คณะอักษรศาสตร์ / มนุษย์ศาสตร์ /
ศิลปศาสตร์ สาขาภาษาญี่ปุ่น
ตอนที่ 3/3 : ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย

      
         สวัสดีค่ะ น้องๆ ชาว Dek-D.com .... เชื่อเลยว่าอาชีพล่ามคงเป็นอาชีพในฝันของใครหลายคน โดยเฉพาะล่ามภาษาญี่ปุ่น เพราะว่ากันว่าเงินเดือนดีไม่ใช่เล่น น้องๆ อยากรู้มั้ยล่ะว่า.. วันๆ เค้าต้องทำอะไรบ้าง ?????


ก่อนอื่นช่วยแนะนำตัวแก่น้องๆ ที่อ่านอยู่หน่อยค่ะ ^^
ชื่อ อนุสรณ์ อารีย์ ชื่อเล่นยูครับ จบจากสาขาภาษาญี่ปุ่น คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒครับ



ย้อนเวลากลับไป อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เลือกเรียนเอกญี่ปุ่น
ถ้าพูดกันตรงๆ คือ ตอนก่อนเอ็นทรานซ์ไม่ได้อยากเรียนภาษาญี่ปุ่นเลยครับ ความจริงอยากเรียนนิเทศศาสตร์ และตอนนั้นคาดหวังด้วยว่าคงติด ส่วนอันดับ 2 3 4 ก็เลือกๆ ไปว่าจะเรียนภาษา
คือตอนนั้นที่เลือกเรียนภาษาก็ไม่รู้อีกว่าจะเรียนภาษาอะไร แต่ภาษาญี่ปุ่นแปลกดี ตอนนั้นคนเรียนวิชาเอกไม่ค่อยเยอะ (ตอนนั้นตัวอักษรญี่ปุ่นยังไม่รู้เลยว่าเป็นแบบไหน) ก็เลยใส่ไว้อันดับ 2 สรุปว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด คะแนนนิเทศเคลื่อน อด 55+ ก็เลยได้อันดับ 2


ตอนปีหนึ่งเรียนไปก็เกือบซิ่ว เพราะว่าต้องเรียนรวมกับเด็กที่มีพื้นฐานญี่ปุ่นตอน ม.ปลาย มาแล้ว แต่เราไม่มีพื้นฐานเลย และภาษาญี่ปุ่นค่อนข้างยาก เรียกว่ายากมากๆ จะดีกว่า เรียนไปจนถึงปีสองก็รู้ว่า เรียนญี่ปุ่นก็ทำงานสายนิเทศ พวกแมกกาซีน หนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นได้ ก็เลยตั้งใจเรียนมากขึ้นเล็กน้อย



แล้วหลังจบมา ตอนนี้พี่ยูทำงานอะไรอยู่คะ
พอจบมาก็ไม่ได้ทำงานด้านแมกกาซีน หรือหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นที่ตั้งใจไว้ เพราะตลาดงานน้อยเวอร์ๆ
ไปหาบริษัทจัดหางานก็ให้ไปลองสัมภาษณ์ ทุกที่ที่ยื่นข้อเสนอมาเป็นตำแหน่งล่ามหมด
แรกๆ ปฏิเสธไป แต่หลังๆ ไปก็ได้ ได้ไปสัมภาษณ์ และได้ทำงานที่แรกที่ เอส ไอ เค (ประเทศไทย) ที่นั่นทำล่ามโรงงาน แปลทุกสิ่งอย่างในไลน์การผลิต ประชุมผู้จัดการ ประชุมกับลูกค้า แปลเอกสารระบบ ISO แปลกฎหมายและภาษาถิ่น แรกๆ ยากมาก พอทำไปทำมา คำศัพท์ก็เริ่มซ้ำ แล้วก็เริ่มชิน จนระดับความยากของงานเปลี่ยนระดับจากยากมากเป็นยากเฉยๆ แต่ก็ยังไงก็ต้องจำคำศัพท์เทคนิค พวกสารเคมีอะไรพวกนี้เยอะอยู่นะ


ตอนนี้เป็นล่ามอยู่พานาโซนิค ออโตโมทีฟ เอเชีย แปซิฟิค (ไทยแลนด์) งานที่นี่ยังไม่ยากมาก เรียกว่าง่ายเลย เมื่อเทียบกับที่เก่า (ในแง่ของการเป็นล่ามนะ) เพราะเป็นล่ามของแผนกวิศวกรรม ดูแลเอกสาร เน้นแปลเอกสาร มากกว่าเน้นพูด ไม่ต้องเข้าไลน์การผลิต นั่งโต๊ะชิลๆ ก็มีสิ่งที่ต้องปรับตัวอยู่เยอะมาก เช่น ศัพท์เทคนิค และศัพท์ธรรมดา เพราะแต่ละที่เรียกของแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน ก็คอยฟังว่าแต่ละที่เรียกอะไร แต่ที่นี่มีหน้าที่มากกว่าล่าม คือการดูแลกิจกรรมด้านวิศวกรรม ยกตัวอย่าง เช่น ต่อสัญญาลิขสิทธิ์ จัดระบบ สร้างฟอร์แมทเอกสาร ซึ่งงานตรงนี้ยาก และต้องใช้ความรู้ที่ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นเยอะ ต้องเรียนรู้เยอะเลยครับ

แล้วนอกจากนี้ก็ยังสอนภาษาญี่ปุ่นที่โรงเรียน JAT ที่ปิ่นเกล้าอีกด้วยครับ



ความยากของการเป็นล่ามญี่ปุ่นคืออะไรคะ
ที่ยาก ไม่ใช่แค่ที่ตัวภาษานะ แต่ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัว การเลือกคำพูดในการแปล และรวมไปถึงมนุษยสัมพันธ์ที่ต้องดีเกินเหตุสนิทให้ได้กับทุกคนในองค์กร ทุกอย่างดูกดดัน กดดันจริงๆ นะ ทั้งกดดันจากคำศัพท์ที่ไม่รู้ อารมณ์ของคน และกดดันจากการโดนดุกลางที่ประชุม คนญี่ปุ่นบางคนนิสัยเสีย ก็จะขำสำเนียง หรือสิ่งที่ล่ามพูดออกมากลางที่ประชุมก็มี เพราะยังไงเราก็ไม่ใช่คนญี่ปุ่นแท้ๆ สำเนียงไม่เหมือนเค้าอยู่ดี (เคยเจอมากับตัวเลย ประสบการณ์อันเลวร้ายที่สุดในสิบโลก)



พี่ยูคิดว่าคนจะเป็นล่ามที่ดีได้ ควรมีคุณสมบัติยังไง
ในความคิดของผม ผมคิดว่าคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดเลย คือความอดทน และความสามารถในการสกัดกั้นอารมณ์ ไม่ว่าจะเก่งภาษาแค่ไหน แต่ถ้าไม่สามารถทำงานในสภาวะกดดันได้ ผมรับรองเลยว่าทำงานต่อไม่ได้แน่ อาจจะร้องไห้ กรี้ดลั่นเหมือนโดนข้าวสารเสกกลางที่ประชุม หลายคนเลิกที่จะเป็นก็เพราะเหตุผลนี้แหละ ไม่สามารถทนต่อการทำงานในสภาวะกดดันได้ ความยากของภาษามันก็มี แต่พวกนี้มันฝึกฝนจนชำนาญ และเก่งได้นะ ถ้าคนอยากเป็นล่ามจริงๆ ไม่อยากให้กังวลเรื่องภาษาเท่าไหร่ แรกๆ อาจทำงานไม่คล่อง หลังๆ มันจะสมูทคล่องตัวขึ้นเอง ฟันธง!



เค้าว่ากันว่า งานล่ามญี่ปุ่นเงินเดือนสูงมากๆ จริงมั้ยคะ
อันนี้เห็นด้วยเต็มๆ ถ้าเทียบกับสาขาอื่นของสายศิลป์ที่จบมา ผมคิดว่าล่ามภาษาญี่ปุ่นเนี่ยแหละได้เงินเดือนสูงรองลงมาจากการเป็นแอร์ เป็นสจ๊วต ส่วนมากสตาร์ทก็เกือบ 30,000 ขึ้นอยู่กับบริษัท แต่บางบริษัทใจถึง จ้างเป็นสัญญาระยะสั้น แต่ให้เงินสูงกว่าแอร์สจ๊วตก็มีนะ แต่เงินเดือนสูงก็ย่อมแลกมากับความรับผิดชอบหลายอย่าง เช่น เวลาแปลที่เกี่ยวกับกฎหมาย แปลสัญญาอะไรพวกนี้ และบางบริษัท (เช่น พานาโซนิค กรุ๊ป) ก็มักไม่จ้างล่ามมาแปลภาษาอย่างเดียว ต้องมาทำงานด้านอื่น งานแผนกอื่นๆ ด้วย เรียกว่าจ้าง 1 คน แต่ทำได้หลายอย่าง (มองในมุมบริษัทคือ เขาคุ้ม มองในมุมของเราคือ เราเหนื่อย เอ๊ย เราได้เรียนรู้) ถ้าได้ทำงานในบริษัทแบบนี้ เหนื่อยแน่นอน แต่รับรองว่าจะมีความรู้ด้านอื่นเยอะแยะมากมาย


ตัวอย่างประกาศรับสมัครงานล่ามภาษาญี่ปุ่น

 



แล้วการได้มาทำงานร่วมกับคนญี่ปุ่นแบบนี้ พี่ยูคิดว่าคนญี่ปุ่นเค้าเป็นยังไงบ้าง
จากการทำงานในบริษัทญี่ปุ่น รู้เลยว่า คนญี่ปุ่นบ้างาน ทำงานเป็นบ้าเป็นบอ แต่.. เขาจะเป็นแบบนี้เฉพาะเวลางานนะ เวลาสนุกสนานเที่ยวประจำปี เขาก็สนุกเต็มที่ ไม่คุยเรื่องงานเหมือนกัน คนญี่ปุ่นจะทำงานจนวินาทีสุดท้าย เลิกงาน 5 โมง เก็บโต๊ะ 5 โมง ไม่เหมือนคนไทย ที่จะเก็บกระเป๋าตั้งแต่ 4 โมง (ผมด้วย 55)


แล้วนอกจากงานล่ามแล้ว เพื่อนๆ ที่จบเอกญี่ปุ่นด้วยกันมา ไปทำงานอะไรบ้าง
งานที่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นทุกประเภททำได้หมดเลยนะ ใครใจดี รักเด็กมีเมตตา มีจิตใจกรุณาก็ไปเป็นนางงาม หรือเป็นคุณครู บางคนพูดเก่ง เสนอขายสินค้าได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ก็เป็นเซลล์
และอย่างที่บอก ในบางบริษัทจะรับคนจบเอกญี่ปุ่นไปทำงานในแผนก ไม่ว่าจะเป็นบุคคล ธุรการ วางแผน การตลาด วิศวกรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์ พวกนี้ก็ทำได้เหมือนกันครับผม



สุดท้าย อยากให้ฝากถึงน้องๆ ที่อยากเรียนเอกภาษาญี่ปุ่นหน่อยค่ะ
น้องๆ ที่เรียนเอกญี่ปุ่นอยู่ บางคนอาจจะบ่นว่า ยากจัง เนื้อหาเยอะ คันจิก็มากมายแต่ทุกภาษามันจะได้จากการฝึกฝนบ่อยๆ เรียนให้สนุก (พูดแล้วอาจฟังดูยากนะ) เรียนให้สนุกก็เช่น เวลาเรียน คือเรียน เวลาเล่นก็ไปเล่น เที่ยว สนุกสนาน ไอ้พวกที่เอาคันจิมาคัดหน้าโรงหนังแต่ไปแอบนั่งเล่นบีบีในห้องเรียน พวกนี้น่าโดนแบนยิ่งนัก ไม่เอานะครับ พยายามฝึกพูดบ่อยๆ พูดกับเพื่อนมันนี่แหละ อย่าอาย คนรอบข้างจะมองว่าเราดัดจริต ก็ปล่อยมัน เราจะฝึกนี่หน่า


ส่วนเรื่องท่องศัพท์ ถ้าหากน้องๆ คนไหนจำคันจิไม่ได้ พี่มีแนวทาง คือติดคำศัพท์ไว้ทั่วบ้านนั้นแหละ เดินไปทางไหนก็เจอ เจอบ่อยๆ ก็จำได้เอง (ตามหลักจิตวิทยาการเรียนรู้นะจ๊ะ ..จริงๆ ซีเรียส)


ฝากอีกอย่าง ถ้าน้องคนไหนอยากเป็นล่าม หรืออยากลองมาทำงานด้านนี้ ก็ต้องฝึกเรื่องความอดทน ความมีมนุษยสัมพันธ์อะไรพวกนี้ ลองไปหาโอกาสที่จะได้พูดต่อหน้าคนเยอะๆ มันก็จะช่วยให้เราลดความประหม่าลงในอนาคตได้ครับ

      

       ฟังดูแล้วเป็นงานที่ยากแต่ก็น่าสนุกมากๆ เลยนะคะ ได้ใช้ทั้งภาษาที่เรียนมาแถมยังได้ใช้ทักษะอื่นๆ อีก และที่สำคัญคือเงินเดือนดีด้วย 5555 (น่าสนจริงๆ) เพราะฉะนั้นน้องๆ คนไหนที่อยากเป็นล่ามไม่ว่าจะภาษาญี่ปุ่นหรือภาษาอื่นๆ ก็สู้ๆ นะคะ อนาคตที่สดใสรออยู่เห็นๆ ^^ 

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

28 ความคิดเห็น

- แจมโก๊ะ - Member 30 มี.ค. 54 08:15 น. 1

อยากเป็นล่ามภาษาญี่ปุ่น + เข้านิเทศ เหมือนกันค่ะพี่ >_<

ขอบคุณที่เล่าเรื่องดีๆ ให้ฟังนะคะ ^ ^

รู้อะไรขึ้นแยะเลย

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
book_jang Member 30 มี.ค. 54 10:48 น. 3
เออ อ่านแล้วน่าทำ
แต่เค้าอยากเข้านิเทศค่ะพี่ยู เหมือนคห.1 ฮ่าๆ
เง้อ ตอนนี้ยังครึ่ง ๆ กลาง ๆอยู่เลย คะแนนอะไรก็ยังไม่ประกาศซักที-_-

แต่ก็ขอบคุณนะคะที่นำประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง
โลกนี้ช่างกว้างใหญ่จริง ๆเน้อ...
0
กำลังโหลด
..พี่ยู 30 มี.ค. 54 11:55 น. 4
ระบบใหม่พี่ไม่รู้ว่าเรื่องคะแนนอะไรยังไง ดูง๊งงง
แต่ว่าถ้าเรียนนิเทศ ก็ท่าทางสนุกดีนะ
เรียนญี่ปุุ่นก็เหมือนสนุก มันต้องทำกิจกรรมเยอะๆ ได้ฝึกพูดฝุึกคุย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Cherj Member 30 มี.ค. 54 20:26 น. 11
อยากเป็นนักแปลนิยาย ค่ะ ภาษาจีนอะ เพราะหนูเป็นคนที่ชอบอ่านนิยาย+รักการแปล
อาชีพเนี้ย น่าจะเข้ากับหนูนะ คิดว่า.. เรียนภาษาแต่หนูเป็นคนที่ไม่ชอบสื่อสารด้วยการพูดเท่าไหร่
ถ้าเป็นให้เขียนหรือพิมพ์ออกมา จะถนัดกว่าอ่า
แต่พอเห็นพี่ยู บอกว่าเป็นล่ามได้เงินเยอะ ก็อยากสนใจทางด้านนี้ขึ้นมาแล้ว 555

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Faiito 31 มี.ค. 54 02:38 น. 13
เรียนญี่ปุ่นอยู่ค่ะ สนใจงานทางด้านภาษา
ลองหาอ่านประสบการณ์หลายๆทาง ล่าม, น่าสนใจนะคะเนี่ย 55
แต่ก็พอรู้ว่ายากมาก -*- ครูฝึกสอนที่รร.ก็เคยเป็น บอกว่าเหมือนเราเป็นตัวกลาง
ในการสื่อสาร เคยเจอคนญี่ปุ่นบอกมาให้ว่าคนนั้น เขาก็ต้องมาว่า(คนนั้น)ให้เราฟัง
แล้วเราก็ต้องไป(เหมือน)ว่าคนนั้นต่อ -0- ต้องอดทนสูงจริงๆ

แต่ตอนนี้ขอตั้งใจเรียน ตั้งใจสอบให้ดีก่อนละกันนะ T^T
0
กำลังโหลด
O=...Estolcotus...=O Member 31 มี.ค. 54 12:29 น. 14
 ล่าม เงินดีมากจริงๆครับ  !!!!   ยิ่งตาม โรงพยาบาลเอกชนใหญ่ๆ ส่วนใหญ่คนไข่จะเป็นชาวต่างชาติ ทรงโรงพยาบาลจะจ้าง ล่าม ประจำตัวให้คนไข้ครับ ได้เงินดีมาก  แรกๆจะเหมือนที่พี่เค้าบอกครับ ว่าเจอศัพย์ที่ยากๆๆ แต่หลังๆก็จะเริ่มคุ้น เพราะใช้แทบทุกวันครับ  แล้วก็ทำให้เรารู้เรื่องการแพทย์ต่างๆด้วย  วันๆแค่พูดกับคนไข้ กับหมอ เท่านี้ครับ 

ปล. เคยฝึกงานเป็นล่ามที่โรงพยาบาลที่นึงครับ ไปแลกเปลี่ยนมาเลยสบายนิดนึง
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด