“มาร์ค” แนะสูตรฟิต ติดนิติศาสตร์ จุฬาฯ ในเวลา 5 เดือน!

             สวัสดีค่ะน้อง กลับมาเจอกันในคอลัมน์ Admission Idol สุดยอดบุคคลที่เป็นไอดอลในเรื่องแอดมิชชั่น วันอังคารแบบนี้เรามีนัดกันเหมือนเดิม วันนี้มีหนุ่มหล่อมาแนะนำให้รู้จักกันค่ะ กับ “พี่มาร์ค” หนุ่มนักรักบี้จากคณะนิติฯ จุฬาฯ จะมาเล่าให้ฟังกันว่า ฟิตยังไงให้ติดได้ในเวลา 4-5 เดือน!!!
แนะนำตัว
             สวัสดีครับ ชื่อมาร์ค ดิมิทร๊อฟครับ อยู่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 4 สาขากฎหมายระหว่างประเทศ จบมาจากโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย เข้ามาเรียนด้วยระบบแอดมิชชั่นครับ (นิสัยส่วนตัว?)  เป็นคนชิวๆ สบายๆ จริงจังกับแค่บางเรื่องที่เราอยากทำหรือรู้สึกว่าต้องทำให้ดี ก็จะจริงจังเป็นพิเศษ แต่บางเรื่องที่ไม่ได้สำคัญมาก หรือไม่ได้อยากทำก็จะสบายๆ ต้องดูแหละครับว่าเป็นเรื่องอะไร
 
ช่วงชีวิต ม. ปลาย
             เอาจริงๆ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้  คือ อาจจะติดแหละ แต่ไม่ใช่ที่ที่มีการแข่งขันสูงแบบนี้ เคยคิดด้วยซ้ำว่าถ้าอยากเข้าจุฬาฯ ธรรมศาสตร์  คงต้องเข้าด้วยโควตารักบี้เท่านั้น เพราะไม่เคยคิดว่าการสอบเข้าจะกลายมาเป็นออพชั่นของตัวเอง เพราะเราเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้ตั้งใจเรียนเท่าไหร่ อีกอย่างวชิราวุธฯ มีกิจกรรมเยอะครับ ซึ่งมันหล่อหลอมเรา เราก็จะสนุกกับกิจกรรม เล่นกีฬา ซึ่งเราจะค่อนข้างต่างกับเพื่อนๆ ที่เรียนอย่างเดียว ตั้งใจอย่างมาก 
 
เตรียมตัวสอบแอดมิชชั่น
             ตอน ม.4 ตอนนั้นไม่ได้คิดเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยเลยครับ ใช้ชีวิตกับเพื่อน เล่นกีฬา ทำกิจกรรม อยู่กับรุ่นพี่รุ่นน้อง ไม่ได้คิดว่าตัวเองต้องไปสอบอะไร จนช่วง ม.5 ได้ทำละครเวทีโรงเรียน เลยเริ่มมองอนาคตที่อยากเรียนนิเทศฯ แต่ก็ลังเลกับคณะรัฐศาสตร์ที่เราก็สนใจด้วย ตอนนั้นเห็นเพื่อนเรียนสอบตรงรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์กัน ผมก็ไปเรียนด้วย ตั้งใจที่สุดแล้วเท่าที่เคยมา เรียนไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาสอบช่วง ม. 6 ตอนเดินออกมาจากห้องสอบรู้ตัวเลยว่าไม่ได้แน่ เพราะตอบไม่ได้เลย ก็คิดเลยว่าไม่ติด 
             แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจเรียนนิติฯ เพราะที่บ้านก็สนับสนุน และเราก็มองอนาคตด้วยแต่อย่างคณะนิเทศฯ ผมว่าถ้าเราชอบนิเทศฯ จริงๆ เราคงได้กลับไปทำแน่ๆ แต่เวลาตรงนี้ ขอทำตรงนี้ให้ดีก่อน ซึ่งตอนนั้นเหลือเวลาอีกแค่ 4-5 เดือน ก่อนสอบ O-NET เลยต้องฟิตตัวเองอย่างหนัก ใช้เวลาช่วงนั้นแหละครับอัดทุกอย่าง 
 
เป็นนักรักบี้ แต่ไม่ยื่นโควตานักกีฬา!!!
             เราสามารถสอบโควต้านักกีฬารักบี้ ของจุฬาฯ ได้  และผมมีโอกาสติดสูงมาก แต่ผมกลับไม่ยื่น!! เพราะเป็นช่วงที่เราอยากลองทำอย่างอื่นดูบ้าง ผมเชื่อว่าคนเราน่าจะทำอะไรได้อีกมากมาย ทั้งที่ถนัดและไม่ถนัด เลยอยากลองเปลี่ยนดู และผมก็มองว่า ถ้าผมอยากเล่นรักบี้จริงๆ ขอให้เล่น เพราะอยากเล่น รักที่จะเล่นกับมัน ไม่ใช่ถูกบังคับ หรือผูกมัดด้วยเงื่อนไขที่เราเข้าไปด้วยโควตา ซึ่งเพื่อนๆ ยื่นหมด แล้วเพื่อนก็ติดกับหมด เราก็มีนอยด์อยู่บ้างครับ
 
สูตรฟิต 5 เดือน ติดนิติฯ จุฬาฯ !!!!    
             สำหรับผมมันเหมือนมีแรงกดดันหลายอย่างเหมือนกันนะ อย่างแรก เพื่อนๆ ติดไปหมดแล้ว คณะดีๆ ทั้งนั้นเลย อย่างที่สอง ที่บ้าน ญาติๆ ก็ติดคณะดีๆ เรียนมหาวิทยาลัยที่การแข่งขันสูงกันหมด เราก็ยิ่งกดดันตัวเองมากขึ้นไปอีก พอหลายๆ อย่างรวมกัน เราเลยต้องพยายามมากขึ้น
             
พูดง่ายๆ ครับว่า มีเวลาเท่าไหร่ ใส่หมด ตั้งใจเรียนใหม่ทั้งหมด
O-NET
             เป็นการทำคะแนนช่วงสุดท้ายของการสอบแอดมิชชั่นที่เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้สามารถแอดมิชชั่นติด อย่างวิชาคณิตฯ เรียนใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เริ่ม เรียกว่าที่ผ่านมาผมไม่เคยมีวินัยในการเรียนเท่านี้มาก่อน แต่ตอนนั้นผมเริ่มเรียนพิเศษตั้งแต่เช้า 8 โมง ถึง 2 ทุ่ม ก็ขลุกอยู่ทั้งวันเลยครับ เรียนทั้งคณิต วิทย์ ภาษาไทย สังคม อังกฤษ 
             พอเลิกเรียน กลับบ้านก็ต้องเซ็ทเวลาว่าจะอ่านตอนไหน จะชิวตอนไหน คือ ต้องบอกว่า ในเวลาช่วงนั้นยังไม่ปิดเทอม เราก็ใช้เวลาอ่านหลังสวดมนต์ ช่วงก่อนนอนสักประมาณ 5 ทุ่ม อ่านประมาณครึ่งชั่วโมง หรืออาจจะมากกว่านั้น แล้วค่อยนอน ช่วงนั้นเรียกว่าเร่งสปีดจริงๆ
GAT –PAT
             GAT พาร์ทภาษาอังกฤษ ก็มีทำข้อสอบเก่า ท่องศัพท์ ส่วนพาร์ทเชื่อมโยงภาษาไทย ก็อ่านเอง ทำข้อสอบเก่าครับ พยายามทำความเข้าใจมัน จริงๆ แล้ว พอเราจับจุดมันได้ มันจะง่ายมาก มันไม่ยาก แต่ต้องใช้เวลากับมัน ตอบให้ตรงกับที่เค้าถาม
             สำหรับ PAT ผมเรียนศิลป์ – คำนวณ มาแต่ไม่น่ารอดด้วย PAT 1  เลยต้องมองหาวิชาที่เราทำได้ดีกว่ผมเลยมานั่งดูว่า เรายื่น PAT7 ได้ เลยเลือกสอบ  PAT7 ฝรั่งเศส ซึ่งผมเป็นลูกครึ่งบัลแกเรีย แต่โตที่ฝรั่งเศส เลยได้ใช้ความรู้ที่มีมาทำข้อสอบ ก็ได้ 188 ซึ่งถ้าเทียบกับเพื่อนที่เรียนมาโดยตรง เค้าก็ได้เยอะกว่าอยู่นะครับ แบบ 200+
 
เรื่องยากสุดหินในมหาวิทยาลัย
             ผมว่าการทำเกียรตินิยมเนี่ยแหละยากที่สุด เรียนให้จบไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าอยากได้เกียรตินิยม ต้องพยายามมากขึ้นมาอีกขั้น
             ส่วนการเรียนสำหรับคณะนิติศาสตร์ ผมใช้สูตร “ออกเดือนเข้าเดือน” คือ ถ้า 1 เทอมมี 4 เดือน สอบกลางภาคจะอยู่ที่เดือนที่ 2 ส่วนสอบปลายภาคจะอยู่ประมาณ เดือนที่ 4 ดังนั้น เดือนที่ 1 ชิวๆ เลย ไม่ต้องเครียดมาก ส่วนเดือนที่2 ตั้งแต่ต้นเดือน ต้องอ่านหนังสือหนักมากเพื่อสอบกลางภาค แล้วก็พักในเดือนที่ 3 ที่กลับมาชิวได้อีกครั้ง แล้วค่อยกลับมาอ่านเพื่อสอบปลายภาคในเดือนที่ 4 ประมาณนี้ครับ เป็นสูตรที่นิยมใช้กัน ทำให้ได้ใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยลัยด้วยแต่ก็ได้เรียนเต็มที่ด้วย
 
รักบี้ VS การเรียน 
             เทียบว่ารักบี้เป็นเรื่องกิจกรรมแล้วกันนะครับ ผมไม่ได้ทุ่มด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป ต้องแบ่งเวลาครับ ช่วงไหนใกล้แข่งก็ซ้อมหนัก แต่ถ้ามีสอบ มีธุระ เราก็ต้องเรียนก่อน  คือต้องดูว่าเราต้องทำอะไรก่อน เช่น ถ้าวิชานั้นเราทำได้ ก็ยังพอไปซ้อมกีฬาได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ เราไม่ถนัด ก็ควรอ่านหนังสือก่อนถูกมั้ยครับ ผมว่ากิจกรรมไม่ได้ทำให้ผลการเรียนแย่ครับ ถ้าเราแบ่งเวลาเป็น
 
ฝากถึงน้องๆ
             ชีวิตช่วงมหาวิทยาลัย มันไม่ใช่ทุกอย่าง ถ้าหวังอะไรแล้วไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียใจ ถ้าเราเต็มที่กับมันแล้ว เพราะมันจะไม่เสียใจเท่ากับที่เราไม่ได้ตั้งใจทำมัน
 
             เป็นไงละคะ ไม่ใช่แค่หล่อ แต่ตั้งใด้วยนะเอ้า!! นี่แหละค่ะ ตัวอย่างของคนที่ทุ่มเท พี่มาร์คก็ไม่ใช่คนที่เกิดมาแล้วเก่งเลย แต่เพราะพี่เค้าทุ่มเท และใส่ใจ ตั้งใจจะฝันตัวเองจริงๆ จนมันสำเร็จ แล้วน้องๆ ละคะ ตั้งใจทำมันจริงๆ รึยั ง เริ่มเถอะค่ะ เพื่ออนาคตตัวเอง 
             สำหรับวันนี้คงต้องทิ้งท้ายฝากไว้แค่นี้นะคะ แล้วกลับมาเจอกับพี่เมษ์และไอดอลคนต่อไปได้สัปดาห์หน้า วันอังคารกับคอลัมน์ Admission Idol ที่เว็บ Dek-D.comนะคะ บ๊ายบาย!
พี่เมษ์
พี่เมษ์ - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายการศึกษา

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

11 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
JIRAPOT 8 เม.ย. 58 00:46 น. 3
ขอบคุณสำหรับ ประสบการณ์นะครับพี่มาร์ค ปีหน้า ผมก็จะสอบเข้าคณะนี้ ที่จุฬาเหมือนกันครับ ตอนนี้พยายามสปีทตัวเองอย่างเต็มที่ครับ // อยู่ในช่วงเริ่ม ค่อยๆเพิ่มอยู่ ไม่อยากหักดิบ เพราะไม่ใช่คนฉลาดไรเหมือนกัน พื้นฐานก็ไม่ดี ;3; จะพยายามครับพี่ เดี๋ยวไว้เจอกันถ้าผมติดนะครับ ฮ้าๆๆๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ทาสจีทีเอช Member 13 เม.ย. 58 00:15 น. 9

ฟิตมากพูดเลยยยย เราเรียนติดกัน 3 ชม. ก็จะตายแล้ว นี่เรียนแต่เช้ายันค่ำ

สิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จ คือ ความมีวินัยในตัวเอง ซึ่งตรงจุดนี้ เราเองทำไม่ได้

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด