที่ไม่ได้จบบัญชี ถ้าเข้าใจผิดก็ขอโทษพี่ที่เรียนบัญชีด้วยจ้า)
อีกอย่างที่สำคัญ เศรษฐศาสตร์จะไม่มีสายที่เกี่ยวกับ Finance โดยตรง วิชาด้านการเงินของเศรษฐศาสตร์จะเกี่ยวกับการเงินในระบบเศรษฐกิจทั้งระบบแล้วก็พวกนโยบายการเงินการคลังของรัฐกับธนาคารมากกว่า(Monetary) ในขณะที่การเงินของบัญชีจะเกี่ยวข้องกับ ตลาดเงิน ตลาดทุน (Finance) โดยเฉพาะ
โทษที ที่พี่มาตอบช้า หวังว่าคงไม่ช้าไปนะจ๊ะ
ส่วนบัญชีนี่ก็น่าจะแล้วแต่ว่าเรียนบัญชีสายอะไร แต่เท่าที่พี่เข้าใจ บัญชีจะเน้นวิชาชีพมากกว่าทฤษฎี สายหลักๆบัญชีก็น่าจะมี Audit กะ Corporate Control อันแรกน่าจะเรียนเกี่ยวกับการตรวจสอบงบการเงินของบริษัท ส่วนอีกอันน่าจะเกี่ยวกับการใช้การเงินเปน็นเครื่องมือในการบริหารบริษัท เช่นการตั้งเงินเดือนหรือโบนัสให้มีผลกับการทำงานของลูกจ้าง อย่างเช่นการผูกโบนัสไว้กับราคาหุ้นของบรัษัท หรืออะไรพวกนี้ (อันนี้เป็นความเข้าใจแบบผิวเผินจากคนที่ไม่ได้จบบัญชี ถ้าเข้าใจผิดก็ขอโทษพี่ที่เรียนบัญชีด้วยจ้า)
อีกอย่างที่สำคัญ เศรษฐศาสตร์จะไม่มีสายที่เกี่ยวกับ Finance โดยตรง วิชาด้านการเงินของเศรษฐศาสตร์จะเกี่ยวกับการเงินในระบบเศรษฐกิจทั้งระบบแล้วก็พวกนโยบายการเงินการคลังของรัฐกับธนาคารมากกว่า(Monetary) ในขณะที่การเงินของบัญชีจะเกี่ยวข้องกับ ตลาดเงิน ตลาดทุน (Finance) โดยเฉพาะ
โทษที ที่พี่มาตอบช้า หวังว่าคงไม่ช้าไปนะจ๊ะ
หนูอยากเรียนเศรษฐศาสตร์ค่ะ แต่ไม่เก่งเลขเลย แต่หนูชอบสถิติมาก ตอนนี้พยายามฝึกทำโจทย์ทุกวัน หนูอยู่ม.6ค่ะ อยู่สายศิลป์ภาษาจีน หนูจะได้มั้ยคะ แล้วแต่ละสาขาเรียนแล้วไปทำงานอะไรได้บ้างคะ หนูอยากเรียนเศรษฐศาสตร์ เอกธุรกิจค่ะ จบไปทำงานอะไรได้บ้างคะ
กำลังโหลด
ถ้าจบจาก มธ ส่วนมากจะได้งานอะไร ที่ไหนค่ะ
กำลังโหลด
^
^
^
ได้ค่ะ
สามารถสอบได้ และถ้าสอบผ่านทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์ก็ได้เรียน
แต่บางที่ก็ต้องการประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องด้วยค่ะ
^
^
ได้ค่ะ
สามารถสอบได้ และถ้าสอบผ่านทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์ก็ได้เรียน
แต่บางที่ก็ต้องการประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องด้วยค่ะ
กำลังโหลด
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการที่จะลบความเห็นนี้ใช่หรือไม่ ?
45 ความคิดเห็น
ที่สนใจอยู่ (แต่ไม่รู้จะถามใคร และสามารถไขข้อข้องใจได้ 55) ก็คือ
1.wealth advisor นี่มีหน้าที่อย่างไรบ้างคะ ทำงานเกี่ยวกับอะไรบ้าง
2.สนใจอาชีพ นายหน้าโบรกเกอร์อะค่ะ ทำหน้าที่อะไรคะ และทำงานเกี่ยวกับอะไรบ้าง
โดยส่วนตัวแล้ว อยากทำงานที่ได้วิเคราะห์ และได้พบปะคนเยอะๆอะค่ะ สนใจงานพวกหลักทรัพย์
ไม่ทราบว่า มีอาชีพไหนที่น่าสนใจอีกมั้ยคะ ที่จบตรีเสดสาด แล้วไปทำแนวที่เขียนไว้ข้างต้นได้อะค่ะ
ขอบคุนมากนะคะ ^^
นี่เป้นอาชีพที่เป็นที่นิยมมากในต่างประเทศ แต่ยังใหม่อยู่สำหรับไทย ส่วนมากของใทย อาชีพนี้จะเป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารหรือประกันที่ขายสินค้าทางการเงินของสังกัดที่อยู่ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า (แต่ในอนาคต คงจะพัฒนาเป็นAdivsorอิสระที่ไม่ได้ขึ้นกับสถาบันใดๆ เหมือนกับต่างประเทศค่ะ)
2.โบรคเกอร์ จริงๆแล้วเป็นชื่อที่ใช้เรียกบริษัทที่ได้รับอณุญาติซื้อขายหลักทรัพย์(ถ้าเรียกง่ายๆกว้างๆก็อาจจะเรียกว่า "หุ้น") เพราะบุคคลทั่วไปถ้าจะทำการซื้อขายหุ้นต้องทำผ่านบริษัทดังกล่าวเท่านั้น ไม่สามารถซื้อขายได้ด้วยตนเอง โดย โบรคเกอร์จะรับจัดการเปนผู้ซื้อขายหลักทรัพยให้เรา ส่วนเจ้าหน้าที่ จะมีหลายแบบ คือ มีตั้งแต่ Maketer หรือคนที่เป็นฝ่ายขาย(หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าBrokerก็คือคนนี้ค่ะ) มีหน้าที่ป้อนคำสั่งซื้อขายให้ลูกค้า นอกจากนี้ คนเหล่านี้อาจจะแนะนำ รวมถึงวิเคราะห์หลักทรัพย์แต่ละตัวได้ ถ้าหากสอบผ่านเป็นผู้วิเคราะห์หลักทรัพย์ตามกำหนด เช่นการสอบ CFA เป็นต้น(CFAก้อยังแบ่งเป็นอีกหลายเลเวลเหมือนกัน)
นอกจากสองอาชีพที่กล่าวมา เด็กที่จบเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่มักจะทำงานกับธนาคารพาณิชย์(ได้เกือบทุกตำแหน่ง เพราะใช้พื้นฐานเศรษฐศาสตร์เป็นหลัก) ข้อดีคือ จะมีความมั่นคงสูงมาก แต่อาจจะน่าเบื่อสำหรับบางคน
หรือบางคนอาจะเลือกทำงานที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นนักวิเคราะห์หรือวิจัยเศรษฐกิจของประเทศก็ได้ค่ะ หลายคนบอกว่าทำแล้วท้าทาย เน้นทฤษฏีเศรษฐศาสตร์เต็มๆ
เศรษฐศาสตร์มีส่วนช่วยอย่างมากในการทำความเข้าใจรวมถึงการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการเงินการคลังของประเทศค่ะ การเพิ่ม หรือลดดอกเบี้ย หรือการเพิ่มเงินในระบบเศรษฐกินด้วยวิธีต่างๆที่รัฐบาลหรือแบ๊งชาติชอบออกมาประกาศบ่อยๆ ล้วนแล้วแต่สามารถอธิบายได้ด้วยเศรษฐศาสตร์ทั้งสิ้น ดังนั้น ถ้าน้องอยากเป็นผู้ว่าแบ๊งชาติ หรือเป็นรัฐนตรีกระทรวงการคลัง น้องก็ควรจบเศรษฐศาสตร์นะคะ
หรือ อย่างน้อย น้องๆที่เรียนไป ไม่จำเป็นต้องเป็นProหรือได้เกียรตินิยม ก็ต้องเข้าใจว่า"มันทำไปทำไม" คือถ้า ไม่ได้จะจบมาเอาดีทางเศรษฐศาสตร์โดยตรง อย่างน้อยน้องก็น่าจะอ่านหนังสือพิมพ์รู้เรื่องนะคะ(เหนไหม มีประโยชน์สุดๆ5555)
สุดท้ายค่ะ อยากจะบอกว่า จริงๆแล้ว เศรษฐศาสตร์คือ "ศาสตร์แห่งการเลือก" ค่ะ นี่คือหัวใจของวิชานี้
(ไม่ใช่แค่ "การเลือกใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด.....ฯลฯ" อย่างที่น้องเคยเรียนในหนังสืออย่างเดียวนะคะ อย่างน้อย ถ้าน้องได้ไปสอบสัมภาษณ์ ก็จะได้ไม่ใช้ประโยคนี้ เดี๋ยวจะซ้ำกับเพื่อนๆ5555)
คณะนี้จะสอนวิธีคิดและวิธีการ"เลือก" และอธิบาย ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต(ใช่ค่ะ ถ้าน้องจะใช้ มันใช้ได้หมดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องระดับชาติ ไปจนถึงเรื่องความรัก)ได้อย่างมีเหตุผล ไม่มากก็น้อยค่ะ
หวังว่าคงช่วยได้บ้างนะคะ
เราเพิ่งเข้ามาอ่าน กำลังสนใจอยู่สองคณะ คือ เศรษศาสตร์กับรัฐศาสตร์
ก็เลยต้องหาข้อมูลเกียวกับสองคณะนี้ให้มากๆ ว่าเค้าเรียนอะไรบ้าง จบมาแล้วทำอะไร เงี้ยอ่ะค่ะ
ยังไงก้อขอบคุณน่ะค่ะ~
จะทำงานเกี่ยวกับหลักทรัพย์ได้รึป่าว
แบบมันคล้ายๆๆกันมั้ย?????
ส่วนบัญชีนี่ก็น่าจะแล้วแต่ว่าเรียนบัญชีสายอะไร แต่เท่าที่พี่เข้าใจ บัญชีจะเน้นวิชาชีพมากกว่าทฤษฎี สายหลักๆบัญชีก็น่าจะมี Audit กะ Corporate Control อันแรกน่าจะเรียนเกี่ยวกับการตรวจสอบงบการเงินของบริษัท ส่วนอีกอันน่าจะเกี่ยวกับการใช้การเงินเปน็นเครื่องมือในการบริหารบริษัท เช่นการตั้งเงินเดือนหรือโบนัสให้มีผลกับการทำงานของลูกจ้าง อย่างเช่นการผูกโบนัสไว้กับราคาหุ้นของบรัษัท หรืออะไรพวกนี้ (อันนี้เป็นความเข้าใจแบบผิวเผินจากคนที่ไม่ได้จบบัญชี ถ้าเข้าใจผิดก็ขอโทษพี่ที่เรียนบัญชีด้วยจ้า)
อีกอย่างที่สำคัญ เศรษฐศาสตร์จะไม่มีสายที่เกี่ยวกับ Finance โดยตรง วิชาด้านการเงินของเศรษฐศาสตร์จะเกี่ยวกับการเงินในระบบเศรษฐกิจทั้งระบบแล้วก็พวกนโยบายการเงินการคลังของรัฐกับธนาคารมากกว่า(Monetary) ในขณะที่การเงินของบัญชีจะเกี่ยวข้องกับ ตลาดเงิน ตลาดทุน (Finance) โดยเฉพาะ
โทษที ที่พี่มาตอบช้า หวังว่าคงไม่ช้าไปนะจ๊ะ
แล้วไม่ทราบว่าพี่จบที่ไหน ครับ
เรียนเหมือนกัน เศรษฐศาสตร์การเงิน วิเคราะห์ ล้วนๆๆ (สายนี้เหมือนคนโรคจิต ไปไหนเหมือนคนคิดมาก อิอิๆๆ)
อยากเข้าเศรษฐศาสตร์เหมือนกันค่ะ
แต่ต้องเลขมากๆๆเลย ป่ะค่ะ
ตนที่เรียนเลขได้ปานกลาง มีสิทธิลุ้นรึป่าว??
เช่น ถ้าเราอยากรู้ว่าจะไปกินข้าวร้านชื่อดังอาหารอร่อยราคาแพงหน่อย แล้วก็เดินทางไกล กับไปกินร้านแถวบ้านแต่ไม่อร่อยเท่า แต่ราคาถูก อันไหนจะทำให้เราพอใจมากกว่ากัน เราอาจจะใช้หลักเศรษฐศาสตร์เข้ามาช่วยเรา"เลือก"อย่างมีระบบ โดยการตั้งสมมติฐานว่า ถ้าเราให้ความสำคัญกับรสชาติ ราคา และความขี้เกียจ เป็นตัวเลขเท่านี้ แล้วสมมติให้คะแนนของแต่ละร้านในแต่ละด้านเป็นตัวเลข(สมมติว่าไม่มีปัจจัยอื่นมาเกี่ยว เช่นแฟนอยากกินที่อื่น หรือ ร้านปิด)ถ้าเราตีข้อมูลทั้งหมดเป็นตัวเลขแล้วนำมาหาค่าความพอใจสูงสุด เราก็จะสามารถตัดสินใจได้ดีที่สุด
อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะเริ่มคิดแล้วว่า 'เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องใช้เลขเลย แค่นึกแล้วเปรียบเทียบเอาก็ได้แล้ว' แต่สถาณการณ์บางอย่างที่มีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวขอ้งเยอะๆ หรือเรื่องการตัดสินใจระดับชาติมันจะซับซ้อนกว่านี้มาก หรือถ้าเป็นเรื่องง่ายๆ การคำนวนจะทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่าตัดสินใจไม่ผิดพลาด เพราะจะมีความแม่นยำกว่า
ส่วนเรื่องถ้าไม่เก่งเลขแล้วจะเรียนรอดมั๊ย พี่บอกได้เลยว่ารอดค่ะ เพราะพี่ก็ไมเก่งเลขอย่างแรงเหมือนกัน ขนาดที่ว่าคะแนนเลขทีสอบติดเข้ามาน้อยกว่าเพื่อนสายภาษาที่เข้าไปมั่วในห้องสอบเล่นๆอะค่ะ - -" แต่ก็ผ่านมาได้ แต่ว่าความรู้ที่ได้ก้องูๆปลาๆ จะไปเอาดีเต็มที่ด้านสร้างโมเดลนี่คงไม่ไหว
ก่อนที่น้องๆจะหมดศัทธากะพี่นะคะ พี่ขอแก้ตัวก่อนว่า พี่เรียนอยู่สถาบันที่น้องๆหลายคนอยากเข้าแน่ๆค่ะ (สอบเค้ามาได้ด้วยวิชาอื่นค่ะ) ดังนั้น สิ่งที่พี่บอกน้องๆไปพี่ไม่ได้มั่วนิ่มนะคะ โดยเฉพาะเรื่องไม่เก่งเลขนี่ confirm ค่ะ 55555
เรียนเศรษฐศาสตร์นี่ถ้าชอบเลขกับสถิติจะช่วยได้มาก แต่ถ้าไม่ชอบก็ยังเรียนสนุกอยู่ค่ะ ถ้าชอบวิธีการคิดของนักเศรษฐศาสตร์นะคะ(แต่เกรดอาจจะไม่ค่อยงาม)
ดังนั้น ทางที่ดี น้องๆควรจะเตรียมตัวปรับพื้นฐานคณิตศาสตร์ไว้ค่ะ เวลาเข้าไปเรียนจะได้ไม่ลำบาก ถ้าใครชอบอ่านหนังสือแนะนำให้ไปลองหาหนังสือเกี่ยวกับ basic statistics หรือ math for economics มาพลิกดูเล่นๆ เพราะจะบอกว่า หนังสือที่ใช้เรียนจริงส่วนใหญ่(โดยเฉพาะที่เป็นภาษาไทย) มันจะอ่านยาก(มวากก) เข้าใจยากสุดๆ ถ้าเป็นไปได้ให้ลองกัดฟันอ่านหนังสือ math ดีๆแทนค่ะ เพราะหนังสือเมืองนอก (ถ้าเลือกดีๆ) จะอธิบายตั้งแต่เริ่มต้นว่าทำไมต้องเรียน สูตรนี้มาจากไหน เอาไปทำอะไรได้ แล้วจะใช้เมื่อไหร่ยังไง อ่านแล้วจะรู้สึกว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิดค่ะ
น้องคนไหนมีคำถามอะไรเพิ่มเติมก็เมลมาถามพี่ได้นะคะ เพราะพี่ไม่ค่อยได้เข้ามาดู (ขอโทษที่มาตอบช้าค่ะ)
เศรษฐศาสต์จึงเกิดขึ้น คุณว่ามั้ย......หิหิ
เรียนเหมือนกัน จ๊ะ ปี4แล้วจ๊ะ เศรษฐศาสตร์การเงิน
สำหรับข้อมูลดีดี
ข้อมูลมีประโยชน์มาก ๆๆๆ
ช่วยให้ตัดสินใจอะไรได้มากเลย
ผมคิดว่า เศรษฐศาสตร์น่าจะปรับใช้อะไรได้เยอะมากเลยที่เดียว