P
คณะรัฐศาสตร์
                 การเมืองการปกครอง
ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย 

        รื่องการเมืองการปกครอง หลายๆ คนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวเหลือเกิน แต่ว่าเรื่องการปกครองมันหมายถึงแนวทางที่เราจะดำเนินชีวิตเลยนะคะ เพราะว่าเราต้องอยู่รวมกันในเมืองเป็นสังคม จึงต้องมีการปกครองส่วนกลางเข้ามาดูแล นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมเดือนนี้พี่แป้งถึงเลือกสาขาการเมืองการปกครองมาให้น้องๆ ชาวเด็กดี อ่าน 

        โดยเฉพาะยิ่ง พี่แป้ง มีโอกาสสัมภาษณ์น้อง 2 คนที่กำลังเรียนอยู่ในรั้ว
รัฐศาสตร์การปกครองด้วยแล้ว อยากบอกว่าสาขานี้มีเสน่ห์มากจริงๆ ค่ะ จะมีความน่าสนใจและเสน่ห์ของสาขานี้อยู่ตรงไหน ตามพี่แป้งมาเลยค่ะ ^_^

.

พี่ฟรังโก้
รัฐศาสตร์การปกครอง
ชั้นปีที่ 4


พี่แป้ง : ก่อนอื่น แนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่ฟรังโก้ : สวัสดีครับ ผมชื่อนายต่อตระกูล ชาญวิทยา ชื่อเล่น ชื่อฟรังโก้ ซึ่งมีที่มาจากการที่แม่อยากให้ชื่อ ฟรัง ตามค่าเงินของฟรัง ของฝรั่งเศสสมัยก่อน พ่ออยากให้ชื่อ โก้ เลยชื่อ ฟรังโก้ ครับ ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ที่ คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 สิงห์เขียว รุ่นที่35 ครับ

พี่แป้ง : ย้อนสมัยม.ปลาย อะไรคือจุดเริ่มต้นที่เลือกเรียน รัฐศาสตร์การปกครอง คะ?
พี่ฟรังโก้ : ผมเพิ่งมารู้สึกตัวจริงๆ ว่าอยากเลือกเรียนรัฐศาสตร์ หรือ การเมืองศาสตร์ (Political Science) ก็ตอนเรียนอยู่ ม.6 ครับ ตอนนั้นมีความคิดว่า ในขณะที่เรากำลังศึกษาอยู่สายศิลป์ภาษา สาขาที่เราสามารถศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยก็มีไม่มากนัก และอะไรคือสาขาที่เราชอบจริงๆ  ซึ่งคำตอบสำหรับผมที่ได้คือ รัฐศาสตร์ การปกครอง(Government)
             
สิ่งที่ผมสนใจแต่แรก คือ การศึกษาที่เกี่ยวกับสังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ความเป็นมาเป็นไปของแต่ละรัฐ แต่ละประเทศ พลวัตของโลกใบนี้ เป็นต้น ซึ่งหากผมศึกษาต่อทางด้านรัฐศาสตร์ การปกครอง เรื่องที่ผมสนใจเหล่านี้ก็จะได้ศึกษามันอย่างแน่นอนครับ นอกจากนี้ต้องขอบอกน้องๆ ไว้ก่อนว่า รัฐศาสตร์เป็นศาสตร์ที่คอยหยิบยืมวิชาหรือศาสตร์จากแขนงอื่นๆ มาใช้อยู่เสมอๆ ครับ
              อีกปัจจัยเหตุหนึ่ง คือ การที่ประเทศของเราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย( ซึ่งผมในฐานะที่เป็นทั้งประชาชนและพลเมืองของรัฐ ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยของประเทศนี้ มีส่วนสำคัญต่อการปกครองประเทศนี้) ประกอบกับการเกิดขึ้นของบริบทการเมืองภาคประชาชน (Citizen Politic) แบบมวลชนที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองเราช่วงนั้น ทำให้ผมกระตือรือร้น อยากรู้เกี่ยวการเมืองมากขึ้นด้วย


พี่แป้ง : อยากเรียนมาตั้งแต่ ม.ปลายแบบนี้ มีวิธีการเตรียมตัวเข้าสู่คณะนี้ยังไงบ้างคะ
พี่ฟรังโก้ : สำหรับการเตรียมตัว ก็เริ่มศึกษาสิ่งที่เรียกว่ารัฐศาสตร์ จากการเข้าฟังบรรยายการสอบตรงทางด้านรัฐศาสตร์ตามมหาลัยต่างๆ และก็ศึกษาความรู้ทั่วไปทางด้านสังคมศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นภูมิศาสตร์ นิติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สังคมวิทยา มานุษยวิทยา และรัฐศาสตร์ แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้ศึกษาวิชาความรู้ทั่วไปอื่นๆ ตามความคาดหวังในระบบแอดมิชชั่นของบ้านเราครับ (ซึ่งสมัยผมเป็นรุ่นสุดท้ายที่สอบ O-NET และ A-NET ครับ)
 


พี่แป้ง : ตอนสอบเข้ามา สอบอย่างไรคะ?
พี่ฟรังโก้ : ผมได้เข้ามาในระบบรับตรงของ โครงการศิลปศาสตรบัณฑิต รัฐศาสตร์ ซึ่งใช้คะแนน ทางด้านสังคมศาสตร์ A-NET ในการตัดสินครับ ซึ่งจากการที่ผมเน้นในตัววิชาทางด้านสังคมศาสตร์ตอนสอบแอดมิชชั่น จึงทำให้ผมได้สอบเข้ามาเรียนที่นี้และครับ


พี่แป้ง : ได้ข่าวว่าคณะสังคมฯ ที่นี่รับน้องฮามาก อยากให้เล่าบรรยากาศตอนนั้นหน่อยค่ะ
พี่ฟรังโก้ : บรรยากาศในตอนรับน้อง ก็เฮฮามากครับ ตื่นเต้นมาก ที่จะได้เริ่มเข้ามาใช้ชีวิตอีกรูปแบบที่เปลี่ยนไปเจอเพื่อนใหม่ รุ่นพี่ใหม่ๆ และก็จะต้องมีน้องใหม่ในเวลาต่อมา ในบรรยากาศพี่ๆที่เป็น พี่ entertain นี้ก็เต้นกันฮามาก สุดๆเลยครับ มีการเล่นเกมทำกิจกรรมกันตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเย็นเลยครับ มีฐานอยู่หลากหลายฐานที่พี่ๆเขาจัดทำให้เรามากมายครับ  ฐานที่ชอบมากที่สุดในตอนนั้นคือฐานที่จะให้ปิดตาและเดินจับมือกัน ลอดอุโมงค์และพี่ก็จะคอยแกล้งแป้งมาโปะมาถูมาทาเต็มตัวไปหมดครับ เรียกได้ว่า “เละ” กันไปเลยครับ ฮ่าๆๆ


พี่แป้ง : การเรียนในคณะรัฐศาสตร์ การปกครอง ปี 1 กับ สมัยมัธยมต่างกัน ไหมคะ?
พี่ฟรังโก้ : ในตอนปี1ที่เริ่มเข้ามาเรียนนั้น ในส่วนของวิชาที่ได้เรียน ยังไม่ค่อยแตกต่างมาก คือ วิชาที่ได้เรียนมีลักษณะเป็นวิชาพื้นฐานทั่วไปครับ เหมือนเราเรียน เลข พละ สังคม ภาษาไทย อังกฤษ แต่ในส่วนเนื้อหานั้นมีความแตกต่างกันมาก คือ ยากกว่าสมัยมัธยมมากครับ และ เรื่องการปรับตัวนี้ก็ยากมาก ต่างจากมัธยมโดยสิ้นเชิง ไม่มีครูที่คอยมาตักเตือนให้เราทำการบ้านให้เราส่งงาน อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยคือ สั่งแล้ว สั่งเลย คนที่รับผิดชอบคือเราเอง ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้นั้น ทำให้เราต้องมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง และพร้อมๆกับความรับผิดชอบต่อสังคมที่มากขึ้นด้วยครับ

พี่แป้ง : วิชาไหนที่เรียนมาแล้วคิดว่ายากสุด ?
พี่ฟรังโก้ : สำหรับวิชาที่ผมคิดว่ายากที่สุด คือ วิชา ภูมิรัฐศาสตร์(Geopolitics) ซึ่งเป็นวิชาที่ได้ศึกษาเมื่อตอนอยู่ปีที่ 2 ครับ ต้องขอบอกไว้ก่อนว่า วิชานี้เป็นวิชาที่เปิดสอนอยู่ไม่กี่ที่ในประเทศไทย เพราะหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการทิ้งนิวเคลียร์ลงที่นางาซากิ และ ฮิโรชิมา ทำให้ความสำคัญด้านความมั่นคงหรือการทหาร ที่จำเป็นต้องอาศัยภูมิศาสตร์นั้นหมดไป เพียงแค่ชี้นิ้วลงที่แผนที่ว่าต้องการให้ระเบิดลงที่ไหนจุดไหน ก็สามารถส่งขีปนาวุธลงได้  ทำให้วิชานี้ดูเหมือนจะหมดความสำคัญไปในทันที….

            แต่อย่างไรก็ตาม ท่าน อ.รศ.ดร.โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ ได้แสดงทัศนะความคิดเห็นผ่านบทนำของวิชานี้ว่า หลังจากสงครามโลกครั้งที่2 เป็นต้นมา ที่ได้เข้าสู่บริบทโลก สงครามเย็น(Cold war) เกิดสงครามตัวแทน (Proxy war) ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก น้องๆ อาจจะคุ้นหูกัน เช่น สมรภูมิเวียดนาม, อินโดจีน หรือ เกาหลีเป็นต้น ตลอดจนหลังการสิ้นสุดสงครามเย็น ก็ยังคงเกิดความขัดแย้งสงครามต่างๆ ที่สหรัฐฯ เป็นตัวตั้งตัวตี เช่น สงครามในเอเชียตะวันตกหรือตะวันออกกลาง ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ยังไม่มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์เกิดขึ้น มีการใช้ทหารรบทางภาคพื้นดิน อากาศและน้ำมากกว่า ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยความรู้ทางด้าน ภูมิศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์เป็นสำคัญ
           ซึ่งภูมิรัฐศาสตร์ นั้นจะศึกษาว่านักการเมือง การทหาร ควรจะตัดสินใจอย่างไรต่อสภาพทางภูมิศาสตร์ที่เป็นอยู่ ซึ่งจะแตกต่างจาก ภูมิศาสตร์การเมืองที่มุ่งเน้นไปว่า นักการเมืองทำอะไรที่ส่งผลกับสภาพแวดล้อมภูมิศาสตร์

            ถ้าถามว่าทำไมวิชานี้ถึงยากที่สุดสำหรับผม เพราะเวลาสอบวิชานี้ อาจารย์ผู้สอนไม่ค่อยบอกแนวข้อสอบ อาจารย์จะบอกแค่ว่า อ่านมาทั้งเล่มนั้นแหละ ซึ่งหนังสือที่อาจารย์ท่านเขียนสอนแต่ละเล่มหนาเป็นร้อยๆ หน้า เช่นเดียวกับวิชาการเมืองการปกครองไทย, รัสเซีย, สหรัฐฯ แต่วิชานี้ยากกว่า เพราะผมมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ไม่มากนัก ประกอบกับเนื้อหาของวิชานี้มีการยกตัวอย่างหลายยุค และมีทฤษฎีด้านภูมิรัฐศาสตร์ต่างๆ มากมาย ซึ่งมันยากมากที่จะต้องจำเรื่องทุกเรื่องเพื่อเข้าไปสอบ 



