ย้อนรอย !! อาชีพนักแสดง กว่าจะเป็นดาว

                                                                       
part 2. คณะ ศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการแสดงและกำกับการแสดง
 
ตอนที่ 2/3 ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย (นักแสดง)
 
       
    สวัสดีครับ !! น้องๆ สำหรับสัปดาห์นี้ Dreamcampus Weekly จะพาไปพูดคุยกับพี่ที่เขาจบจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการแสดงและกำกับการแสดง เราจะไปเจาะลึกกันว่าอาชีพที่น้องๆ หลายๆ คนใฝ่ฝันอย่างอาชีพนักแสดงเป็นอย่างไรบ้าง และมีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรตั้งแต่ตอนเรียนจนเป็นนักแสดง ... ว่าแล้ว ก็ตามมากันเลย ... 




สวัสดีครับ !! ช่วยแนะนำตัวกับน้องๆ ชาวเด็กดี หน่อยนะครับ

     - สวัสดีครับ ชื่ออิสรยศ เลิศชัยประเสริฐ ชื่อเล่นชื่อโอ๊คครับผม :'D


เมื่อพูดถึงคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการแสดงและกำกับการแสดง พี่โอ๊คมีแรงบันดาลใจอะไร ที่ทำให้เลือกคณะ/สาขา นี้ครับ

   - ตอนสมัยมัธยมเป็นเด็กกิจกรรม (อย่างแรง) ครับ ผมเคยเป็นนักร้องประจำวงดนตรีของโรงเรียน เป็นคณะกรรมการนักเรียนฝ่ายกิจกรรม เป็นนักกีฬาบาสเกตบอลประจำโรงเรียน แสดงละครเวทีในช่วงเทศกาลต่างๆของโรงเรียน เต้นเชียร์ลีดเดอร์ในงานกีฬาสี และเคยเป็นประธานสีด้วยนะครับ จากกิจกรรมที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้เราเป็นคนกล้าแสดงออก จึงคิดว่านำความสามารถเหล่านี้มาใช้กับสาขานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ครับ :'D


ตอนเรียนคณะนี้มีความประทับใจอะไรที่อยากจะเล่าให้น้องๆ ชาวเด็กดีฟังบ้างครับ

   - ที่นี่ไม่เหมือนที่ไหนคือระบบรุ่นพี่-รุ่นน้องที่สนิทสนมและแน่นแฟ้นกันมากๆครับ เลือดการแสดง มศว นี่มันเข้มข้นจริงๆ ในช่วงที่เรียนอยู่ก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน น้องมีอะไรก็มาขอคำปรึกษาจากรุ่นพี่ และเวลาที่รุ่นพี่มีงานนอกก็เรียกรุ่นน้องไปช่วยงานเป็นการหารายได้พิเศษและประสบการณ์ไปในตัวด้วยครับ คือการเรียนที่นี่จะมีงานนอกที่เป็นงานอีเว้นท์ต่างๆ, งานแสดงละครเวที, งานโฆษณา, งานเบื้องหลังต่างๆในวงการบันเทิง และ ฯลฯ จากรุ่นพี่บัณฑิตที่จบไปแล้วได้ทำงานในวงการทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังครับ ซึ่งเวลามีงานไหนที่เขาขาดคน พวกเขาก็จะเรียกน้องๆในสาขาก่อนเป็นอันดับแรกเลยครับ และถึงแม้ว่าเราจะเรียนจบไปแล้วก็ยังสามารถกลับมาทักทายรุ่นน้องรุ่นเข้าใหม่ได้เรื่อยๆ แถมยังได้รับการต้อนรับที่ดีจากน้องๆ ด้วยครับ อบอุ่นจริงๆ





