สอบติด มธ.แบบไม่ต้องสอบ "โอ๊ต" ติดรับตรงเด็กกิจกรรม (จิตอาสาประชาธิปไตย)


          สวัสดีค่ะ กลับมาอีกแล้วนะคะ สำหรับ Admission Idol ปฏิเสธไม่ได้เลยนะคะว่าช่วงนี้กำลังอยู่ในฤดูรับตรง ใครอยากมีที่เรียนก่อนใครก็ห้ามพลาดเลย ซึ่งปกติรับตรงก็จะมีหลากหลายรูปแบบค่ะ เช่น เรียนดี, นักกีฬา, พื้นที่ หรือแม้กระทั่งรับตรงทั่วประเทศ

          วันนี้พี่อีฟก็เลยขอพาน้องๆ ไปรู้จักกับ "พี่โอ๊ต" คชากร พาหุรัตน์ ที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยด้วยโครงการอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจ ส่วนจะเป็นโครงการอะไร แล้วพี่โอ๊ตต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการเข้า เราไปติดตามเรื่องราวของพี่โอ๊ตกันเลยดีกว่าค่ะ

 

แนะนำตัวกับน้องๆ หน่อยค่ะ
          สวัสดีครับ ชื่อ คชากร พาหุรัตน์ เรียกสั้นๆ ว่า โอ๊ต ก็ได้ครับ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จาก โรงเรียนสตรีพัทลุง จังหวัดพัทลุง เกรดเฉลี่ย 3.87 ครับ

หลากหลายโครงการโควตา/รับตรง กับโครงการนี้ที่เราเลือก
          โอ๊ตเข้ามาเรียนที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โดยวิธีการ โครงการรับนักเรียนกิจกรรมจิตอาสาและประชาธิปไตยครับ ต้องบอกก่อนว่าด้วยความที่ตัวเองเรียนแผนวิทย์ - คณิต ซึ่งต้อง Active ตัวเองอยู่ตลอดๆ แล้ว ก็พยายามมีวินัยในตัวเอง ขยันมากขึ้น เพราะอยากให้ตัวเองมีผลการเรียนเป็นที่น่าพึงพอใจหน่อย แต่โอ๊ตก็คิดมาตลอดครับ ว่านั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตการเรียนเท่านั้น โอ๊ตเชื่อว่า วิชาการสอนให้คนมีงานทำ แต่กิจกรรมทำให้คนทำงานเป็น แม้ตอน ม.ปลาย โอ๊ตจะเรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์ แต่โอ๊ตก็ชอบการทำกิจกรรมมาก และให้ความสนใจกับการทำกิจกรรมต่างๆทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนพอสมควรก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่สามารถจะส่งผลงานมาเพื่อเข้ารับการคัดเลือกโครงการนี้ได้

ลองเล่าถึงโครงการรับนักเรียนกิจกรรมจิตอาสาและประชาธิปไตย
          สำหรับโครงการรับนักเรียนกิจกรรมจิตอาสาและประชาธิปไตยนี้ เป็นโครงการที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เปิดโอกาสให้นักเรียนที่กำลังจะจบชั้น ม.6 ซึ่งเป็นนักเรียนที่ทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งในส่วนของกิจกรรมจิตอาสา และ/หรือ ประชาธิปไตยนั้น ได้มีพื้นที่ทางการศึกษาดีๆ และเป็นการสานฝันน้องๆ เด็กกิจกรรมทั่วประเทศทุกๆ คน ให้สามารถเข้ามาเรียนใน 16 คณะของธรรมศาสตร์ได้ และหลายคณะที่มีในโครงการนี้ ไม่มีในรอบรับตรงด้วยนะครับ เช่น คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา วารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน สถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง สาธารณสุขศาสตร์ และสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ครับ 

          คุณสมบัติเบื้องต้นของน้องๆ ที่จะเข้าโครงการนี้ คือ
          (1) ต้องเป็นผู้ทำกิจกรรมจิตอาสาและประชาธิปไตยทั้งในและนอกโรงเรียน เช่น การเป็นผู้นำนักเรียน การทำกิจกรรมที่แสดงออกถึงการมีประชาธิปไตย การทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคม เป็นต้น
          (2) ต้องมีเกรดเฉลี่ยสะสม 5 ภาคเรียน ไม่ต่ำกว่า 3.00

 

น้องๆ สามารถใช้กิจกรรมอะไร หรือกิจกรรมรูปแบบไหนเข้ามาได้บ้าง
          สำหรับรูปแบบของกิจกรรมนั้น หากน้องๆ คิดว่ากิจกรรมที่ทำเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมประชาธิปไตย หรือเป็นการทำกิจกรรมจิตอาสา ก็สามารถส่งเป็นผลงานเพื่อเข้ารับการคัดเลือกได้เลยครับ โดยกิจกรรมจิตอาสา และกิจกรรมประชาธิปไตยนั้น น้องๆ เลือกส่งมาในแบบฟอร์มท้ายระเบียบการประกาศได้ไม่เกินประเภทละ 5 กิจกรรม และในกิจกรรมที่น้องๆ ส่งมานั้น ให้เลือกกิจกรรมที่น้องๆ คิดว่ามีผลสัมฤทธิ์ดีที่สุด 2 กิจกรรมมาเขียนคำบรรยายรายละเอียดและผลของกิจกรรม พร้อมภาพประกอบ และจัดรูปแบบการนำเสนอเอง ภายใน 2 หน้ากระดาษ A4 และมีการรับรองการทำกิจกรรมจากน้องๆ และหน่วยงานที่น้องๆ ทำกิจกรรมด้วยครับ

จำเป็นไหม ที่เข้ามาด้วยโครงการนี้แล้วต้องเข้าร่วมทุกกิจกรรม
           ไม่จำเป็นนะครับ เพราะไม่ได้มีการบังคับหรือมีข้อผูกมัดอะไร แต่โครงการนี้เหมือนครอบครัว ส่วนมากพวกเราจะรวมกันอยู่ที่ศูนย์อาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลโครงการ โดยทางศูนย์อาสาสมัครจะมีกิจกรรมจิตอาสาให้ผู้สนใจได้เข้าร่วมอยู่ตลอดทั้งปีการศึกษา ซึ่งเมื่อเราได้มีโอกาสเข้ามาร่วมทำกิจกรรม เราก็จะรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เมื่อเราทำแล้ว เราได้อะไรมากกว่าการทำกิจกรรม เรายังได้พบเพื่อนใหม่ ได้มิตรภาพดีๆ จากเพื่อนๆ พี่ๆ ทั้งที่อยู่ในคณะเดียวกันและต่างคณะกัน ทำให้เราได้ฝึกทักษะกระบวนการทำงานต่างๆ เพิ่มขึ้น

            ที่สำคัญคือจากการเข้าไปมอบสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่น ทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวเองเพิ่มมากขึ้น ได้สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน กลายเป็นกิจกรรมที่ผู้ให้ก็ได้รัก ผู้รับก็ได้ยิ้ม เราจะรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนเล็กๆของการเพิ่มพื้นที่ความดีให้กับสังคม ซึ่งความรู้สึกดีๆ เหล่านี้มากกว่า ที่ทำให้โอ๊ตอยากเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ อยู่ตลอด และน้องๆ ก็ไม่ต้องกังกลว่ามันจะยากนะครับ เราจะมีรุ่นพี่ และอาจารย์ที่คอยสอน คอยดูแลคอยให้คำปรึกษาในการทำกิจกรรมอยู่ตลอดเลย


โอ๊ตใช้กิจกรรมอะไรยื่นโครงการนี้ แล้วตอนมัธยมทำกิจกรรมอะไรบ้าง
          
สำหรับกิจกรรมที่โอ๊ตใช้เพื่อยื่นเข้ามารับการคัดเลือกเข้าเรียนในโครงการนี้ โอ๊ตเลือกกิจกรรมทั้งด้านจิตอาสาและประชาธิปไตยเลยครับ ซึ่งจริงๆแล้วสามารถเลือกยื่นกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองประเภทกิจกรรมก็ได้

          สำหรับกิจกรรมด้านประชาธิปไตย ซึ่งต้องบอกน้องๆก่อนว่า เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นได้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ไม่จำเป็นต้องเป็นประธานนักเรียนก็ได้ หรือมีตำแหน่งหน้าที่ด้านเป็นผู้นำระดับสูงๆ เสมอไป แต่สิ่งสำคัญคือ หากกิจกรรมที่น้องทำแสดงออกถึงความเป็นพลเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ก็สามารถยื่นเข้ามาคัดเลือกได้  โอ๊ตเองก็ไม่ได้เป็นประธานนักเรียนของโรงเรียน แต่ก็เลือกกิจกรรมการเป็นคณะกรรมการสภานักเรียนฝ่ายงานกิจกรรม การเป็นผู้นำในการทำกิจกรรมของคณะสี เป็นหัวหน้าห้องเรียน มาเป็นประวัติด้านประชาธิปไตยได้

          ส่วนกิจกรรมด้านจิตอาสา ก็เป็นกิจกรรมที่ทำได้ทั้งในและนอกโรงเรียนเช่นเดียวกัน ซึ่งกิจกรรมจิตอาสา ก็ตามที่น้องๆ เข้าใจกันว่าเป็นกิจกรรมเพื่อสังคม การบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ การช่วยเหลือผู้อื่น หรือการทำกิจกรรมในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับจิตอาสา แต่ที่สำคัญต้องทำจริงนะครับ มีความชัดเจน ซึ่งโอ๊ตก็เลือกกิจกรรมทั่วๆ ไป เช่น การไปจัดกิจกรรมให้กับผู้ป่วยที่โรงพยาบาล การทำฝายชะลอน้ำเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน เป็นต้น ซึ่งถ้าถามว่านอกเหนือจากที่ยกตัวอย่างมาได้หรือเปล่า ก็อย่างที่ย้ำไปแล้วว่า หากน้องๆ คิดว่าลักษณะกิจกรรมมีความเหมาะสมก็ยื่นมาได้เลย


          โอ๊ตไม่อยากให้น้องๆ ยึดกิจกรรมว่าต้องเป็นแบบโอ๊ตเท่านั้น หรือต้องเป็นเหมือนรุ่นพี่รุ่นก่อนๆ ที่เคยผ่านมา แต่อยากให้น้องๆ ได้ลองเสนอกิจกรรมในรูปแบบที่น้องคิดว่าเหมาะสม หรือนำเสนอกิจกรรมตามการตีความหมายของน้องๆ เพราะนี่เป็นสิ่งสำคัญที่คณะกรรมการคัดเลือกอยากเห็นครับ
 

ถ้าในโรงเรียนเราเป็นนักกิจกรรม เราจะแบ่งเวลาการทำกิจกรรม กับการเรียนยังไง
             โอ๊ตมีหลัก 4 ข้อที่ยึดมานานมากแล้ว และเชื่อว่า 4 ข้อนี้ ถ้าน้องๆ ทำได้ น้องๆ จะได้ทั้งกิจกรรมดี และวิชาการเด่นแน่นอน
              
1. กิจกรรมสำคัญแค่ไหน การเรียนต้องสำคัญกว่านั้น
              2. เวลาที่มีน้อยหรือมาก มันไม่มีได้อยู่ที่โลกหมุน แต่มันอยู่ที่เราจัดการ ทำตารางทำงาน เหมือนเป็นการวางแผนให้ตัวเอง บางทีเราอาจจะทำตารางภาพรวมในแต่ละวันไว้ แต่ถ้างานเยอะมากจริงๆ เราก็สามารถทำตามตารางเวลา ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอนเลยก็ยังได้ อาจจะให้เทคโนโลยีสมัยนี้ เช่น โทรศัพท์มือถือ มีปฏิทินก็ทำโน๊ตแจ้งเตือนไว้
              3. อย่าเหนื่อยกับกิจกรรมจนไม่ทุ่มเทการเรียน เพราะคนที่อยู่ข้างหลังรอเห็นในวันที่เราสำเร็จอยู่ ถ้าเราเหนื่อย อยากให้คิดเลยว่า พ่อแม่เหนื่อยและอดทนกว่าเราหลายเท่า
              4. ไม่มีใครผ่าน ชีวิตแห่งวิกฤตของความวุ่นวายในการทำสิ่งต่างๆไปได้โดยปราศจากความพยายาม อดทน มุ่งมั่นและ ตั้งใจ
              เพราะ 4 ข้อนี้ ทำให้โอ๊ตจบ ม.6 ด้วยเกรดเฉลี่ยสะสม 3.87 และกิจกรรมดีๆ ที่ส่งผลให้ได้เป็นนักเรียนรางวัลพระราชทาน โรงเรียนมัธยมศึกษา ประเภทขนาดใหญ่ ประจำปี 2557 ด้วยครับ


ชีวิตนักกิจกรรมในโรงเรียนกับในมหาวิทยาลัย ต่างกันไหม
         ถึงจะเป็นเฟรชชี่ปี 1 ได้แค่ 4 - 5 เดือน แต่ก็พอจับทางได้ว่ามันต่างกันพอสมควร จากชีวิตมัธยมที่มีพ่อแม่ดูแลทุกอย่าง กลายมาเป็นชีวิตอิสระของเด็กหอที่ต้องดูแลตัวเองทุกอย่าง

         อย่างแรกที่ต้องเจอคือความมีวินัยในการเรียน ไม่เหมือนตอนมัธยมแล้ว จะเข้าเรียนหรือไม่เข้าเรียน 
อาจารย์ไม่มาเรียกถามตามเลขที่ ไม่ได้สนใจตรงนี้เลย คือทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเองทั้งหมด คุณจะเรียนก็เรียน ไม่เรียนก็ไม่รู้ หรือการส่งงาน ต้องตรงเวลา ไม่สามารถอ้างได้ว่าวิชาอื่นงานเยอะ หรือขอเลื่อนส่ง นักศึกษาต้องรู้จักบริหารจัดการ ต้องรู้จักจัดสรรความสำคัญ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้เอง ไม่ใช่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยการเลื่อนงานส่ง

         ส่วนเรื่องของกิจกรรม เปิดเทอมปีหนึ่ง เป็นช่วงที่บอกได้เลยว่า นี่คือมหกรรมเทศกาลกิจกรรมกันเลยที่เดียว ตั้งแต่ปฐมนิเทศมหาวิทยาลัย ปฐมนิเทศคณะ สาขาวิชา ปฐมนิเทศกลุ่มโครงการ ปฐมนิเทศหอพัก รับน้องใหม่ เตรียมความพร้อมในรั้วมหาวิทยาลัย กีฬาเฟรชชี่ และนานากิจกรรม โอ๊ตคิดว่ามันเป็นความตื่นตาของเด็กมัธยมวัยใสเลยนะ ที่จะได้เจออะไรแบบนี้ อลังการมากๆ แต่พอผ่านไปสักครึ่งหนึ่งของเทศกาลนั้น มันเริ่มไม่ใช่ความสนุกแล้ว แต่มันจะเป็นอะไรที่เหนื่อย ล้า ไม่เคยเจอ แต่ตอนนั้นเราก็ผ่านมาได้นะ และพอเข้าสู่ช่วงการเรียนจริงๆ คือถ้าเป็นเมื่อก่อน มีกิจกรรมในสมัยมัธยม แค่ขออนุญาตครูได้ ก็ไม่มีปัญหาแล้ว แต่ถ้าเป็นมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เลย เรียนคือเรียน ขาดคือขาด ทำกิจกรรมจริงก็ต้องมายื่นใบลา ต้องตามงานเอง ต้องบริหารจัดการเองทุกอย่าง ไม่มีใครมาคอยตามเอาชีทมาให้คาบต่อไป ไม่มีใครมาตามให้ทำงานส่งย้อนหลัง มหาวิทยาลัยคืออยู่ด้วยความรับผิดชอบทั้งนั้น ต้องรู้จักจัดการตัวเองเพิ่มมากขึ้น ต้องวางแผน ต้องจัดการเวลา ทุกอย่างคือเริ่มจากเรา เราคือคนสร้าง

          อยากรู้ก็ต้องเรียน อยากได้ประสบการณ์ก็ไปร่วมกิจกรรม ทุกอย่างสร้างได้ แต่สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นมากแค่ไหนอยู่ที่เราจัดการ " Everything you can manage "


ฝากอะไรถึงน้องๆ ที่กำลังจะก้าวเข้ามหาวิทยาลัย
          ในฐานะที่โอ๊ตก็ผ่านประสบการณ์อันสนุกสนานมาพอสมควร เรียกได้ว่าเคยลองมาหมดแล้ว ทั้งสนามสอบตรง สนาม GAT-PAT สนาม กสพท. สนามวิชาสามัญ ก็อยากจะบอกน้องๆ ว่า มันคือจุดเริ่มต้นเท่านั้น ความนิรันดร์ของความสำเร็จ ไม่ใช่การไม่เคยพ่ายแพ้ แต่คือการลุกขึ้นได้ทุกครั้งที่ล้มต่างหาก ก่อนที่จะลงมืออ่านหนังสือ เตรียมตัวสอบ สิ่งแรกที่น้องๆ ต้องมี คือ เป้าหมาย หรือ ความฝัน แล้วก็วางแผนที่จะเดินไปหาเป้าหมายนั้นให้ได้ จำให้ขึ้นใจว่า แค่เรา พยายาม อดทน มุ่งมั่น ในไม่ช้าความฝันก็จะกลายเป็นความจริง และที่สำคัญคือ สิ่งที่เราเลือกมันไม่จำเป็นต้องดีที่สุด แค่มันพาเราไปหาเป้าหมายที่เราต้องการได้ก็พอ สู้ๆนะ #Dek59
 

          เป็นยังไงกันบ้างคะ เรียกได้ว่าทั้งเต็มอิ่มแล้วก็จุใจกันไปเลยนะคะ สำหรับมุมมองดีๆ จากนักกิจกรรมคนนี้ ใครที่ทุ่มเทกับการเรียนจนอาจจะพลาดกิจกรรมดีๆ มากมาย หรือใครที่ทำแต่กิจกรรม จนผลการเรียนตก ก็ลองเอาวิธีขอพี่โอ๊ตไปใช้ได้เลยนะคะ พี่โอ๊ตยืนยันแล้วว่า การเรียนกับกิจกรรม เราสามารถหาจุดสมดุล แล้วเต็มที่กับทั้งคู่ได้ค่ะ

          สุดท้ายแล้ว พี่โอ๊ตก็ขอฝากสำหรับน้องๆ นักกิจกรรมทั่วประเทศ ว่าถ้าหากใครรักในการทำกิจกรรม อยากพบประสบการณ์ดีๆ อยากทำกิจกรรมเพื่อคนรอบข้าง อยากสร้างสังคมแห่งการให้และรอยยิ้ม บอกเลยว่า อย่าพลาดที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของ TU Volunteer Gen 5 ในโครงการรับนักเรียนจิตอาสาและประชาธิปไตยเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กันนะคะ
พี่อีฟ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
นุ้งหนูผู้เป็นกังวล 24 ม.ค. 60 14:25 น. 21
ผ่านการคัดเลือกไปเข้าค่ายแล้วค่ะพอจะมีคำแนะนำอะไรมั้ยคะ เพื่อให้เขาเลือกเรา T^T
3
กำลังโหลด

23 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
มาเดย์น่า 14 ธ.ค. 58 19:22 น. 14-1
จำเป็นมากกกกกกกกกกกกกกกกก ถึงมากกกกกกกกกกกกกกกที่สุดสิคะ ไม่งั้นเขาจะดูจากตรงไหนว่าเราเป็นนักกิจกรรมจริงๆ
0
กำลังโหลด
Praew 14 ธ.ค. 58 21:10 น. 15
อยากสอบถามว่าเราต้องส่งทั้งด้านจิตอาสากับประชาธิปไตยเลยมั้ยคะ หรือว่าส่งแค่ด้านใดด้านนึงก็ได้ แล้วก็ต้องทำเป็นตารางตามแบบฟอร์มเลยใช่มั้ยคะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด