แชร์ประสบการณ์ BALAC จุฬาฯ สอบข้อเขียน+สัมภาษณ์

           สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน! เรามีนามว่า ‘เกรซ’ นะคะ วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ของคณะอักษรศาสตร์ภาคอินเตอร์ฯ ค่ะ กระทู้นี่อาจจะยาวไปหน่อยแต่รับรองค่ะว่าจะไม่ผิดหวังที่คลิ๊กเข้ามาอ่าน 

            ทางจุฬาฯ เพิ่งประกาศผลไปในวันที่ ๒๔ เดือนนี้เองค่ะ… ปรากฏว่า ‘ติด’ ล่ะ! ดีใจมากเลยค่ะ ความรู้สึกเหมือนกับว่ายกภูเขาทั้งลูกออกจากอกเพราะว่าเกรซเลือกที่จุฬาฯ ที่เดียวและคณะเดียวด้วย ไม่ได้ยื่นที่ไหนไว้เลยค่ะ เรียกได้ว่าเสี่ยงมาก!

            เกรซก็เลยอยากจะมาแชร์ความรู้สึก การเตรียมตัว และทริกเล็กๆ น้อยๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากจะเข้าคณะนี้ แต่ถึงไม่อยากเข้าคณะนี้ก็เอาเทคนิคของเกรซไปใช้ได้ตามสบายเลยนะคะ :) 

            งั้นเริ่มกันเลยนะคะ…

            วันที่เกรซไปสอบข้อเขียนของ BALAC ตรงกับวันวาเลนไทน์พอดีค่ะ หลังจากที่เกรซได้ทำการไปยื่นคะแนนแล้วก็รอวันนี้อย่างใจจดใจจ่อ เตรียมตัวมาเป็นเดือน… ไม่สิ! เป็นปีเพื่อวันนี้

            ก่อนที่เกรซจะสอบ เกรซได้ทำการหาข้อมูลเยอะมากค่ะ พยายามเก็งข้อสอบว่ามันจะเป็นอย่างไร จะออกหัวข้อไหน ช่วงนั้นเกรซจะซื้อ Bangkok Post มานั่งอ่านเพื่อตามข่าว หรือไม่ก็อ่านจากเว็บ BBC และ CNN เอาก็ได้ค่ะ เผื่อว่าเขาจะออกสอบเรื่องที่ปกติเรามักจะไม่สนใจ… ยิ่งเป็นคณะอักษรฯ ด้วยแล้วเรายิ่งต้องตามข่าวเกี่ยวกับสังคมเลยค่ะ เพราะอักษรฯ ไม่ได้เรียนเกี่ยวกับภาษาอย่างเดียวนะคะ มันเป็นคณะที่เรียนทั้งภาษา สังคม มนุษย์ศาสตร์ ประวัติศาสตร์

            วันสอบเราควรไปถึงก่อน 30 นาทีเป็นอย่างต่ำ ทั้งนี้ก็เพื่อตรวจความเรียบร้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยในวันสอบก็คือบัตรประจำตัวผู้สอบ บัตรประชาชน และเครื่องเขียน เมื่อไปถึงแล้วก็ทำการตรวจชื่อของตัวเองว่าตรงตามบัตรประชาชนหรือเปล่าเพราะมันอาจมีอะไรตกหล่น และเพื่อไปนั่งทำใจ ทำสมาธิกันค่ะ! อ้อ! ตอนเข้าห้องสอบควรพกเสื้อกันหนาวติดตัวไปนะคะ! ตอนนั้นเกรซพลาดมากถึงมากที่สุดที่คิดไม่เอาเสื้อกันหนาวไป คือแบบ! มันหนาวมากกกก! นั่งทำข้อสอบไป น้ำมูกไหลไป! แย่กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว…

            เมื่อเข้าห้องสอบเราก็ต้องตรวจเลขที่นั่ง ตรวจชื่อที่พิมพ์ลงกระดาษ ตรวจเลขประจำตัวผู้สอบของเราให้ดีๆ นะคะ บอกเลยว่าใครที่หาที่นั่งของตัวเองได้ไวคือดีมาก เพราะก่อนสอบเขาจะปล่อยให้เราเข้าไปในห้องแค่หนึ่ง-สองนาทีก่อนสอบค่ะ ประมาณว่าสอบจริงๆ 10:00 แต่ปล่อยให้เข้า 9:58 อะไรแบบนี้ วันนั้นเกรซยังไม่ทันหย่อนก้นลงนั่งอาจารย์เขาก็ประกาศให้ลงมือทำข้อสอบแล้ว… ถ้าเพื่อนๆ เจอเหตุการณ์แบบนี้คงจะตื่นตระหนก ร้อนลนกันจริงไหมคะ? ตอนนั้นเกรซก็เป็นค่ะ แต่เราควรมีสติกับการสอบมากที่สุด ตรวจทุกอย่าง ย้ำนะคะ ทุกอย่าง! ให้เรียบร้อยก่อนลงมือทำ

            ข้อสอบข้อเขียนมีสอง part ค่ะ ซึ่ง part แรกจะเป็นอ่านและตอบคำถาม อารมณ์สอบคล้ายๆ สอบ CU-TEP ค่ะ แต่มันแค่ช่วงตอนแรกๆ เท่านั้นเพราะตอนหลังไม่มีตัวเลือก ต้องเขียนทั้งดุ้นเลยค่ะ! บทความที่เราต้องอ่านจะมีความยาวหนึ่งหน้าครึ่งค่ะ ไม่ยาวมากและไม่ยากมาก มันจะมาเสียเวลาตอนที่ต้องอ่าน แล้วกลับมาตอบ แล้วกลับมาอ่านอีกทีค่ะ แต่เกรซมีเทคนิคของเกรซค่ะ ซึ่งก็คือเกรซจะอ่านคำถามทั้งหมดก่อนแล้วขีดเส้นใต้ตรง key word เพื่อเป็นการจำใจความสำคัญที่เขาถามค่ะ คำถามมีทั้งหมดประมาณ 20 ข้อค่ะ (ไม่แน่ใจนะคะ ประมาณเอา) ซึ่งข้อสุดท้ายต้องเขียน summary ของบทความที่เราอ่านค่ะ ตอนแรกตกใจเลย เปิดมามีแต่กระดาษเปล่าพร้อมเส้น เวลายิ่งน้อยๆ อยู่! ยังมี part สองอีก ซึ่งนั่นสำคัญกว่า สำหรับคนที่คิดว่าจะเขียนไม่ทันแน่ๆ ไม่ต้องกังวลมากไปนะคะ เราไม่จำเป็นต้องเขียนให้หมดเพราะอีก part มันสำคัญและให้คะแนนเยอะกว่า หากทำอีก part เสร็จแล้วเรากลับมาทำ summary ก็ยังไม่สายไป

            Part 2 นี่แหละค่ะคือบทโหด! คำถามจะมีอยู่สี่หัวข้อ ให้เราเลือกเขียนเกี่ยวกับหัวข้อที่กำหนดหนึ่งหัวข้อค่ะ วันนั้นเกรซแทบไปไม่เป็นเลยค่ะ เพราะไม่มีหัวข้อที่ถนัดให้เลือก… เพราะฉะนั้นเกรซจึงต้องเลือกหัวข้อที่มีความรู้มากที่สุดและใช้ความสามารถในการให้เหตุผลค่ะ หัวข้อที่เกรซเลือกคือหัวข้อเกี่ยวกับ bicycle trends ค่ะ ซึ่งคำถามมีอยู่ประมาณว่า

‘ในประเทศไทยนั้นเริ่มมีคนหันมาสนใจการปันจักรยานมากขึ้น trend นี้เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างไรและคุณคิดว่าเทรนนี้จะคงอยู่นานขนาดไหน’

แหม! เราก็ไม่ค่อยจะสนเรื่องจักรยานกับเขาเสียด้วย แต่ก็รอดมาได้ค่ะเพราะการที่เกรซเป็นคนชอบอ่านและได้ยินข่าวนั่นนี่ผ่านหูมาบ้างก็เลยพอไปได้ค่ะ เขียนอยู่สองหน้าเต็มๆ แต่เกรซอยากจะเตือนเพื่อนๆ นะคะว่า ‘ปริมาณ’ ในการเขียนนั้นไม่สำคัญเท่า ‘คุณภาพ’

เพราะข้อสอบนี้เป็นข้อสอบของภาคอินเตอร์ฯ ทุกอย่างจึงเป็นภาษาอังกฤษ และทางกรมการที่ตรวจข้อสอบของเราเขามองหา ‘ไอเดีย ความคิด และความสามารถในการใช้ภาษา’ ซึ่งเรื่อง ‘แกรมม่า’ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักของการสอบข้อเขียนเลยก็ได้… คิดดูนะคะ! ต่อให้คุณเขียนเยอะขนาดไหน สามหน้าแปดหน้าแต่ถ้าแกรมม่าห่วยแตกก็โบกมือบ้ายบายเลยค่ะ สำหรับคณะอื่นที่ต้องมีสอบข้อเขียนอาจจะไม่ซีเรียสเรื่องแกรมม่ามากเท่าไรนัก แต่สำหรับอักษรฯ แล้วเขียนผิดหลักนี่ให้อภัยไม่ได้เลยนะคะ

เพราะฉะนั้น! ใครไม่มั่นใจเรื่องแกรมม่าก็ไปหาหนังสือมาอ่านทบทวนกันนะคะ! เดี๋ยวๆ หยุดทำหน้าบึ้งค่ะ เกรซรู้และเข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและอาจเข้าใจอยากนิดหน่อย แต่ practice makes perfect ค่ะ! ความสำเร็จต้องตามหาด้วยตัวเอง! อย่าเพิ่งท้อใจนะคะ เกรซมีเทคนิคการอ่านมาให้ค่ะ~

เริ่มแรกเมื่อเรามีหนังสือเกี่ยวกับการเรียนแกรมม่าด้วยตัวเองไว้ในครอบครองแล้วเราควรจะเกินมาอ่านที่หน้าสารบันก่อนค่ะ ลองอ่านดูพร้อมกับมีไฮไลท์สามสีไว้ในมือ สีแดง สีเหลือง สีเขียว บทไหนที่คิดว่าไม่เข้าใจเลยให้ใช้ไฮไลท์สีแดงขีดไว้ บทไหนพอรู้บ้างใช้สีเหลือง บทไหนรู้หรือถนัดมากก็ใช้สีเขียวค่ะ… เริ่มต้นอ่านด้วยบทที่เราขีดสีแดงไว้ค่ะ แล้วค่อยมาอ่านที่ถนัดเพื่อเป็นการทบทวนอีกที แต่อ่านแล้วก็ต้องหาแบบฝึกหัดมาทำด้วยนะคะจะได้เก่งๆ กัน เก่งแล้วก็จะได้เก่งอีก เอาแบบเทพๆ ไปเลย!

มาต่อด้วยเรื่องวันที่ไปสอบสัมภาษณ์ค่ะ! บรรยากาศของคณะอักษรฯ ตอนสอบสัมภาษณ์ดูเคร่งเครียดกว่าคณะอื่นค่ะ ดูเป็นการเป็นงานและมีระเบียบ ห้ามใช้โทรศัพท์ ห้ามคุยกัน นั่งรอเงียบๆ ตอนสอบเสร็จเกรซก็ไปหาเพื่อนที่คณะนิเทศศิลป์ (Communication Design หรือ CommDe) ทุกคนดูชิวกันมาก สอบเสร็จก็เดินมาบอกเพื่อนเลยว่าอาจารย์ถามอะไรบ้าง  ใครทำอะไรบ้าง ดูลั้นลาค่ะ ซึ่งตรงข้ามกับอักษรฯ พอสอบเสร็จแล้วต้องกลับเลยค่ะ ไม่กล้ามองตาใครเลย เกรซทำได้เพียงแค่พูดเบาๆ กับคนที่กำลังจะสอบต่อว่า ‘Good luck’

สิ่งที่ต้องเตรียมไปก็มีเหมือนเดิมแต่คราวนี้เราไม่ต้องมีเครื่องเขียน บางคนเอา portfolio ติดมือไป ซึ่งเกรซก็เอาไปค่ะ มันเป็นสิ่งที่ดีและควรมีเพราะว่ามันแสดงถึงความตั้งใจค่ะ มีผลงานอะไรเด่นๆ อยากจะเล่าก็ใส่ไว้เลยค่ะ แต่! มี portfolio สวยๆ แล้วเราต้องมีความกล้าที่จะเสนอด้วยนะคะ! เนื่องด้วยคณะอักษรฯ ไม่จำเป็นต้องมี port ครูที่สัมภาษณ์เราก็จะไม่ขอดูค่ะ มีหลายคนที่เอา port ไปแต่ก็ไม่ได้ให้อาจารย์ดู แบบนี้มันเสียของนะคะ! เกรซเป็นคนเดียวของรอบเลยค่ะที่กล้าเสนอของตัวเอง ก่อนที่เขาจะบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยและเราสามารถไปได้ เกรซได้ถามอาจารย์ทั้งสองอย่างสุภาพเลยค่ะว่า ‘วันนี้หนูเอา portfolio มาค่ะ ไม่ทราบว่าอยากจะดูไหมคะ?’ ซึ่งคุณครูท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ดีซะอีกพวกท่านยิ้มกันใหญ่เหมือนถูกใจ

ตอนสัมภาษณ์เกรซแนะนำให้เป็นตัวของตัวเองค่ะ ไม่ต้องกลัว อาจารย์ไม่ดุค่ะ (หรือเกรซโชคดีเจอคนใจดีก็ไม่รู้) เมื่อเข้าไปในห้องสอบแล้วก็ไหว้สวยๆ เลยค่ะ วินาทีนั้นนางสาวไทยก็นางสาวไทยเถอะ! เกรซรู้สึกว่าเกรซไหว้สวยมากกกก! กล่าวคำทักทายเล็กน้อย ยิ้มสวยๆ ค่ะ จะได้ไม่ต้องตื่นเต้นมาก ส่วนเรื่องการวางตัวก็สำคัญค่ะ นั่งหลังตรง ควรดูมีความมั่นใจแม้ว่าหัวใจจะเต้นตึกตักๆ จนแทบหลุดออกมาก็เถอะ! เวลาพูดก็ควรตอบไปตามความเป็นจริงค่ะ ไม่ต้องปรุงแต่งหรือพูดเอาใจอาจารย์ เพราะเกรซเชื่อว่าอาจารย์ดูออกแน่นอนว่าเรากำลังโกหกหรือไม่ เวลาคุยก็มองตาอาจารย์ด้วยค่ะ หากในห้องมีอาจารย์มากกว่าหนึ่งคน (ตอนสอบเกรซเจอสองท่านค่ะ ครูฝรั่งคนนึง และครูไทยอีกคนค่ะ) ก็มองตาสลับกันไปทั้งสองท่านเลยค่ะ พอสัมภาษณ์จบก็อย่าลืมลานะคะ จะไหว้หรือ shake hand ก็ได้ค่ะ หรือทำทั้งสองอย่างก็ได้ ยิ้มอีกนะคะ ยิ้มสวยๆๆ เราจะได้เป็นที่น่าจดจำว่า เอ่อ เด็กคนนี้ bright ดีเนอะ!

ตอนที่เกรซสัมภาษณ์เกรซเจอพวกคำถามเบสิกๆ ค่ะ เช่น แนะนำตัว โตขึ้นอยากเป็นอะไร ทำไมถึงเลือกคณะนี้ แล้วยื่นที่ไหนไว้บ้างไหม ไปเรียนต่างประเทศมาลองเล่าเรื่องราวให้ฟังหน่อย อย่างนี้เป็นต้นค่ะ เกรซสัมภาษณ์อยู่เกือบครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้มั้งคะ! ออกมาแล้วตกใจทำไมนานจัง ตอนสัมภาษณ์อยู่รู้สึกว่าแป๊บเดียวเองนะ สอบเสร็จรู้สึกแฮปปี้มากค่ะ พูดอะไรก็จากใจล้วนๆ เลย มันเลยรู้สึกเหมือนเอาภูเขาออกจากอกเพราะทำเต็มที่มากๆ

ที่เกรซอยากจะเล่าก็มีแค่นี้แหละค่ะ หวังว่าเพื่อนๆ ที่อยากจะเข้าอักษรฯ หรือกำลังเตรียมตัวเข้ามหาลัยฯ ได้ความรู้และเทคนิคจากบทความนี้กลับไปเยอะๆ เลยนะคะ หากมีอะไรที่ยังอยากรู้ก็สามารถถามมาได้ค่ะ เกรซยินดีที่จะตอบค่ะ

ทั้งนี้เกรซก็ขอ comment ติชมเรื่องการเขียนของเกรซด้วยนะคะ หากชอบก็คลิ๊กแชร์ได้เลยค่ะ เกรซไม่หวง 555 >_< และหากใครยังอยากอ่านเรื่องราวการสอบเข้ามหาลัยฯ ต่อ ก็สามารถไปอ่านเรื่องที่เกรซเขียนได้เรื่อยๆ ค่ะ การเข้าจุฬาฯ หรือมหาลัยฯ ทุกๆ ที่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อาจมีเรื่องดราม่ามากมายให้ท้อให้เหนื่อย เกรซอยากเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยให้คำแนะนำผ่านทางการเขียนเรื่องประสบการณ์ของตัวเองค่ะ ได้โปรดเอาใจช่วยด้วยนะคะ อ่านกันเยอะๆ ค่ะ อ่านได้อ่านดีมีแต่สาระ ฮิ้วววว~

สุดท้ายนี้เกรซขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนนะคะ สู้ๆ และโชคดีกับการสอบค่ะ

ด้วยรักและยินดีที่ได้รู้จัก

เกรซ (สาวบาลัคที่กำลังจะขึ้นปีหนึ่งเร็วๆ นี้)