คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แพทย์แผนไทยทำไมต้อง 'ประยุกต์'
แพทย์แผนไทยทำไมต้อง 'ประยุกต์'
หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่าแพทย์แผนไทยมาแล้ว อาจจะรู้จักมากน้อยต่างกันไป แต่ถ้าพูดถึง “แพทย์แผนไทยประยุกต์” หลายๆคนคงทำหน้าเป็นเครื่องหมาย question mark กันทีเดียว !!
“แพทย์แผนไทยประยุกต์คืออะไร?”
“เหมือนแพทย์แผนไทยป่ะ?”
“หมอนวด?”
“มีคณะนี้ด้วยเหรอ?”
“เรียนยากมั้ย?”
“จบมาทำงานอะไรอ่ะ?”
ถ้าจะว่ากันตามนิยามของกฎหมาย..
“การแพทย์แผนไทย” หมายความว่า การประกอบโรคศิลปะตามความรู้หรือตำราแบบไทยที่ถ่ายทอดและพัฒนาสืบต่อกันมา หรือตามการศึกษาจากสถานศึกษาที่คณะกรรมการรับรอง
“การแพทย์แผนไทยประยุกต์” หมายความว่า การประกอบโรคศิลปะตามการศึกษาจาก สถานศึกษาที่คณะกรรมการรับรอง และใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยและการบำบัดโรคตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
หลายๆคนอ่านจบแล้ว คงงงเป็นไก่ตาแตกยิ่งกว่าเดิม..
เรามาพูดง่ายๆเป็นภาษาชาวบ้านกันดีกว่า
"แพทย์แผนไทย" เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ใช้ทฤษฎี หลักการ และวิธีการทางการแพทย์แผนไทยเพียวๆในการวินิจฉัยโรคและรักษาโรค ทำให้การเรียนการสอนจะมุ่งศึกษาองค์ความรู้ทางแผนไทยเพียงอย่างเดียว ไม่มีการเรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์ประกอบ
"แพทย์แผนไทยประยุกต์" เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นจากแนวคิดของนพ.อวย เกตุสิงห์ ที่ต้องการพัฒนาแพทย์แผนไทยให้ยั่งยืน มีวิทยาศาสตร์เข้ามารองรับในการอธิบาย มีความรู้ทางการแพทย์พื้นฐานที่จะสามารถสื่อสารกับแพทย์แผนปัจจุบัน และใช้เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิดได้ จึงมีการเรียนการสอนทั้งองค์ความรู้ทางด้านแผนไทยและวิทยาศาสตร์การแพทย์ควบคู่กัน (แต่ในทางปฏิบัติเราเน้นแผนไทยเป็นหลักนะ)
สิ่งที่เหมือนกันของทั้งสองศาสตร์ คือในเรื่องการศึกษาทฤษฎี หลักการ และวิธีการรักษาด้านแผนไทย ซึ่งจะแบ่งออกเป็นสาขาเวชกรรม เภสัชกรรม หัตถเวชกรรม และผดุงครรภ์ (แต่ละสาขาคืออะไร เดี๋ยวเราค่อยว่ากันอีกทีนะจ๊ะ)
สำหรับข้อแตกต่างนั้น คือ ในแง่ของการศึกษาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ ความสามารถในการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ และที่สำคัญ...ใบประกอบโรคศิลปะของทั้งสองสาขานี้ก็ต่างกัน
น้องๆหลายคนอ่านจบ คงคิดว่า
เอ๊ะ...อย่างงี้แพทย์แผนไทยประยุกต์ก็ดีกว่าสิ รู้ทั้งแผนไทยแผนปัจจุบัน
แต่ช้าก่อน..มันไม่ได้เป็นอย่างงั้นเสมอไป !!!
อย่าลืมว่าทั้งสองสาขานี้เรียน 4 ปีเท่ากัน ดังนั้นคนที่เรียนแพทย์แผนไทย จะมีข้อได้เปรียบคือ เค้ามีเวลาในการศึกษาองค์ความรู้แผนไทยได้ลึกซึ้งกว่า อีกทั้งการที่แพทย์แผนไทยประยุกต์ได้ศึกษาความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็อาจทำให้เรายึดติดกับแนวคิดสมัยใหม่ ทำให้กลายเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงมุมมองแนวคิดของแพทย์แผนไทยที่แท้จริง (อันนี้ประสบการณ์ตรงเลยนะ เวลาเรียนวิชาแผนไทยกับแผนปัจจุบัน เอามาคิดรวมกันทีไร เป็นอันงงทุกที ~)
สำหรับพี่แล้วไม่ว่าจะแพทย์แผนไหน ต่างก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป หากจะนำมาเปรียบเทียบว่าใครดีกว่าใครคงไม่ได้
แต่เหนือสิ่งอื่นใด...เราต้องอย่าลืมว่าแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนไทยประยุกต์ต่างก็มีรากฐานมาจากจุดเดียวกัน และมีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน คือ มุ่งดูแลรักษาคนไข้ให้หายจากความเจ็บป่วย :D
ขอบคุณแหล่งข้อมูลดีๆจาก...
พระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พศ.2542
ความคิดเห็น