พี่แป้ง : ตลอดเวลาที่อยู่ในรั้วนนทรี เรียนการปกครองได้อะไรบ้างคะ?
พี่ฟรังโก้ : สิ่งที่ผมได้รับจากการเรียนการปกครองในรั้วนนทรี พูดได้ว่ามันคือจุดเปลี่ยนสำคัญทางความคิดของผมเลยก็ได้ เพราะได้เรียนรู้หลักการคิดอะไรใหม่ๆ กับอาจารย์หลายท่าน ซึ่งเป็น “หลักวิธีการคิดแบบรัฐศาสตร์” คือ คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลบนรากฐานของวิทยาศาสตร์ (Science) ซึ่งหลักคิดแบบรัฐศาสตร์นี้ประกอบไปด้วยแนวคิดคิดต่างๆ มากมาย ผ่านนักคิดต่างยุคต่างสมัย ทำให้เวลาเรามองอะไรหรือคิดอะไรต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น เราควรมองอย่างเปิดกว้างมองทั้งสองด้านดังคำกล่าวที่ว่าเหรียญมีสองด้านเสมอ อะไรที่ดีที่สุดไปซะหมดจริงๆ มันไม่มี ในทุกสังคมๆ ย่อมมีซ้าย มีขวา มีตรงกลาง มีสีขาว สีดำ สีเทา ซึ่งสำหรับผมหลักการคิดแบบนี้มันเป็นอะไรที่แตกต่างจากการศึกษาในระดับมัธยมที่ผมเคยได้เรียนมามากครับ  


พี่แป้ง : อยากให้เล่าเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจในรั้วมหาวิทยาลัยหน่อยค่ะ 
พี่ฟรังโก้ : กิจกรรมในรั้วนนทรีนี้มีเยอะมากครับ และเราก็จะต้องทำมันให้ครบตามเป้าที่มหาลัยกำหนดด้วยคือ 100 ชม.กิจกรรม แต่พอจำจริงๆ ไปๆ มาๆ อาจจะเกิน100 ชม.ด้วยซ้ำครับ
               ส่วนกิจกรรมที่ผมประทับใจ คือ การที่ได้เคยเป็นส่วนหนึ่งของชมรมดนตรีสากล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์หรือ KU BAND ซึ่งผมเคยเป็นสมาชิกใน
ตำแหน่ง SAXOPHONE อยู่1 ปี ในขณะศึกษาอยู่ชั้นปีที่1 ซึ่งจะซ้อมแบบปกติอยู่อาทิตย์ละ 3 วัน ซ้อมอยู่ 17.00น. - 23.00 น.โดยประมาณ แต่ถ้ามีงานพิเศษเข้ามา ก็ต้องซ้อมหลายวันและซ้อมจนดึกเลยครับ 


พี่แป้ง : โรงอาหารไหนใน ม.เกษตรศาสตร์ที่คิดว่า อร่อยสุดคะ?
พี่ฟรังโก้ : ร้านอาหารก็คงต้องเป็นที่บาร์ใหม่และครับ ส่วนร้านพี่แอน (เด็กเกษตรฯ รู้จักดี) ผมก็กินบ่อยเพราะพี่แกทำเร็วมาก  แต่ถ้าพูดถึงร้านที่อร่อยก็คงเป็นร้านป้าเฉื่อยนะครับ แต่ป้าแกทำช้าสมชื่อมาก ฮ่ะ ๆ ๆ


พี่แป้ง : สถานที่ไหนในมหาวิทยาลัยที่ชอบไปบ่อยๆ แบบว่าถ้าหาไปเจอไปที่นี่เลย?
พี่ฟรังโก้ : สถานที่ที่ชอบก็คงจะเป็นใต้คณะสังคมศาสตร์ บริเวณฝั่งจิตวิทยาครับ  เพราะโต๊ะนั่งเยอะ และ ก็บรรยากาศดีครับ ร่มเย็นดีครับ


พี่แป้ง : สุดท้ายนี้อยากจะฝากน้องๆ ที่สนใจในการเรียน รัฐศาสตร์ การปกครองหน่อยค่ะ
พี่ฟรังโก้ : อยากจะฝากน้องๆ ที่สนใจในการเรียนรัฐศาสตร์สาขาการปกครองว่า ภายใต้ยุคโลกาภิวัตน์ หรือ ยุคแห่งการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารนั้น มันง่ายมากที่น้องๆ จะเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร มีสื่อต่างๆ ให้น้องๆ เลือกเสพย์มากมาย ซึ่งในฐานะที่น้องๆ เป็นผู้บริโภคสื่อต้องติดตามข่าวสารบ้านเมืองอย่างใกล้ชิดและให้ครบทุกด้านทุกมุม และคิดวิเคราะห์ตัดสินใจด้วยตนเอง นอกจากนี้ก็อ่านหนังสือให้เยอะๆ นะครับ เพราะรัฐศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ศึกษาทั้งอดีต ปัจจุบันและก็อนาคต ไม่ได้เป็นสิ่งที่หยุดนิ่งตายตัว

.

พี่โอ๊ต
รัฐศาสตร์การปกครอง
ชั้นปีที่ 4


พี่แป้ง : แนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ     
พี่โอ๊ต : สวัสดีครับพี่แป้งและก็น้อง ๆ ชาวเด็กดีที่น่ารักทุกคน ผมชื่อ นายศุภณัฐ เสริญวงศ์สัตย์ ชื่อเล่น โอ๊ต นะครับ ตอนนี้ก็กำลังเรียนอยู่ที่คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ สาขาการปกครอง ชั้นปีที่4 ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เคยูรุ่นที่ 69 และ ก็เป็นสิงห์เขียวรุ่นที่ 35 ครับ


พี่แป้ง : ทำไมพี่โอ้ตถึงเลือกเรียนรัฐศาสตร์การปกครองคะ?
พี่โอ๊ต : ขอท้าวความกลับเมื่อ 6-7 ปีก่อน ต้องขอบอกตามตรงว่า ช่วงแรกๆนั้นผมอยากเรียนทางสถาปัตย์ เพราะผมเป็นคนชอบวาดรูปมากๆ โดยเฉพาะพวกการ์ตูนต่างๆ บางครั้งถ้าว่างๆ จากการเรียน นอกจากจะฟังเพลง เล่นเกม ดูทีวีแล้ว ผมก็ชอบมาวาดรูปเล่น แต่ช่วงที่ทำให้ผมเริ่มมาสนใจการเมือง ก็คงเป็นตอนที่มีรัฐประหารปี 2549 นี่แหละครับ ทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ สาเหตุและจุดเริ่มของเหตุการณ์ทางการเมืองของไทยนั้นเป็นอย่างไร ประกอบกับผมเป็นที่ชอบอ่านพวกประวัติศาสตร์ด้วย ก็ได้ลองอ่านและติดตามข่าวสารเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน


พี่แป้ง : กิจกรรมที่ขาดไม่ได้ของเฟรชชี่รั้ว ม.เกษตร คืออะไรคะ?
พี่โอ๊ต : ต้องเป็นรับน้องครับ ตอนช่วงก่อนวันรับน้องนี่ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลยล่ะครับ ยิ่งพอวันจริงก็ยิ่งตื่นเต้นมากๆ จำได้ว่าตื่นเต้นมากจนต้องรีบนั่งรถมาแต่เช้าเลย พอมาถึงก็เจอพวกพี่ๆ เพื่อนๆ หลายคน ก็ได้นั่งพูดคุยก่อนเข้าทำกิจกรรม จากนั้นสักพักก็เริ่มทำกิจกรรมตามฐานตามจุดต่างๆ ซึ่งผมก็ได้เข้าฐานกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ รุ่นพี่มีความเป็นกันเองมากๆ และได้เจอเพื่อนใหม่หลายคนที่นี่ด้วย ทำให้วันรับน้องยิ่งมีความสนุก อบอุ่น และประทับใจจนถึงตอนนี้


พี่แป้ง : กลับมาที่เรื่องเรียน คิดว่าวิชาไหนที่ยากที่สุด (เอาแบบปราบเซียนเลยนะ)
พี่โอ๊ต : สำหรับผมนะ ผมว่ายากทุกวิชาเลย เพราะเป็นคนไม่ค่อยเก่ง 555 วิชาที่ยาก ผมว่าน่าจะเป็น เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ซึ่งเป็นวิชาที่เกี่ยวกับภาพรวมโดยคร่าวๆ ของระบบเศรษฐศาสตร์ ทั้งในระบบเศรษฐศาสตร์จุลภาคและมหภาค เช่น หลักอุปสงค์ อุปทาน, กลไกราคา เป็นต้น วิชานี้ต้องใช้ความเข้าใจอย่างมาก เพราะนอกจากจะต้องจำหลักและสูตรต่างๆ ทางเศรษฐศาสตร์แล้ว ก็ต้องมีการนำมาประยุกต์ใช้กับในเรื่องนั้นๆ ด้วย ซึ่งตัวผมเองกว่าจะผ่านมาได้ก็ต้องอ่านหนังสือเพื่อทบทวนบทเรียนอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอนะครับ                                         
                

พี่แป้ง : วิชาไหนที่คิดว่า ใช่เลย!! นี่แหละรัฐศาสตร์การปกครอง ชอบเพราะอะไร?    
พี่โอ๊ต : ถ้าพูดสาขาการปกครองแล้วนะครับ ในความคิดของผมเองนั้น สิ่งที่บ่งบอกถึงรัฐศาสตร์การปกครอง ก็คงจะเป็นวิชาการเมืองปกครองของประเทศต่างๆ ซึ่งประเทศที่ผมได้เรียนมานั้นก็มีการเมืองปกครองของประเทศจีน, ญี่ปุ่น, รัสเซีย, ตะวันออกกลาง, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ประเทศกำลังพัฒนา, สหราชอาณาจักร และ สหรัฐอเมริกา
       โดยวิชาการเมืองปกครองของประเทศต่างๆ ก็เป็นวิชาที่อธิบายถึงลักษณะโครงสร้างทางการเมืองของ รวมถึงที่มาที่ไปถึงหลักโครงสร้างทางการเมืองของแต่ละประเทศ ซึ่งผมเองก็เป็นคนที่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์ของทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่สำคัญของโลกด้วย ทำให้ผมชอบและสนใจวิชาการเมืองปกครองของประเทศต่างๆ อย่างมาก
         นอกจากนี้วิชานี้ยังทำให้ทราบถึงโครงสร้างการบริหารอำนาจทางการเมืองของประเทศต่างๆ และทราบถึงภูมิหลังของประเทศนั้นๆ ว่ามีความเป็นมาอย่างไรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน




พี่แป้ง :
เคยรู้สึกท้อบ้างมั้ยคะ แล้วมีวิธีจัดการกับความท้อยังไงคะ?
พี่โอ๊ต : มีช่วงหนึ่งที่รู้สึกท้อจนคิดอยากจะซิ่วนะครับ เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่เป็นจุดตกต่ำของชีวิตเลยครับ รู้สึกแย่กับทุกอย่างในชีวิต แย่จนไม่อยากทำอะไร ไม่อยากเจอใคร อยากไปอยู่ที่ใหม่ ๆ และถ้าจะซิ่วก็อาจจะไปเรียนรัฐศาสตร์เหมือนเดิมหรือไม่ก็คณะอื่นๆ
           แต่ตอนหลังผมก็มาคิดกับตัวเองว่า “ทุกอย่างย่อมการเปลี่ยนแปลงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีก็ตาม ฉะนั้นเราควรจะต้องยืนหยัดและยอมรับเพื่อสู้กับปัญหา ไม่ใช่หนีปัญหา ถ้าหากย้ายไปที่ใหม่ แล้วเจอปัญหาเดียวกัน เราคงไม่ต้องย้ายไปทุกมหาวิทยาลัยเลยหรือ” ทำให้ผมตัดสินใจไม่คิดจะซิ่วและก็กลับมาเรียนต่อที่นี่เหมือนเดิมครับ


.






พี่แป้ง : เกรดที่ผ่านมาเป็นไงบ้าง คิดว่าโอเคมั้ย?
พี่โอ๊ต : ส่วนเกรดผมเองตอนนี้ก็อยู่ที่ 2.5 กว่าๆ สำหรับผมก็ถือว่าพอโอเคแต่ไม่ถึงกับดีมากนะครับ ใจอยากได้สัก 2.75 ขึ้นไป แต่เนื่องจากบางวิชาที่เรียนในมหาวิทยาลัยนี่ยากจริงๆ ประกอบงานเยอะด้วย ทำให้เกรดจึงไม่ค่อยดีนัก
          ส่วนเกรดที่แนะนำก็ควรอยู่ที่ประมาณ 2.5 ขึ้นไปนะครับ เพราะเกรดมหาวิทยาลัยจำเป็นอย่างมากทั้งในการเรียนต่อปริญญาโทและการสมัครงานในที่ต่างๆ ครับ  



พี่แป้ง : วางแผนอนาคตไว้อย่างไรบ้างคะ?    
พี่โอ๊ต : ถ้าหากผมจบจากที่นี่ไปแล้ว สิ่งที่ผมคิดไว้ก็คือผมอยากเรียนต่อนะครับ ตอนนี้กำลังเลือกว่าจะเรียนด้านไหนดีระหว่าง MBA หรือรัฐศาสตร์ แต่อีกใจหนึ่งผมก็อยากทำงานเข้ารับราชการเป็นตำรวจไม่ก็ทหารน่ะครับ และก็ยังคิดว่าอาจจะเปิดธุรกิจส่วนตัวด้วยอีกอย่างหนึ่งครับ


พี่แป้ง : สุดท้ายนี้ขอให้ฝากอะไรดี ๆ ถึงน้อง ๆ ที่อยากเรียนรัฐศาสตร์การปกครองหน่อยค่ะ          
พี่โอ๊ต : ครับผม  ผมเองก็อยากจะบอกว่า รัฐศาสตร์สาขาปกครองไม่ได้โหดและหินอย่างที่น้องๆ คิดนะครับ และก็ไม่ต้องกลัวว่าจบมาแล้วจะไม่มีงานทำนะครับ มีหลายคน(รวมทั้งผมด้วย)ก็เคยคิดว่าจบรัฐศาสตร์การปกครองก็คงไปทำงานเกี่ยวกับปลัดหรือเป็นนายอำเภอ แต่มันก็ไม่ใช่เสมอไป โดยเฉพาะปัจจุบันเรียนจบมาอาจจะได้ทำงานที่ไม่ได้ตรงกับสายงานที่เราทำเสมอ มีรุ่นพี่ที่รู้จักก็ได้ไปทำงานอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับรัฐศาสตร์ หรือไม่ก็ไปเรียนต่อ แต่ก็มีรุ่นพี่หลายคนก็ทำงานที่ตรงสาย ซึ่งบางคนก็รับราชการแล้วก็มีด้วยเช่นกันนะครับ

       แต่ถึงแม้ว่าจะทำงานอาชีพใดๆ หรือเรียนในคณะไหนก็ตาม
ขอให้เรามีใจรักที่อยากจะทำงานและอยากจะเรียนในวิชาชีพนั้นๆ และก็ทำให้เต็มที่อย่างสุดความสามารถ เพราะผมเชื่อว่าทุกอย่างมันไม่มีจุดสิ้นสุดหรอกครับ ในโลกนี้หลายอย่างที่เราดูแล้วมันไม่สามารถมีทางเป็นไปได้ แต่มันก็สามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้หากเพียงแค่เรามีความมุ่งมั่นและใส่ใจในสิ่งนั้นๆ นะครับ

       สุดท้ายนี้ผมก็ขอให้อำนาจของคุณพระศรีรัตนตรัย รวมถึงสิ่งศักดิ์ในสากลโลก ดลบันดาลให้น้องๆที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย สอบเข้าได้ตามที่น้องๆหวังทุกประการ และถ้าใครที่จบเป็นบัณฑิตแล้วหรือกำลังจะจบมาเป็นบัณฑิตแบบผม ก็ขอให้ได้ทำงานตามที่ตนเองหวังไว้นะครับ ขอให้โชคดีนะครับ ขอบคุณครับ

ถ้าใครอยากรู้ว่ารัฐศาสตร์ การปกครองคืออะไร เข้าไปดูได้เลยจ้าาาาา
(ลากเม้าท์ไปจิ้ม ๆ ที่รูป)


.

"
   


   

.
3 สาขาล่าสุดใน "คณะในฝัน"















 


พี่แป้ง
พี่แป้ง - Columnist นักข่าวสายรับตรง พร้อมเสิร์ฟข่าวสอบเข้าทุกมหา'ลัย เติมพลังได้จากชาเย็นหวานน้อย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

4 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
MC10 Member 17 ม.ค. 56 15:47 น. 2
ขอขอบคุณพี่แป้งที่ให้โอกาสดีๆอย่างนี้แก่ผมนะครับ
 
สำหรับ my.id ผมก็ตามข้างล่างนี้เลยนะครับ สามารถแอด my.id ผมมาคุย
กันได้นะครับ

ขอบคุณครับ

พี่โอ๊ตเองครับผม
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด