"ครู" เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่เด็กไทยฝัน ทำให้ทั้งรับตรงและแอดมิชชั่นกลาง ของคณะครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ มียอดคนสมัครเยอะติดท็อปทุกปี แถมคะแนนยังแข่งขันกันมันส์หยดติ๋ง
ทั้งนี้ ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา น้องๆ ที่สนใจคณะครุฯ ก็คงได้ยินชื่อโครงการ "ครูมืออาชีพ" แล้ว(แปลงร่างมาจากครูพันธุ์ใหม่) ซึ่งจุดประสงค์หลักๆ ของโครงการนี้ก็เพื่อผลิตครูที่เก่งและมีจรรยาบรรณ จบออกมาแล้วมีงานรองรับทันที แต่ก็มีเกณฑ์คัดเลือกในการรับทุนด้วย โดยสรุปเกณฑ์ คือ ต้องเป็นนักศึกษาชั้นปี 5 ต้องมีเกรดเฉลี่ยสะสม และเกรดเฉลี่ยในวิชาเอก รวมถึงเกรดในวิชาชีพครู ไม่ต่ำกว่า 3.00
จากข้อกำหนดนี้ เด็กครุฯ ชั้นปีอื่นๆ รวมถึงเฟรชชี่ใหม่ ก็แป้วกันเป็นระเบียบ เพราะคนที่สมัครได้ต้องเป็นปีห้าเท่านั้น จนกระทั่งล่าสุดก็มีผู้ใหญ่ใจดีได้ทักท้วงและยื่นข้อเสนอให้น้องปี 1 เข้าร่วมโครงการครูมืออาชีพได้ด้วย
ผศ.ดร.สุรวาท ทองบุ คณบดีคณะครุศาสตร์ ม.ราชภัฏ (มรภ.) มหาสารคาม ในฐานะปธ.สภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย (ส.ค.ศ.ท.) ได้พูดถึงกรณีที่กรรมการบริหารโครงการผลิตครูมืออาชีพและคณะกรรมการคัดเลือกฯ กำหนดคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการไว้ว่าผู้ขอรับทุนจะต้องเป็นนิสิต/นศ.ครู หลักสูตรปริญญาตรี 5 ปี ที่กำลังศึกษาชั้นปีที่ 4 ในปีการศึกษา 2554 ในสาขาวิชาที่โครงการกำหนด ว่าตนอยากเรียกร้องให้คณะกรรมการบริหารโครงการได้พิจารณาเกณฑ์ โดยเปิดรับ นศ.ชั้นปีที่ 1 ด้วย เพราะการไม่เปิดโอกาสให้นศ.ใหม่เข้าร่วม อาจทำให้จำนวนนักศึกษาเข้าใหม่ในคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ลดลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีนักศึกษาเปลี่ยนใจย้ายไปเรียนคณะอื่นแล้วจำนวนมาก เนื่องจากความล่าช้าในการกำหนดหลักเกณฑ์ผู้เข้าร่วมโครงการ
“ปีการศึกษา 2555 เด็กที่เลือกเรียนคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ในแต่ละสถาบัน ส่วนใหญ่เป็นเด็กเก่ง มีระดับคะแนนแอดมิชชันเทียบเท่าหรือมากกว่าเด็กที่สมัครเข้าเรียนสายวิทยาศาสตร์ ยกเว้นจุฬาฯ ที่ระดับคะแนนระหว่างสาขาครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ กับวิศวกรรมศาสตร์นั้นเท่ากัน แสดงให้เห็นว่าผู้เรียนปัจจุบันสนใจครูมาก แต่เพราะนโยบายรัฐบาลไม่ชัดเจน ส่งผลให้ขณะนี้มีเด็กที่เปลี่ยนใจไปเรียนสาขาอื่นแล้ว ประมาณร้อยละ 30 ดังนั้น อยากให้คณะกรรมการพิจารณาเปิดโอกาสให้แก่เด็กนักศึกษาปี 1 ที่มีความตั้งใจจริงที่จะเป็นครูด้วย” ประธาน ส.ค.ศ.ท.กล่าว
จากที่รอรายละเอียดมานานแสนนาน สรุปแล้วก็คือ จะเข้าร่วมโครงการได้ก็ต้องรอจนเกือบจะเรียนจบ จึงเป็นเหตุผลให้คนที่รอไม่ไหวท้อ และหนีกันไปหมด แต่เมื่อมีข้อเสนอใหม่แบบนี้ ก็ต้องรอดูกันค่ะว่าจะทำให้น้องปี 1 เข้าร่วมด้วยได้หรือไม่ ถ้าปรับเปลี่ยนได้ พี่มิ้นท์ว่าก็แจ่มเลยนะ เพราะจะได้เปิดโอกาสให้กับน้องๆ ที่เก่ง และมีความตั้งใจเป็นครู ตั้งใจและมุ่งมั่นในการเรียนมากกว่าเดิม
(อยากรับข่าว SMS บ้าง มาอ่านวิธีสมัคร คลิกที่นี่ เลย)
ข่าวดี !! น้องที่ใช้เครือข่าย truemove H ก็สมัคร Dek-D'S SMS ได้แล้วจ้า
ขอขอบคุณข่าวจาก
www.manager.co.th
36 ความคิดเห็น
ยังไม่รวมที่เงื่อนไขไม่สนับสนุนกับพวกที่จบสายตรงในวิชาที่เรียนให้มาเป็นครูได้
(เช่นคณะวิทย์เอกคณิตจะมาสอนวิชาเลขก็ต้องเรียนครุศาสตร์ด้วยเสมอ)
แต่พอผ่านเงื่อนไขได้ทั้งหมดกับได้เงินเดือนเพียงกระจึ๋งเดียว
แบบนี้ใครจะอยากเป็นครู ?
เพราะอุดมการณ์มันกินไม่ได้ ถึงเป็นคนดีที่ไหนก็มีครอบครัวและคนที่เรารักต้องดูแลอยู่
ใครที่ไหนอยากจะเป็นครู หากเขามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ ?
แถมการเป็นอาจารย์มหาลัยก็ง่ายกว่า เงินดีกว่า แถมมีเกียรติมีความก้าวหน้ากว่า
และนอกจากนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นครูในสังกัด แค่เป็นครูสอนพิเศษก็ง่ายและรวยกว่า
แน่นอนในเมื่อมีทางเลือกอื่นที่เหมือนกัน ทั้งรักษาอุดมการณ์ได้แถมยังอิ่มท้อง
เขาอยากจะมาเป็นครูในสังกัดรัฐบาลกันอีกทำไม ?
...ซึ่งไม่เข้าใจว่าทางรัฐบาลหรือกระทรวงต่าง ๆ มัวคิดอะไรอยู่
อนาคตของเด็กไทย การศึกษาไทย ขึ้นกับครูเป็นหลัก
แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรที่มากกว่าไล่ครูดี ๆ ให้ไปหางานอื่นทำ
----
แล้วทำไมคนเก่งถึงต้องมาเป็นครู ?
ในเมื่อเขาก็สามารถทำงานที่ได้เงินดีกว่า มีเกียรติกว่า และยังรักษาอุดมการณ์ของเขาได้ ?
เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ก็สามารถสอนนิสิตนักศึกษาได้เหมือนกัน
เป็นหมอ ก็สามารถช่วยคนได้มากกว่า แถมยังได้เงินมากกว่ามีเกียรติกว่า
แถมคุณค่าของอาชีพนี้เมื่อเทียบกับกับอาชีพอื่นก็ไม่ต่างกัน
(ถ้าท่านบอกต่างกัน แปลว่าท่านกำลังหมิ่นเกียรติของอาชีพอื่นอยู่)
ดังนั้น หนทางที่ยากกว่า ผลตอบแทนที่ได้น้อย และอาจจะเดือดร้อนไปถึงคนที่เรารัก
แล้วแบบนี้ เขาจะยังเลือกที่จะเป็นครูไปอยู่ทำไม ?
ลองดูในความเป็นจริงเสียบ้าง อย่าคาดหวังสิ่งที่อยู่ในอุดมคติอยู่เลย
ครูที่เก่งและมีความสามารถ มีอยู่เท่าไหร่เมื่อเทียบกับครูทั้งหมดในประเทศนี้ ?
