สวัสดีค่ะ หลังจากที่คราวที่แล้วพี่แป้งพาไปพบกับรุ่นพี่ที่เรียนอยู่ ทั้งพี่ป้อ และ พี่เอินกันมาแล้ว ที่ รุ่นพี่ขอเม้าท์! เรียน ICT นิเทศฯ มีดีอะไร?? (Ver.โหด มันส์ ฮา) ได้รับการตอบรับดีมาก จนอยู่เฉยไม่ได้ละ เลยไปคว้ารุ่นพี่ที่จบแล้วมาอีก 2 คน บอกเลยว่าประสบการณ์แต่ละคนสนุกๆ ทั้งนั้นเลย ทั้งที่ทำงานตรงสายและไม่ตรงสาย แต่สิ่งทีทั้ง 2 คนเหมือนกันคือ มีความสุขมาที่ได้เรียน ICT นิเทศศาสตร์ ค่ะ ย้ำเลยว่าต้องอ่านทุกบรรทัดเพราะมันส์จริงๆ อย่ารอช้าเลยค่ะ ไปหาพี่เขาเลยดีฝ่า >_<
พี่โบลิเด็น วรุตม์ ศิริทิพย์
สาขานิเทศศาสตร์ ICT เอกโฆษณา
มหาวิทยาลัยศิลปากร
พี่แป้ง : ก่อนอื่น แนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่นน : ขออนุญาตแนะนำตัวในแบบของชาว ICT ม.ศิลปากร ก็แล้วกันนะครับ
“กระผมชื่อ นายวรุตม์ ศิริทิพย์ ชื่อในคณะชื่อ โบลิเด็น รหัสประจำตัวนักศึกษา 135204XX ขณะนี้(ในตอนนั้น)กำลังศึกษาอยู่ใน คณะเทคโนโลยีสาระสนเทศและการสื่อสาร สาขานิเทศศาสตร์ ครับ!!!! ”
*** เพิ่มเติม...ชื่อเล่นชื่อ นน ครับ เป็นเด็กเอกโฆษณาครับ
พี่แป้ง : เอกที่เรียนมาเป็นอย่างไรบ้าง สนุกมั้ย?
พี่นน : อันนี้ต้องบอกไว้ก่อนว่า ตอนพวกเราเข้ามาเรียนปี 1 พวกเราทุกคนจะต้องผ่านการฝึกทักษะในเรื่องการออกแบบมาก่อนทุกคน(แรกๆ ก็ตกใจ นึกว่าเรียนสถาปัตย์) ไม่ว่าจะเป็นการวาดมือ (Drawing) หรือ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (งานGraphic) นับว่าเป็นวิชาพื้นฐานที่เด็กทุกคนจะต้องผ่านไปให้ได้ และต้องทำได้ดีในระดับหนึ่ง การคว้า A มาครองนับเป็นเรื่องที่ยากมากๆ
ถามว่าเอกโฆษณาที่เรียนมาเป็นอย่างไร ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่าพวกเราเป็นเด็ก AD (โฆษณา) ที่มีทักษะในด้านการออกแบบ ความคิดสร้างสรรค์ และเราสามารถถ่ายทอดออกมาให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน ซึ่งจุดประสงค์หนึ่งของทางคณะที่บังคับให้พวกเราเรียนวิชาเหล่านี้ เหตุผลหนึ่งก็เพื่อให้เรานำเสนอผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นการเรียนของพวกเราจึงถือได้ว่าสนุกมาก.....! เวลาคิดงานกันแต่ละที เพื่อนๆแต่ละคนจะมีความคิดที่แหวกแนว แตกต่างกันไปอย่างที่เราคาดไม่ถึง และจะมีอาจารย์ที่มีประสบการณ์สูงในสายงานโฆษณาคอยให้คำแนะนำอยู่เสมอ นอกจากนี้ ยิ่งวิชาไหนที่ต้องมีการนำเสนอผลงาน ตอนนั้นละที่จะยิ่งสนุก เพราะเราจะได้เห็นผลงาน แนวคิดของเพื่อน ซึ่งมันก็มีทั้งแบบธรรมดาไปจนถึงแบบที่น่าทึ่งเลยก็มี แต่กว่าจะสามารถทำได้ขนาดนี้ พวกเราก็จะถูกฝึกให้คิดๆๆๆๆๆๆ อยู่ตลอดเวลา บางช่วงนี่คิดจนปวดหัว จึงต้องหาดูงานคนอื่นเยอะๆ หาข้อมูลมาประกอบเยอะๆ เพื่อนำมากระตุ้นความคิดเราให้ตื่นตัวเสมอๆ พอขึ้นชั้นปีสูงขึ้น ก็จะเริ่มมีส่วนของการถ่ายทำ สร้างผลงานจริงๆ ขึ้นมา ได้ออกกองถ่ายกับเพื่อน ได้ทำงานกันจริงๆ เจอปัญหาการออกกองจริงๆ บางครั้งก็แก้ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่มันก็คือประสบการณ์ที่เราได้รับมาเต็มๆ
นอกจากทักษะในด้าน Creative แล้ว พวกเราก็ยังถูกสอนให้มีทักษะในด้าน Marketing เสริมเข้ามาเพิ่มอีก ซึ่งก็ได้อาจารย์สายตรงทางด้านการตลาดเข้ามาคอยสอนคอยแนะนำเสมอ การเรียนการสอนทักษะในด้านนี้ นอกจากเรื่องทฤษฎีแล้วก็จะมีการนั่งคุยกันกับอาจารย์ซะมากกว่า โดยที่ตัวเราเองแม้จะไม่มีประสบการณ์ในด้านการตลาดโดยตรง แต่อาจารย์ก็จะให้เราไปศึกษาหาข้อมูลมาแทน และก็จะเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดกันกับอาจารย์ด้วย จริงๆยังมีอีกหลายอย่างเลยนะครับ แต่ขอพูดถึงแต่อันเด่นๆที่เป็นจุดขายของพวกเราชาว AD กันประมาณที่กล่าวมานี้ก็พอ อิอิ
พี่แป้ง : คิดว่า ICT นิเทศศาสตร์ มีข้อดีย่างไรบ้าง?
พี่นน : แน่นอนครับ คือเราเน้นทำงานโดยการลงมือปฏิบัติจริงมากกว่า ได้คิดงานเองจริงๆ สร้างผลงานเองจริงๆ โดนวิจารณ์ผลงานโดยอาจารย์ผู้ที่อยู่ในสายงานนั้นจริงๆ และที่สำคัญครับ คือ พวกเราชาว ICT ถูกฝึกมาให้ถึกมากจริงๆ ถือได้ว่าเป็นมนุษย์พันธุ์ถึกขั้นเทพเลยละครับ เพราะด้วยรูปแบบการเรียนการสอน การบ้าน โจทย์ต่างๆ มันทำให้เราพัฒนาตัวเองขึ้นได้จริงๆ ทำหนังสือ ทำหนัง ทำโฆษณา ทำ MV แม้กระทั่งทำแผนธุรกิจ ไม่ถึกก็ให้มันรู้ไปสิครับ
พี่แป้ง : เพิ่งเปิดการเรียนการสอนไม่กี่ปี ทำไมถึงเลือกที่จะเรียนคะ?
พี่นน : โดยส่วนตัวผมอยากเรียนนิเทศ ตั้งแต่ ม.3 แล้วครับ เพราะมีรุ่นพี่ที่แอบปลื้มเรียนสายนี้ ตอนเลือกเรียนก็เลยไม่ได้หนักใจเรื่องคณะที่จะเรียนสักเท่าไหร่ จะหนักใจสุดก็เรื่องเรียนที่ไหนนี่ละครับ หาข้อมูลไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็ได้มารู้ว่ามันมีคณะนี้ (ICT) สาขานี้ (นิเทศฯ) อยู่ในมหาวิทยาลัยนี้ด้วย!! ณ ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจเลยครับว่าคณะนี้จะเปิดมานานมากแค่ไหน ขอแค่ได้เรียนในสิ่งที่ชอบก็พอ ยิ่งมีชื่อว่ามหาวิทยาลัยศิลปากร ด้วยแล้ว ไม่ต้องห่วงอะไรเลยครับ!!
และอีกเหตุผลก็คือ พ่อแม่ผมอยากให้ผมได้เรียนในคณะที่ชอบมากกว่าจะต้องมาฝืนตัวเองเพื่อเรียนในคณะที่ไม่ชอบอยู่แล้วด้วย ซึ่งก็ถือเป็นความโชคดีของผมด้วยที่มีผู้ปกครองที่ให้อิสระทางด้านความคิดกับบุตรของตนอย่างเต็มที่ (พ่อแม่จึงไม่ได้ว่าอะไรตอนที่ผมสละสิทธิ์โควตารับตรงคณะสายบัญชี ม.ขอนแก่น ซึ่งก็ถือว่าเป็นคณะยอดนิยมอีกคณะหนึ่งและค่อนข้างมีความมั่นคงด้านการประกอบอาชีพสูงด้วย) แต่พวกท่านก็ไม่ได้ปล่อยผมที่ไปเลยซะทีเดียว ท่านจะโทรคุยถามไถ่ผมตลอด และธุรกิจที่บ้านท่านก็ยังคงทำมันต่อไปเรื่อยๆ เผื่อว่าสักวันเมื่อผมเบื่อกับงานแล้ว ผมก็ยังกลับไปรับช่วงต่อจากท่านได้
พี่แป้ง : ตอนสมัยเรียน ได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างคะ?
พี่นน : โห....บอกเลยว่าคิวแน่นตลอดครับ!!! มีกิจกรรมอะไรขอให้บอก แทบจะวิ่งเข้าใส่ ทำหมดตั้งแต่กิจกรรมคณะ ยันกิจกรรมต่างมหาลัยครับ ที่คณะจะมีก๊วนเพื่อนประเภทเดียวกันคือบ้ากิจกรรม บางทีอาจารย์ที่คณะไม่ต้องเอ่ยปากขอให้ช่วย ก็จะไปขอทำอยู่แล้วประจำครับ แล้วก็กิจกรรมต่างมหาวิทยาลัยก็ประเภทไปออกค่ายต่างจังหวัด ไปทำกิจกรรม ไปสอนหนังสืออะไรประมาณนี้ครับ
แต่ก็เห็นมีเพื่อนบางคนเหมือนกันที่ชีวิตมหาวิทยาลัยเอาแต่เรียน เพื่อนก็ไม่เอา กิจกรรมก็ไม่ทำแค่มาเรียนก็สุดพลังของเขาแล้ว สุดท้ายจบมา แทบจะไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม เลย โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวอยู่อย่างนั้น จึงอยากบอกน้องๆครับว่า เรื่องกิจกรรม ถ้ามันไม่หนักหนาจนเกินไป ทำได้ก็ทำไปเถอะครับ สนุก ได้เพื่อน ได้ประสบการณ์ มีแต่คุ้มกับคุ้ม!!! แต่ก็ควรจะต้องมาควบคู่กับการเรียนด้วยนะครับ จะให้ดีก็ทำมันซะทั้ง 2 อย่างไปเลยครับ รับรองน้องจะรู้สึกว่า เกิดมาใช้ชีวิตคุ้มจริงๆ
พี่แป้ง : อยากให้เล่าประสบการณ์สมัยเรียนหน่อยค่ะ?
พี่นน : ผมพักอยู่บ้าน แถวๆสถานีรถไฟบางซื่อครับ เวลาไปเรียนสามารถไปได้หลากหลายเส้นทางมาก รถเมล์ รถไฟใต้ดิน เรือด่วนเจ้าพระยา ไปได้หมด แต่ที่ชอบสุดๆ ก็คือ เรือด่วนเจ้าพระยาครับ นั่งเรื่อไปเรียน ดูวิวสวยๆ ยิ่งเราต้องลงจากท่าบางโพธิ์แล้วด้วย ก็แทบจะสุดสายละ เวลาไปเรียนก็จะต้องนั่งยาวไปขึ้นที่ท่าสี่พระยา แต่ละวันก็จะมานั่งคอยดูว่าเพื่อนคนนี้ที่รออยู่ที่ท่าต่างๆจะตื่นมาทันขึ้นเรือไหม แล้วพอถึงท่าแล้ว พวกเราทุกคนจะวิ่งไปส่งงาน วิ่งไปเข้าเรียนตามเวลาได้รึปล่าวอีก สนุกสุดๆ แล้วยิ่งตอนนั่งเรือกลับบ้าน ก็จะได้ดูพวกไฟประดับตามฝั่งต่างๆของแม่น้ำ ทั้งสวย ทั้งบรรยากาศดี ฟินเลยละครับบ่องตง!!!!
การเรียนพวกเราจะเรียนอยู่ที่ตึก CAT Tower อยู่หลังไปรษณีย์กลาง บางรัก ครับ เรามีการเรียนการสอนอยู่ในตึกนั้นที่ชั้น 8 พวกเราเรียนอยู่แต่ตรงนั้นมา 4 ปีเต็มๆ แต่เชื่อเถอะครับ ไม่เคยเบื่อเลยจริงๆ ห้องเรียนแอร์เย็นฉ่ำ(นึกว่าห้องเลี้ยงนกเพนกวิ้น) อาหารอร่อยที่ชั้น 6 (แม่ค้าใจดี ชวนแม่ค้าคุยแค่นิ๊ดเดียว แถมให้เราซะเยอะเลย อิ่ม) ถ้าร้านอาหารชั้น 6เต็มก็มีร้านอาหารฝั่งตรงข้ามกับตึกอีกมากมายหลายร้าน ซึ่งก็อร่อยๆทั้งนั้น หรือถ้าอยาก Shopping ก็สามารถหารถไปเดินที่สยามได้ชิลๆใกล้ๆ
พี่แป้ง : ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่คะ?
พี่นน : ตอนนี้ทำงานตำแหน่งเป็น ผู้ปฏิบัติการผู้จัดการเขตฝึกหัด(สิงห์มือทอง) อยู่ที่ บ.บุญรอดเทรดดี้ง ครับ ช่วงนี้ก็ยังเป็นการดูงานอยู่ครับ เป็นโครงการที่ให้ทายาทธุรกิจทั่วประเทศได้เข้ามาเรียนรู้งานจริงกับบริษัทเองโดยตรง ก็ได้ทำหลายๆอย่าง ดูข้อมูล ดูบัญชี ศึกษาระบบงาน ระบบขนส่ง การตลาด เป็นต้นครับ
แต่จากการได้สอบถามเพื่อนๆ พี่ๆ จากหลายๆที่มา แทบจะเกือบครึ่งไม่ได้ทำงานในสายที่ตนเองเรียนมาก่อนเลย แต่มันต้องขึ้นอยู่กับความพยายามในการที่จะหางานที่เราต้องการเองด้วย เรื่องงานเราต้องใช้ความสามารถตัวเองล้วนๆ ครับ เพราะเป็นคณะใหม่ เรื่องระบบรุ่นพี่รุ่นน้องยอมรับเลยครับว่ายังมีน้อยอยู่ ทำให้เด็กจบใหม่ต้องแสดงพลังกันอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังดีที่คณะเรามีการให้ไปฝึกงาน แล้วก็ค่อนข้างได้คำตอบรับดีจากทางบริษัทที่พวกเราไปเข้าฝึก เหตุผลหลักๆก็คือ เราถึกสู้งานดี ทำงานได้หลากหลาย มีพื้นฐานที่ดีด้านการใช้โปรแกรมต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานในสายอาชีพนั้นๆ
พี่แป้ง : ทำไมถึงเลือกงานนี้?
พี่นน : ณ ตอนนี้สำหรับผมคืออยากรู้จักงานให้หลากหลาย ได้ลองได้ทำอะไรหลายๆอย่างดูก่อน เพื่อนำความรู้ที่ได้กลับไปพัฒนาธุรกิจที่บ้านของตัวเองต่อไป อาจเป็นการต่อยอดทางธุรกิจของที่บ้าน หรือ อาจเป็นการเพิ่มประเภทธุรกิจที่บ้านให้มีมากขึ้นจากเดิมอีก อย่างว่าละครับ คงเป็นเพราะว่าส่วนหนึ่งคือเราเป็นคนต่างจังหวัด เราจึงมีความคิดที่จะกอบโกยสิ่งดีๆเพื่อนำไปใช้พัฒนาที่ภูมิลำเนาเดิมของเราเองซะมากกว่า
พี่แป้ง : คิดว่าวิชาเรียนวิชาไหนที่นำมาประยุกต์ใช้กับงานได้มากที่สุดค่ะ
พี่นน : หลายวิชามากๆ ครับ จริงๆ ก็ทุกวิชานั่นละครับ ขึ้นอยู่กับตัวของแต่ละคนเอง อยากแนะนำว่าควรให้ความสำคัญกับทุกวิชาอย่างเท่าเทียมกัน กอบโกยอะไรได้ก็เอามันมาประดับเป็นความรู้ให้ได้มากที่สุอย่างมีความสำคัญในตัวของมัน วันนี้มันอาจดูว่าไม่สำคัญ แต่วันหน้า มันอาจจะสำคัญขึ้นมาก็ได้
พี่แป้ง : สุดท้ายนี้อยากให้ฝากถึงน้องๆ ที่อยากเรียน ICT นิเทศศาสตร์ ค่ะ
พี่นน : ตัวผมเองก็คงจะไม่สามารถเนรมิตพรอะไรดีๆให้กับน้องๆได้ ก็ขอแค่ย้ำข้อความของอาจารย์ ศิลป์ พีระศรี ว่า "พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว" หากคิดจะทำอะไรให้รีบทำ อยากลองอะไรให้รีบลอง อยากรู้อะไรให้รีบทำให้รู้ อย่าปล่อยให้สิ่งต่างๆผ่านไปโดยไม่ได้อะไรกลับมา เพราะในวันหนึ่ง เมื่อเราทำมันไม่ได้อีกแล้ว เราจะได้ไม่เกิดความเสียดายในภายหลัง
ปล. สู้ๆครับ!!
พี่โชติ โชติ ปรัชญาธรรมกร
สาขานิเทศศาสตร์ ICT เอกวิทยุโทรทัศน์
มหาวิทยาลัยศิลปากร
พี่แป้ง : ก่อนอื่น แนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
พี่โชติ : สวัสดีครับ ชื่อโชติ ปรัชญาธรรมกร ครับ เรียกว่า โชติ ก็ได้ครับ จบปริญญาตรี จากคณะเทคโนโลยีสารสนเทศเเละการสื่อสาร มหาวิทยาลัยศิลปากร สาขานิเทศศาสตร์ เอกวิทยุโทรทัศน์ ครับ
พี่แป้ง : เอกที่เรียนมาเป็นอย่างไรบ้าง สนุกมั้ย?
พี่โชติ : พี่เรียนเอกวิทยุโทรทัศน์ครับ จริงๆ ตอนที่เลือกเอก ก็ยังงงๆ ครับว่า เห้ย จะเรียนอะไรยังไงดี ภาพยนตร์ก็ดีนะ หรือโฆษณาก็ดีนะ เอ.... เอายังไงดีสรุปก็มีอาจารย์มีพี่ๆ ตอนนู้นนนมาคอยเเนะเเนวเอกให้ มีคำพูดนึงบอกว่า "ดูสิ่งที่เราชอบ เลือกในสิ่งที่เราถนัด เเละทำในสิ่งที่เรามีความสุข" เมื่อเปรียบเทียบในสิ่งที่เราชอบเเละนิสัยกับเราเเล้วคิดว่าเอกวิทยุโทรทัศน์นั้นน่าจะใช่ที่สุด ก็เลยลงเอยด้วย เอกวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริงๆครับ เเบบว่ามันใช่มาก สนุกมากครับ ที่นี้ให้ทำจริง ได้ลองจริง เเบบว่าอารมณ์ เล่นจริง เจ็บจริง อย่างเช่นตอนเรียนรายการสดนี้รู้เลยครับว่าอะไรที่พลาดได้พลาดไม่ได้ ในชีวิตจริงต้องห้ามพลาดเพราะเรามีบทเรียน(ทั้งน้ำตา)มาตั้งเเต่สมัยเรียน
ที่สำคัญสิ่งที่เอกวิทยุโทรทัศน์นั้นให้กับเรามาก็คือ การทำงานเป็นทีม ความสามัคคี เพราะการทำงานทุกตำเเหน่งหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นวิทยุหรือโทรทัศน์ก็ตามนั้นขาดหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งไม่เลยจริงๆ ถ้าถามว่าเอกวิชานี้นำไปใช้อะไรได้บ้าง ผมคิดว่าเขียนยังไงก็ไม่หมด เอาเป็นว่าที่ผมทำงานมีกินมีใช้อยู่ทุกวันนี้พี่ใช้ทุกสิ่งที่พี่ได้เรียน ทุกอย่างที่ผมถนัด ที่ได้จากการเรียนที่ นิเทศศาสตร์ ICT ศิลปากร เเห่งนี้หมดครับ(ย้ำอีกที ที่นี้โดนจริงเจ็บจริงเเละจำไปอีกนานครับ)
พี่แป้ง : คิดว่า ICT นิเทศศาสตร์ มีข้อดีอย่างไรบ้าง?
พี่โชติ : ถ้าพูดถึง ICT นิเทศศาสตร์ ศิลปากร หลายๆ คนคงตอบว่า จุดเเข็งของเราคือการนำเทคโนโลยี การออกเเบบดีไซน์งานกราฟฟิก เเละเทคโนโลยีต่างๆ ด้านการศิลปะมาปรับใช้ในกระบวนการนิเทศในการสื่อสารเรื่องราว ซึ่งนั้นก็ไม่ผิดครับนั้นเป็นจุดเเข็งที่ทำให้พวกเราได้คิดอะไรใหม่ๆ มีไอเดียเเปลกๆ เสมอ เเต่สิ่งที่สำคัญของ ICT นิเทศศาสตร์ ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเเข็งที่นายจ้างบริษัทต่างๆ ให้การยอมรับก็คือเราทำงานเป็น เป็นในที่นี้ก็คือเราสามารถรู้กระบวนการการทำงานในด้านในเอกที่เราเรียน เพราะพูดได้เลยว่าเเต่ละวิชาของเเต่ละเอกที่เราได้เรียนมานั้นกว่าจะผ่านมาได้เรียกได้ว่าเข้มข้นอารมณ์ว่าถ้าไม่ดีอาจารย์ไม่ให้ผ่าน 5555
ซึ่งอาจารย์ของที่นี้ก็มีจุดเเข็งเช่นเดียวกัน โดยนอกจากอาจารย์ประจำที่ถือว่าเเต่ละท่านมีความรู้ความเชี่ยวชาญในสายงานนั้นๆ เป็นอย่างมาก เเต่ละท่านก็ผ่านการทำงานในวงการมาเเล้วทั้งสิ้นซึ่งเรียกได้ว่าครบทั้งเนื้อหา ทฤษฎีเเละประสบการณ์ ยังมีอาจารย์พิเศษที่อยู่ในวงการมาสอนเยอะมาก ซึ่งเเต่ละท่านก็มาเสริมเพิ่มเติมด้านประสบการณ์ความรู้ตรงให้กับเราโดยเรียกได้ว่า ของจริง เจ็บจริง โดยเน้นให้เรารู้ว่าของจริงเป็นอย่างไร เเละจบออกมาเเล้วทำงานจะเจอความสนุก ความโหดร้าย อะไรอย่างบ้าง และสิ่งสำคัญสิ่งสุดท้ายที่พี่คิดว่าเป็นสิ่งที่เป็นจุดเเข็งมากๆของคณะเราคือ การได้ลงมือทำงานจริง อย่างเช่นในเอกวิทยุโทรทัศน์นั้นทุกคนจะได้เรียนวิชา Production (เป็นวิชาที่เกี่ยวการผลิตต่างๆ) ตั้งเเต่ปี 1 เทอมปลาย (ถือว่าเร็วมากๆ) จากนั้นก็จะมีวิชาต่างๆที่เอาไปใช้ทำมาหากินในชั้นปีต่อๆไป เช่นวิชาเขียนบท (Pre production) รายการ วิชาผลิตรายการวิทยุ โทรทัศน์ รายการสด จัดเเสง (Production) เเละโทรทัศน์ วิชาตัดต่อ (Post Production) ซึ่งทั้งหมด นศ.ต้องผลิตเป็นชิ้นงานส่งอาจารย์
และในสิ่งที่ผมประทับใจมากๆ ในสิ่งที่คณะนี้ให้ก็คือ ในช่วงทำงานคณะฯ อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์การถ่ายทำมาใช้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นกล้องเลนส์ ไฟ ไมค์ต่างๆ ที่ลองมาดูราคาเเล้วพระเจ้า!! เป็นเเสนบาท อ่อสิ่งครับที่ถือว่าจุดเด่นจุดสำคัญคือของ ICT นิเทศศาสตร์ ศิลปากร ก็คือการทำจุลนิพนธ์ หรือ Thesis ที่ทุกคนในคณะนี้ต้องผ่านให้ได้ก่อนจะจบเลย (ถามพี่ๆ ปี 4 ได้ครับว่าเป็นอย่างไร) ซึ่งการทำจุลนิพนธ์นี้ไม่ใช่การทำวิจัยผลงานต่างๆเป็นกระดาษส่งอย่างเดียว เเต่ต้องทำเป็นตัวผลงานให้ได้ กล่าวคือ จะมีกรรมการตอนตรวจมา 5 ท่าน ซึ่งเเต่ละท่านจะเป็นอาจารย์ประจำ อาจารย์พิเศษ เเละพี่ๆผู้ที่ทำงานอยู่ในเเวดวงนั้นๆ บ้างก็เป็นเจ้าของบริษัท บ้างก็เป็นผู้เขียนบท บ้างก็เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ บ้างก็เป็นพิธีกร เเละมีอีกหลายๆตำเเหน่งมากๆครับ มานั่งตรวจผลงานของเรา ซึ่งจุลนิพนธ์นั้นถือว่าเป็นการเตรียมตัวก่อนจะเจอโลกเเห่งความเป็นจริงครับ อยู่ที่ว่าเเต่ละคนจะเลือกทำอะไร
สำหรับพี่พี่เลือกทำรายการครับ ซึ่งต้องทำตั้งเเต่วิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคเเล้วหาข้อมูลต่าง คิดรายการของเราให้มันมีเอกลักษณ์ความสนุกสนาน น่าสนใจ จนไปถึงขายงาน (กับอาจารย์ตรวจจุลฯทั้ง 5 ท่าน) ผลิตผลงาน (ทำสคริป ถ่ายทำ ตัดต่อ) เเละวัดผลงาน (ประเมินผล ว่าที่ทำมาตอบโจทย์หรือไม่อย่างไร บ้างก็ผ่านบ้างก็ไม่ผ่าน) พี่ว่าการทำจุลนิพนธ์นั้น สนุก โหด มันส์ ฮา เศร้า น้ำตา มีหมดครับ ซึ่งมาลองย้อนคิดไป มันก็คือการเอาทุกสิ่งอย่างที่เราได้เรียนมาทั้ง 4 ปีมาใช้หมด มันเป็นสิ่งที่ทำให้พี่ได้มีงานทำครับเพราะผลงานต่างๆที่ผ่านการทำจุลฯนี้ ผ่านคณะกรรมการมืออาชีพทั้ง 5 ท่านนั้น มันเหมือนเป็นใบเบิกทางที่จะใช้สมัครงานครับซึ่งมันใช้ได้จริงๆครับ
พี่แป้ง : เพิ่งเปิดการเรียนการสอนไม่กี่ปี ทำไมถึงเลือกที่จะเรียนคะ?
พี่โชติ : ตอนที่พี่เเอดมิชชั่นสมัยปี 51 ซึ่งสอบ โอเน็ต เอเน็ต ปีสุดท้าย ยังไม่รู้เลยว่าอยากเรียนอะไร อยากเป็นอะไร อะไรคือสิ่งที่เราชอบ ชีวิตเรียกว่า มืดๆ มึนๆ เเต่เมื่อคะเเนนออกมาเอามากางดู เห้ย!! อันไหนยังไงคะเเนนถึงไม่ถึงบ้าง ดูไปๆมาๆ ICT นิเทศศาสตร์ ศิลปากร นี้เเน่นอนหวะ ชอบเเค่คำว่า "นิเทศศาสตร์" และบวกกับการไม่ชอบวิชาเลขมากๆๆๆ โดยเลือกไว้อันดับสอง ซึ่งที่เหลือคือคณะที่ทางบ้านอยากให้เรียน เราก็ตามใจที่บ้านเพื่อความสบายใจเนอะ เเต่บอกเเม่ว่า ขออันที่พี่ชอบไว้อันนึงนะ อะไรประมาณนี้ สารภาพเลยว่าตอนนั้นที่เลือกยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านิเทศศาสตร์เเท้จริงเป็นยังไง จากนั้นก็ลองค้นหาข้อมูลต่างๆ เห็นงานทำ MV กับ โฆษณาที่ดูเเล้วรู้สึกว่า เจ๋งหวะ คิดได้ไงเนี้ย เออดีอยากทำได้อย่างงี้บ้าง เเล้วก็มาลองดูหลักสูตรที่จะต้องเรียนถ้าติด เอาจริงๆ ดูไปก็งงๆ ชื่อทางการเหลือเกิน รู้เเค่ว่าสำหรับนิเทศศาสตร์มี 5 เอก เรียนไรบ้างคร่าวๆ เเค่นั้นเอง
หลังจากนั้นประกาศผล ดีใจสุดๆโวยวายลั่นซอย ได้เข้าคณะสาขาที่เราอยากเรียนเเล้วววว เอาจริงๆ นะสมัยนั้นที่พี่เข้าถือว่า สาขานิเทศศาสตร์ ของที่นี้ยังใหม่มากๆ มีรุ่นพี่เเค่สองรุ่น พระเจ้า!! เเต่สิ่งที่เห็นหลังจากเข้าปี 1 ไปคือพี่ทุกคนรักกันมาก รักน้องมาก อบอุ่นมาก และอีกอย่างที่ได้เห็นคือ พี่เค้าพยายามสร้างชื่อ ขยันสร้างผลงาน มากๆ จะเห็นได้จากรางวัลประกวดต่างๆ งานต่าง ๆ ที่เออเเบบมันก็สร้างเเรงให้เราทำอย่างงั้นบ้าง ไม่เสียใจเลยครับที่เลือกเรียนคณะนี้
พี่แป้ง : ตอนสมัยเรียน ได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างคะ?
พี่โชติ : ตอนสมัยเรียนจะมีกิจกรรมหลายๆอย่างที่ให้เราได้เข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมระดับมหาวิทยาลัย ระดับคณะ เเละระดับเอก ซึ่งระดับมหาวิทยาลัยนั้นมีอยู่กิจกรรมนึงที่สนุกมากๆ กดดันมากๆ คือเป็นชุดถ่ายทอดสดในพิธีรำลึก อาจารย์ศิลป์ พีระศรี ซึ่งคณะเราเป็นผู้ควบคุมระบบทั้งหมด เเต่ก็สนุกดีครับ กิจกรรมที่เป็นประเพณีคณะเลยที่ต้องทำกันทุกคนก็คือ พิธีไหว้ครูเเละครอบครูช่าง ครับ เป็นพิธีที่ฟังเเล้วดูเเปลกๆเเต่จริงๆเราถือองค์พระพิฆเนศเป็นบรมครูเเห่งศิลปะ เเละถือเป็นพิธีบูชาเเละเคารพพระคุณของครูครับ
มีอีกหลายๆ กิจกรรมที่มีทั้งจากวิชาต่างๆของเเต่ละเอกที่ต้องพึงพาพี่ๆ น้องๆ ในหลายๆเอกในสาขามาร่วมด้วย นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมค่ายวันเด็กที่จะร่วมเเรงร่วมใจกันสร้างรอยยิ้ม สร้างความสุขให้กับน้องผ่านของขวัญเเละกิจกรรมต่างๆ อีกอย่างที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของเเต่ละปีก็คือละครเวทีของคณะ ICT ที่เราเอาทุกสาขาของคณะเรามาสุมหัวทำออกมาตั้งเเต่ออกเเบบเว็ปไซด์ ทำเกมแอนนิเมชั่น ผลิต MV. ซึ่งกว่าเราจะทำออกมาได้ในเเต่ละปี นศ.ของเเต่สาขาก็จะทำหน้าที่ของเเต่ละเอกตามวิชาที่ได้เรียนมา เช่น สาขาออกเเบบก็จะทำเว็ปไซด์ ออกเเบบเกม สาขาธุรกิจก็จะประสานวิเคราะห์ข้อมูลการจัดการระบบคอมพิวเตอร์ ส่วนสาขานิเทศศาสตร์ก็จะทำตั้งเเต่บทละคร นักเเสดง ออกเเบบผลิตฉาก จัดเเสง จนถึง การวางเเผนการตลาด วิเคราะห์ตลาดที่จะขายบัตร(เอกโฆษณาเเละเอกลูกค้าสัมพันธ์ก็จะดูเเลในเรื่องนี้) การออกเเบบสื่อต่างๆที่จะทำให้คนดูอยากมาดูไม่ว่าจะเป็นโปสเตอร์ ออกเเบบหนังสือ ทำ MV. ทำหนังสั้นตัวอย่าง (เอกวรสาร เอกภาพยนตร์ เอกวิทยุโทรทัศนก็จะมาดูเเล) ทั้งนี้ทั้งนั้นมันสนุกมากครับ สนุกที่ได้ทำงานกับเพื่อนในคณะ สนุกที่ได้ลองได้รู้อะไรใหม่ๆของเเต่ละเอก สนุกที่ได้สร้างความประทับใจให้คนดู มีความสุขมากครับ
พี่แป้ง : อยากให้เล่าประสบการณ์สมัยเรียนหน่อยค่ะ?
พี่โชติ : ประสบการณ์สมัยเรียนมันเยอะมากครับ เอาตั้งเเต่การเดินทางไปเรียนดีกว่า บ้านพี่อยู่เเบริ่งครับ สมัยนั้นมีเเค่รถไฟฟ้าถึงอ่อนนุช จำได้ว่านั่งรถไป 3-4 ต่อกว่าจะถึงตึก ถามว่าเหนื่อยมั้ย ก็พอตัวครับ การเรียนสมัยนั้นต้องเรียนที่ตึก CAT บางรักครับ ที่ล้อมไปด้วยอาหารของกินเยอะมาก เรียนอยู่ตึก CAT 4 ปี ไม่มีปัญหาอะไรครับ มีความสุขมากๆ อาหารการกินในตึกก็โอเคครับเเต่สมัยมีเเค่ 3 ร้านเอง เเต่ตอนนี้มีเยอะมาก ถ้าวันไหนเบื่อก็จะเดินออกไปกินซอยฝั่งตรงข้ามครับ ร้านนิวเฮงกี่ ร้านอาแปะก๋วยเตี๋ยวเป็ด ร้านสุกี้มัง ถ้าวันไหนเบื่อๆก็จะไปกินกันเเถวบางรักครับ เช่น ร้านขาหมุตรอกซุง โจ็กปริ้นซ์ ข้าวหน้าเป็ดประจักษ์ เรียกได้ว่าอ้วนพลีกันเลยทีเดียว
จากนั้นก็มาเรียนที่ตึก โดยเรียนอยู่ที่ชั้น 8 สมัยนั้นมีเเค่ชั้นเดียวเเต่ตอนนี้มี 2 ชั้นเเล้ว ตอนเข้าไปใหม่ๆ เรียกได้ว่าโล่งมาก จากนั้นคณะก็ทำห้องซื้ออุปกรณ์การถ่ายทำห้องสตูดิโอต่างเพิ่ม (น้ำตาจะไหลครับได้ใช้ของใหม่เทคโนโลยีใหม่ๆ) เดินไปเดินมาก็เจอหน้าพี่คนนู้น เพื่อนคนนี้ มันจึงทำให้เราได้เห็นหน้ากันทุกคน อบอุ่นดีครับ ตกเย็นวันไหนอารมณ์เปลี่ยว หรือวันไหนชิวๆก้จะพากันไปที่ศาลาริมน้ำ ไปนั่งคุยกัน บางทีก็ตั้งวงร้องเพลงสนุกๆ เเละก็ดูวิวพระอาทิตย์ตกริมน้ำครับ ซึ่งส่วนอื่นๆของตึกเเคทเเละอาคารไปรษณีย์กลางสมัยนั้นเหมาะมากครับกับการเป็นโลเคชั่นถ่ายงาน เราจึงหามุมดาดฟ้า ตึกเก่าๆ มาถ่ายงานเป็นประจำ (ต้องทำเรื่องขออนุญาตินะครับ)
สิ่งที่เด็ก ICT ทุกคนจะต้องรู้จักเเละรักเคารพมากก็คือ อ.ชัยชาญ ถาวรเวช อดีตคณบดี ICT (ปัจจุบันท่านดำรงตำเเหน่ง อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร) ซึ่งท่านจะมาสอนเบสิกการดีไซน์ตั้งเเต่ปี 1 เรียกได้ว่าเป็นวิชาดัดนิสัยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นวิชาการเรียนการออกเเบบงานต่างๆ ที่วิชาของท่านพี่ยังเอามาใช้จนถึงทุกวันนี้ และวิชานิสัย ที่ท่านพร่ำสอนการใช้ชีวิต การระวังต่างๆของการทำมาหากิน การปลูกฝังจรรยาบรรณวิชาชีพ กระทั้งการเเต่งกายชุดนศ. ที่ใครไม่เรียบร้อยจะต้องโดนเอ็ดด้วยคำพูดน่ารักๆไปทุกราย จึงทำให้นศ. ICT ทุกคนรักท่านอย่างไม่ต้องสงสัย (ไม่เชื่อลองถามพี่ๆ ICT ดูสิ คนไหนไม่รู้จักให้มาตีเลย)
พี่แป้ง : ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่คะ?
พี่โชติ : ตอนนี้ทำงานหลักอยู่กับเพื่อนๆ ตั้งบริษัท Production ขึ้นมา ทำตำเเหน่ง Producer ครับ ซึ่งผลิตรายการป้อนช่องเเละเคเบิลทีวี นอกจากนี้ยังทำ MV. Presentation องค์กรต่างๆ ซึ่งก็เป็นงานที่เราถนัดมาตั้งเเต่เรียนเเล้วครับ และมันก็ตรงกับสายงานของเราที่เราได้เรียนมาครับซึ่งเพื่อนๆหลายๆคนก็ไปทำงานในบริษัทต่างๆที่เกี่ยวทางด้านวิทยุเเละโทรทัศน์เยอะมากครับ เเต่อีกงานเสริมก็คือรับถ่ายภาพครับ เพราะพี่เป็นคนชอบถ่ายรูปมากซึ่งพี่คิดว่ามันมีความสุขมากๆครับ เวลาที่เราได้เก็บความสุขความประทับใจให้กับคนอื่นๆ เเละเป็นอาจารย์พิเศษ (อาจารย์ผู้ช่วย) สอนน้องๆปี 1 เอกวิทยุโทรทัศน์ ในวิชานิเทศศาสตร์เบื้องต้น คณะ ICT ม.ศิลปากร ครับ
พี่แป้ง : คิดว่าวิชาเรียนวิชาไหนที่นำมาประยุกต์ใช้กับงานได้มากที่สุดค่ะ
พี่โชติ : จริงๆคิดว่ามีหลายวิชานะครับที่เอามาใช้จนถึงทำงานจริง เเต่หลักๆ ก็คือวิชา การออกเบื้องต้น (Basic Design) ของ อ.ชัยชาญ นี้เเหละครับ หลายๆ คนคงสงสัยว่า เอ๊ะ ... มันเกี่ยวอะไรกัน จริงๆเเล้วพื้นฐานการออกแบบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเวลาถ่ายรูป หรือถ่ายรายการ ถ่ายหนังต่างๆ ก็เอาหลักการจัดองค์ประกอบมาใช้ การทำฉากหาของประกอบก็เอาหลักการของทฤษฎีสีมาใช้ นอกจากนี้ยังมีวิชาผลิตรายการโทรทัศน์ที่เคยเรียนตอนปี 3 ก็เป็นวิชาที่เอามาใช้มากที่สุดเหมือนกัน เพราะวิชานี้สอนตั้งเเต่เริ่มตันการคิดงาน คิดรายการคอนเซปต์ที่มา กลุ่มเป้าหมายต่างๆ จนถึงการทำบท การถ่ายรายการ การจัดการกองถ่าย การจัดไฟจัดเเสง จนตัดต่อ(จริงๆจะมีวิชาตัดต่อเฉพาะอีกที) จนสามารถทำออกมาเป็นผลงานรายการออกมาได้ ซึ่งเป็นอะไรที่เราได้ใช้จากการเรียนจริง การทำงานจริง การถ่ายจริง การโดนคอมเม็นต์จริง มันทำให้พี่ไม่ลืมเเละยังใช้ประโยชน์จากตรงนี้จนถึงทุกวันนี้ครับ
พี่แป้ง : สุดท้ายนี้อยากให้ฝากถึงน้อง ๆ ที่อยากเรียน ICT นิเทศศาสตร์ ค่ะ
พี่โชติ : สุดท้ายเเล้ว พี่ก็เคยเป็นคนนึงที่อยากเรียนที่นี้มากแม้ว่าตอนนั้นยังมึนๆงงๆอยู่ก็ตาม เเต่พี่เชื่อในความสามารถของทุกคนว่าทุกคนนั้นเก่งเท่ากันหมด แต่มันอยู่ที่ความฝันเเละความพยายามของเเต่ละคนที่มีไม่เท่ากัน นิเทศศาสตร์ ICT ศิลปากร นั้นเป็นคณะที่พี่ไม่เคยคิดเสียใจเลยที่ได้เลือกเรียนที่นี้ เพราะพี่มีความสุขจากการที่ได้เรียนที่นี้ พี่เชื่อว่าที่นี้นั้นมีพร้อมทุกๆสิ่งที่น้องต้องการ อยู่ที่ความพร้อมของน้องๆเเล้วหละครับว่า น้องพร้อมกระโดดเข้ามาขนาดไหน เเต่พี่ไม่อยากให้น้องทุกคนคิดว่า มันเป็นความตั้งใจจนเป็นความคาดหวัง ซึ่งสุดท้ายมันจะกลายเป็นความกดดัน พี่อยากให้ทุกๆคนทำออกมาให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่เพราะในชีวิตน้องมันจะมีเเค่ทีเดียวที่จะมีอารมณ์เเอดมิดชั่นเเบบนี้ เเละที่สำคัญมากๆ จงอย่าลืมความฝันครับ รั้ว ICT ศิลปกากร ยินดีต้อนรับครับ
"ดูสิ่งที่เราชอบ เลือกในสิ่งที่เราถนัด เเละทำในสิ่งที่เรามีความสุข"
ปล.ขอบคุณที่อดทนอ่านมาตั้งนานนะครับ โชคดีครับ
จบแล้วววววววววว .... อ่านเพลินล่ะซิท่า บอกเลยพี่แป้งอ่านไปแล้วอยากเรียนเลยอะ อะไรที่มันได้ทำจริง ได้ประสบการณ์จริง เราก็จะได้ความรู้จริง ๆ ซึ่งตอนอ่านรู้สึกเลยว่า รุ่นพี่ที่นี่มีความสุขกับการเรียนมากเลยค่ะ ถึงแม่ว่าจะเป็นที่เล็ก ๆ ก็ตามแต่ระบบรุ่นพี่รุ่นน้องสนิทมากกกกกกกก มีได้นั่งเรือชมวิวริมน้ำเจ้าพระยา เห็นพระอาทิตย์ตกดินด้วย อิจฉาฝุดๆ ใครที่อยากเรียนคณะนี้ก็อย่าลืมเช็คคะแนนนะคะว่าปีที่ผ่านมาคะแนนประมาณไหน แล้วก็เต็มที่เลย ขอให้เข้าได้ ส่วนใครที่คิดว่า คณะนี้มันยังไม่ใช่ทาง ก็ใจเย็น ๆ นะคะ มีคณะอื่นๆ ให้อ่านอีกเพียบเลยที่ "คณะในฝัน" หาตัวเองให้เจอ แล้วเต็มที่ไปกับมันเลย สู้ๆ ค่ะ
3 ความคิดเห็น
อยากเรียนมั้งจัง
กรี๊ดนะคะพี่นน
อ้าวพี่นนท์
เป็นพี่ CE Smart Camp#1 ใช่ไหมคะ?
ตอนแรกคิดว่าเข้าวิศวะซะอีก