สิ้นเดือนนี้สอบ GAT PAT เตรียมพร้อมกันแค่ไหนแล้วคะน้องๆ? หลายคนหมายมั่นปั้นมือว่าต้องทำ GAT ให้ได้มากที่สุด เพราะเอาดีทาง PAT ไม่ไหว แต่ก็ยังติดที่ GAT พาร์ทภาษาอังกฤษ กลัวว่าจะทำข้อสอบไม่ทัน โดยเฉพาะพาร์ท Reading ปราบเซียน เพราะต้องใช้ทักษะทั้งการอ่าน จับใจความ สรุปความ และความรู้เรื่องศัพท์ วันนี้หมดห่วงค่ะ พี่มิ้นท์มีคำแนะนำในการทำข้อสอบ GAT พาร์ท Reading มาฝาก
 

 

           ก่อนจะไปเทคนิค ขอทวนรายละเอียดการสอบ GAT พาร์ทภาษาอังกฤษปี 2559 กันหน่อย โดยข้อสอบจะมีทั้งหมด 60 ข้อ 150 คะแนน แบ่งออกเป็น 4 พาร์ท คือ Speaking and Conversation, Vocabulary, Structure and Writing และ Reading Comprehensive โดยข้อสอบจะปรับเป็น 5 ตัวเลือก 1 คำตอบนะคะ
 

 

         สำหรับเทคนิคการทำข้อสอบพาร์ท Reading สิ่งที่ต้องทำ 3 อย่าง มีดังนี้
      
  1. อ่านเร็ว บทความที่ให้มาแต่ละเรื่องไม่ใช่สองบรรทัดจบ บางเรื่องมีหลายย่อหน้า และเป็นบทความ unseen ที่ไม่เคยเห็นในหนังสือเรียน ถ้ามัวแต่อ่านเหมือนอ่านหนังสือที่โรงเรียน ทำข้อสอบไม่ทันแน่ๆ ต้องฝึกอ่านแบบ skimming คือ การอ่านแบบผ่านให้รู้คร่าวๆ ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร ผลสรุปเป็นยังไง เป็นการหาไอเดียสำคัญของเรื่อง อย่ามัวแต่อ่านแบบละเอียดตั้งแต่ครั้งแรก เพราะยังไงเราก็ต้องกลับมาอ่านเก็บรายละเอียดอยู่แล้ว
      
2. จดและจำ ขณะที่กำลัง skimming น้องๆ ก็จะพอรู้ไอเดียสำคัญของเรื่องแล้วว่า passage นั้นเกี่ยวกับอะไร คำศัพท์เด่นๆ ที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง หรือ มีเหตุการณ์สำคัญที่เป็นผลต่อยอดในเนื้อเรื่อง เมื่อน้องๆ อ่านเจอแล้วสะดุดตา ให้ขีดเส้นใต้ วงกลมคำศัพท์ หรือจดสรุปไว้ด้านข้าง กลับมาอ่านอีกครั้งจะได้หาเจอง่ายๆ
      
3. รอบคอบ ความรอบคอบสำหรับ Reading ไม่ใช่แค่การทวนคำตอบหลังทำเสร็จ แต่ต้องรอบคอบในระหว่างที่ทำด้วย โดยเฉพาะข้อสอบที่ถามรายละเอียด ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ผลเป็นอย่างไร ข้อไหนถูกผิด ต้องอ่านโจทย์ให้ดี รวมถึงกลับไปอ่านเนื้อเรื่องอย่างระวัง เพราะอาจโดนข้อสอบสับขาหลอกได้ค่ะ
    

 

          หลังจากอ่าน skimming ไป 1 รอบ จากนั้นให้กลับมาอ่านโจทย์และตัวเลือกให้ครบทุกข้อ และจดไว้ข้างๆ ข้อว่าถามอะไร ซึ่งเทคนิคการทำข้อสอบแนว Reading พี่มิ้นท์ขอแยกง่ายๆ เป็นการทำก่อนและหลัง เพื่อให้จัดลำดับการทำข้อสอบ ไม่เสียเวลาอ่านข้ามไปข้ามมา ทีนี้มาดูกันว่าเมื่ออ่านโจทย์และช้อยส์ครบแล้ว  ข้อสอบแบบไหนควรทำก่อนหรือทำทีหลัง

     ข้อสอบที่ควรทำก่อน
         1. ข้อสอบที่ถามรายละเอียดหรือ Detail ในเนื้อเรื่อง เช่น ใครเป็นคนพูดประโยคนี้, ใครทำเหตุการณ์นี้, เหตุการณ์ไหนเกิดขึ้นก่อนหลัง, ถามชื่อบริษัท, ถามชื่อประเทศ, ถามเหตุผล ฯลฯ พวกนี้มีคำตอบอยู่ในเนื้อเรื่องเป๊ะๆ ให้กลับไปอ่านอีกรอบแบบ scanning เพื่อหาคำตอบที่เราต้องการค่ะ ซึ่งถ้าน้องๆ ได้ขีดเส้นจุดสำคัญของเรื่องไว้ อาจจะเป็นคำตอบที่มีอยู่ในโจทย์แล้วก็ได้ เร็วเว่อร์ๆ
        2. ข้อสอบที่เกี่ยวกับคำศัพท์ การที่ทำข้อสอบเก็บ Detail ไปแล้ว นั่นหมายความว่าได้ทบทวนเนื้อหาอย่างน้อยอีก 1 รอบ ยิ่งทำให้เราเก็บรายละเอียดได้มากขึ้นและยังจำตำแหน่งของคำหรือประโยคในเนื้อเรื่องได้พอสมควรแล้ว การทำข้อสอบคำศัพท์ก็จะง่ายขึ้นอีกนิดค่ะ ทุกครั้งที่มีข้อสอบคำศัพท์ให้น้องๆ ย้อนกลับไปอ่านในบรรทัดนั้นๆ แล้วดูบริบทรอบๆ คำศัพท์ทั้งหน้าและหลัง ซึ่งการถามคำศัพท์พี่มิ้นท์ขอรวบยอดรวมไปถึงการอ้างถึงเนื้อหาในเรื่องด้วยนะคะ คำถามมักจะใช้คำว่า "refer" ซึ่งโจทย์มักจะถามว่า He, She ในบรรทัดนี้หมายถึงใคร เป็นต้น

    ข้อสอบที่เก็บไว้ทำทีหลัง
        1. ถามหาใจความสำคัญของเนื้อเรื่อง หรือ Main Idea ต้องเจอแทบทุก passage อยู่แล้ว และข้อสอบใจร้ายชอบเอามาไว้ข้อแรกๆ เพื่อตัดเวลาเราด้วย ถ้าใครเผลอไปทำก่อน มีสิทธิ์ที่จะทำข้อสอบไม่ทันนะ เพราะการอ่านแบบเน้นๆ ทุกบรรทัดตั้งแต่วินาทีแรกค่อนข้างหนักหัว พอมาเจอโจทย์ก็ต้องกลับไปอ่านใหม่อยู่ดี ดังนั้น ถ้าเจอคำถามหา main idea ข้ามไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน ทำทีหลังชัวร์ทั้งเรื่องเวลาและการเก็บรายละเอียดค่ะ
           สำหรับใจความสำคัญของแต่ละเรื่อง ถ้าอย่างง่ายก็จะเจอแบบจะจะ ไม่ต้องคิดเลย เช่น ประโยคแรกของย่อหน้า, ประโยคท้ายของย่อหน้า แต่ถ้าข้อสอบยากๆ ก็ต้องอาศัยการอ่านและทำความเข้าใจเนื้อเรื่องเอาเอง

       2. ถามการสรุป (Infer/ Summary) การถามสรุปเนื้อหาแต่ละย่อหน้าหรือทั้งเนื้อเรื่อง ก็ควรเก็บไว้ทำทีหลังค่ะ เพราะเป็นตอนจบของเรื่องที่เราควรผ่านการอ่าน จับใจความ ตีความมาเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าอ่านแล้วจับใจความไม่ค่อยได้เลย ลองหาตัวช่วยคำศัพท์ในเรื่อง เช่น most important, finally ประมาณนี้เป็นต้น (แต่อย่าลืมอ่านเนื้อหาทั้งหมดก่อนนะ เพราะบางครั้งคำพวกนี้ก็อาจไม่ใช่การสรุปเรื่องก็ได้จ้า)

       3. ถามจุดประสงค์/ ทัศนคติผู้เขียน พี่มิ้นท์ว่าข้อสอบถามทัศนคติของผู้เขียนนี่ยากที่สุดแล้ว ขนาดข้อสอบภาษาไทยบางทียังเดาอารมณ์คนเขียนไม่ได้ นี่ดันเป็นภาษาอังกฤษอีก ดังนั้นความยากและต้องอาศัยความเข้าใจเนื้อเรื่อง จึงต้องเอามาทำเป็นอันดับสุดท้าย เพราะเสียเวลานั่นเองค่ะ
    
       ดังนั้น สรุปแล้วการทำข้อสอบพาร์ท Reading ควรมีสเต็ปตามนี้
         1. อ่านเนื้อเรื่องทั้งหมดแบบ Skimming ขีดเส้นใต้หรือวงกลมข้อมูลสำคัญๆ ไว้ (ถ้าเนื้อหายาวๆ แนะนำให้เขียนเลขนับบรรทัดไว้ด้านหน้าด้วย)
         2. อ่านโจทย์และคำตอบทุกข้อ เพื่อให้รู้ว่าข้อสอบถามอะไรบ้าง
         3. ทำข้อสอบที่ถาม Detail ของเนื้อเรื่องก่อน
         4. ทำข้อสอบที่ถามเชิงวิเคราะห์/สรุปความ
         5. ทบทวน

        เอาล่ะค่ะ นี่คือเทคนิคการทำข้อสอบ Reading ที่มีลักษณะเป็นบทความหลายย่อหน้าให้อ่าน แต่ทั้งนี้ข้อสอบ Reading ยังมีข้อสอบแนวอื่นๆ อีก เช่น เป็นจดหมาย เป็นการ์ตูน เป็นป้ายโฆษณา ข้อสอบประเภทนี้เน้นฝึกเยอะๆ ก็ไม่ยากแล้วค่ะ  เพราะเนื้อหาไม่ยาวและเดารูปแบบได้
 
---------------------------------------------------------------

  
พี่มิ้นท์
พี่มิ้นท์ - Columnist พี่สาวใจเย็น ผู้เกิดมาในแอดมิชชั่นยุคแรก แต่เข้าใจ TCAS มากกว่า

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

lll-MiNt-lll Columnist 20 ต.ค. 58 14:10 น. 246

มาตามสัญญาจ้า พี่มิ้นท์ขอประกาศผลจากการสุ่มจากพีๆ เว็บเด็กดีนะคะ ผู้ได้รับรางวัล 2 เล่ม ก็คือ 

1. คอมเม้น 92 #artitaya_mew

2. คอมเม้น 231 #Jellyza

พี่มิ้นท์จะติดต่อกลับไปทางอินบ็อกซ์นะคะ

ขอขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่ร่วมสนุกนะคะ คราวหน้ามีหนังสือดีๆ จะมาแจกอีกจ้า

2
กำลังโหลด

ยอดถูกใจสูงสุด

junnemore Member 17 ต.ค. 58 13:50 น. 12
รู้ตัวเองเลยค่ะว่าเป็นคนที่อ่อนภาษาอังกฤษด้าน vocab มากๆ เพราะจะรู้ว่าเวลาที่ตนเองนั้นทำโจทย์จะแปลศัพท์แต่ละพาร์ทออกหรือเปล่า ถ้าเราแปลไม่ออก ถึงบางพาร์ทจะเป็นแกรมม่า แต่ก็อาจทำให้เราพลาดได้ เพราะบางคำเป็นตัวหลอกเรา อย่างเช่นคำว่า never ที่อยู่ในรูปประโยค แม้จะไม่มีรูปของ not แต่ never ก็อาจอยู่ในรูปปฏิเสธ ซึ่งอาจหลอกเราได้ ดังนั้นในพาร์ทศัพท์ก็โหดไม่แพ้พาร์ทอื่นๆเลย..... สำหรับเรา แน่นอนว่ามีการเตรียมตัวหลายวิธีเลย เริ่มแรก ต้องนั่งท่องศัพท์ก่อน เขียนคำศัพท์ที่ไม่รู้ลงไปในกระดาษ และ หาเพื่อนมาช่วยทายคำศัพท์ให้ แน่นอนว่า สนุกมากๆ และ ทำให้เราจำศัพท์ที่เราผิดพลาดได้ ยิ่งผิดเยอะนี่แหละเราต้องยิ่งจำ เพราะกลัวพลาดนั่นเอง..... อีกอย่าง การดูหนังที่มีภาษาอังกฤษบ่อยก็ช่วยได้ค่ะ ถ้ามีซัพอังกฤษ ก็จะดีมาก เพราะยิ่งศัพท์ผ่านตามากท่าไรก็ยิ่งจำมากเท่านั้น อีกอย่างคือ อาจมีซับไทยตอนแรก พอหลังๆก็เซตใฟ้มีแต่ซับอังกฤษ อย่างเดียวเลยก็ได้ เพราะ การดูหนัง ทำให้เราเห็นศัพท์มากขึ้นและ ทราบว่า แต่ละคำนั้น มีบริบทที่ใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน (แถมช่วยใน speaking part หรือ conversation ได้อีก จริงๆนะ ^_^)..... สุดท้ายนี้ใครจะสอบ gat กับ 9 วิชาฯ ก็ขอให้สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนน้าาา....^_^
0
กำลังโหลด
Kristell Member 19 ต.ค. 58 13:30 น. 211

หนูอ่อนด้าน vocabulary มากที่สุดเลยค่ะ รู้คำศัพท์น้อยมากๆ จำได้เลยว่าตอนประถมเรียนภาษาอังกฤษแล้วครูให้ท่องศัพท์กับครูท่านไหนก็ได้ ท่องแล้วต้องมีลายเซ็นต์ด้วย ถ้าไม่ครบก็จะโดนตี แต่ตอนนั้นรู้สึกแบบท่องไปก็จำไม่ได้ อ่านก็ยาก ศัพท์ก็ตั้งเยอะ เพราะหนูเป็นคนลืมง่ายมากๆ หนูนี่ยอมโดนตีเลยค่ะ แต่พอโตขึ้น รู้สึกว่าการกระทำตอนนั้นเป็นการกระทำที่ทำร้ายตัวหนูเองมากๆ แม้แต่ศัพท์ง่ายๆบางคำก็ไม่รู้ เรียนวิชาอังกฤษทีไหร่ก็จะอยากให้ผ่านไปเร็วๆ รู้สึกไม่ชอบวิชาอังกฤษเพราะแปลไม่ออก ตอบคำถามไม่ได้ เคยไปต่างประเทศครั้งนึง แล้วแท็กซี่เขาสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ หนูไม่รู้แม้แต่คำเดียว ตอนนี้รู้สึกแย่มาก รู้สึกว่าภาษาอังกฤษแย่มากจริงๆ ตอนนั้นรู้สึกไม่ไหวแล้ว หนูต้องทำอะไรสักอย่าง ไหนจะต้องสอบเข้ามหาลัย สอบ gatpat โอเน็ต 9 วิชาสามัญ ตอนนี้เป็นกังวัลเรื่องภาษาอังกฤษมาก พยามดูหนังอังกฤษแบบซับไทย ดูซีรี่ย์อังกฤษแบบซับไทย หาหนังสือศัพท์เก่าๆมาท่อง พยายามแปลอังกฤษจากเว็บบ้าง หรือหนังสือภาษาอังกฤษบ้าง หาเว็บคุยกับเพื่อนๆต่างชาติ ได้เพื่อนต่างชาติหลายชาติมากตอนนี้ ก็พยามยามคุยทุกวันๆ คำไหนไม่รู้ก็จะถามพ่อหรือพี่ หรือคนรอบๆตัวที่เก่งอังกฤษ บางคำก็เจอบ่อยเวลาเพื่อนต่างชาติพูดมา บางคำเราก็ใช้บ่อย บางคำเราใช้ผิด เพื่อนต่างชาติก็จะแก้ให้เราแล้วก็จะบอกว่าประโยคนี้คุยใช้แบบนี้นะ ควรใช้กับสถานการณ์ไหน แล้วคำที่เราใช้ผิด ตามจริงควรใช้กับสถานการณ์ยังไง จากที่เคยแม้แต่ศัพท์ง่ายๆยังไม่รู้ ตอนนี้ได้เพิ่มบ้างแล้ว แม้จะรู้ขึ้นมากนิดหน่อย ไม่มากพอสื่อสารพูดคุยได้แต่ก็รู้สึกดีกว่าแต่ก่อนที่ไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้เริ่มทักคนอังกฤษบ้าง เจอครูอังกฤษก็เริ่มทักทาย แต่ก่อนเจอคนอังกฤษแล้วก้มหน้าเดินหนี กลัวเขาถามอะไรเราแล้วตอบไม่ได้ ตอนนี้เริ่มรู้สึกชอบภาษาอังกฤษมากแล้ว ชอบที่จะเรียนภาษาอังกฤษ แม้จะยังแปลไม่ค่อยได้ก็ตาม หนูอยากไปสอบชิงทุนเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้ตอนนี้มีแรงจูงใจที่ต้องขยันฝึกฝนภาษาอังกฤษให้มากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะมีท้อบ้างแต่ก็ไม่เคยถอยค่ะ

อ่านหนังสือ

0
กำลังโหลด
Samaitree Sae ang Member 19 ต.ค. 58 00:16 น. 206

หนูคิดว่าหนูอ่อนทั้งด้านแกรมม่าและโวแค็บค่ะ จริงๆแล้วหนูเรียนอีพีมาค่ะ พอตอนจะเข้า ม.ปลายก็มาอยู่รัฐบาลช่วงแรกๆ หนูคิดว่าหนูแม่นอิ้งที่สุดแล้ว เพราะตอนสอบเข้าคือมันภูมิใจมากค่ะ หนูทำได้ แต่พอมาเรียนที่รัฐบาลความรู้สึกแตกต่างกันเลยค่ะ ทำให้หนูรู้ว่าที่ตัวเองได้นั้นมันแค่เล็กน้อยค่ะ พอมาลองทำข้อสอบแกทอิ้งหรือโอเน็ตมันทำให้หนูใช้เซ้นต์บ้างก็ถูกบ้างก็ผิด ซึ่งนี้คือจุดอ่อนของหนูค่ะ หนูจะเตรียมตัวสอบโดยการปูพื้นฐานคำศัพท์จากง่ายไปยากและหมั่นใช้มันบ่อยๆค่ะ แล้วมาเรียนรู้แกรมม่าด้วยตัวเอง (หนูคิดว่าเรียนด้วยตัวเองเข้าใจกว่า เรียนพิเศษคือมันจะได้เทคนิคเพิ่มค่ะ เพราะหนูก็เรียนอยู่ตอนนี้) จากนั้นหนูค่อยลงข้อสอบรวดเดียวเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ ^^ 

0
กำลังโหลด

248 ความคิดเห็น

Jiratchaya Supapanich Member 17 ต.ค. 58 13:39 น. 1
ด้านแกรมม่าและสำนวน วิธีการฝึกก็คือ การดู soundtrack คะ ช่วยให้เราสามารถเรียนรู้วิธีการใช้และเหตุการณ์ที่ควรใช้ ได้ดีคะ
0
กำลังโหลด
Jiratchaya Supapanich Member 17 ต.ค. 58 13:39 น. 2
ด้านแกรมม่าและสำนวน วิธีการฝึกก็คือ การดู soundtrack คะ ช่วยให้เราสามารถเรียนรู้วิธีการใช้และเหตุการณ์ที่ควรใช้ ได้ดีคะ
0
กำลังโหลด
TEunjung Member 17 ต.ค. 58 13:39 น. 3

ส่วนตัวเป็นคนมีพื้นฐานภาษาไม่ดีแยู่แล้วค่ะ ไม่ค่อยได้เรียนพิเศษด้วย อ่อนที่สุดก็ vocab นี่แหละค่ะ สำหรับการเตรียมตัวก็พยายามท่องคำศัพท์ที่เจอในข้อสอบบ่อยๆให้ได้ค่ะเผื่อจะมีออกสอบบ้าง อิอิ 

0
กำลังโหลด
Jiratchaya Supapanich Member 17 ต.ค. 58 13:39 น. 4
ด้านแกรมม่าและสำนวน วิธีการฝึกก็คือ การดู soundtrack คะ ช่วยให้เราสามารถเรียนรู้วิธีการใช้และเหตุการณ์ที่ควรใช้ ได้ดีคะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
littleSkyyy Member 17 ต.ค. 58 13:46 น. 7

อ่อนตรงคำศัพท์ค่ะ ก็จะท่องแบบให้จำไม่ยากให้มันมีความสอดคล้องกัน และลองทำแบบฝึกหัดเพื่อตรวจดูว่าเราพัฒนาไปถึงไหนแล้วค่ะ ไม่หักโหมจนมากเกินไปมีเวลาพักผ่อนบ้างค่ะ สู้สู้

0
กำลังโหลด
Minyoung_doh Member 17 ต.ค. 58 13:47 น. 8

คิดว่าตัวเองอ่อนเรื่องคำศัพท์มากๆ เลยค่ะ ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าตัวเองอ่อนด้านไหนก็หาศัพท์มาท่องเลยค่ะ5555 ศัพท์ครูสมศรี เอามาท่องทุกวัน ท่องตอนที่ตัวเองว่าง แต่ก็แอบกลัวเพราะมันเยอะมากๆ คิดว่าน่าจะจำได้ไม่หมดด้วย T^T แต่ก็ไม่เป็นไร ดีกว่าเราไม่ได้ทำแล้วก็ไม่ได้พยายามอ่ะเนอะ #DEK59 ฉู้ตายจ้า!

0
กำลังโหลด
sunny1419 Member 17 ต.ค. 58 13:47 น. 9

อ่อนเรื่องแกรมม่าและศัพท์ค่ะ พยายามทำข้อสอบerrorเยอะๆ ทบทวนแกรมม่าของเรื่องที่ออกบ่อยๆ และท่องศัพท์พวกกลุ่มคำที่มีความหมายเหมือนกันค่ะ

0
กำลังโหลด
sppnow Member 17 ต.ค. 58 13:48 น. 10

อ่อนด้าน vocab กับ reading ค่ะ ด้าน vocab ก็ท่องศัพท์ทุกวัน ท่องศัพท์คำที่ออกบ่อยๆไม่ใช่ท่องไปมั่วๆ โดยวันต่อมาก็เอาศัพท์เมื่อวานมาทวนด้วย ถ้าได้หนังสือเล่มนี้ก็จะนำศัพท์ในเล่มนี้มาท่องค่ะ yesเวลาว่างก็ฟังเพลงภาษาอังกฤษค่ะได้ทั้งฝึกสำเนียงและได้ศัพท์ด้วย ส่วน reading ก็ฝึกทำโจทย์เยอะๆเพื่อฝึกการจับใจความสำคัญและการอ่านให้ไวขึ้นค่ะ laugh

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
junnemore Member 17 ต.ค. 58 13:50 น. 12
รู้ตัวเองเลยค่ะว่าเป็นคนที่อ่อนภาษาอังกฤษด้าน vocab มากๆ เพราะจะรู้ว่าเวลาที่ตนเองนั้นทำโจทย์จะแปลศัพท์แต่ละพาร์ทออกหรือเปล่า ถ้าเราแปลไม่ออก ถึงบางพาร์ทจะเป็นแกรมม่า แต่ก็อาจทำให้เราพลาดได้ เพราะบางคำเป็นตัวหลอกเรา อย่างเช่นคำว่า never ที่อยู่ในรูปประโยค แม้จะไม่มีรูปของ not แต่ never ก็อาจอยู่ในรูปปฏิเสธ ซึ่งอาจหลอกเราได้ ดังนั้นในพาร์ทศัพท์ก็โหดไม่แพ้พาร์ทอื่นๆเลย..... สำหรับเรา แน่นอนว่ามีการเตรียมตัวหลายวิธีเลย เริ่มแรก ต้องนั่งท่องศัพท์ก่อน เขียนคำศัพท์ที่ไม่รู้ลงไปในกระดาษ และ หาเพื่อนมาช่วยทายคำศัพท์ให้ แน่นอนว่า สนุกมากๆ และ ทำให้เราจำศัพท์ที่เราผิดพลาดได้ ยิ่งผิดเยอะนี่แหละเราต้องยิ่งจำ เพราะกลัวพลาดนั่นเอง..... อีกอย่าง การดูหนังที่มีภาษาอังกฤษบ่อยก็ช่วยได้ค่ะ ถ้ามีซัพอังกฤษ ก็จะดีมาก เพราะยิ่งศัพท์ผ่านตามากท่าไรก็ยิ่งจำมากเท่านั้น อีกอย่างคือ อาจมีซับไทยตอนแรก พอหลังๆก็เซตใฟ้มีแต่ซับอังกฤษ อย่างเดียวเลยก็ได้ เพราะ การดูหนัง ทำให้เราเห็นศัพท์มากขึ้นและ ทราบว่า แต่ละคำนั้น มีบริบทที่ใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน (แถมช่วยใน speaking part หรือ conversation ได้อีก จริงๆนะ ^_^)..... สุดท้ายนี้ใครจะสอบ gat กับ 9 วิชาฯ ก็ขอให้สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนน้าาา....^_^
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
Qaru 17 ต.ค. 58 13:51 น. 14
อ่อนด้านvocabคะ เนื่องจากvocabเป็นสิ่งสำคัญมากๆถ้าเรารู้เราก็จะสามารถทำข้อสอบได้มากทีเดียวคะแต่เนื่องจากคำศัพท์มีจำนวนเยอะมากจึงเป็นปัญหาอย่างยิ่งคะ หนูจะมีวิธีการเตรียมตัวอ่านหนังสือโดนเน้นการอ่านคำศัพท์คะโดยใช้เวลาว่างๆมาอ่านเป็นบัตรคำคะและเน้นทำแบบฝึกหัดไปเรื่อยเพื่อความคุ้นชินคะ
0
กำลังโหลด
thepikka Member 17 ต.ค. 58 13:52 น. 15

ด้าน Reading นี่แหละค่ะ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วนานๆทีจะทำถูกทั้งหมดอาจมีผิดบ้างบางข้อ เพราะบทความพวกนี้คือต้องรอบคอบบางทีเราแปลผิดไปหรืออาจไม่ครบแทนที่จะได้แต้มกะเสียแต้มไปซะงั้น แล้วรี้ดดิ้งก็เป็นส่วนที่เห็นแพสเสจละเหนื่อยก่อนทำ เลยให้ตัวเองอ่อนสุดละกันวิธีฝึกคือ ทำโจทย์หาแนวให้ทำทันและถูก อ่านศัพท์พวกกลุ่มที่มักออกบ่อยๆ พวกการแพทย์ วิทยาศาสตร์ สังคม ฝึกหาโทนเรื่อง และอ่านหนังสือหรือข่าวพวกบทความคล้ายๆกันกับแกทเยอะ ๆเวลาเจอจริงๆจะได้ไม่ลนค่ะ

0
กำลังโหลด
-.sandria Member 17 ต.ค. 58 13:52 น. 16

คิดว่าตัวเองอ่อนด้านไหน?

- น่าจะเป็นส่วนของ Grammar ค่ะ ส่วน Vocab, Idioms ยังพอถูไถ (นิดเดียวจริงๆค่ะ555555555) เพราะว่าแกรมม่าเป็นสิ่งสำคัญมากๆอย่างหนึ่ง เหมือนกับทำให้เราเรียงประโยคได้ถูกต้องมากขึ้น

- Reading เป็นอีกอันนึงที่คิดว่าตัวเองอ่อนมากๆค่ะ เป็นคนชอบอ่านนะ แต่อ่านไปเรื่อยๆรู้สึกสติเราหลุดออกมา เหม่อๆ แล้วพอหันไปมองอีกรอบก็ เอ้า! เราอ่านไปถึงไหนแล้ว? ก็ต้องเริ่มอ่านใหม่ พอมีศัพท์ยากๆหน่อยก็ไม่เข้าใจ พยายามอ่านบริบทที่ตามๆมาแล้วก็พอถูไถไปได้ค่ะ

วิธีเตรียมตัวสอบ

- เป็นคนชอบดูหนังมากค่ะ หนังเข้าโรงเรื่องไหนน่าสนุกไปดูตลอด ถ้าไปดูกับเพื่อนๆหรือพี่สาวจะเลือกดู Soundtrack ค่ะ หรือแม้แต่หาหนังเก่าๆดูที่บ้านก็เลือกหาอันที่เป็น Soundtrack แล้วพยายามไม่มองซับไทยค่ะ พยายามมองปากเขาว่าพูดอะไร เราจะได้ฝึกสำเนียงแบบเค้าด้วย เพราะชอบสำเนียงมากๆ ทั้งอเมริกันและบริติช หรือถ้าวันไหนมีแต่พากย์ไทย เวลาเค้าพูดเราก็พยายามนึกภาษาอังกฤษว่าประโยคนี้ๆ เค้าพูดว่าอะไรกันในภาษาอังกฤษ

- โหลด Flash card คำศัพท์ที่พี่ๆแนะนำเอาไว้ท่องก่อน แต่วิธีนี้เหมือนจะไม่ค่อยได้ผลกับเราเท่าไหร่ค่ะ T___T เศร้าแรงมาก มันจะต้องท่องต้องเจอมันทุกวันจริงๆถึงจะจำได้ เป็นคนจำอะไรยากมากกก

แต่จะสู้ แล้วก็พยายามต่อไปค่ะ! #dek59 

0
กำลังโหลด
Janejira_jane Member 17 ต.ค. 58 13:53 น. 17
ตัวเองเป็นคนไม่เก่งอังกฤษอยู่แล้ว คิดว่า vocabulary นี่แหละปัญหาใหญ่(อ่อน vocab) สำหรับการเตรียมตัว ก็ คือ ท่องศัพท์ให้ได้มากที่สุด และทำข้อสอบเก่าเยอะๆ ค่ะ (เวลาทุกวินาทีมีค่ามาก)
0
กำลังโหลด
polyploywrs Member 17 ต.ค. 58 13:56 น. 18
เอาจริงถ้าถามว่าอ่อนด้านไหนนี่ตอบไม่ถูกเลยค่ะ 555 เพราะไม่เก่งเลยซักด้าน คำศัพท์ก็รู้งูๆปลาๆ a ant มด c cat แมว ไรงี้ค่ะ 555 ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยที่จะจริงจังกับภาษาอังกฤษเลยค่ะ แต่พอมารู้ว่าจะต้องสอบ GatPat ซึ่งมีภาษาอังกฤษด้วย เลยเลือกที่จะเรียนพิเศษค่ะ พอเรียนก็ดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ย้ำนะคะว่านิดหน่อย 555 ท่องศัพท์บ้าง แต่ยังจำไม่ได้อยู่ดี แกรมม่าไม่ต้องพูดถึงค่ะ นี่กะจะเข้าไปในห้องสอบแล้วดิ่งเอาเลย 555 ก็ทำเท่าที่พยายามทำได้ค่ะ จะพยายามทำคำศัพท์ให้ได้มากๆ รู้น้อยยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลยจริงไหมคะ 555 จะพยายามค่ะ ขอบคุณสำหรับการทำพาร์ทรีดดิ่งนะคะ ^^
0
กำลังโหลด
Queenniie Member 17 ต.ค. 58 14:08 น. 19

เป็นคนอ่อนเรื่อง reading ค่ะ เห็นบทความยาวๆ แปลได้แค่บางตัวก็ท้อ เลยพยายามหาข้อสอบเก่ามาทำควบคู่ไปกับการท่องศัพท์ของครูสมศรีทุกๆวันค่ะ :) 

0
กำลังโหลด
vague2 Member 17 ต.ค. 58 14:13 น. 20

vocab กับ grammar ค่ะ ตอนนี้ทุกเช้าจะท่องศัพท์เยอะมากค่ะ วันละสามสิบคำถึงร้อยกว่าคำ ถามว่าท่องเยอะขนาดนั้นจำได้มั้ย จำได้เกินแปดสิบเปอร์เซ็นค่ะเพราะใช้วิธีแบบการ์ดคำ สุ่มหยิบจบครบ แยกคำที่ท่องแล้วติดออกมาท่องซ้ำจนกว่าจะได้ วิธีนี้จะทำให้จำศัพท์ได้วันละเยอะๆ เวลาอ่านข่าวภาษาอังกฤษเจอศัพท์ที่แปลไม่ออกก็จดเอาไว้ท่องค่ะ ส่วนแกรมม่าลองทำข้อสอบค่ะ พอร๔้ว่าอ่อนเรื่องไหนก็ไปอ่านเรื่องนั้นจนเข้าใจแล้วทำใหม่ค่ะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด