ตอนแรกคิดว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีแค่ GAT PAT ที่ประกาศคะแนนออกมา แต่ผิดคาด มีเซอร์ไพร์สบิ๊กเบิ้ม 7 วิชาสามัญประกาศออกมาด้วย เรียกว่าของเก่ายังช็อคไม่ทันหาย มาเจอของแรง 7 วิชาสามัญอีก... วันนั้นกว่าจะได้นอนคงข้ามวันกันเลยทีเดียว
สำหรับ 7 วิชาสามัญ ใช้สำหรับยื่นรับตรง ซึ่งสอบได้ครั้งเดียว ผลออกมาถ้าได้ดิบได้ดีก็ดีไป โดยเฉพาะน้องๆ ที่สอบ กสพท. ต้องได้คะแนนแต่ละกลุ่มวิชาไม่ต่ำกว่า 30% จึงจะมีโอกาสไปต่อ แต่ถ้าไม่ถึงก็ถือว่าหมดสิทธิ์แล้ว แต่น้องๆ อย่าเพิ่งเสียใจไปนะ ยังมีรอบแอดมิชชั่นกลาง เชื่อว่าถ้าทำเต็มที่ซะอย่าง ยังไงก็ได้เรียนคณะในฝันแน่นอน
แต่ GAT/PAT หลายคนอาจเครียดเป็นพิเศษ เพราะเอาไปใช้ได้ทั้งรับตรงและแอดกลางฯ แต่คะแนนที่ออกมาก็เน่าหนอนกันทั้งประเทศ เรียกว่าเห็นแล้วงง จนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เก็บคะแนนนั้นไปเงียบๆ พี่มิ้นท์ว่าอย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ลองตั้งสติและมาดูกันว่าเราควรทำอะไรต่อไป
1.ถ้ามีรับตรง แล้วต้องใช้ผลคะแนน E-score ให้ปริ้น มีน้องตั้งกระทู้มาถามค่อนข้างเยอะ ในขณะที่หลายคนก็ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ จะปริ้นคะแนนไปทำอะไรกัน ระบบ E-Score คือระบบพิมพ์ใบคะแนนผลสอบ GAT/PAT เอาไว้ใช้สำหรับคนที่ยื่นรับตรง ซึ่งจะใช้เป็นหลักฐานในวันสัมภาษณ์ หรือรายงานตัว หรืออาจจะต้องส่งแนบไปกับใบสมัคร ดังนั้นน้องคนไหนที่รู้ตัวว่าต้องใช้ ก็ให้ไปที่เว็บของ สทศ. http://www.niets.or.th/ ระบบจะอยู่ด้านซ้ายมือของเว็บ โดยจะต้องเสียค่าบริการฉบับละ 20 บาท *ซึ่งน้องๆ จะต้องไปจ่ายเงินค่าธรรมเนียมก่อนนะคะ จึงจะปริ้นใบรายงานผลคะแนนได้
2. ดูความเป็นไปได้ในคณะที่อยากเข้า จะเข้าได้มั้ยคณะเนี้ย!! พอคะแนนออก น้องๆ เข้ามาใช้ระบบคำนวณคะแนนของเว็บเด็กดีแบบกระหน่ำมาก สิ่งที่ทำคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วค่ะ แม้จะมีคะแนนเพียงแค่รอบเดียว แต่เราก็สามารถวางแผนชีวิตตัวเองได้ อย่างน้อยก็ดูได้ว่าคะแนนอย่างเรามีลุ้นแค่ไหนกับคณะที่เราอยากเข้า บางคนถึงขั้นถอดใจอยากเปลี่ยนคณะกันเลยทีเดียว แต่คนที่ยังมุ่งมั่นก็ต้องตั้งเป้าหมายแล้วว่าจะต้องไปเพิ่มคะแนนในส่วนไหนเป็นพิเศษ สำหรับน้องๆ ที่ไม่เข้าใจเรื่องคะแนน วางแผนไม่เป็น และยังกังวลอยู่ว่าเราได้คะแนนเท่านี้ มีสิทธิ์ที่จะยื่นคะแนนในคณะนี้หรือไม่ พี่มิ้นท์มีแนวทางมาบอกน้องๆ ค่ะ
- ดูคะแนนต่ำสุดปีก่อนๆ ลองดูคะแนนย้อนหลังคณะที่อยากเข้า ยิ่งดูหลายปียิ่งดี ทำให้เราเห็นแนวโน้มง่ายขึ้น เพราะบางคณะไม่ได้สูงขึ้นเรื่อยๆ นะ อาจจะมีคะแนนขึ้นบาง ลงบ้าง ในแต่ละปี ที่สำคัญทำให้เราเห็นคะแนนเฉลี่ยโดยประมาณของคณะนั้นๆ ด้วยค่ะ
จากรูปภาพตัวอย่าง พี่มิ้นท์ลองดูสถิติย้อนหลังคณะ เภสัชฯ จุฬาฯ จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ ปี 49 มาจนถึงปี 54 คะแนนขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่ทิ้งห่างกันมาก เรียกว่ารักษามาตรฐานของคะแนนได้สุดยอดมากๆ เห็นมั้ยว่าการดูคะแนนต่ำสุดย้อนหลังหลายๆ ปี ทำให้เราเดาแนวโน้มออก ว่าคะแนนเฉลี่ยของคณะนั้นจะอยู่ระดับไหน และถ้าคะแนนเราอยู่ใกล้เกณฑ์หรือมากกว่าเกณฑ์ ก็ดีใจด้วย เพราะเรามีลุ้นในคณะนั้น แต่ถ้าต่ำกว่ามากๆ อาจจะต้องไปสู้กับข้อสอบรอบ 2 นะคะ
- ถ้ายังอยากเข้าคณะเดิมแต่คะแนนไม่ดีพอ ยังพอมีทางเลือก ถ้าคณะนั้นมีวิธีในการยื่นคะแนนหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสายศิลป์นะ เช่น คณะอักษรฯ ถ้าคะแนน PAT1 ดี ก็ใช้PAT1 ยื่น, ถ้า PAT7 ดี ก็ใช้ PAT7 ยื่น หรือถ้าไม่ดีซักอย่างก็ใช้ GAT เพียวๆ เป็นต้น ซึ่งวิธีนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น้องๆ ยังไม่รู้ แต่ขอบอกว่าทำได้นะคะ^^ แต่ถ้าไม่ไหวซักวิชา แนะนำว่าทำคะแนนสอบครั้งหน้าให้เริ่ดๆ หรือไม่ก็ลองดูหลายๆ สถาบัน เพราะคะแนนไม่เท่ากัน
3.ทำใจ และเตรียมตัวสอบครั้งต่อไป เชื่อว่าหลายคนอกหักจากคะแนนในรอบนี้ ก็ไม่ต้องคิดมากไป เพราะเป็นครั้งแรกที่เราลงสนามสอบจริง ดังนั้นอาการตื่นสนามก็มีให้เห็นแน่นอน แต่ปัญหานี้เราต้องจัดการมันให้ได้ในรอบ 2 ซึ่งเป็นรอบสุดท้าย เวลาที่เหลือ อีก 1 เดือนกว่าๆ ต่อจากนี้ก็ไปฟิตทำโจทย์ให้เยอะๆ แล้วกันนะค้า
จริงๆ แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นแนวทางที่น้องๆ จะต้องทำอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วแค่นั้นเอง แต่ถ้าไม่อยากเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยก็ควรเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ นะคะสำหรับน้องๆ ที่ไม่รู้ว่าจะไปคำนวณคะแนนที่ไหน ทำยังไง พี่มิ้นท์มีโปรแกรมคำนวณคะแนนมาแนะนำ มีคะแนนย้อนหลังเปรียบเทียบให้ดูถึง 6 ปี แถมยังแชร์คะแนนให้เพื่อนๆ ดูได้ด้วย ใครยังไม่เคยเล่น ไปลองกันเลย (คลิกที่รูปได้เลย)
|
13 ความคิดเห็น
ขอเพิ่มเติมอีกหนึ่งคือ "แก้บน"
ทำข้อ 3 เหมือนกัน
i do it 5555
2.เปิดใหม่
3.ลุ้นอีกรอบ (เผื่อคะแนนจะงอก)
ใครเป็นงี้มั่ง