เกิดอะไรขึ้น!! "โบนัส" อยากเข้านิเทศฯ แอดติดวิทยาฯ ซิ่วมาครุฯ

            สวัสดีค่ะน้องๆ กลับมาเจอกันในคอลัมน์ Admission Idol สุดยอดบุคคลที่เป็นไอดอลในเรื่องแอดมิชชั่น จบงาน Dek - D on Stage ที่ไปหมาดๆ พี่เมษ์ได้โอกาสชวน “พี่โบนัส” กิตติพัฒน์ วงษ์ล้วนงาม จะมาเล่าชีวิตแอดมิชชั่น และช่วงเวลาชีวิตเด็กซิ่วที่สุดจะพลิกผัน!!! ถ้าพร้อมแล้ว ไปคุยกันเลย

แนะนำตัว
             สวัสดีครับ ผมโบนัส กิตติพัฒน์ วงษ์ล้วนงาม ตอนนี้เรียนอยู่ที่คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 1 ครับ จบจากโรงเรียนเบญจมราชานุสรณ์ จังหวัดนนทบุรีครับ (นิสัย) เป็นคนชิวๆ ครับ แต่ก็ไม่ชิวทุกเรื่องนะ เลือกเป็นบางเรื่องที่จะทำตัวสบายๆ บางเรื่องก็มีเครียดบ้าง แล้วก็เป็นคนตลกๆ
 
เพราะเป็นกัปตัน BAR4 เลยจริงจัง
             สำหรับโบนัสนะครับ ชีวิต ม.ปลายถ้ามองย้อนกลับไปดูชิวมากครับ ม.4 - ม.5 ก็เริ่มอ่านหนังสือแล้ว แต่เป็นแนวเล่นๆ ชิวๆ มีเรียนพิเศษบ้าง โดดบ้าง อันหลังนี่ชักจะเยอะกว่า 555
             ส่วนช่วงที่มาจริงๆ ก็มาคงเป็นตอน ม.6 เนี่ยแหละครับ เพราะแรงกดดันจากความที่เราเป็นกัปตันแบรนด์แอดมิชชั่นเรียลลิตี้ ปี 4 ด้วย เหมือนเรารู้สึกว่าไม่ได้แล้ว เราต้องทำให้ได ้เหมือนเป็นความรับผิดชอบต่อหน้าที่กัปตันที่มีต่อภารกิจ และก็หน้าที่ความรับผิดชอบต่อตัวเอง ที่จะต้องทำให้ตัวเองติดให้ได้ ทำให้ช่วง ม.6 เราทุ่มเท อ่านหนังสือ ใส่ใจเป็นพิเศษครับ
 
การเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย
             สารภาพตามตรงเลยครับว่าโบนัสเองเตรียมตัวไม่ทันรอบรับตรงครับ แต่จากที่เราเรียนพิเศษมาบ้าง อ่านเล่นๆ ชิวๆ ของเรามาบ้าง ก็เลยติดรับตรง มศว แต่สละสิทธิ์ไป
             หลังจากตัดสินใจสละสิทธิ์ ก็เลยต้องคิดแล้วว่า เราต้องไปต่อในรอบแอดมิชชั่นแล้วนะ เลยเริ่มเตรียมตัวเต็มที่ตอนแอดมิชชั้นเนี่ยแหละครับ ปกติรอบแอดมิชชั่น คนทั่วไปจะเริ่มเตรียมตัวทำโจทย์แล้วใช่มั้ยครับ แต่โบนัสเรียนพิเศษเยอะมาก!!!! ถือว่าเยอะที่สุดที่เคยเรียน หนักมากครับ เรียนครบทั้ง 5 วิชาหลักเลย แถมยังเป็นช่วงที่อ่านหนังสือเยอะที่สุดในชีวิต 
             พอสอบ GAT-PAT รอบแรกเสร็จ ก็เตรียมพร้อมสำหรับ GAT-PAT รอบ 2 ต่อ แน่นอนว่าก็เรียนเพิ่มอีกเพราะจากรอบแรก รู้เลยว่าตายคาที่กับข้อสอบ - -" รอบสองก็เลยเตรียมตัวมากขึ้นไปอีก ทั้งเรียน ทั้งทำโจทย์ ทั้งอ่านหนังสือ หนักกว่ารอบแรกเข้าไปอีก อัดเข้าไปในช่วงเวลานั้นแหละครับ
 
คะแนนสูง แต่เครียดมาก
             ตอนประกาศคะแนนออกมา เฟลนะครับ รู้สึกว่าคะแนน GAT ก็น้อย PATก็น้อยกว่าชาวบ้าน เลยเครียดๆ ตอนเลือกคณะ เลือกมหาลัยครับ แต่ด้วยคะแนนถ้าหลายคนดูอาจจะบอกว่าก็โอเคนิ ไม่แย่มาก แต่ตอนนั้นโบนัสอยากเข้านิเทศฯ จุฬาฯ ซึ่งนับว่าเป็นเป้าหมายที่คะแนนสูง และเมื่อเป้าหมายมันสูง มันก็ต้องการต้นทุนที่สูงด้วย
 
เปลี่ยนเป้าหมาย จากนิเทศฯ ไปวิทยาฯ!!
             อย่างที่บอกไปว่า เป้าหมายตอนเป็นกัปตัน BAR4 คือ นิเทศฯ จุฬาฯ แต่ด้วยคะแนนมันไม่ได้ ทำยังไงก็ไปไม่ถึง เลยต้องมองหาสิ่งที่เป็นไปได้ และด้วยความที่เราอยากอยู่จุฬาฯ ซึ่งบอกเลยนะครับ ว่าไม่สิ่งที่ดี เดี๋ยวจะมาบอกว่าไม่ดียังไง 
             ตอนนั้นเมื่อมองหาแล้ว ก็เจอแล้วว่า เอ๊ะ เราเรียนสายวิทย์มา ลองมาเรียนวิทยาศาสตร์ดูดีกว่า น่าจะเหมาะกับเรา เพราะเราก็ไม่ได้ไม่ถนัดนี่ เลยเลือกวิทยาศาสตร์ไป ปรากฎว่าเราติดวิทยาศาสตร์ ซึ่งเราก็ดีใจนะ ที่เราเป็นหนึ่งคนที่แอดมิชชั่นติดในสถาบันที่เราใฝ่ฝัน จากวันนั้นเลยตั้งใจเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์ ยอมรับเลยครับว่าไม่ง่าย แต่เราก็เรียนได้ ไม่ได้มีปัญหา เพื่อนๆ และอาจารย์ดีมากครับ ยังคงคิดถึงเสมอ แต่พอเราถามใจตัวเองจริงๆ เราเริ่มได้คำตอบว่า เรียนได้ กับ ชอบที่จะเรียน มันไม่เหมือนกัน เลยต้องคิดทบทวนอีกครั้ง เลยตัดสินใจซื่ว ซึ่งไม่ได้ซื่วเพราะไม่ชอบ ไม่รักนะครับแต่ทุกคนต้องหาตัวตน เลยตัดสินใจลองซิ่ว 
 
วิกฤติชีวิตเด็กซิ่ว
             ช่วงที่ตกเป็นเด็กซิ่วไม่ง่ายเลยนะครับ เพราะต้องค้นหาว่าตัวเองชอบอะไร คราวนี้เราได้คำตอบว่า ลองมาสายศิลป์ดู เลยตัดสินใจซิ่วอีกรอบ ยอมเสียเวลา 1 ปี ยอมรับครับว่าช่วงที่ซิ่วเป็นช่วงที่หนักใจพอสมควร ต้องใช้กำลังใจอย่างสูงมาก แต่คุณแม่ก็คอยให้กำลังใจตลอด ต้องเรียนและอ่านหนังสือหนักกว่าเดิมด้วย ก็ดีใจที่คนรอบข้างให้กำลังใจเราตลอด
             พอตัดสินใจซิ่ว เราได้ประสบการณ์จากที่เราได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ทำให้รู้เลยว่าตารางชีวิตมันไม่ง่าย ทุกอย่างดูจริงจังมากขึ้น อย่างตอน ม.ปลาย ไม่ค่อยได้จัดตารางเลย อยากอ่านไรอ่าน อยากทำไรทำ แต่ช่วงนั้นที่จะซิ่วด้วย จะเรียนที่คณะไปด้วยก็ทำให้เวลาเหลือน้อยนิด เลยต้องจัดตารางกันพอตัวเลย ตอนนั้นที่เน้น คือ ทำโจทย์ครับ ทำไม่ได้ก็ดูเฉลย อธิบาย แล้ว note ไว้เป็น bullet เลย แล้วทบทวนก็ดูรวมๆ ว่าตรงไหนเราพลาดเยอะ ก็กลับไปทวนเฉพาะจุดนั้น เน้นจุดนั้นมากขึ้น จนถึงช่วงสอบแหละครับ แล้วก็ไปสอบ
 

 
             ตอนเลือก 4 อันดับ โบนัสเลือก จิตวิทยา 2 อันดับ และเลือกครุศาสตร์อีก 2 อันดับ และเราได้บทเรียนแล้วว่า เลือกอะไรเราต้องคิดให้มากขึ้น ตอนประกาศผลแล้วออกมาว่าติดครุฯ ก็แน่นอนครับว่าเริ่มยิ้มได้อีกครั้ง แต่ต้องยอมรับว่าการซิ่วจากสายวิทย์ มาสายศิลป์ ต่างกันมาก แต่เป็นตัวเรามากกว่าเยอะเลยครับ หลายคนมองว่าครุศาสตร์อาจจะไม่มีอะไรให้เรียนมากมายหรอกมั้ง แต่ตั้งแต่ได้เข้าเรียนมา โบนัสกล้าบอกเลยว่าคณะครุศาสตร์มีอะไรให้เรียนรู้เยอะมาก เป็นศาสตร์ที่น่าสนใจไม่แพ้คณะไหนเลย โบนัสสนุกและก็ยังเรียนรู้ไปเรื่อยๆ จากการที่เราซิ่วเนี่ยแหละครับ โบนัสเลยอยากให้น้องๆ เรียนอะไรที่เป็นตัวเอง จะได้มีความสุขและอยากเรียน พอเข้ามหาลัยแล้วทุกอย่าง ทุกวิชายากหมด ไม่ใช่แบบ ม.ปลาย ที่วิชาหน่วยกิตน้อยๆ เรียนง่ายๆ ชิวๆ แล้วนะครับ
 
วิธีทำให้ PAT5 คะแนนมาเต็ม !!
             กล้าบอกเลยครับ ตั้งแต่สอบมา วิชาที่เราปลาบปลื้มที่สุดคือ PAT5 ความถนัดวิชาชีพครูนั่นเอง โบนัสอาจจะไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีในเรื่องการเตรียมตัว เพราะไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย แต่โบนัสอยากให้น้องๆ มีสมาธิกับการทำข้อสอบ ลองทำให้ตัวเองรู้สึกสนุกกับข้อสอบ เพราะตอนโบนัสไปทำข้อสอบ โบนัสเองก็สนุกไปกับการทำข้อสอบ พยายามตั้งสติดีๆ ข้อสอบไม่ได้ยากหรือน่ากลัวเท่าที่คิด แต่ต้องมีสติ อย่าสติแตก อย่านอย อย่ากังวลมากไป เพลินๆ ไปกับการทำข้อสอบ ตอนโบนัสทำ โบนัสเอ็นจอยมากเลยทำข้อสอบจนเต็มเวลา คะแนนก็มาเต็มเช่นกัน
 
สัมภาษณ์เข้าเรียนต่อ เค้าถามอะไรกันบ้าง
             โอ้โห เจอมาเยอะครับ เคยเจอการสัมภาษณ์แบบดูถูกมาก เหมือนรู้ว่าเราสอบที่อื่น แต่มาสัมภาษณ์ที่นี่ ก็บอกกับเรามาว่า "ไม่ติดใช่ไหม" แต่เราตอบไปว่า "ติดครับ ติด 2 คณะเลย" อันนี้ตัวอย่างที่ไม่ดีเท่าไหร่นะครับ เพราะเราต้องรู้จักควบคุมอารมณ์เราให้มาก ไม่ควรตอบแบบนี้นะครับ
             แต่ตอนมาสัมภาษณ์ที่คณะครุศาสตร์ อันนั้นติดรอบแอดมิชชั่น ก็เลยเจอคำถามไม่ยากนักก็ถามประมาณว่าอยากเรียนเอกอะไร เพราะอะไร ทำไมถึงอยากเรียนเอกนี้ อะไรประมาณนี้ โดยส่วนตัวแล้วไม่เคยเจออะไรเด็ดๆ กับตัว ในรอบแอดมิชชั่นครับ
เรื่องดราม่าที่สุดในรั้วมหาวิทยาลัย
             ต้องย้อนไปตอนเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์เลยครับ โบนัสเคยเจอวิชาที่ไม่ชอบ แถมยังไร้ซึ่งความรู้พื้นฐานถึง 3 ตัวด้วยกัน โอ้โห้ ตอนคะแนนสอบออกมาเนี่ยนะ คะแนน 3 วิชารวมกันยังไม่เท่ากับ คะแนนอีกวิชาที่เราทำได้เลย
             อีกเรื่องที่ต้องยอมรับคือ ณ ตอนนั้นที่เราเป็นเด็ก ม.6 เราคิดว่า เราอ่านหนังสือหนักมาก หนักสุดในชีวิตแล้ว หนักแบบ โอ้ย ที่สุดแล้วจริงๆ กว่าจะสอบติดเข้าไป พอเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว รู้เลยว่าที่เรารู้สึกว่าเรียนหนักที่สุดในชีวิตแล้ว ตอน ม.6 เป็น10% ของมหาวิทยาลัยเท่านั้น ในมหาวิทยาลัยนั้น อ่านหนักกว่าเยอะ !!
 
ฝากถึงน้องๆ ที่กำลังรอแอดมิชชั่น
             สำหรับโบนัสเอง โบนัสก็อยากบอกน้องๆ ว่าเลือกให้ดี ดึงสติด้วยเวลาเลือก เพราะถึงยังไงมันก็คือความจริง พี่ให้เพ้อฝันได้ 1 อันดับพอ เพ้อไปเลย จะฝันอะไรใส่ไป คะแนนลบเท่าไหร่ก็ใส่ไปเหอะ ถือว่าให้โอกาสความฝันตัวเอง แต่อันดับที่เหลือเอาความจริงนะ ต้องอยู่บนโลกความจริง เลือกที่เป็นไปได้ และก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ เด็กแอดมิชชั่นประสบความสำเร็จทุกคนนะครับ
 

 
             นี่แหละค่ะชีวิตของเด็กแอดมิชชั่นคนนึง ที่อาจจะไม่ได้สมหวังตั้งแต่ครั้งแรก แต่เมื่อทุกคนมีฝัน ก็ไม่ผิดที่จะตามฝันของตัวเอง คนเราผิดพลาดกันได้นะคะ แต่เมื่อผิดพลาดแล้วจะต้องไม่ย่อท้อ หรือยอมแพ้ เอาความผิดพลาดมาแก้ไข ที่สำคัญฝันได้ แต่ต้องอยู่บนความจริงด้วยนะคะ
             สำหรับวันนี้คงต้องทิ้งท้ายฝากไว้แค่นี้นะคะ แล้วกลับมาเจอกับพี่เมษ์และไอดอลคนต่อไปได้สัปดาห์หน้า วันอังคารกับคอลัมน์ Admission Idol ที่เว็บ Dek-D.com นะคะ แล้วเจอกันใหม่สัปดาห์หน้านะคะ บ๊ายบาย!
 
พี่เมษ์
พี่เมษ์ - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายการศึกษา

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

5 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
Mmaruko Member 7 พ.ค. 58 18:13 น. 2

ถ้าอยู่ปี2แล้วซิ่วจะช้าเกินไปไหมคะตอนนี้เครียดมากเลยค่ะ

ขอคำปรึกษาด้วยนะคะ

จะซิ่วจากวิทยาไปสายศิลอ่ะคะเสียใจ

2
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากเว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

กำลังโหลด
sanaa 7 พ.ค. 58 22:45 น. 4
อยากเข้าครุศาสตร์เหมือนกันคับ กัปตันเก่งมากที่สามารถกล้าตัดสินใจเข้ามาหาสิ่งที่ชอบจริงๆ ขอให้มีความสุขกับสายอาชีพนี้นะครับ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด