สวัสดีค่ะน้อง กลับมาเจอกันในคอลัมน์ Admission Idol สุดยอดบุคคลที่เป็นไอดอลในเรื่องแอดมิชชั่น วันอังคารแบบนี้เรามีนัดกันเหมือนเดิม วันนี้มีสาวน่ารักมาให้รู้จักกัน “ฟ้า” สุคนธา เกื้อกิจ สาวน้อยผู้ทำคะแนน GAT = 297.5 และ PAT 7 เยอรมัน 279!!! ขุ่นพระ เค้าทำได้ยังไง มีเทคนิคอะไร มาดูกัน
แนะนำตัวกันหน่อย
สวัสดีค่ะ สุคนธา เกื้อกิจ ชื่อเล่นชื่อฟ้า ตอนนี้เพิ่งติดคณะรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (IR) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปหมาดๆ เลยค่ะ เพิ่งประกาศผลตอนวันที่ 9 ที่ผ่านมาเอง ยังดีใจอยู่เลยค่ะ (ใช้อะไรยื่นนบ้าง แนะเผื่อน้องๆหน่อย) IR ใช้แค่ GAT 70% กับ PAT 30% ค่ะ แต่ฟ้าไม่ค่อยชอบคณิต เลยมาทางภาษาเยอรมันดีกว่า (ฟ้าได้คะแนนเท่าไหร่) GAT = 297.5 และ PAT 7 เยอรมัน 279 รวมแล้ว 29,195 คะแนน
(ดูเป็นเด็กเนิร์ด จริงๆ แล้วนิสัยฟ้าเป็นคนแบบไหน?) จริงๆ เป็นคนชอบแกล้งคนอื่น โดยเฉพาะเพื่อนๆ ฟ้าว่าบางมุมฟ้าก็ติงต๊องนิดนึง แอบติสเพราะชอบศิลปะ แต่โดยรวมฟ้าก็เป็นคนสบายๆ ค่ะ
(ดูเป็นเด็กเนิร์ด จริงๆ แล้วนิสัยฟ้าเป็นคนแบบไหน?) จริงๆ เป็นคนชอบแกล้งคนอื่น โดยเฉพาะเพื่อนๆ ฟ้าว่าบางมุมฟ้าก็ติงต๊องนิดนึง แอบติสเพราะชอบศิลปะ แต่โดยรวมฟ้าก็เป็นคนสบายๆ ค่ะ
ชอบศิลปะ ทำไมเรียน IR?
ฟ้ามองว่า ศิลปะเป็นอะไรที่เราสามารถทำเป็นงานอดิเรกเพื่อให้ความสุขกับตัวเราเองได้ เราสามารถทำได้ตลอดเวลา แต่รัฐศาสตร์เป็นอะไรที่เราเอาไปใช้ในชีวิตการทำงานได้ เพราะฟ้าเองฝันไว้ว่าอยากทำงานที่ UN ซึ่งความรู้ตรงส่วนนี้และที่จะทำให้ฟ้าพาตัวเองไปอยู่ที่ที่ฟ้าฝันไว้ได้ แต่ก็ต้องพยายามต่อไปค่ะ
เก่งภาษา ทำไมไม่เข้าอักษรฯ ?
คือต้องย้อนกลับไปตอน ม.4 เคยได้หลายคนบอกว่า อยู่สายศิลป์ก็เข้าอักษรฯ สิ เราก็เลยคิดว่าต้องเรียนอักษรฯ ตาม แต่พอช่วง ม.6 ที่ต้องเลือกจริงๆ เราก็ลังเลว่าเราจะเลือกอะไรดี จนได้คุยกับเพื่อนที่โรงเรียน ว่ารัฐศาสตร์ก็โอเคนะ เพื่อนๆ ก็เชียร์ให้ไป ตอนแรกๆ ลังเลฟ้าก็เลยเข้าไปดูหลักสูตรแล้วก็แบบ เออ จริงแฮะ เพราะเรียนรัฐศาสตร์ก็ยังเรียนภาษาที่เรารักได้อยู่ เลยเพิ่งได้ค้นพบว่าจริงๆ แล้ว งานและสิ่งที่เราชอบจริงๆ มันมาทางรัฐศาสตร์มากกว่า IR เป็นอะไรที่ตอบโจทย์เรามากกว่า
ชีวิตประจำวันช่วง ม.4 - ม.6
เอาจริงๆ ช่วงม. 4 ฟ้ายังไม่ได้ตั้งใจมากนะ เพราะเพิ่งย้ายโรงเรียน ต้องปรับตัวใหม่ เจอเพื่อนใหม่ เจอสังคมใหม่ๆ แถมเรียนหนักขึ้นเพราะฟ้ามาจากโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย แล้วมาต่อที่เตรียมอุดมศึกษา ทุกอย่างคือการเริ่มใหม่ทั้งหมด ให้ตัวเองขยันขึ้น ช่วงนั้นทุ่มให้กับโรงเรียน
ตอน ม.5 ช่วงปิดเทอม ก็เริ่มเรียนพิเศษภาษาอังกฤษเก็บไว้เป็นพื้นฐาน แต่ก็เน้นทำกิจกรรมนะเพราะเราอยู่ฝ่ายศิลป์ ก็ทำกิจกรรมของตึก ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ อะไรแบบนั้น แต่มาฟิตจริงๆ ตอน ม.6 ที่เริ่มเรียนพิเศษจริงๆ ทุกวิชาที่ต้องใช้สอบเข้า ก็เรียนไทย อังกฤษ สังคมฯ เยอรมัน พวกนี้แหละค่ะ
เครียด ดรอปเรียน ม.6 ไปแลกเปลี่ยน 1 ปี !!
ต้องบอกว่าเราเรียน ม.6 เทอม 1 แล้วไปเรียนแลกเปลี่ยนที่เยอรมัน แล้วกลับมาเรียนต่อ ม.6 เทอม 2 เพราะตอน ม.5 เราเรียนหนักมาก งานเยอะ เพราะเรียนห้องโครงการ Gifted อังกฤษ พอมาถึง ม.6 ก็ยังไม่ลดน้อยลงเลย เราก็เครียด เหมือนเราเหนื่อยๆ ไม่ค่อยมีไฟสักเท่าไหร่ แม่เลยถามว่า ไปพักสักปีนึงมั้ย เราก็ตกลงเลย เพราะชอบเที่ยวอยู่แล้ว
แผนการอ่านหนังสือ + เตรียมตัว เพื่อแอดมิชชั่น
- ม.5 ช่วงปิดเทอม : เรียนเก็บความรู้ วิชาภาษาอังกฤษ (เตรียมพื้นฐาน)
- ม.6 เทอม 1 เน้นเรียนพิเศษ : เรียนเยอรฯ กับติวเตอร์ / เรียนภาษาอังกฤษ / สังคมฯ เรียนปนะมาณ 8 - 9 โมงเช้า ถึงบ่าย 2 บ่าย 3
- ม.6 เทอม 2 เน้นอ่านหนังสือเองทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นทำโจทย์ : ทำโจทย์ ถ้าไม่เข้าใจ ก็เอาหนังสือที่เรียนมาอ่านซ้ำ เน้นทำโจทย์เองจะเข้าใจ และก็จำได้มากกว่า
อีกอย่างฟ้าอ่านรอบเดียวจำไม่ได้ ต้องอ่านสัก 2 -3 รอบ
- รอบ 1 อ่านเอาประเด็น ว่ามีประเด็นอะไรบ้าง
- รอบ 2 เริ่มไฮไลท์ ดูเนื้อหาสำคัญ
- รอบ 3 ทำสรุป และลองนึกดูว่าตัวเองอ่านอะไรมาบ้าง
อย่าอ่านผ่านๆ แค่ให้พอจบ แต่ต้องใส่ใจ และจดจ่อ อย่าวอกแวก ถ้าเหนื่อยต้องพัก แล้วกลับมาอ่านใหม่ตอนมีสมาธิ
วิธีฟิต : PAT 7 เยอรมัน ได้ 279
เน้นทำโจทย์
- ทำทุกวัน ประมาณ 3-4 เดือน (ช่วงกลับมาจากเยอรมัน เดือน กรกฎาคม - พฤศจิกายน) ช่วงนั้นยังเรียนอยู่ด้วย ไม่ปิดเทอม ก็เอาไปทำที่โรงเรียนด้วยในช่วงใกล้สอบ เพราะทุกคนจะเงียบๆ ตั้งใจอ่านหนังสือ
- ทำข้อสอบจริง
- ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะชิน
- บางชุดที่ได้คะแนนน้อย ก็เปิดดูเแลยว่าทำไม เพราะอะไร แล้วจดไว้ในสมุด
- เวลาสอบก็เอาสมุดมาอ่านซ้ำ
- ส่วนวิธีการทำข้อสอบซ้ำคือ เปลี่ยนไปทำชุดอื่นก่อน ทิ้งระยะเวลาเอาไว้ แล้วค่อยกลับมาทำชุดเดิมจนกว่าจะจำได้ จนกว่าก็
- เราจะทำได้ เข้าใจ รู้ว่าผิดตรงไหน และรู้ว่าควรตอบยังไง
- พยายามสนุกกับมัน คิดว่ามันคือสิ่งที่เราชอบ
คิดว่า "ทำแล้ว ทำให้ถึงที่สุดไปเลย พยายามไปเลย พยายามให้เต็มที่ พยายามตอนนี้ ถ้าไม่อยากให้เสียใจทีหลัง อ่านให้เต็มที่ ทำให้เต็มที่"
แลกเปลี่ยน ช่วยเรื่อง PAT 7 เยอรมัน มั้ย?
ช่วยได้เยอะเลย เพราะเราได้ภาษามาเยอะเลย ทั้งเรื่องการใช้ภาษา ทั้งเรื่อง Reading และก็ Conversation ที่ทำให้เวลาเจอข้อสอบเราจะรู้ด้วยเซนส์เลยว่า เค้าต้องการอะไร หรือบางทีอ่านไม่ทันจบก็รู้ล่ะว่าเค้าพูดอะไร ไปทางไหน เพราะเราไปอยู่กับมันมาปีนึง บางคำก็ไม่รู้เรื่องแต่เราก็พอเดาได้
(ที่เยอรมันเป็นไงบ้าง) ฟ้าไปเพื่อใช้ชีวิต รู้จักเพื่อน และท่องเที่ยวค่ะ เพราะตอนที่ไปก็ไม่ได้ฟังออกทุกคำ แถมเมืองที่ไป ก็เป็นเมืองทางตอนใต้ มีสำเนียงท้องถิ่นที่ฟังยากขึ้นไปอีก เรียนว่าแรกๆ เนี่ย แทบไม่ได้เรียนเลย ต้องใช้เวลาปรับตัวพักใหญ่ กว่าจะฟังรู้เรื่อง
ประสบการณ์รับตรง
ฟ้าตั้งใจเลยว่า ฟ้าอยากติดตั้งแต่รับตรง เพราะเราเครียดและกดดันตั้งก่อนไปแลกเปลี่ยน มันหนักนะสำหรับตอนนั้น เวลาเกือบ 2 ปีเลย อีกอย่างเราเรียนพิเศษเยอะ ก็คาดหวัง พอช่วงไปแลกเปลี่ยนก็ใช้ชีวิตเต็มที่ แต่ถึงเวลาที่กลับมามันคงไม่ใช่เวลาเล่นแล้ว ต้องจริงจังแล้ว ไม่อยากรอ เพราะยิ่งรอยิ่งฟุ้งซ่าน
(รู้สึกยังไงบ้างช่วงลุ้นผล) ตื่นเต้นตลอดเวลา คือฟ้าตื่นเต้นง่ายจนแม่ต้องบอกว่า ทำใจสบายๆ ไม่ต้องตื่นเต้น ไม่ต้องเครียด เราแก้อะไรไม่ได้แล้ว คิดมากไปก็เครียดเปล่าๆ สอบเสร็จไปแล้ว เครียดไปคะแนนเราก็ไม่เพิ่มไปกว่านี้ ก็รอผลอย่างใจจดจ่อ
(ตอนสัมภาษณ์ โดนถามอะไรบ้าง) ก็ถามทั่วไปค่ะว่า
- ทำไมถึงใช้ PAT เยอรมัน
- เรียนศิลป์มาทำไมไม่เข้าอักษร
- ทัศนคติที่ทำให้ตัดสินใจเช้ารัฐศาสตร์
- คิดว่าคณะเราจะส่งคุณไปถึงเป้าหมายที่คุณวางไว้ได้มั้ย
- ฯลฯ
เหมือนมานั่งทำความรุ้จักกันมากกว่าค่ะ นั่งคุยกันกับอาจารย์ ไม่ได้เครียดอะไร
ดราม่าเด็กมัธยมฯ
ชีวิต ม.6 หลังจากกลับมาจากแลกเปลี่ยน กลับมาร้องไห้บ่อยกว่าที่ปกติตัวเองเป็น เหมือน Home sick ช่วง 1-2 เดือนแรกที่กลับมา แต่ Home sick เยอรมันนะ คิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว คิดถึงเพื่อนที่นู่น เพราะเรามีอิสระ ได้เที่ยว ได้ใช้ชีวิต ทั้งๆ ที่เราก็ทำใจไว้แล้วนะว่ากลับมาจะต้องเรียนหนัก แต่ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ เพราะมี 4 เดือนที่เราต้องยัดทุกอย่างเข้ามา
อีกอย่างไปมา 1 ปี ลืมไปเยอะเหมือนกัน ลืมว่าเรียนอะไรไปบ้างตอน ม. 4 - ม. 5 ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ใช้ กลับมาแย่ลงด้วย เพราะไม่ได้ฝึกเลย คำศัพท์บางคำลืมไปเลย มีอารมณ์ขนาดว่า นั่งทำข้อสอบอยู่แล้วหยุด ร้องไห้ก็มี เพราะเราเครียดมาก และกดดันตัวเองมาก จนถึงจุดนึงได้สติว่า เห้ย ถ้าเราเครียดไป ถ้าทำไปร้องไห้ไป มันคงไม่ดีขึ้นแน่ๆ มีแต่แย่ลงด้วยต่างหาก เลยพยายามทำให้ดีที่สุดตอนนี้ ผลจะออกมาเป็นยังไงอีกเรื่องนึง พยายามไปให้สุด แค่ไหนแค่นั้น ไม่ต้องกดดันตัวเอง เพราะยิ่งกดดันยิ่งคิดไม่ออก สบายๆ ดีกว่า โอเคเมื่อไหร่ค่อยกลับไปทำข้อสอบต่อ
สุดท้าย เรามองว่า เรามีสิ่งที่สำคัญมากอย่างการเข้ามหาวิทยาลัย เราต้องโฟกัสว่ามันสำคัญนะ ใส่ใจตรงนี้ก่อน ส่วนเพื่อนๆ และก็โฮสต์ที่เยอรมันเดี๋ยวเราก็ได้เจอกัน เพราะแพลนว่าเคลียร์เรื่องเรียนต่อเสร็จจะกลับไปหาตอนเดือนพฤษภาคมนี้
ฝากถึงเพื่อนๆ น้องๆ
ไม่อยากให้กดดันแล้ว ผลจะเป็นยังไงก็มาเลย เพราะฟ้าเชื่อว่าทุกคนทำดี และตั้งใจที่สุดแล้วตอนสอบ ผลก็ต้องออกมาเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งและเป็นระดับที่ดีเลยแหละ ไม่อยากให้เครียดมากจนเกินไป สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ทุกๆ คน เลย
นี่แหละค่ะ ผลลัพธ์ของความตั้งใจ และความมุมานะ !! แถมยังทำความรู้จักตัวเอง รวมถึงค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ ไม่ปล่อยฝันให้เป็นเพียงความฝัน แต่พยายามทำให้สำเร็จ ,,, หนทางแอดมิชชั่นไม่เคยง่ายเลยเนอะ พี่ฟ้าก็เคยเสียน้ำตาให้มัน และวันนี้ก็พิสูจน์แล้วว่ามันคุ้มค่าเนอะว่ามั้ย?
สำหรับวันนี้คงต้องทิ้งท้ายฝากไว้แค่นี้นะคะ แล้วกลับมาเจอกับพี่เมษ์และไอดอลคนต่อไปได้สัปดาห์หน้า วันอังคารกับคอลัมน์ Admission Idol ที่เว็บ Dek-D.comนะคะ บ๊ายบาย!
47 ความคิดเห็น
เด็กเตรียมอีกแล้ว โรงเรียนรวมยอดมนุษย์ จริงๆ
สมมุติถ้าเป็นพี่โดนพ่อแม่ถามว่า "ไปพักสักปีนึงมั้ย ไปหาญาติที่เมืองจีน"
พี่รีบตกลงทันทีเลยค่ะ เพราะไม่เคยเจอญาติๆที่อยู่เมืองจีนเลย เจอแต่ที่อยู่เมืองไทย
เฉยๆอะ เทพพวกนี้มีเเต่ลูกคนรวย ยังไงก็ได้เปรียบคนจนอยู่ละ ช่างน่าอิจฉา
แม่เลยถามว่า ไปพักสักปีนึงมั้ย
ทำไมเราไม่มีอะไรแบบนี้เลยคะ 55555555
อยากให้แม่พูดว่าไปพีกญี่ปุ่น สักปีนึงไหม จังเลยค่ะ อุ๊ย! แต่ลืมไป บ้านจน