ครูที่เข้ามาแล้วใส่ใจในการสอน จนเด็กรักและชอบจนไม่ต้องเรียนพิเศษเพิ่มมีแค่ไหน ?
สิ่งที่พวกเราทำ คือการอยู่เฉย และหวังว่าโลกใบนี้จะกลายเป็นดั่งอุดมคติที่ได้คิดไว้
คาดหวังว่าจะให้คนอื่นทั้งโลก "นอกจากเรา" เป็นคนดีที่ยอมเสียสละทำสิ่งนี้แทนตัวเรา
ขอถามหน่อย เมื่อคนดีได้ยอมลงไปเสียสละ แล้วเราได้ช่วยเหลือเขาบ้างไหม ?
...แค่มองและชื่นชม และให้ครูที่ดีเหล่านั้นเสียสละจนต้องท้องหิวไส้กิ่วต่อไป ?
ช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกมาก !
แถมค่าเล่าเรียน ดีไม่ดีจะต้องจ่ายมากกว่าเงินเดือนที่จะได้หลังจบไปอีกกระมัง ?
แล้วแบบนี้จะไปเรียนครุเพื่อเป็นครูไปทำไม ?
สู้เรียนสายตรงในวิชานั้นแล้วเป็นครูสอนพิเศษหรืออาจารย์ในมหาวิทยาลัยจะดีกว่าไหม ?
(เสียครูดี ๆ ไปคนแล้วไง คห.4 นั่นแหละ เพราะทางภาครัฐดันมากำหนดกฎเพื้ยน ๆ เช่นนี้)
ถ้าอุดมคติของท่านมันเป็นจริงได้โดยไม่ต้องไปแก้ไขมัน
ป่านนี้ประเทศไทยคงเต็มไปด้วยครูดี ๆ
ที่สอนเด็กจนทำข้อสอบโอเน็ตเอเน็ตได้เต็มโดยไม่เรียนพิเศษแล้ว
แต่อุดมคติที่คาดหวังเอาไว้มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นไง พวกเราจึงต้องเข้าไปช่วยแก้ไขมัน
...และถ้าอุดมคตินี้มันดีจริง ท่านทั้งหลายทำไมไม่คิดที่จะไปเป็นครูบ้าง ?
แล้วหากใครคิดอย่างนั้นจริง ก็ขออวยพรให้เป็นได้ไปตลอดรอดฝั่งโดยไม่คิดท้อใจก่อนเสียล่ะ
...และขอเสริมสักนิด ประชาชนที่ดีในสายตาของชนชั้นปกครอง คือประชาชนที่โง่
เพราะพวกเขาจะไม่มีปากมีเสียงและหลงเชื่อคำลวงของพวกเขาได้โดยง่าย
โอเน็ต เอเน็ต แอดมิดชั่นที่แสนไร้สาระ ต้องพึ่งดวงมากกว่าความสามารถในการสอบ
คิดขึ้นมาทำไม ? ระบบสอบเอนท์แบบเดิมดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ แก้ทำไม ?
แถมนโยบายเรียนฟรี ก็โดนยุบไปแล้วไม่ใช่รึ ทำให้ต้องจ่ายค่าเรียนที่แสนแพงเอง
ทั้งที่การเรียน 12 ปีเป็นกฎหมายที่ให้เด็กทุกคนต้องเรียนแท้ ๆ แต่ทำเช่นนั้นไปทำไม ?
และไหนจะเรื่องนี้อีก ทำไมถึงได้ให้การเป็นครูในโรงเรียนรัฐทำได้ยากเช่นนั้นล่ะ ?
คำตอบง่าย ๆ ก็เพื่อจะได้กีดกันไม่ให้มีครูดี ๆ มาสอนเด็กอยู่ไง
ประชาชนจะได้โง่ ทำให้พวกเขาปกครองพวกเราได้ง่าย ไม่รู้ตัวหรอกรึ ?
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 มิถุนายน 2555 / 18:58
ที่มีปัญหาคือ
ทุกคนอ้างว่าตัวเองเห็นคุณค่าของครู แต่ไม่จะคิดช่วย5อะไรครูเลย
และบอกว่าให้ความสำคัญ ก็แค่การพูดเอ่ยชมแล้วไม่ได้ทำอะไรที่มากกว่านั้น
ดังนั้นการเห็นคุณค่าและความสำคัญของครูแบบนี้ มันจะช่วยครูได้ไหม ?
...ตั้งมาตรฐานของครูไว้สูง แต่ดันตอบแทนให้เขากลับคืนไปเสียต่ำเรี่ยดิน
ครูดี ๆ ที่ไหนก็ไม่อาจจะอยู่รอดได้ และถึงได้เหลือน้อยเต็มทีแบบในปัจจุบันนี้ไง
คือรับตั้งแต่ปีหนึ่ง หรือรับตอนปีห้า มันต่างกันยังไงอ่ะค่ะ
เพราะสุดท้ายเกณฑ์รับก็เท่ากัน
แล้วผลที่ได้ ก็คือ มีงานรองรับเฉยๆไม่ใช่เหรอคะ
ไม่ได้ให้ทุนตอนเรียนด้วยนี่ หรือเราเข้าใจอะไรผิด
ขอให้ท่านสามารถคงอุดมการณ์นี้ต่อไปได้อย่างไม่เสื่อมคลายนะ
แต่เราก็จะไม่เพียงแค่พูดอวยพร
หากเรามีความสามารถหรือมีโอกาสที่จะทำ
เราก็จะพยายามหาทางให้รัฐเข็นนโยบายที่สนับสนุนครูมากกว่าในปัจจุบันนี้ให้จงได้
และแม้ตอนนี้เราจะทำได้แค่พูด พิมพ์ เขียน แต่เราจะทำต่อไปจนกว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง
#11
ต่างกัน
เพราะ ปี1 ยังมีทางเลือกอีกมาก แต่ปี5 ไม่มีทางเลือกแล้ว
ดังนั้นคนที่เข้าตั้งแต่ปี1 ถ้าไม่ชอบก็เลิก ถ้าชอบก็อยู่ต่อ
ดังนั้นคนที่เลือกเพราะ"ใจ"จะมีมากกว่า
ทว่า ปี5 ไม่ใช่อย่างนั้น หลายคนไม่มีทางเลือกต่อไปแล้ว
เพราะมันสายเกินกว่าที่จะกลับตัวไปเลือกทำอย่างอื่นใหม่
(ความจริง หลายคนก็ดันทุรังมาตั้งแต่ ปี2 แล้ว)
ดังนั้นคนที่ได้จะมีคนที่"จำเป็น"ต้องเข้าร่วม มากกว่าเข้าเพราะ"ใจ"มากกว่า
แน่นอน อาจจะมีจำนวนน้อย แต่ยังไงมันก็มีมากกว่าปี1แน่ ๆ
ซึ่งอาจจะส่งผลให้ได้ครูที่ไม่มีคุณภาพออกไปได้
(แต่แค่คนเดียวที่ออกไปจากตรงนี้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรแล้ว)
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 18 มิถุนายน 2555 / 20:02
ถามกลับ... แล้วถ้ามีครูที่ดีกว่านี้ คิดว่าจะได้หมอที่ดีกว่านี้ไหม ?
แล้วที่ท่านพูดว่ากลัวคนเก่ง ๆ ไปเรียนหมอจนไม่มีเหลือมาเรียนครู
ถามว่า มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบันนี้หรอกหรือ ?
ซึ่งเราไม่เข้าใจว่าท่านกำลังสื่ออะไร
ในเมื่อสิ่งที่ท่านไม่อยากให้เกิด มันก็เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน
ดังนั้นค้านไปเพื่ออะไร ? เพื่อให้ประเทศไทยยังคงย่ำอยู่กับที่อย่างนั้นเหรอ ?
ท่านต้องเข้าใจจุดยืนเราเสียใหม่
เราไม่ได้ดูถูกอาชีพครู
แต่เราดูถูกภาครัฐ ที่คิดนโยบายที่ขับไล่คนเก่งให้คิดออกห่างจากการเป็นอาชีพครู
เพื่อหวังให้ทางภาครัฐเปลี่ยนนโยบายใหม่ให้สนับสนุนคนเก่งอยากมาเป็นครูมากขึ้นบ้าง
และเพราะท่านยังแยกประเด็นไม่ออกในตรงนี้
มันถึงทำให้ประเทศไทยยังไม่ได้ครูที่มีคุณภาพเท่าที่ควรจะเป็นอยู่ยังไงล่ะ
...สุดท้ายแล้วสำหรับพวกท่านที่รู้จักแค่เพียงแต่จำนวนจริง
คงไม่อาจเข้าใจจำนวนจินตภาพที่เรากำลังสื่อได้ สินะ ?
ถ้าไม่มี "จิตวิญญาณ" กับ "อุดมการณ์" ความเป็นครู ก็อย่ามาเป็นเลยครับ ^^
เดี๋ยวนี้วิชาชีพครู เป็นวิชาชีพเฉพาะแล้วเหมือนกัน ต้องฝึกสอน เรียน5ปี ไม่ใช่ให้ใครจบอะไรมั่วๆซั่วๆจะมาเป็นครูได้
ถ้าคนทั้งประเทศคิดแบบคุณ ประเทศก็ล่มจ่มครับ จบ!
เพราะจะมีแต่ครูหวังรวย ครูเห็นแก่เงิน ฯลฯ เต็มไปหมดแหละ
เป็นครู ไม่ได้เป็นด้วยหน้าที่ แต่เค้าเป็นกันด้วย "ใจ"
ส่วนประเด็นวิวชาชีพครูที่มันตกต่ำ คนเก่งมาเรียนน้อยนั่นคือเรื่องจริงที่ต้องยอมรับและรับมันให้ได้ แต่ปัจจุบันมันก็เริ่มมีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น คนเก่งก็เริ่มมาเรียนเยอะขึ้น ผมมองว่ามันเป็นผลมาจากนโยบายครูพันธุ์ใหม่ที่ทำให้วิวชาชีพครูเป็นที่น่าสนใจในขณะนี้
ท่านต้องแยกให้ออก ว่าจุดยืนของแต่ละคนคืออะไร
แน่นอน คนที่จะเป็นครู หากคิดอย่างเราย่อมจะทำให้ประเทศชาติล่มจม
แต่เราไม่ใช่ครู ! และไม่ได้เป็นครู แต่เราเป็นคนที่จะช่วยเหลือครูต่างหาก
ท่านลองคิดดูแบบนี้ก็แล้วกัน
สมมติว่าตัวท่านเป็นครู และเราเป็นเจ้าของโรงเรียน
ถามว่า หากเรายื่นข้อเสนอไปว่า
คนที่เป็นครูอย่างท่าน จำเป็นต้องจบมัธยมด้วยเกรด 3.00 ขึ้นไป
แถมต้องเรียน 5 ปี ค่าเทอมเท่ากับหมอ แต่เงินเดือนที่เราจะให้ท่านน้อยกว่าจับกัง
และท่านก็ต้องห้ามเถียงห้ามต่อรอง
เพราะท่านเป็นคนที่มี "จิตวิญญาณ" กับ "อุดมการณ์" ของความเป็นครูอยู่
ถามว่าท่านจะยอมไหม ?
และมีคนเก่งมีความสามารถสักกี่คนที่จะยอมรับเงื่อนไขนี้ ?
...ทว่านี่แหละคือสิ่งที่ทางภาครัฐกำลังทำอยู่
กลับกัน ในความเป็นจริง คอลัมน์นี้เรากำลังเสนอว่า
เงื่อนไขข้างบนเลวทรามมาก ทำไมคนเป็นครูต้องยากลำบากขนาดนั้น ?
ในเมื่อเขามี "จิตวิญญาณ" กับ "อุดมการณ์" ของความเป็นครูอย่างเต็มเปี่ยม
ไฉนเราถึงต้องเอาเปรียบเขาขนาดนั้นล่ะ ?
ถนัดคณิตศาสตร์ เรียนจบวิทย์เอกคณิตศาสตร์ก็มาเป็นครูได้ง่าย แถมเงินดีด้วย
แบบนี้สิคนที่เก่งเขาก็มาหา เกิดการแข่งขันกันในอาชีพ
แค่ครูดียังไม่พอแต่ต้องดีที่สุดถึงจะอยู่รอด
นี่แหละคือจุดมุ่งหมายของเรา
ด้วยเหตุนี้ แยกแยะให้ดีนะ
เราพูดด้วยจุดยืนของเจ้าของโรงเรียน ไม่ใช่จุดยืนของคนที่จะเป็นครู
ลองดูให้ดี
"เรียนเยอะ เฉพาะทาง ทว่าได้เงินต่ำ" ถ้าครูพูด-ดูดี แต่ถ้าเจ้าของโรงเรียนพูด-ดูเลว
"ง่ายใครเก่งก็มาสอนได้ แถมได้เงินดี" ถ้าครูพูด-ดูเลว แต่เจ้าของโรงเรียนพูด-ดูดี
โดยเราขอยินยันมาตั้งแต่ต้นว่า เราพูดในจุดยืนของเจ้าของโรงเรียน ไม่ใช่ครู
หากท่านหรือใครจะเถียง ก็บอกด้วยว่าสิ่งที่เราพูดผิดตรงไหน
การบอกว่า "เพราะแบบนี้ถึงเป็นอย่างนี้" มันเป็นความรู้สึก หาใช่ข้อเท็จจริงไม่
ดังนั้นคุยกันด้วยเหตุผลสิ ! อย่าคุยกันด้วยความรู้สึก !
คุยกันด้วยสถิติและความเป็นจริง ไม่ใช่เอาอารมณ์และความเชื่อเป็นที่ตั้ง
ก็เพราะแบบนี้ไงล่ะ ถึงได้ปล่อยให้ จีทีสองร้อย ฆ่าทหารและคนบริสุทธิ์มาร่วมหลายปี
เพราะคุยกันด้วยความรู้สึกแทนที่จะด้วยเหตุผลยังไงล่ะ !
ระบบรับครูตอนนี้มันเหมือนรับเเต่คนไม่มีทางไปให้มาเป็นครู คนที่มีอุดมการณ์จริงๆเหลือไม่กี่คนหรอก ลองมองกลับไปดูครูรอบตัวคุณในปัจจุบันดูนะ 10%คือคนที่ทำเพื่ออุดมการณ์ที่ว่า เเต่ที่เหลือไม่ใช่เลย
บางคนไม่เก่งเลย ปล่อยเด็กทิ้งๆขว้างๆ ไปรับจ๊อบสอนพิเศษเพิ่มก็มี บังคับให้เด็กเรียนพิเศษกับตัวเองเพื่อเกรดก็มี เงินมันไม่พอกิน ครูเลยไม่ใช่ครูที่เเท้จริง นอกจากรับจ๊อบเพิ่มยังไปกู้หนี้ยืมสินจนท่วมหัว ถามจริงๆเถอะ คนมีความสามารถที่จะหาเิงินได้มากกว่าเงินเดือนครู เขาจะเอาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์เเบบนี้ทำไม
เเค่งานครูก็เหนื่อยมากเเล้ว ยังต้องมีจ๊อบพิเศษ เเถมยังต้องกู้หนี้ยืมสินอีก คนเก่งๆที่ไม่กินอุดมการณ์เป็นอาหาร เขาไม่เอาหรอก
ถ้าเกณฑ์รับเข้าเป็นครูทั้งสูง ยาก เเละวุ่นวาย เงินเดือนที่ให้ครูควรเพิ่มขึ้นตามด้วยเพื่อให้คนอยากเป็นครูมากขึ้น เเล้วเราก็มีครูเก่งๆมากขึ้น เด็กเก่งขึ้น ชาติพัฒนาได้มากขึ้น
ไม่ใช่ความสามารถระดับเกรดA เเต่ต้องมาทำงานรับเงินเดือนระดับเกรดD ชีวิตครูบางคนเเทบจะติดF -*-
คนที่เป็นครูเพราะอุดมการณ์ ถ้ายังรักษาสิ่งนั้นไว้จนจบชีวิตความเป็นครูได้ก็ขอสรรเสริญ เเต่จะมีซักกี่คนที่รอดจากสภาพเเวดล้อมที่บังคับให้อุดมการณ์นั้นหายไป
มีคนเข้าใจสิ่งที่เราสื่อสักที
เพราะหลายคนดันเข้าใจว่าเราพูดเพราะเราจะเป็นครู =*=
แต่แท้จริงเราพูดในฐานะเป็นนักเรียนของครูต่างหาก
สงสัยอยากดัง 55555