แล้ววิชาที่ว่าเด็ด จบมาแล้วได้ใช้ประโยชน์มากที่สุด คิดว่าเป็นวิชาอะไรครับ

   - วิชาศิลปะการแสดงนิพนธ์ครับ หรือที่นิสิตในสาขาเรียกันว่า "การทำธีสิส" นั่นเอง ซึ่งจะเป็นการสร้างโปรดักชั่นของละครเวทีขึ้นมากลุ่มละ 1 เรื่องครับ ในแต่ละกลุ่มก็จะมีหน้าที่ทั้งหมด 6 หน้าที่คือ  ผู้กำกับ, นักแสดง, ผู้ออกแบบฉาก, ผู้ออกแบบแสงและเสียง, ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย และ           ผู้ออกแบบการแต่งหน้าและทรงผมของนักแสดงครับ ซึ่งวิชานี้จะเป็นเหมือนการจำลอง"ชีวิตการทำงาน"ในช่วงหลังเรียนจบเลยครับ แต่ผู้ร่วมงานคือเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันมา 4 ปี และแน่นอนว่าต้องมีปัญหากันบ้าง ทั้งความคิดเห็นไม่ตรงกัน เหตุผลส่วนตัว และ ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านั้นแหละครับคือความท้าทายในการทำธีสิส เพราะผมคิดว่าจุดประสงค์ในการทำธีสิสคือการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพื่อที่จะให้ละครสามารถแสดงออกมาได้อย่างเต็มรูปแบบครับ


คณะ/สาขาที่จบมา ตอนสมัครงานมีงานรองรับเยอะไหมครับ จบมาประกอบอาชีพอะไรได้บ้าง

   - เยอะครับ ทั้งในบริษัทบันเทิงต่างๆ เช่น ค่ายเพลง ค่ายหนัง บริษัทรับจัดงานอีเว้นท์ บริษัทโฆษณา และ ฯลฯ โดยที่เราสามารถจะเป็นเบื้องหลังหรือเบื้องหน้าก็ได้ แล้วแต่ความสามารถและโอกาสที่เราได้รับครับ เช่น พิธีกร นักร้อง นักแสดงทีวี นักแสดงละครเวที ดีเจ ผู้กำกับ ครีเอทีฟ แดนเซอร์ และ ฯลฯ




งานที่ทำอยู่ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ ทำหน้าที่อะไรบ้าง

   - งานที่ผมทำไม่ใช่งานประจำครับ มันคืองานแดนเซอร์อิสระ แบบไม่มีสัญญาผูกขาดกับที่ไหน สอนเต้นตามสตูดิโอบ้าง เต้นเบื้องหลังให้กับศิลปินบ้าง และเต้นตามงานอีเว้นท์ต่างๆ บ้าง ซึ่งเราสามารถจัดตารางชีวิตได้เป็นอิสระมากกว่างานประจำครับ แต่ในบางครั้งที่มีงานเข้ามาเยอะมากก็ต้องทำงานทุกวันเหมือนงานประจำเลยครับ แต่อยากจะเตือนน้องๆว่าอาชีพนี้ไม่มีความมั่นคง แต่ที่ผมหรือแดนเซอร์อิสระหลายๆคนทำได้เพราะต้องมีความอดทนในช่วงแรกที่เริ่มทำงาน ซึ่งในตอนที่ผมเริ่มเข้าวงการแดนเซอร์นั้น ผมอายุ 18 ปีครับ (ปี1) และรับงานเต้นมาเรื่อยๆ เรียนอยู่ก็ทำงานไปด้วย อาศัยการเก็บคอนเนคชั่นไปเรื่อย ซึ่งมันเหนื่อยกว่าคนที่เรียนอย่างเดียวนะครับ แต่พอเรียนจบแล้วก็ออกมารับงานได้เต็มตัวมากกว่าสมัยเรียน โดยรับงานจากผู้ใหญ่ที่รู้จักมาเรื่อยๆในช่วงทำงานสมัยเรียนครับ แต่อายุในการทำงานนี้จะไม่ยาว เพราะว่าร่างกายของคนเรามันเสื่อมสภาพตามกาลเวลา แต่รายได้มันค่อนข้างสูง


งานที่ทำอยู่ ถ้าพูดถึงบุคลิก คิดว่าควรมีบุคลิกอย่างไรบ้างครับ

  - ถ้าน้องๆอยากทำงานนี้ก็ต้องขยันฝึกซ้อม มีความอดทน ตรงต่อเวลา มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไปลา-มาไหว้ ซึ่งทั้งหมดนี้พี่ว่่าถ้าน้องๆทำได้ ไม่ว่างานสายไหนๆ ก็ได้ดีทั้งนั้นครับ แต่อายุการทำงานของแดนเซอร์มันไม่ยาว เพราะร่างกายของคนเรามันเสื่อมสภาพตามกาลเวลา แต่ค่าตอบแทนมันสูง จึงอยากให้น้องๆ ขยันอดออมเพื่อที่จะเก็บไว้เป็นทุนในการสร้างธุรกิจของตัวเองครับ และในเวลาว่างระหว่างทำงานก็ศึกษาธุรกิจอื่นๆที่เราสนใจเพื่อจะใช้ทุนที่เราหาได้สร้างมันขึ้นมาครับ 


มีอะไร อย่ากจะฝากถึงน้องๆ ชาวเด็กดีบ้างครับ

  - อยากให้น้องๆ รีบค้นหาแนวทางของตัวเองตั้งแต่มัธยมปลายครับ เพราะสมัยนี้มีเด็กๆที่ค้นหาแนวทางชองตัวเองไม่เจอมีเยอะมาก จึงทำให้พวกเขาเลือกในสายที่ไม่เหมาะกับเขาและทำได้ไม่ดี ผลสุดท้ายก็คือเขาตกงานเพราะไม่มีใครรับ หรืออีกปัญหาหนึ่งก็คือผู้ปกครองครับ เพราะสมัยนี้เด็กๆมักจะถูกขีดเส้นชีวิตให้เพราะค่านิยมของสังคมไทยเราจะต้องจบบัญชี บริหาร รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และ ฯลฯ (สายที่พวกผู้ใหญ่มองว่ามีสาระทั้งหลายนั่นแหละครับ) ซึ่งทำให้เด็กถูกบังคับเข้าไปเรียนในสายที่ตัวเองไม่ชอบ ผลที่ได้ก็คือพวกเขาทำออกมาได้ไม่ดี แล้วจบออกมาก็ไม่มีงานทำเพราะสู้คนอื่นที่เขาตั้งใจมาสายนี้โดยตรงไม่ได้ ดังนั้นจึงอยากให้น้องๆ ที่ประสบปัญหาดังกล่าวไปขอร้องให้พวกเขาอนุญาติเรียนในสิ่งที่น้องตั้งใจจะเรียนแต่ทีแรกจริงๆ ดีกว่า น้องๆ จะได้ทำออกมาดีๆ แล้วจบออกมาอย่างมีคุณภาพ คนที่จบออกมาอย่างมีคุณภาพใครๆก็ต้องอยากรับเข้าทำงานจริงไหมครับ ? :'D




      น้องๆ คนไหนที่เห็นตัวอย่างพี่โอ๊คแล้ว อยากเป็นนักแสดงบ้าง !! ยกมือขึ้น ... สัปดาห์หน้า เราจะพาไปพบกับรุ่นพี่ปี 1 ที่เพิ่งสอบเข้าได้ไม่นานนี้ว่า เขามีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เราจะได้สามารถนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับตนเอง ... แล้วเจอกันครับ !! 


 
พี่เบียร์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

9 ความคิดเห็น

ปรัสรา-เกิร์ล Member 9 พ.ค. 55 04:53 น. 1
 พี่คะ  พี่ทิ้งท้ายได้โดนสุดๆค่ะ 

แบบว่ามันยอดมากเลยค่ะพี่  ตรงประโยคเนี่ย...


"ซึ่งทำให้เด็กถูกบังคับเข้าไปเรียนในสายที่ตัวเองไม่ชอบ ผลที่ได้ก็คือพวกเขาทำออกมาได้ไม่ดี แล้วจบออกมาก็ไม่มีงานทำเพราะสู้คนอื่นที่เขาตั้งใจมาสายนี้โดยตรงไม่ได้"


จริงสุดๆเลยค่ะ!  ทำแบบไม่มีความตั้งใจ  ใครอยากจะทำกันล่ะ  วัยรุ่นเอ๋ย ลองนึกถึงสภาพโดนผู้ปกครองสั่งมันทุกอย่างในเรื่องฝืนใจสิ (แค่เก็บห้องให้เรียบร้อยก็ฝืนใจแล้วใช่ไหมล่ะ)  นั่นแหละ สมมติอย่างต่ำๆสี่ปี  จบแล้วไปหาอย่างอื่นที่ชอบทำก็ดีไป...


แต่ถ้าเป็นงานไม่ชอบ...รอเกษียณ...เลยนะ


ปล.แต่ที่ผู้ปกครองทำก็เพราะหวังดีค่ะ  แม้หลายๆครั้งความหวังดีของใครหลายคนจะทำลายความสุขในสายอาชีพก็เถอะ  แต่พวกเขาห่วงเรื่องเศรษฐกิจและสังคมมากกว่า  อยากให้ลูกหลานร่ำรวย มีเงินมีทองใช้  ความสุขในอาชีพถือเป็นเรื่องรอง  ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน  แนวคิดน่าจะประมาณนี้นะ


ปล.2แต่จริงของพี่นะคะ ถ้าเรียนจบไปแบบไม่ดี  งานก็หายาก  เว้นซะแต่จะทำได้ดีแม้ไม่มีใจรักน่ะค่ะ


ปล.2 หวังว่าอีกหน่อยเรื่องบังคับเรียนในสายอาชีพแบบนี้คงน้อยลงนะ (โดยเฉพาะอาชีพหมอ  เพราะถ้าใครไปสัมผัสจะรู้ว่างานมันเครียด  แถมบางทีมีเงิน  แต่ยังหาจังหวะทานข้าวสบายๆได้ยากเลย)  หลายครั้งที่เราเจอคนที่เรียนศิลป์ได้ดี  มีฝีมือ  แต่ถูกบังคับให้เรียนวิทย์  แม้ว่าจะทำวิทย์ออกมาำได้ไม่ดีเท่าก็เถอะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
สู้ตาย 10 พ.ค. 55 23:53 น. 8
โอ้ว เจ้าจ้อชชช

หนูอยากเป็นแบบพี่เค้าที่สุดค่ะ นี่คือความฝันหนูเลย

ชอบเต้นมานานแล้ว อยากเป็นแดนเซอร์ให้กับงานต่างๆ แต่ก้ไม่รู้จะไปหางานที่ไหน

ปีนี้ม.6กะจะสอบเข้าการแสดงคณะเดียวกับพี่เค้าแล่ะค่ะ

อยากเป็นนักแสดงด้วย บ้านไม่ค่อยมีเงิน อยากได้เงินเยอะๆ ได้ทำงานที่ตัวเองรักด้วยค่ะ

ขอบคุณพี่มากๆเลยจิงๆค่ะที่แนะนำกระทู้นี้มา

ให้หนูมีแนวทางขึ้นเยอะเลย หวังว่าหนูติดการแสดงแล้วจะมีงานได้อย่างพี่เค้านะคะ

สู้ตายย
0
กำลังโหลด
สู้ตาย 10 พ.ค. 55 23:57 น. 9
สัปดาห์หน้าอย่าลืมลงการเตรียมตัวเข้านะคะ จะเข้าให้ได้เลยคอยดู!!


ปล. แต่ทว่ามีข้อข้องใจ= =" หนูหน้าตาไม่ได้ดีมาก ไม่รูปร่างเป๊ะ เหมือนพี่เค้า แล้วงี้จะได้งานเยอะเหมือนพี่เค้ามั๊ยคะเนี่ยยย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด