P
คณะวิศวกรรมศาสตร์
                          สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา
ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัย
         วัสดีค่ะ กลับมาพบกับอีกแล้วกับคณะในฝัน ตอนนี้ก็ยังอยู่กับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา นะคะ ตามที่ได้สัญญากันในครั้งก่อนว่า คราวนี้พี่แป้งจะตามไปสัมภาษณ์รุ่นพี่ที่เรียนจบวิศวกรรมโยธามานะคะว่า จบแล้วพี่เค้าทำงานอะไรบ้าง ต้องเรียนอะไร สอบอะไรบ้าง ตามไปดูได้เลยค่ะ

 


 

พี่แม็กซ์
วโรชา แก้วกิตติกาญจนา
วิศวกรรมโยธาหลักสูตรนานาชาติ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

พี่แป้ง : แนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่แม็กซ์ : ชื่อ วโรชา แก้วกิตติกาญจนา ชื่อเล่น แม็กซ์ จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธาหลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ครับ

พี่แป้ง : อะไรที่ทำให้เลือกที่จะเรียน วิศวกรรมโยธา คะ?
พี่แม็กซ์ : สิ่งที่ทำให้เลือกเรียนวิศวกรรมโยธา คือ จริงๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจจะเรียนวิศวกรรมโยธาครับ เอาตรงๆ คือ ไม่ได้ตั้งใจเรียนวิศวกรรมด้วยซ้ำ อยากเรียนนิเทศน์ครับ แต่ด้วยความต้องการของที่บ้านต้องการให้ลองไปสอบวิศวกรรมดู ก็เลยมานั่งทำการบ้านกับตัวเองครับว่าจะเรียนวิศวกรรมอะไรดี โจทย์คือต้องเรียนวิศวกรรมอะไรก็ได้ซักอันนึง หลังจากลองเขียนคณะวิศวกรรมทั้งหมดเรียงกันแล้ว ตัดออก พบว่าเหลือวิศวกรรมโยธาเป็นอันสุดท้าย เลยคิดว่าจะลองสอบดูครับ ถ้าไม่ติดก็คงบอกที่บ้านว่าสอบไม่ติด แล้วก็ไปเรียนนิเทศน์ตามที่ใฝ่ฝัน ผลปรากฎว่า สอบติดครับ เลยต้องเรียนวิศวกรรมโยธานี่แหละครับ

พี่แป้ง : ตอนสอบเข้านี่สอบด้วยระบบอะไรคะ?
พี่แม็กซ์ : ตอนสอบเข้า เป็นสอบตรงครับ ใช้เกรดยื่นแล้วไม่ต้องสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์อย่างเดียว บังเอิญเรียนเก่งครับ เกรดเลยสูง ... ฮาาา ล้อเล่นครับ เป็นคนเรียนกลางๆ ครับ บังเอิญผ่านข้อกำหนดต่างๆ ที่ทางมหาวิทยาลัยเค้ากำหนดไว้ เลยได้สิทธิ์นั้นครับ บรรยากาศสมัยนั้น...มึนครับ คือช่วงนั้นเป็นช่วงแรกๆ ที่มี โอเน็ต เอเน็ต ตอนนั้นเป็นเรื่องใหม่มากๆ  เลยมึนๆ ทำให้ตัดสินใจได้ว่าสอบตรงถ้าติดก็คงเอาเลย เพราะมึนกับระบบมากครับ

พี่แป้ง : ช่วยเล่าบรรยากาศตอนสมัยเรียนให้ฟังได้ไหมคะ?
พี่แม็กซ์ : ตอนเรียนหรอครับ ตั้งแต่เข้าใหม่ๆ ต้องทำความรู้จักกับสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ ที่มาจากแทบทุกจังหวัดทั่วประเทศเลยครับ ปีแรกๆ บรรยากาศจะยังไม่ค่อยเปลี่ยนจากมัธยมนะครับ ในแง่ของมหาวิทยาลัยผมนะครับ ถ้าที่อื่นผมไม่ทราบครับ คือที่ผมเจอมาคือ มีการเช็คชื่อ มีการบ้าน มีเก็บคะแนน ทุกอย่างแทบจะเหมือนมัธยมเลยครับ สิ่งเดียวที่ต่างอย่างชัดเจนจนทำให้บางทีรู้สึกใจหาย คือ ไม่มีเข้าแถวเคารพธงชาติตอนเช้าครับ...
           เรื่องเคารพธงชาติก็มีส่วนนะครับ แต่ที่ต่างจริงๆ เลย คือ
ต้องคุมตัวเองให้ได้ การเรียนเป็นแบบเก็บข้อมูลด้วยตัวเอง คืออาจารย์จะสอนเรื่อยๆ ถ้าเราไม่สนใจ ไม่ตั้งใจฟัง อาจารย์เค้าไม่มาเรียกถ้าทีละคนเหมือนมัธยมนะครับ เพราะเด็กในห้องเรียนจะเรียนรวมกัน ซึ่งจะเยอะมาก(บางวิชาเรียนแยกก็จะบรรยากาศเหมือนมัธยมเลยครับ) เพราะฉะนั้นถ้าไม่เข้าใจหรือมีคำถามอย่ากลัวที่จะยกมือถามครับ อาจารย์ร้อยทั้งร้อยยินดีที่จะตอบทุกคำถาม อย่านิ่ง เพราะการนิ่งถือว่าคุณเข้าใจทุกอย่าง เวลาสอบจะมาบอกว่าไม่เข้าใจไม่ได้ครับ เพราะคุณนิ่งเอง (ค่อนข้างโหดนะครับ แต่ความเป็นจริงมันเป็นแบบนี้จริงๆ ครับ)

พี่แป้ง : คิดว่าการเรียน วิศวกรรมโยธา ให้อะไรกับเราบ้างคะ?
พี่แม็กซ์ : การเรียนวิศวกรรมโยธา ให้ผมหลายอย่างครับ ทั้งความคิดที่เป็นระบบ ความรู้ความสามารถที่จะนำไปประกอบวิชาชีพ ได้รู้จักเพื่อนๆที่น่ารัก ได้รู้จักอาจารย์ที่เก่งๆหลายท่าน ได้แนวทำในการดำเนินชีวิต ได้เรียนรู้คน และได้อะไรอีกมากมายที่ไม่สามารถบรรยายได้หมดครับ สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากที่สุด คือได้ค้นพบตัวเองครับ หลายคนเรียนเพราะที่บ้านอยากให้เรียน บางคนเรียนเพราะอยากลอง บางคนอยากเรียนเอง แต่ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร เมื่อได้เข้ามาเรียน และสัมผัสแล้ว อย่างที่บอกครับ เมื่อผ่านกระบวนการเรียนการสอนต่างๆ สิ่งที่ผมได้คือได้ค้นพบตัวเอง ว่าตัวเองจะดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไปในอนาคต
          สำหรับผม การเรียนมหาวิทยาลัยเป็นการหาเครือข่ายคนรู้จัก ซึ่งก็คือเพื่อนนั่นเองครับ เพื่อนๆ นี่แหละสำคัญครับ เพราะได้อะไรหลายๆ อย่างจากเพื่อนในมหาวิทยาลัย และต้องทำความเข้าใจก่อนครับว่า เรียนจบอะไรมา ใช่ว่าจะทำงานในสายอาชีพนั้นแล้วรุ่งทุกคนนะครับ บางคนจบหมอมา ออกมาขายอะไหล่รถยนต์จนรวยมหาศาล หรือจบวิศวกรรม แล้วออกมาขายข้าวมันไก่จนรวยไปเลยก็มี 
การเรียนมหาวิทยาลัยเป็นแค่แนวทางให้ดำเนินชีวิต หากไม่สามารถเดินตามทางที่ตัวเองใฝ่ฝันได้ หมายถึงว่า บางทีคุณอาจจะอยากทำอะไรอย่างอื่น แต่พยายามแล้วด้วยความสามารถของคุณ หรือดวงของคุณ หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้คุณไม่สามารถทำตามฝันได้ สิ่งที่คุณได้เรียนมา จะทำให้คุณไม่อดตายครับ (ขออภัยที่ใช้คำตรงๆ เพราะจะได้เห็นภาพครับ) 

พี่แป้ง : ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่คะ?
พี่แม็กซ์ : ตอนนี้ทำงานเป็นวิศวกร ของบริษัทปูนซิเมนต์ไทยจำกัด(มหาชน) หรือที่รู้จักกันในนาม SCG ครับ เป็นวิศวกรบริการเทคนิค คือมีหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่แนะนำสินค้าก่อนผู้แทนขายจะปิดการขาย ไปจนถึงลูกค้าใช้สินค้าแล้วมีปัญหา จะแก้อย่างไร คือดูทั้งหมดครับ และต้องคอยวิ่งพบลูกค้า วิเคราะห์โครงสร้างสำหรับติดตั้งสินค้า ออกแบบโครงสร้าง แนะนำการแก้ไขโครงสร้าง และอื่นๆ อีกมากมายครับ 
 

พี่แป้ง : ก่อนที่จะทำงานที่นี่ เคยย้ายงานมาก่อนหรือเปล่าคะ?
พี่แม็กซ์ : เคยทำงานที่อื่นมาก่อนครับ แต่ที่ทำคือรอที่จะได้งานที่นี่ครับ ทำได้ 9 เดือนก็ได้งานที่นี่ครับ แต่งานที่เดิมก็ให้ความรู้ผมได้มากพอสมควรครับ และมากพอที่จะมาประยุกต์ใช้กับงานใหม่ด้วยครับ คือผมมองว่าไม่ว่าจะทำงานอะไรก็แล้วแต่ งานทุกงานมีจุดเด่น และมีความรู้มากมายแอบแฝงอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ปฏิบัติงาน จะสามารถหาความรู้จากงานที่ตนเองทำได้มากแค่ไหน ย้ำว่าทุกงานจริงๆ นะครับ ยกตัวอย่างเช่น call center กับ หัวหน้าที่มีตำแหน่งสูงๆ ตำแหน่งต่างกันชัดเจนนะครับ แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันครับ คือทั้ง 2 ตำแหน่ง จะต้องพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนกันครับ
          สังเกตง่ายๆ เข้าทำงานวันแรก กับทำงานมาแล้ว 3 เดือน ต่างกันหรือไม่ครับ ถ้าลองมองย้อนไป น้องๆ อาจจะมองง่ายๆ ว่า เรียนอนุบาล กับเรียนมัธยม ตัวเองมีการพัฒนามากขึ้นแค่ไหน การทำงานก็เหมือนกันครับ ต่างกันตรงที่คุณครูของการทำงานก็คือตัวของน้องๆ เอง ไม่มีใครมาสอนให้เราสามารถทำงานใดงานหนึ่งได้ดี นอกจากตัวเราเองได้ลองทำเอง ได้คิด ได้ลงมือ สุดท้ายแล้ววิธีที่จะทำให้งานออกมาดี มีตัวเราเองเท่านั้นแหละครับที่รู้ นี่คือสิ่งที่ตัวเองเป็นครูของตัวเองครับ


พี่แป้ง : งานที่ทำอยู่ตอนนี้ได้นำความรู้ที่เรียนมาใช้มากน้อยแค่ไหนคะ?
พี่แม็กซ์ : ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซนต์นะครับ ใช้ความรู้ที่ได้เรียนมาประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ครับ เพราะความรู้ทุกเรื่องสามารถเชื่อมโยงกัน และต่อยอดขึ้นไปอีกได้ ถ้าความรู้พื้นฐานของเราแน่น แน่นอนว่าเวลาทำงานจริง ต้องหาความรู้เพิ่มเติมจากทางอื่น ไม่ว่าจะเป็นลงมือทำ หาในอินเตอร์เน็ต พี่ๆ ที่ทำงาน หรือไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เอาความรู้ที่เราหามาเองเหล่านั้น มารวมกับความรู้พื้นฐานที่มีอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือได้ความรู้ใหม่ๆ ที่มหาวิทยาลัยไม่มีสอน ซึ่งสุดท้ายแล้วมันจะเปลี่ยนตัวมันเองจากความรู้ใหม่ๆ เป็นคำว่า ประสบการณ์ ครับ และประสบการณ์นี่แปลกครับ เราจะเห็นแต่ว่าถ้าอะไรที่มากเกินไป มันคือไม่ดี แต่ประสบการณ์นี่กลับกันครับ คือยิ่งเยอะยิ่งดี ยิ่งมีเยอะยิ่งดูน่าเชื่อถือครับ

พี่แป้ง : คิดเรื่องที่จะเรียนต่อมั้ย?
พี่แม็กซ์ : เรื่องเรียนต่อ ตอนทำงานที่เดิมคิดนะครับ แต่พอได้งานใหม่ที่เราชอบ และอยากทำแล้ว ความคิดที่จะเรียนต่อมันเริ่มจางลงครับ จนตอนนี้แทบไม่เหลือแล้วครับ โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ไม่ชอบนั่งเฉยๆ หาข้อมูลโดยการอ่าน หรือรับการถ่ายทอดจากผู้อื่น หรือแม้จะหาข้อมูลด้วยตัวเองก็ตาม ผมเห็นว่าไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ไม่สามารถทำให้ผมได้รู้เรื่องเหล่านั้นเท่ากับลงมือทำด้วยตัวเอง เหมือนกับเรียนขับรถครับ ถึงจะเรียนขับรถเก่งแค่ไหน ทำข้อสอบได้คะแนนเต็ม ถ้าไม่เคยขับรถจริงๆ มาก่อน พอได้ขับครั้งแรก ขับไม่ได้แน่นอนครับ เทียบกับคนเรียนไม่เก่ง แต่ขับรถมา 20 ปี คิดว่าใครจะขับรถเก่งกว่ากันครับ 
        
สังคมในปัจจุบันเป็นสังคมที่มีการแข่งขันสูงขึ้นทุกวันๆ ฉะนั้นแล้วสิ่งสำคัญมากๆ และต้องรีบหาไว้ นั่นคือประสบการณ์ครับ และหากใช้ชีวิตให้ถูกต้อง ประสบการณ์จะสามารถสอนตัวน้องๆเอง ได้มากกว่าอาจารย์ในห้องสอนซะอีก ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เรียนต่อนะครับ แต่จะเรียน หรือไม่เรียน แล้วแต่ความคิดความเห็นของแต่ละบุคคลนะครับ ที่อธิบายมา เป็นความเห็นของผมคนเดียว เอาไว้เป็นส่วนเล็กๆ ในการตัดสินใจก็พอครับ

พี่แป้ง : สุดท้ายขอให้ฝากกำลังใจไปถึงน้องๆ ที่อยากเรียนวิศวกรรมโยธาด้วยค่ะ
พี่แม็กซ์ : สำหรับน้องๆ ที่อยากเรียนวิศวกรรมโยธา ก็ไม่มีอะไรมากครับ คือถ้าเลือกแล้ว ไม่อยากให้เลือกเพราะแฟนหรือเพราะเพื่อน ส่วนใหญ่คิดว่าจะได้มีเพื่อนเรียน ถ้าคิดแบบนั้นคิดผิดแล้วครับ เพราะถ้าได้เข้ามาเรียนจริงๆ น้องๆ จะไม่หาเพื่อนใหม่ มันก็เป็นไปไม่ได้ครับ แต่อยากจะบอกน้องๆ ว่า การเลือกเรียนมหาวิทยาลัย เป็นเหมือนการเลือกแนวทางการดำเนินชีวิตหลังเรียนจบ อย่างน้อยความรู้ที่ได้เรียนมาน้องต้องใช้หากิน ฉะนั้นการเลือกเรียนวิศวกรรมโยธา หรือวิศวกรรมอย่างอื่น หรือแม้กระทั้งคณะอื่นๆ ถ้าเป็นสิ่งที่น้องๆตัดสินใจเลือกไปแล้ว พยายามอย่าคิดที่จะหันหลังกลับไปเริ่มใหม่กับคณะอื่่นๆ
         วิศวกรรมโยธาไม่ได้เป็นคณะที่เรียนยาก ถ้าเป็นคนมีความรับผิดชอบ และหากน้องๆ พยายามจนเรียนจบ น้องๆ จะรู้ว่าความพยายามของน้องๆ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มันคุ้มมากๆ ที่เคี่ยวเข็ญตัวเอง แข่งขันกับความรับผิดชอบของตัวเอง จนเรียนจบคณะนี้ คุ้มยังไง อันนี้ผมบอกไม่ได้ครับ บอกได้แค่ว่า มันคุ้มตั้งแต่ที่ตัดสินใจดีแล้วที่จะเรียนวิศวกรรมโยธาครับ พี่ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนด้วยความจริงใจครับผม และขอให้น้องๆ ทุกคนประสบความสำเร็จในสิ่งที่น้องๆ เลือก ไม่ว่าน้องจะเลือกเรียนวิศวกรรมโยธาหรือเรียนคณะอื่น พี่เป็นกำลังใจให้ทุกคนเสมอนะครับ สู้ๆ ()_m@x_()




 

 
พี่กระต๊อบ
กฤษฎา โพธิ์สัย
วิศวกรรมโยธา หาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี


พี่แป้ง : แนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่กระต๊อบ : สวัสดีครับ ชื่อ กฤษฎา โพธิ์สัย ชื่อเล่น กระต๊อบ  เรียนจบ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมโยธา หาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ครับ
 

พี่แป้ง : อะไรที่ทำให้เลือกที่จะเรียน วิศวกรรมโยธา คะ?
พี่กระต๊อบ : ต้องท้าวความสมัย เด็กๆ จริงๆ ผมอยากเป็นกุ๊ก เพราะดูการ์ตูนมากไปหน่อย พอ ม.ต้น คุณพ่อได้พาไปดูการทำงานของเพื่อนๆ ของท่านหลากหลายอาชีพ เช่น ครู หมอ เจ้าหน้าที่เทคนิคการแพทย์ ทหาร ตำรวจ ฯลฯ อาชีพที่โดนใจผมที่สุดคือ วิศวกรโยธา เพราะรายได้สูงและมั่นคงที่สุดในกลุ่ม และจากนั้นผมก็มุ่งมั่นจะเป็นวิศกรโยธาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาครับ

พี่แป้ง : ช่วยเล่าบรรยากาศตอนสมัยเรียนให้ฟังได้ไหมคะ?
พี่กระต๊อบ : บรรยากาศตอนสมัยเรียน (มจธ.) ต่างกับ ม.ปลาย มาก เพราะมีอิสระพอสมควร บางวิชาไม่ต้องเข้าเรียนขอแค่สอบให้ผ่านแล้วกัน ในการจัดการตัวเองที่ไม่ยอมเข้าห้องเรียน แน่นอนว่าก็ต้องให้เวลากับการเรียนโดยการอ่านเอง ส่วนเรื่องระบบการสอนผมว่าสอนเนื้อหามากเกินจำเป็นที่จะนำไปใช้งาน ผมได้คุยเรื่องนี้กับอาจารย์ผู้สอนเหมือนกันท่านก็บอกตัดเนื้อหาออกไม่ได้ เพราะสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กำหนดมาแล้วว่าเราต้องเรียนอะไรบ้าง ถ้ามหาวิทยาลัยใดสอนไม่ครบตามเนื้อหาก็ไม่มีสิทธิ์สอบใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (กว.) และก็ไม่สามารถทำงานได้โดยถูกกฎหมาย ติดคุกอีก ต้องทำใจครับ T_T

พี่แป้ง : วีรกรรมเด็ดๆ สมัยเรียน หรือ กิจกรรมไหนบ้างคะที่ยังจำไม่เคยลืมจนถึงวันนี้
พี่กระต๊อบ : สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ชอบตั้งวงเที่ยวกันทุกคืนวันจันทร์ กว่าจะเลิกก็ตอนตี 5 ต้องตื่นไปเรียน 8.30 น. แล้วคืนวันอังคารก็เที่ยวต่อ และต้องตื่นไปเรียน 9.30 น. ของวันถัดไป  เป็นอะไรที่เป็นวงจรมากครับ แต่ก็สนุกดี ทำให้รู้ว่า ถ้าคิดจะเที่ยว กิน ดื่ม ก็ต้องรับผิดชอบเรื่องการเรียนให้ได้ด้วยครับ

พี่แป้ง : คิดว่าการเรียน วิศวกรรมโยธา ให้อะไรกับเราบ้างคะ?
พี่กระต๊อบ : คิดอย่างเป็นระบบ รู้จักหาข้อมูลเพื่อนำมาสนับสนุน ความคิด กล้าตัดสินใจครับ
 

พี่แป้ง : ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่คะ?
พี่กระต๊อบ : ตอนนี้ทำงานด้วย และเรียน ป.โท วิศวกรรมโครงสร้างด้วย ตำแหน่งงานเป็น วิศวกรออกแบบและคุมการผลิต shear stud (ระบบรับแรงแผ่นดินไหวในโครงสร้างพื้นคอนกรีต)

พี่แป้ง : คิดว่าโอเคกับงานที่ทำมั้ย?
พี่กระต๊อบ : ok นะครับ เพราะผมกับเถ้าแก่ผม (อาจารย์ท่านหนึ่งใน มจธ.)  ช่วยกันทำทำโปรแกรมสำหรับคำนวณออกแบบ shear stud ซึ่ง know-how ในไนไทยยังน้อยมาก  กล้าพูดได้เลยว่า บริษัทที่ผมทำงานอยู่เป็นเจ้าเดียวที่ออกแบบเป็น เลยรู้สึกท้าทายกับงานที่ทำอยู่ตอนนี้มากครับ

พี่แป้ง : อะไรคือสิ่งท้าทายกับงานที่ทำอยู่คะ?
พี่กระต๊อบ : สิ่งท้าทายคือ เราไม่รู้ว่าจะทำอะไร ต้องหาข้อมูลมา สนับสนุนความคิดของตัวเอง ต้องอ่านเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง code การออกแบบของต่างประเทศ งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ

พี่แป้ง : สุดท้ายขอให้ฝากกำลังใจไปถึงน้องๆ ที่อยากเรียนวิศวกรรมโยธาด้วยค่ะ
พี่กระต๊อบ : สำหรับน้องๆที่กำลังตัดสินใจว่าจะเรียนอะไรดีแนะนำ ไปบอกคุณพ่อคุณแม่พาเราไปดูงานในอาชีพต่างๆว่าเขาทำงานกันแบบใหน  ถ้าชอบวิศวกรรมโยธาบอกก่อนเลย  เหนื่อยแน่ๆ  ยกตัวอย่างปี 2 มี field camp ต้องเข้าป่า 10 วัน ไปทำแผนที่ในป่า จริงๆนะ เราจะไหวมั้ย? มีความสุขหรือเปล่า ขอให้ลองถามตัวเอง แล้วได้คำตอบเองนะครับ


          สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนของการเรียนมหาวิทยาลัยก็คือ ต้องสนใจเอง เก็บข้อมูลเอง ทำเอง ไม่มีใครมาคอยเตือนคอยบอกนอกจากตนเอง ชีวิตจะอิสระมาก ๆ เลยค่ะ เพราะฉะนั้นความยากของการเรียนต่อคือการควบคุมตัวเอง แต่ความยากของการเรียนจบคือการ หางานทำ หางานที่เราชอบมากที่สุด ทำแล้วสนุก อยากทำ ได้ท้าทายตัวเอง จะทำให้ชีวิตมีความสุขมากเลยค่ะ ขอให้น้อง ๆ เลือกเรียนในสิ่งที่คิดว่าเลือกแล้วจะไม่เสียใจนะคะ

         
คณะในฝันเรามีคณะอื่นอีกเยอะเลย มีสาขาแยกย่อยด้วย เข้าไปดูได้ที่ คณะในฝัน นะคะ หรือน้อง ๆ คนไหนสนใจสาขาไหน หรืออยากจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับสาขาตัวเองเพื่อให้พี่แป้งเอามาเล่าสู่น้องๆ ล่ะก็ ส่งมาได้เลยที่ piriya@dek-d.com หรือจะทวิตบอกมาที่ @Paengdekd ก็ได้ค่ะ เจอกับบทความหน้า บทความสุดท้ายของซีรี่ย์วิศวกรรมโยธานะคะ แล้วคราวหน้าจะเป็นสาขาอะไร รอลุ้นกันเน้อ .....

 
พี่แป้ง
พี่แป้ง - Columnist นักข่าวสายรับตรง พร้อมเสิร์ฟข่าวสอบเข้าทุกมหา'ลัย เติมพลังได้จากชาเย็นหวานน้อย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

11 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ม๑คันไฟ Member 12 มี.ค. 58 22:27 น. 5

วิศวะโยธา ผมว่ามันสนุกดีนะมันได้ออกไปทำอะไรหลายๆอย่างข้างนอกไม่ต้องมานั่งหมกมุ่นมาก

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
น้ำปาตรา ปลาไส้ตัน 23 เม.ย. 58 23:58 น. 7
ชอบคับและให้คำแนะนำดีมากคับและตอนนี้ผมก้อเรียนก่อสร้างคับตอนนี้อยู่ ปวส.1 คับ เรียนจบแล้วผมก็จะเรียนต่อ สาขาวิชาวิศวกรรมโยธาคับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากคับโผมมม ^_____________^ ว๊าว
0
กำลังโหลด
MATCHAND24 Member 25 เม.ย. 58 01:20 น. 8

อยากเรียนวิศวะโยธาค่ะ แต่เพราะเป็นผญที่บ้านเลยไม่สนับสนุน กลัวจบมาหางานทำยาก เพราะส่วนมากก็จะรับแต่ผช พี่คนไหนเป็นผญแล้วเรียนโยธาหรือพี่ที่มีเพื่อนเป็นผญที่เรียนโยธา ช่วยเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับผญวิศวะโยธาหน่อยค่ะ อยากได้กำลังใจ T^T

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด