10 เรื่องที่เด็กแอดฯ ควรรู้! ก่อนไปสัมภาษณ์แอดมิชชั่นกลาง

              ขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับน้องๆ ที่ผ่านการคัดเลือกติดคณะในฝันในแอดมิชชั่นปี 58  ส่วนน้องๆ ที่พลาดไปไม่ต้องเสียใจ ตามเว็บเด็กดีเรื่อยๆ ยังมีรับตรงรอบหลังแอดมิชชั่นตลอดเดือนมิถุนายน พี่ๆ ทุกคนเต็มใจช่วยอย่างเต็มที่ค่ะ :D

              ตอนนี้ 90% ของน้องๆ ถือว่าเป็นนิสิตนักศึกษาของสถาบันที่สอบติดแล้วนะ ส่วนอีก 10% ที่เหลือ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของน้องๆ ว่าอยากจะไปสัมภาษณ์มั้ย จะรายงานตัวหรือเปล่า ถ้าทำครบทุกอย่างก็จะถือว่าเป็นนิสิตนักศึกษาสถาบันนั้นโดยสมบูรณ์ ระหว่างนี้หลายคนคงกำลังเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ที่จะเกิดขึ้น 15-17 มิ.ย.นี้  เอาล่ะ น้องๆ รู้เทคนิคสัมภาษณ์กันมาเยอะแล้ว พี่มิ้นท์เลยขอนำเสนอ 10 เกร็ดการสัมภาษณ์รอบแอดมิชชั่นกลาง  เอาไว้ไปใช้กันในห้องสอบสัมภาษณ์จ้า


 

 

     1. บรรยากาศห้องสอบสัมภาษณ์
             บรรยากาศห้องสอบสัมภาษณ์รอบแอดมิชชั่นกลางแทบจะไม่ต่างจากรอบรับตรงเลยค่ะ ใครเคยสัมภาษณ์รับตรงมาบ้างก็คงคุ้นเคยบรรยากาศ แต่ในความเหมือนก็มีความต่าง ที่แน่ๆ คือ อาจารย์ชุดใหม่ ห้องสอบใหม่ ความตื่นเต้นก็แปลกใหม่ตามไปด้วย
             ห้องสอบสัมภาษณ์แอดมิชชั่นกลาง เกือบทุกที่จะเป็นห้องใหญ่ๆ มีโต๊ะสัมภาษณ์ 4-5 โต๊ะตั้งห่างๆ กันพอไม่ให้ได้ยินว่าอีกโต๊ะถามตอบอะไร แต่ละโต๊ะจะมีอาจารย์ 1-3 ท่าน(แล้วแต่ดวง) ต่อนักเรียน 1 คน ส่วนใหญ่จะแค่ 2 คนนะคะ ผลัดกันยิงคำถามจนเราแทบจะตอบไม่ทัน พอถึงคิวสอบสัมภาษณ์จะมีรุ่นพี่คณะพาเราเข้าห้องสัมภาษณ์ ไม่มีสิทธิ์เลือกอาจารย์สอบสัมภาษณ์ค่ะ

     2. เรื่องเครื่องแต่งกายไม่ต้องซีเรียส
           โฟกัสไปที่น้องๆ เด็กซิ่วค่ะ มาสัมภาษณ์แอดมิชชั่นกลาง จะใส่ชุดนักเรียน ม.ปลาย หรือ ใส่ชุดนักศึกษาก็ได้ ไม่มีผลต่อการสัมภาษณ์แน่นอน แต่ถ้าให้แนะนำ ใส่ชุดนิสิตนักศึกษามาเลยจะดีกว่าค่ะ เพราะบ่งบอกถึงสถานะของเรา ไม่ต้องกลัวแปลกหรือเป็นที่สนใจ เพราะแต่ละรุ่นมีเด็กซิ่วปะปนมาอยู่แล้ว
           ในวันสัมภาษณ์ ขอให้น้องๆ ทุกคนแต่งกายให้ถูกระเบียบ ผู้หญิงมัดผมให้เรียบร้อย ไม่รุงรัง ผู้ชายก็ใส่เสื้อเข้ากางเกงให้เรียบร้อย  เรายังมีสถานะเป็นนักเรียน ต้องแต่งตัวให้เหมาะสมกับชุดที่ใส่นะคะ ส่วนเครื่องประดับต่างๆ ไม่ต้องใส่มานะ พวกที่คาดผมสีแดง กำไรข้อมือมีกลิตเตอร์วิ๊งๆ หน้าก็ไม่ต้องแต่งมากค่ะ เดี๋ยวคนอื่นแยกไม่ออกว่าเป็นนักเรียนหรือเป็นอาจารย์ปลอมตัวมาเป็นนักเรียน
            อีกปัญหาที่น้องๆ ถามมาเยอะว่า ทำสีผมไปสัมภาษณ์ได้มั้ย พี่มิ้นท์มองว่าไม่เหมาะค่ะ ดูยังไงก็ไม่เรียบร้อย ถ้ามีแพลนจะไปทำ ขอเบรกไว้ก่อน สัมภาษณ์ให้เสร็จแล้วค่อยทำ แต่ถ้าทำไปแล้ว แนะนำไปแก้ให้ดูไม่น่าเกลียดมาก เช่น สีน้ำตาลเข้ม เป็นต้น

    3. Portfolio ไม่ใช่อาวุธอีกต่อไป    
            ยังมองว่า Portfolio เป็นเครื่องมือแนะนำตัวที่ดีที่สุดอย่างนึง ที่ผ่านมาเราเครียดเรื่อง Portfolio มากมาย แต่รอบแอดมิชชั่นกลางสบายใจได้ค่ะ ไม่สำคัญอะไรแล้ว จะทำหรือไม่ทำก็ได้ การสัมภาษณ์รอบนี้ไม่ต้องแข่งขันกับคนอื่น เป็นเพียงการสัมภาษณ์ระหว่างนักเรียนกับอาจารย์เพื่อทำความรู้จักก่อนจะเข้าไปเรียนคณะนั้น สรุปคือ คนที่ทำไว้แล้วก็สามารถพกไปให้อาจารย์ชื่นชมได้ค่ะ แต่คนที่ยังไม่ได้ทำ หรือไม่มีผลงานอะไร ไม่ต้องเตรียมไปก็ได้ ไม่ซีเรียสจริงๆ ค่ะ

 
 
 

   4. แอดมิชชั่น 99.999% ไม่ตกสัมภาษณ์หรอก
           หลายคณะที่ประกาศผลออกมาแล้วจำนวนรับจริงเพิ่มมาเยอะ คงกลัวว่าจะมีคัดออก ตกสัมภาษณ์ กันใช่มั้ยคะ ย้ำกันชัดๆ ตรงนี้อีกรอบว่า แอดมิชชั่นกลางไม่มี "คัดออก" ค่ะ จำนวนที่เพิ่มขึ้นแสดงว่าสถาบันนั้นสามารถรับเพิ่มได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องตกสัมภาษณ์ก็โอกาสน้อยมากๆ ยกเว้นว่ามีเป็นคนวิกลจริต จิตไม่ปกติ หรือขาดคุณสมบัติตามที่กำหนดตั้งแต่ตอนสมัคร เช่น สายศิลป์ไปสมัครคณะที่กำหนดเฉพาะสายวิทย์ เป็นต้น แต่เคสหลังนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกรรมการด้วยนะ
            ถ้าใครไม่ได้เข้าข่าย 2 ประเด็นนี้ก็สบายใจได้ ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน

    5. คำถามที่เจอแน่ๆ ทำไมอยากเรียนคณะนี้
           แนะนำตัว ชื่อ นามสกุล โรงเรียนไปแล้ว นี่อาจจะเป็นคำถามแรกของอาจารย์ที่ถามเรา "ทำไมอยากเรียนคณะนี้" ไปนึกคำตอบเตรียมมาได้เลย คำตอบขอให้ตรงไปตรงมา ไม่ต้องเสแสร้งแสดงเป็นนางเอกตอบโลกสวยมาก เอาที่เป็นธรรมชาติตามความคิดของตัวเอง
          เพิ่มเคล็ดลับให้นิดนึงค่ะ เชื่อว่าปกติน้องๆ จะตอบว่า "ชอบ/อยากเรียน/อยากเป็นนู่นเป็นนี่ ก็เลยอยากเรียนคณะนี้" แต่วินาทีเป็นต้นไป ให้น้องๆ เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับแรงบันดาลใจไปในคำตอบ "ทำไมอยากเรียนคณะนี้" ได้เลย เพราะจะช่วยให้น้องๆ ดูมีแนวทางที่ชัดเจน เช่น
         
"อยากเรียนคณะเภสัชศาสตร์ เพราะชอบ เคยไปหาหมอที่โรงพยาบาล พี่ที่จ่ายยาให้คำแนะนำดีมาก เลยรู้สึกว่าอาชีพนี้น่าสนใจ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้อยากเรียนคณะนี้ครับ/ค่ะ"
 
    6. ที่เห็นๆ ว่าดุ เนื้อแท้อาจไม่ใช่
          มีเด็กนักเรียนน้ำตาซึมในห้องสัมภาษณ์ทุกปี เหตุเพราะถูกกรรมการสัมภาษณ์ดุบ้างล่ะ กดดันด้วยคำถามยากๆ บ้างล่ะ บางคนโดนทำร้ายจิตใจด้วยถ้อยคำรุนแรง (อันนี้พี่มิ้นท์ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยนะ) แต่อยากจะบอกน้องๆ ว่า ตัวตนที่แท้จริงของอาจารย์แต่ละท่าน อาจไม่ได้เป็นอย่างที่น้องๆ เห็นวันสัมภาษณ์ค่ะ ด้วยสถานการณ์บังคับต้องถามยากๆ พูดดุๆ เพื่อดูการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของน้องๆ ก็เลยต้องเป็นแบบนั้นไป จะเรียกว่าทำไปตามหน้าที่ก็คงไม่ผิดนัก
          ดังนั้นใครที่เจออาจารย์ดุๆ ก็ไม่ต้องเก็บไปเคียดแค้นนะคะ วันเปิดเทอมอาจารย์ทุกท่านก็จะเป็นอาจารย์ที่น่ารักของน้องๆ เหมือนเดิม แต่ถ้าใครเจออาจารย์ใจดีสัมภาษณ์ ขอบอกว่าโชคดีจริงๆ

 

    7. ระวังเจอคำถามลองเชิง
          ถึงจะไม่ตกสัมภาษณ์ แต่ระหว่างทางสัมภาษณ์อาจเจอคำถามที่ไม่คิดว่าจะเจอเลยก็ได้ เช่น คำถามวิชาการเหมือนลองเชิงว่า เฮ้ย! คุณมีความรู้อยู่จริงมั้ย ลืมไปหมดยัง บางคนออกจากบ้านเตรียมตัวพร้อมทุกอย่างยกเว้นความรู้ -_- อย่างพี่มิ้นท์ไปสอบสัมภาษณ์ศิลปศาสตร์ เอกภาษาไทยมา ก็โดนถามเรื่องวรรณคดีค่ะ ถามว่าชอบเรื่องไหน ชอบฉากไหน ชอบตัวละครไหน เพราะอะไร บอกเลยว่าช็อคค่ะ จำได้แค่ขุนช้าง ขุนแผน นางวันทอง
          นอกจากคำถามวิชาการแล้ว อาจจะมีคำถามจิตวิทยาเล็กๆ น้อยๆ เพื่อทดสอบไหวพริบและทัศนคติของเรา คำถามนี้ไม่มีผิดถูกค่ะ ไม่ต้องเกร็ง แต่ก่อนตอบ ควรคิดและเรียบเรียงให้ดีก่อนพูดนะคะ ถามตอบสดๆ ถ้าเรียบเรียงไม่ดี มึนทั้งคนถามคนตอบแน่ๆ
 
  
  8. สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษมีจริงมั้ย
          บอกเลยว่ามีจริงค่ะ แต่จะเน้นไปที่คณะที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นภาคอินเตอร์ หรือ หลักสูตรสองภาษา (ตอนแอดเลือกภาคไหน จำกันได้ใช่มั้ย?) รวมไปถึงกลุ่มคณะอักษรศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่จะสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษนะคะ เริ่มหลอนกันแล้วล่ะสิ อาจารย์บางท่านอาจจะแค่ให้เราแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ แต่สัมภาษณ์เป็นภาษาไทยก็มี ขึ้นอยู่กับกรรมการสัมภาษณ์ของเราค่ะว่าจะเจอแบบไหน ฮิฮิ

    9. สัมภาษณ์ไม่ใช่แค่ถามแล้วจบ แต่อาจยาวไปเรื่อยๆ
         เป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมจริงๆ สำหรับข้อนี้ เพราะทุกคำตอบที่เราตอบไป สามารถสร้างความสงสัยและให้ถามต่อได้เรื่อยๆ เช่น ตอบไปว่างานอดิเรกคืออ่านหนังสือ อาจารย์อาจจะถามต่อไปว่า ชอบอ่านหนังสือประเภทไหน เรื่องอะไร ทำไม เนื้อเรื่องเป็นยังไง แล้วแนวอื่นชอบมั้ย บางทีกว่าจะจบประเด็นงานอดิเรก ก็กินเวลาไป 10 นาทีแล้ว
    
  
  10. มีอะไรอยากถามมั้ย ต้องเจอกันทุกคน
          มีอะไรอยากถามครูมั้ย? จะอยู่เป็นคำถามสุดท้าย ถ้าคำถามนี้มีเมื่อไหร่ ใจชื้นได้เลยว่าจะจบการสัมภาษณ์แล้วนะ บางคนไม่มีอะไรจะถามก็ปล่อยให้จบการสัมภาษณ์ไปเลย แต่พี่มิ้นท์จะบอกว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้รู้สิ่งที่เราอยากรู้ในมหาลัยค่ะ ที่สำคัญยังเพิ่มเครดิตให้เราดูเป็นนักเรียนที่มุ่งมั่นอยากเรียนสถาบันนั้นจริงๆ คำถามน่ารักๆ ที่ทำให้อาจารย์ประทับใจได้ เช่น มีกิจกรรมให้ทำเยอะมั้ย มีชมรมอะไรบ้าง อาหารที่นี่อะไรอร่อยสุด อยู่หอสนุกมั้ย ฯลฯ แต่อย่าไปถามว่า งานเยอะมั้ย เรียนยากมั้ย ตัดเกรดโหดมั้ย จะดูว่าเราไม่สู้งานค่ะ
 
         เอาล่ะค่ะ อีกไม่กี่วันก็จะสอบสัมภาษณ์แล้ว ช่วงนี้ดูแลตัวเองดีๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ต้องตื่นเต้นนะคะ การสัมภาษณ์รอบแอดมิชชั่นกลางไม่มีอะไรน่ากลัวจริงๆ พยายามเป็นตัวของตัวเอง แต่งกายสุภาพเรียบร้อย มีสัมมาคารวะ ก็เป็นที่เอ็นดูของอาจารย์แล้วค่ะ และคืนก่อนไปสอบสัมภาษณ์ให้เช็คเอกสารทุกอย่างอีกรอบ เตรียมให้ครบตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดด้วยนะคะ
พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
Atthaphon Janyapong Member 13 มิ.ย. 58 17:04 น. 8

เคยไปสัมภาษณ์ เมื่อปีที่แล้ว (เด็ก57) ตอนนั้นสัมภาษณ์รับตรงนะครับ แล้วอาจารย์ถามว่า มีอะไรจะถามไหม พี่เลยถามไปว่า ผมจะติดไหมครับ อาจารย์สตั๊นไป 3 วิ แล้วเขาก็ตอบมานะครับว่า ติด แต่สุดท้ายก็ติดจริงๆนะครับ ฮ่าๆ เอาใจช่วยน้องๆ 58 ครับ ขอให้ติดทุกคนเลยยยยยยยยยยย

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

1
กำลังโหลด

11 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
่Airino Member 13 มิ.ย. 58 13:37 น. 2

พี่คะ ทำเข็มโรงเรียนหายไปแล้วอ่ะค่ะ ถ้าไม่ติดไปจะถือว่าเราไม่เรียบร้อยหรือเปล่าคะ แบบแต่งไม่ครบเครื่องแบบ

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด
YeollieO♥ Member 13 มิ.ย. 58 15:17 น. 6

ขอบคุณมากๆเลยนะคะ กลัวตกสัมภาษณ์มาก ยิ่งได้คณะที่ชอบอยู่ด้วย พอมาอ่านแบบนี้ ก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย อยากมีรหัสนักศึกษาเหมือนเพื่อนรอบรับตรงแล้ว อยากเข้าหอ อยากทำกิจกรรม อยากเป็นนิสิตปี 1 55555 ทุกคนที่จะไปสัมภาษณ์ก็สู้ๆนะ

0
กำลังโหลด
อุ่งอิ่งแห่งสวนกุหลาบ 13 มิ.ย. 58 16:32 น. 7
จะไปสัมภาส. วันจันนี้แล้ว แต่เข้มขัดหักไปหมดแล้ว. จะซื้อไหม่ก้ใช้เเค่รอบสองรอบเอง. เสียดายตังแม่อะ. ไม่กล้าขอ555 ว่าจะโช เพียว เลย5555 เฟี้ยวคะ. เป้นเกย์ นะคะ
0
กำลังโหลด
Atthaphon Janyapong Member 13 มิ.ย. 58 17:04 น. 8

เคยไปสัมภาษณ์ เมื่อปีที่แล้ว (เด็ก57) ตอนนั้นสัมภาษณ์รับตรงนะครับ แล้วอาจารย์ถามว่า มีอะไรจะถามไหม พี่เลยถามไปว่า ผมจะติดไหมครับ อาจารย์สตั๊นไป 3 วิ แล้วเขาก็ตอบมานะครับว่า ติด แต่สุดท้ายก็ติดจริงๆนะครับ ฮ่าๆ เอาใจช่วยน้องๆ 58 ครับ ขอให้ติดทุกคนเลยยยยยยยยยยย

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

1
กำลังโหลด
อาดัมคูเออเนสหว่อง Member 13 มิ.ย. 58 20:31 น. 9

แอบกดดันเหมือนกันนะคะ  กลัวอาจารย์ถามลึกอ่ะเสียใจแต่พอได้เห็นแบบนี้แล้วก็ใจชื้นขึ้นเยอะเลยค่ะ

0
กำลังโหลด
น้ำฟ้า อิอิ Member 14 มิ.ย. 58 16:12 น. 10

รอบแอดจะออกแนวคุยสบายๆมากกว่า รอบรับตรงเยอะ (เพิ่งไปสัมภาษณ์มาเมื่อวาน) คือโชคดีได้ อ.ใจดีด้วย มีถามคำถามที่ไม่คิดว่าเค้าจะถาม ก็ทำเอางงเหมือนกัน 555 

0
กำลังโหลด
soul silver Member 14 มิ.ย. 58 17:40 น. 11

เราได้รอบรับตรงโควตาของลาดกระบังอะ คณะวิทยาศาสตร์ เอกฟิสิกส์ประยุกต์ คือ บอกตรงๆเราไม่มีพอร์ท 55555555 ใครสัมภาษณ์รอบแอดก็ระวังหน่อยแล้วกัน เราโดนถามเรื่องทฤษฎีสัมพัทธภาพมาเต็มทั้งทั่วไปและพิเศษ 555555555 #ร้องไห้หนักมาก แต่ดีนะมีความรู้พื้นฐานนิดหน่อยเลยพอตอบๆไปได้ ปล.จารย์ฮะ. #ไม่ใช่ไอน์สไตน์ฮะ ขอให้สัมภาษณ์ติดทุกคนเลยนะ จุ๊บๆ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด