ใครจะเข้ามหาวิทยาลัย  มาอ่านข่าวนี้สิ!!

 
        

      พี่เกียรติได้อ่านข่าวหนึ่ง ชื่อข่าวว่า "เปิดเสรีอาเซียน เรื่องหนักอกเด็กจบใหม่" ซึ่งจุดประสงค์ของข่าว คือ บอกให้ผู้ที่กำลังเรียนปริญญาตรีและใกล้จะเรียนจบปริญญาตรีในสี่ปีข้างหน้านี้ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาทักษะความรู้และการทำงานของตนเองให้มีคุณภาพเพื่อการแข่งขันในยุคที่มีการเปิดเสรีอาเซียนได้ ทั้งในเรื่องความรู้ ทักษะทางภาษา และการเรียนรู้วัฒนธรรมประเทศเพื่อนบ้าน 
     ถึงข่าวจะจ่าหน้าไปที่กลุ่มคนกำลังเรียนปริญญาตรี แต่พี่เกียรติคิดว่า ข่าวนี้แหละที่สำคัญมากต่อน้องๆ ที่กำลังจะเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ อย่างน้องระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และน้องๆ ปวช. ที่กำลังจะเลือกเข้ามหาวิทยาลัยเช่นกัน เพราะอย่างไรก็ถือว่าจะเป็นคนในยุคที่การเปิดเสรีอาเซียนกำลังเบิกบานแน่นอน 

       ข่าวนี้จึงมีความสำคัญมากๆ ทั้งในการตัดสินในเลือกคณะ และการวางแผนการเรียนต่อไป ที่พี่เกียรติจะพาดูแต่ละประเด็นไปค่ะ



ประเด็นที่หนึ่ง


   จากข่าวกล่าวถึงมหาวิทยาลัยไทย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีการปรับตัวช้า ควรต้องปรับวิชาให้รองรับการเปิดเขตการค้าเสรีมากขึ้น มีการพัฒนาทักษะภาษานิสิตนักศึกษาที่เรียน ควบคู่ไปกับการให้ความรู้เกี่ยวประเทศอาเซียน 
    พี่เกียรติเห็นว่าข้อนี้ไม่ต้องรอให้มหาวิทยาลัยสอนก็ได้ค่ะ เรามีแหล่งความรู้ดีๆ อย่างหนังสือ อย่างอินเทอร์เน็ต เราสามารถพัฒนาเรื่องภาษาของเราเองได้ อย่างน้อยก็ควรฝึกฝนให้สื่อสารใช้งานภาษาอังกฤษได้ เราก็รู้นี่เนอะว่าคนไทยกลัวภาษาต่างชาติ เรื่องภาษาสากลเราอ่อนกว่าประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง อย่างพี่เกียรติเองก็อ่อนภาษาอังกฤษทั้งๆ ที่เรียนผ่านมานับจำนวนปีได้มากกว่าจำนวนนิ้วมือทั้งหมดเสียอีก ฮา



ประเด็นที่สอง

 
 
  
      จากข่าวบอกว่า สาขาวิชาที่ได้งานมากคือ สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ รองลงมาคือสาขาสังคมศาสตร์ ดังนั้น งานที่กำลังเป็นที่ต้องการ คือ สายวิทยาศาสตร์สุขภาพ และสังคมศาสตร์ ได้แก่กลุ่ม หมอ พยาบาล นักกายภาพบำบัด ฯลฯ ในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ และกลุ่มทนาย บัญชี ครู ในสายสังคมศาสตร์ รวมถึงอาชีพวิศวกรด้วย พี่เกียรติว่า มันเป็นเรื่องปกติค่ะ คือวิชาเหล่านี้มันเป็นทักษะเฉพาะทางอาชีพและเป็นอาชีพที่นิยมอยู่แล้ว ถ้าได้เรียนและจบมา ก็ควรเข้าไปทำงานในสายนั้นๆ อยู่แล้ว ดังนั้น เรียนไปก็น่าจะมีตลาดรองรับนั้นแหละ จึงว่าเป็นเรืองปกติค่ะ แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่มีแนวโน้มว่าไม่ตกงานมากกว่า ถ้าใครเลือกเรียนก็น่าจะเป็นมีงานรองรับนั่นเอง

        ข่าวเขาบอกอย่างนั้น แต่นี่เป็นเรื่องของอนาคต ไม่มีใครรู้เรื่องอนาคตได้แท้จริงค่ะ หากความสนใจของน้องๆ ไม่ตรงกับแนวโน้มอาชีพที่ตลาดงานรองรับในอนาคต ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีงานทำนี่คะ  จริงไหม  ดังนั้น ก็อย่าเพิ่งตกใจถ้าเราสนใจและรักที่จะทำอาชีพที่ตลาดแรงงานไม่ต้องการ เพราะถ้าเราจบมาด้วยความเป็นที่สุดของที่สุด คือ เก่งในคณะที่เลือกเรียน พี่เกียรติว่าอย่างไรก็มีงานทำแน่นอน!!



ประเด็นที่สาม

    
       นอกจากผลการเรียนดีแล้ว ก็ต้องทำกิจกรรม เสริมสร้างประสบการณ์ในการทำงานทักษะอื่นๆ นอกเหนือจากวิชาที่เรียนด้วย ที่สำคัญกิจกรรมนอกเนื้อวิชาเรียนนี้จะช่วยให้เราได้พบการทำงานกับกลุ่มคนที่หลากหลายมากขึ้น กับเพื่อนต่างคณะ ฝึกทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ที่เราจะต้องไปเจอในการทำงานจริงนั่นเอง



ประเด็นที่สี่

    
        จากข่าวกล่าวว่า แรงงานหัวกะทิของไทยจะไหลออกไปทำงานต่างประเทศหรือบริษัทต่างชาติกันมากขึ้น เพราะเงินดีกว่า โอ้ ยิ่งตอกย้ำว่าเราต้องฝึกฝนทักษะภาษาของเรามากยิ่งขึ้น ต่อให้เรียนเก่งแต่ภาษาไม่มีดีก็สู้คนอื่นไม่ได้นะ แต่ประเด็นสำคัญที่พี่เกียรติว่า คือ แรงงานดีๆ ของไทยไหลออกต่างชาติหมด แล้วพี่ไทยเราจะทำไง ดังนั้น เอกชนของไทย ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนเรื่องค่าเงินและสวัสดิการ เพื่อการแข่งขันกับบริษัทต่างชาติด้วย ก็เป็นอีกทางที่กระตุ้นให้บริษัทของไทยเร่งแข่งขันด้านศักยภาพกับต่างชาติและพัฒนาเรื่องค่าตอบแทนที่เหมาะสม ก็หมายความว่า ในอนาคตอันใกล้ หัวกะทิไทยอาจไม่ต้องไหลไปต่างชาติ เพราะบ้านเราก็ตอบแทนด้วยสวัสดิการที่เหมาะสมสินะ ดีต่อชาติบ้านเมืองมากกว่าแน่นอน คนไทยก็ต้องอยู่พัฒนาประเทศไทยสิ สำนึกรักบ้านเกิดเมืองนอน อิ อิ



ประเด็นที่ห้า

 

     ตามข่าวเขียนให้รู้สึกเบาลงนะคะ แต่หลักใหญ่ คือ เขากำลังบอกว่า พ่อแม่เดี๋ยวนี้โอ๋ลูก จนลูกทำอะไรไม่เป็น ไม่เคยเจอเรื่องยุ่งยาก ไม่เป็นผลดีต่อการออกไปเผชิญโลกกว้างในการทำงานจริง พี่เกียรติว่าเรื่องนี้ก็เข้าไปดูแลแก้ไขกันลำบาก เพราะเป็นเรื่องของแต่ละครอบครัวด้วย แต่น้องๆ นี่แหละ ที่สามารถพัฒนาตนเองได้ หากครอบครัวไม่ปล่อยนัก ช่องทางที่ดีทีสุด คือ กิจกรรมนอกหลักสูตรของสถาบันที่เรียน การได้ทำกิจกรรมอื่นๆ นอกจากเรียนก็เปิดประสบการณ์ในระดับหนึ่งแล้ว  แม้แต่กิจกรรมชมรมอื่นๆ อย่างเต้นรำ ร้องเพลง พี่เกียรติยังเห็นว่าสำคัญเลย 

           ทุกกิจกรรมเหล่านี้ช่วยเปิดโอกาสในการพบปะกับกลุ่มคนใหม่ๆ ทั้งนั้น บ่มเพาะการปรับตัวในการทำงาน  และประยุกต์ความรู้ที่เรียนมาใช้ประโยชน์จริง เพราะฉะนั้นใครสนใจอะไร ก็มุ่งทำไปเลยค่ะ จะทำกิจกรรมค่าย สอนหนังสือน้องด้อยโอกาส ฝึกงานก็ได้ อย่ามัวกลัวว่าจะเสียการเรียน เพราะจริงๆ ไม่ผ่านสัมภาษณ์ตอนสมัครงานไป เพราะมุ่งแต่เรียนไม่ทำกิจกรรมเลยก็มีเยอะนะ แค่ต้องรู้จักแบ่งเวลาให้เป็น แล้วไม่ต้องรอให้เข้ามหาวิทยาลัยค่อยทำก็ได้นะคะ ชีวิตม.ปลายนี่ก็สำคัญนะ ทำกิจกรรมเสียแต่วันนี้เลยค่ะ


ประเด็นสุดท้าย

    
     มิใช่เพียงแต่ความท้าทายของมหาวิทยาลัยไทยที่ต้องเร่งผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพเท่านั้นนะคะ ท้าทายพวกเราชาว Dek-D.com ท้าทายนักเรียนไทยทุกคน เราก็ต้องรู้จักการวางแผนอนาคตของเราเอง
      





         ทั้งหมดนี้ ถือเป็นการชวนดูชวนอ่าน และบอกเล่าความคิดเห็นของพี่เองนะคะ ซึ่งแนวโน้มในอนาคตก็คือเรื่องของอนาคต เป็นสิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้ก่อนได้ แต่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยในการวางแผนอนาคตของน้องๆ และต้องพิจารณาให้ดีด้วย  ทั้งนี้ก็ไม่ควรดูแต่แนวโน้มว่าตลาดแรงงานจะต้องการอาชีพอะไรในอนาคตอย่างเดียว อย่าลืมดูความถนัด ความสนใจของตัวเราด้วย งานที่เหมาะสมกับบุคลิกภาพของเรา อย่าลืมว่าต่อให้น้องๆ มีความสามารถ เรียนเก่ง เรียนได้ทุกอย่าง แล้วอาจเลือกคณะที่จะไปประกอบอาชีพเงินเดือนดีในอนาคตได้ แต่อาจไม่ได้เลือกความสุขจากการทำงานที่แท้จริงค่ะ 

      ตอนนี้ยังพอมีเวลา แถมมีข้อมูลดีๆ แบบนี้ช่วยพิจารณาด้วย อย่าปล่อยให้เวลาเสียไป ค้นหาตัวเองให้วางแผนอนาคตดีๆ เถอะค่ะ



ขอขอบคุณ
   เนื้อหาข่าว: 
http://www.kroobannok.com/45431
   ต้นฉบับข่าว,ภาพประกอบ: http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=162823
พี่เกียรติ
พี่เกียรติ - Community Master ถนัดแฝงตัวตามกระทู้เด็กดี มีความสนใจเป็นล้านเรื่องขึ้นอยู่กับดราม่าขณะนั้น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

26 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
||-HeDw!g & P!gw!Dgeon-|| Member 16 ก.ย. 54 14:07 น. 2
พี่เกียรติๆๆ ที่มหาลัยพลอยปรับเปลี่ยนโดยเรียนเลคเชอร์เป็นภาษาอังกฤษแล้วอะ ตอนนี้ปรับไปแค่ 10เปอร์เซ็นต์ คาบไหนเรียนเป็นภาษาอังกฤษก็จะออกสอบเรื่องนั้นเป็นภาษาอังกฤษด้วย 555
ส่วนแล็บก็เป็นภาษาอังกฤษบางอันเหมือนกัน.... เป็นนโยบายมหาลัย (มหาลัยรัฐนะ ^^; )
และต่อไปจะปรับเพิ่มไปเรื่อยๆ
แอบคิดว่าค่าเทอมก็เท่าเดิม แต่ได้เรียนเป็นภาษาอังกฤษ แม้จะไม่เยอะเท่าคนเรียนภาคอินเตอร์แต่มันก็พอไปได้เหมือนกัน รู้สึกคุ้มค่าอะ 5555
พวกวิชาชีพเฉพาะนี่สื่อการสอน/หนังสือให้ค้นคว้าเพิ่มเติมเป็นภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมดมาตั้งนานแล้ว ส่วนตัวคิดว่าถ้ามหาลัยมีบุคลากรที่พร้อม ก็ควรจะปรับไปเลย (ถ้าเป็นม.ที่เรียนอยู่ ต้องจบต่างประเทศมาด้วย ไม่งั้นไม่ได้เป็นอาจารย์เล็กเชอร์อะ)

ส่วนเด็กไทยก็ต้องรีบปรับตัวอย่างเร่งด่วน เพราะไม่อย่างงั้นชาติรอบๆบ้านเราเค้าคงแซงหน้าเราไปแล้ว สิงคโปร์ก็จะได้เปรียบกว่าเรา เพราะได้ทั้งอังกฤษและจีน เวียดนามได้ฝรั่งเศสกับจีน ซึ่งในการทำงานนี่ถ้าเราเก่งภาษา ภาษีเราก็ดีกว่า

กลัวคนไทยตามเค้าไม่ทันเพราะไม่ปรับตัวอะ จริงๆนะ...
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เคโร่ะคุงงับป๋ม Member 16 ก.ย. 54 18:48 น. 6
ผมว่าก็โอเหมือนกัน   ครับ  ผมอยากเรียน  หลายภาษา  ผมว่ามันสนุกดี  ได้พูดกับคนต่างชาติ  รู้เขารู้เรา  สบายๆ  เหมือนการไปเที่ยวต่างประเทศ  ก็ไม่ต้อง  เกร็งๆ  ผมว่าน่ะครับพี่สาวคนสวย!
  และอีกอย่างหนึ่งผมชอบอาชีพการทำงานเพื่อสังคม  ดี  ได้อะไรหลายๆอย่าง แล้ว มาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น  เพื่อจะได้เจริญ  เเล้วมีคุณภาพ ด้วย อืมมมมมมมมม
  ที่ว่าการศึกษาเข้าสู่สังคมอาเซียนก็เป็นเรื่องดีน่ะครับ อย่างไงล่ะครับ  เป็นการยกระดับเพิ่มขึ้น ของวงการศึกษาของไทยด้วยอ่ะครับ 

ก็ดีทุกอย่างล่ะครับ  อันไหนไม่ดีก็หาทางแก้ไขต่อๆไป  อย่างนี้ก็  เวิร์คน่ะครับ  สู้ๆล่ะกันครับ


ขอบคุณสำหรับคอลัมภ์ดีๆน่ะครับพี่เกียรติ  คนสวยยยยยย

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Viewy' Mathilda Member 16 ก.ย. 54 21:17 น. 9
พ่อแม่โอ๋ลูกนี่เรื่องจริงนะ สมัยนี้ -_-;;
ไปห้องสมุด เจออาจารย์ห้องสมุดนั่งหน้าห้อง
แกเรียกเรา บอกเนี่ยหนูๆ อาจารย์จะเอาเส้นตารางออกยังไง
อาจารย์ทำรายงานให้ลูก (ประถม)
เราก็แหะๆ แล้วก็ทำให้ แต่ก็คิดในใจ...
ต่อไปลูกอาจารย์คงจะทำเป็นหรอกนะคะ -_-
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
mr.cinthus Member 17 ก.ย. 54 12:14 น. 12
ก้าวทันสังคมโลกมันก็ดีอยู่หรอก....แต่ให้สังคมโลกมาชักจูงแล้วประเทสเราเดินตามต้อยๆอย่างเดียวก็ไม่ไหวนะ ควรจะทำอะไรให้โดดเด่นแล้วให้คนอื่นย้อนกลับมามองแล้วคิดว่า "ทำตามประเทศไทยน่าจะเวิร์ค" บ้างสิ คห.ส่วนตัวนะ เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่มีความใฝ่ฝันที่อยากจะทำงานอยู่ในวงการการศึกษาไทย
0
กำลังโหลด
Silent Life Member 17 ก.ย. 54 12:55 น. 13
 แม่อยากให้เป็นครูอ่ะ แต่เราไม่ค่อยชอบ อยากทำงานที่แบบว่าติดต่อคนน้อยๆเช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือกรมที่ดินอะไรแบบนี้มากกว่า

ส่วนเรื่องที่ว่า พ่อแม่โอ๋ลูก จนลูกทำอะไรไม่เป็นนี้อ่ะ แก้ตอนมหาวิทยาลัยยังไม่สายใช่ไหม??
พอดีสภาพของเมืองที่เราอยู่ในปัจจุบันมันไม่ค่อยเอื้อให้ปล่อยไปทำนู่นทำนี่เลยอ่ะ กะว่าเข้ามหาวิทยาลัยจะเริ่มหากิจกรรมทำแล้ว
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Tollwars Member 18 ก.ย. 54 11:01 น. 16
2015 เขาจะเปิดนี่นะ
แย่แล้วแฮะ
แต่ปีหน้าน้ำก็ท่วมโลกแล้วนี่นา(เย้ยไม่เกี่ยว=w=)
ขนาดพี่ชายเรียนภาคอินเตอร์ยังหางานยากเลย
ทั้งที่ยังไม่ถึงตอนเปิดเขตการค้าแล้วจะไหวไหมเรา
0
กำลังโหลด
Kritcha Member 18 ก.ย. 54 12:35 น. 17
อาจารย์บอกว่าให้ดีให้ศึกษาภาษาประเทศเพื่อนบ้านด้วย บ้านเมืองอื่นเขาเรียนภาษาไทยกันเตรียมเข้ามาทำงานในไทย ท่าทางเรียนจบออกมาเด็กไทยตกงานกันตรึมแน่เลย = = บ้านตัวเองโดนเขาแย่งงาน ไปทำงานบ้านอื่นก็ไม่ได้ อืม...
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด