สวัสดีค่ะ ช่วงเวลา ม.6 ก็ถือเป็นช่วงเวลาโค้งสุดท้ายสำหรับน้องๆ กันแล้วนะคะ เพิ่งเปิด
เทอมม.6 มาได้ไม่นาน อีกเดี๋ยวก็จะถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้ว นอกจากคะแนนสอบที่ใช้วัดกัน อีกด่านที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ "เกรด" โดยมหาวิทยาลัยส่วนมากกำหนดเกรดในการสมัครโควตา/รับตรง ดังนั้น น้องๆ ม.6 มีเวลาอีกแค่นิดเดียวเท่านั้นในการฟิตทำเกรด
ตอนนี้ใครที่กำลังกังวลว่าเกรดยังไม่ถึง 3.00 ฟังทางนี้ได้เลยนะคะ น้องๆ หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมเกรดของเราต้องถึง 3.00 นั่นเป็นเพราะว่า มหาวิทยาลัยส่วนมากกำหนดเกรดในการสมัครโควตา/รับตรงไว้ประมาณนี้ ถ้าหากน้องๆ ทำเกรดให้ได้มากกว่า 3.00 ก็จะมีโอกาสในการสมัครโควตา/รับตรงได้เกือบทุกที่เลยค่ะ วันนี้พี่อีฟก็เลยมีเทคนิคเพิ่มเกรดสำหรับน้องๆ ม.6 มาฝาก ต้องบอกว่าเป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้แน่นอน ลองไปดูกันเลยค่ะ!
เทอมม.6 มาได้ไม่นาน อีกเดี๋ยวก็จะถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้ว นอกจากคะแนนสอบที่ใช้วัดกัน อีกด่านที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ "เกรด" โดยมหาวิทยาลัยส่วนมากกำหนดเกรดในการสมัครโควตา/รับตรง ดังนั้น น้องๆ ม.6 มีเวลาอีกแค่นิดเดียวเท่านั้นในการฟิตทำเกรด
ตอนนี้ใครที่กำลังกังวลว่าเกรดยังไม่ถึง 3.00 ฟังทางนี้ได้เลยนะคะ น้องๆ หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมเกรดของเราต้องถึง 3.00 นั่นเป็นเพราะว่า มหาวิทยาลัยส่วนมากกำหนดเกรดในการสมัครโควตา/รับตรงไว้ประมาณนี้ ถ้าหากน้องๆ ทำเกรดให้ได้มากกว่า 3.00 ก็จะมีโอกาสในการสมัครโควตา/รับตรงได้เกือบทุกที่เลยค่ะ วันนี้พี่อีฟก็เลยมีเทคนิคเพิ่มเกรดสำหรับน้องๆ ม.6 มาฝาก ต้องบอกว่าเป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้แน่นอน ลองไปดูกันเลยค่ะ!
1. ตั้งใจเรียนในห้องเรียน ช่วยลดเวลาอ่านหนังสือถึง 50%
โอ้โห! มันง่ายแล้วก็ช่วยได้เยอะขนาดนั้นเลยหรอคะ? ใช่แล้วค่ะ การตั้งใจเรียนในห้องเรียนเป็นวิธีง่ายๆ ที่น้องๆ รู้กันมานานแล้วแต่มักจะมองข้ามไป เพราะการตั้งใจเรียนในห้องเรียนนั้น นอกจากจะช่วยลดเวลาการอ่านหนังสือของน้องๆ ลงได้ จนทำให้น้องๆ มีเวลาว่างเพิ่มมากขึ้นแล้ว ถ้าไม่เข้าใจหรือมีคำถามอะไร ก็สามารถถามคุณครูได้ทันที และคุณครูหลายท่านอาจจะให้คะแนนจิตพิสัยเพิ่มจากการตั้งใจเรียนในห้องของเรานี่แหละ รู้แบบนี้แล้ว น้องๆ หลายคนที่ชอบเหม่อลอย คุยกับเพื่อน นั่งหลังห้องมาตลอด ลองเปลี่ยนมานั่งหน้าห้องตั้งใจเรียนบ้าง ไม่แน่นะคะ คะแนนท็อปห้องในเทอมนี้ อาจเป็นของเราก็ได้
2. ส่งงานให้ครบ คว้าคะแนนเต็มจิตพิสัยไปแล้ว
ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมคะ ว่าแค่ส่งงานให้ครบ ก็จะสามารถทำให้เกรดของเราเพิ่มขึ้นได้ ที่เป็นแบบนี้ เพราะโดยส่วนมาก เกณฑ์การให้คะแนนของคุณครูในโรงเรียน จะมีสัดส่วนคะแนนสำหรับคะแนนเก็บมากกว่าคะแนนสอบอยู่แล้ว เพื่อให้น้องๆ ที่อาจจะไม่ถนัดในวิชาต่างๆ แต่มีความขยันและความรับผิดชอบ ก็สามารถทำเกรดดีๆ ได้ ยกตัวอย่างจากตอนที่ พี่อีฟฝึกสอนนะคะ ก็เลือกให้สัดส่วนคะแนนการส่งงาน คะแนนงานกลุ่ม และคะแนนสอบย่อยมากถึง 60 คะแนน ส่วนคะแนนสอบปลายภาคนั้น มีสัดส่วนเพียงแค่ 40 คะแนน เท่านั้นเองค่ะ ดังนั้นขอแค่เราส่งงานให้ครบ เกรดของเราก็จะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมาแน่นอน อ๊ะๆ แต่ที่สำคัญ ไม่ใช่แค่ครบอย่างเดียวนะคะ งานต้องเรียบร้อยและไม่ลอกเพื่อนมาส่งด้วยนะ
3. เคล็ดลับคนเก่งคือทำงานให้เสร็จตั้งแต่วันแรก
ข้อนี้น้องๆ หลายคนอาจจะงงๆ ทำงานให้เสร็จตั้งแต่วันแรก? วันแรกคือวันไหนคะ? วันแรกที่พี่อีฟหมายถึงก็คือ วันแรกที่คุณครูสั่งงานนั่นเองค่ะ วิธีนี้นอกจากจะช่วยลดงานหรือการบ้านของน้องๆ ที่มีมากมายแล้ว สิ่งที่ทำให้น้องๆ หลายคนพลาดคะแนนไปอย่างง่ายๆ คือการลืมทำงานหรือทำแบบไม่เรียบร้อยมาส่ง เพราะเพิ่งมาทำคืนก่อนส่งนั่นเอง ซึ่งคุณครูทุกท่านดูออกนะคะ ว่าเราตั้งใจทำงานรึเปล่า และคุณครูหลายท่านให้คะแนนจากความตั้งใจนี่แหละค่ะ รู้วิธีได้คะแนนเพิ่มง่ายๆ แบบนี้แล้ว น้องๆ หลายคนคงอยากตั้งใจทำงานมากขึ้นแล้วใช่ไหมคะ
4. จด จด จด เพิ่มความจำ 80%
"จำดีกว่าจด แต่ถ้าจำไม่หมด จดไว้ดีกว่าจำ" คำกล่าวนี้น้องๆ อาจจะเคยได้ยินมาบ่อยๆ ซึ่งถือว่าเป็นข้อความที่เป็นจริงทุกยุคทุกสมัยเลยนะคะ การจดถือว่าเป็นรูปแบบการช่วยจำของเราอีกรูปแบบหนึ่ง นอกจากการจำด้วยความเข้าใจ น้องๆ ยังสามารถจดความรู้ที่ได้จากในหนังสือ หรือในห้องเรียน โดยมีเทคนิคง่ายๆ เช่น จดเป็นคำสำคัญ จดเป็นข้อๆ หรือบางคนอาจจดเป็นภาพจดเป็นแผนผัง ตามความถนัดของน้องๆ แต่ละคนได้เลย นอกจากนั้นการจดที่ พี่อีฟ หมายถึงยังรวมไปถึง การจดงานและการบ้านในแต่ละวัน เพื่อไม่ให้เราพลาดคะแนนในการส่งงานด้วยค่ะ
.jpg)
น้องๆ หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าทำไมต้องพยายามทำเกรดให้ดี จะเข้ามหาวิทยาลัย แค่ทำคะแนนสอบให้ดีก็น่าจะพอแล้ว แต่อย่างที่ พี่อีฟ บอกตั้งแต่ต้นนะคะ เกรดมีความสำคัญมากๆ อย่างน้อย 2 อย่าง
ความสำคัญของเกรดต่อรับตรง และแอดมิชชั่น
- เกรด เป็นด่านแรกในการสมัครรับตรง มหาวิทยาลัยส่วนมากจะกำหนดเกรดในการสมัครโควตา/รับตรง อาทิ ต้องได้ 2.00 ขึ้นไปถึงสมัครได้ ที่ผ่านมามีน้องๆ หลายคนเกรดขาดแค่ 0.1 ก็หมดสิทธิ์สมัคร น่าเสียดายมากๆ ค่ะ
- เกรดมีค่า 6,000 คะแนนในสนามแอดมิชชั่น เกรดเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของแอดมิชชั่นถึง 20% หรือ 6,000 คะแนน เลยนะคะ คิดดูหากเราได้เกรดเยอะๆ เท่ากับเราได้คะแนนตุนอยู่กับตัวไว้ถึงหลักพันแล้ว ไม่ต้องไปเหนื่อยฟิต GAT PAT ให้สูงๆ ไม่เชื่อก็ลองเทียบกันดู ระหว่างทำเกรดให้ได้ 3 กับทำ GAT ให้ได้ 250 คะแนน แบบไหนง่ายกว่ากัน
เป็นไงกันบ้างคะ 4 เทคนิคนี้ ถือว่าเป็นเทคนิค ที่ง่ายๆ แต่ได้ผลคุ้มค่าเลยใช่ไหมคะ บางคนอาจจะทำทุกข้อ หรือบางคนอาจจะเลือกทำบางข้อ ตามความถนัดของน้องๆ ลองมาแชร์เทคนิคกันได้นะคะ สำหรับพี่อีฟ วิธีที่พี่อีฟใช้บ่อยที่สุด คือการจดนี่แหละค่ะ อย่างที่บอกว่า "จำดีกว่าจด แต่ถ้าจำไม่หมด จดไว้ดีกว่าจำ" สวัสดีค่ะ
17 ความคิดเห็น
ช่วยได้มากเลยคะเพราะตอนนี้กำลังกังวลเรื่องเกรดมอ6อยู่คะว่าจะถึงเกรด3ไหม คือเป็นคนที่เข้าใจยากอยู่ด้วย #ขอบคุณคะ
ขอบพระคุณคร้าาาา จะได้เปรียมตัวไว้ทัน
ขอบคุณคร้าาาา
"คิดจะทำคะ... แต่ยังไม่ทำซะที"
อะเฮือกกกกกกกกกก!!!
ตอนนี้เกรดสี่เทอมเราสามปลายๆแล้วเหลือเทอมเดียวเท่านั้นนนน แต่เครียดเรื่องสอบอ่ะ -0- ข้อสอบนี่มาแบบ.....อะราวด์ เดอะ เวิร์ลลลลล