แจก Timeline เตรียมสอบหมอฉบับ "พี่พั้นช์" เริ่มทำตามได้เลย!


          สวัสดีค่ะ ช่วงเวลาวันหยุดพักผ่อนสำหรับทุกคน อาจจะเป็นเวลาที่น้องๆ หลายคน กำลังเตรียมตัวอ่านหนังสือกัน ก่อนไปสนุกสนานกับช่วงเวลาสงกรานต์ วันนี้ Admission Idol ของเรา พี่อีฟเลยขอชวน "พี่พั้นช์" พิชญา ลิขิตผลจรูญ มานั่งพูดคุยกับเรา ถึงเคล็ดลับและเทคนิคการอ่านหนังสือที่ทำให้พี่พั้นช์คว้า PAT1 = 218 คะแนน และ PAT3 = 264 คะแนน ! และตอนนี้พี่พั้นช์ก็เตรียมตัวเข้าศึกษาในคณะแพทยศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราไปดูเคล็ดลับการอ่านของพี่พั้นช์กันเลยดีกว่าค่ะ :D
 

แนะนำตัวให้น้องๆ ได้รู้จักกันหน่อย
          สวัสดีค่ะ ชื่อ 'พั้นช์' พิชญา ลิขิตผลจรูญ นะคะ อายุ 18 ปี ตอนนี้เป็นเด็กจบ ม.6 ที่กำลังเตรียมตัวขึ้น ปี 1 ค่ะ สอบติดที่คณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ผ่านระบบรับตรงของ กสพท. ค่ะ :D

จุดเริ่มต้นที่ทำให้อยากเป็นหมอ
          จริงๆ ตอนแรกทุกอย่างเริ่มมาจากการที่เราติดการ์ตูนเรื่องนึงเลยค่ะ 55555 คือเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระเอกที่เป็นหมอ แล้วจริงๆ ตอนแรกพระเอกไม่ได้เป็นคนเก่งเลย แต่เหมือนเขาก็ฝึกหนักมากๆ จนสุดท้ายแล้วเขาได้กลายเป็นศัลยแพทย์มือทอง เพราะการ์ตูนเรื่องนี้เลยทำให้เราสนใจวิชาชีพหมอมากขึ้น แล้วพอเราได้มาศึกษาดีๆ จากคนรอบข้างที่เป็นหมอ พี่สาว ลูกพี่ลูกน้อง เล่าเกี่ยวกับการเรียนและการทำงานก็เลยทำให้เราตัดสินใจได้ว่าอยากเป็นหมอค่ะ
          เราไม่ได้เป็นคนที่ตั้งใจค้นหาตัวเองอย่างจริงจัง แค่รู้สึกว่าตัวเองชอบ แล้วก็สนใจในวิชาชีพนี้ และตัวเองมีความถนัดมาด้านนี้ การค้นหาตัวเอง เราคิดว่าเรื่องความชอบและความถนัดต้องไปด้วยกัน ถ้าให้แนะนำก็คือ อยากให้เพื่อนๆ น้องๆ
          - ลองตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า ชอบเรียนวิชาอะไร
          - ลองคิดว่าในอนาคตอีก 30-40 ปีเราต้องอยู่กับวิชาชีพนี้ เราต้องทำสิ่งนี้ซ้ำๆ ในทุกๆ วัน ลองคิดว่าเราจะรับได้ไหม ถ้าคิดว่า เราชอบจริงๆ ไม่มีทางเบื่อง่ายๆ หรือถ้าเบื่อ ก็จะสามารถดึงตัวเองกลับมาจากความเบื่อนั้นได้แน่นอน ก็เลือกเลยค่ะ อย่าลังเล
          - ใครไม่ทราบข้อมูล การไปเข้าค่ายต่างๆ ที่ทางคณะหรือทางมหาวิทยาลัยจัดให้ก็เป็นทางเลือกที่ดีนะคะ


รู้มาว่าไม่สอบรับตรงที่ไหนเลย มุ่งที่นี่ที่เดียว
          ใช่ค่ะ เราแทบจะไม่ได้สมัครอะไรเลยค่ะ เพราะตัวเรามีความคิดที่ว่า "ถ้าไม่คิดจะเอาอยู่แล้ว จะไม่สมัคร เพราะกลัวไปกันที่คนที่เขาอยากได้จริงๆ" เราก็เลยไม่ได้สมัครสอบของที่ไหนเลย เรารู้ตัวเองว่าเราอยากเข้าคณะแพทยศาสตร์ของรามาฯ อยู่แล้ว นอกจากระบบรับตรง กสพท. เลยสมัครไปอีกหนึ่งรับตรง คือ รับตรงพิเศษ ของคณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี ที่เป็นข้อสอบภาคภาษาอังกฤษ และต้องใช้คะแนน TOEFL/IELTS ด้วยค่ะ ซึ่งถ้าสอบติดเราก็เอาจริงๆ เพราะว่าอยากเข้าคณะแพทยศาสตร์ของรามาฯ อยู่แล้ว
          แต่ปรากฏว่า ไปสอบแล้ว สอบไม่ผ่านค่ะ จริงๆ ตอนที่ออกจากห้องสอบ เราก็รู้ตัวเลยว่าไม่ได้แน่ๆ เพราะตอนไปสอบไม่มีความพร้อมเลย ภาษาอังกฤษเราก็ไม่แน่นด้วย บางข้ออ่านโจทย์แล้วยังงงๆ อยู่เหมือนกัน พอถึงวันประกาศผลก็ไม่ได้จริงๆ เราเสียใจมาก แบบร้องไห้เลย แต่ก็รู้ว่าเป็นเพราะตัวเองยังเตรียมตัวมาไม่ดี ไปสอบแบบไม่พร้อม ตอนนั้นก็เลยเป็นเหมือนแรงผลักดันให้เราอ่านหนังสือมากขึ้นกว่าเดิม

 

Timeline การอ่านหนังสือ
          พ.ค. ► ช่วงแรกเราตะลุยอ่านเนื้อหาวิชาที่เราไม่ถนัดอย่างเดียวเลย ซึ่งสำหรับเราคือชีววิทยา อ่านวิชาไหน ก็ลุยวิชานั้นอย่างเดียว แต่เวลาเบื่อๆ ก็เอาวิชาที่เราถนัดขึ้นมาทำโจทย์แก้เบื่อ (เคมี)
          มิ.ย. ► อ่านแต่ละวิชาสลับไปมาตามใจ ช่วงนี้จะยังไม่ค่อยกดดันมาก แต่ทำโจทย์เลขและท่องศัพท์ตลอด
          ก.ค. ► เริ่มอ่านวิชาที่ไม่ถนัดรอบ 2 และท่องศัพท์ทุกวัน
          ส.ค. ► กลางเดือนนี้เราอ่านเนื้อหาทุกวิชาหมดแล้ว ก็เริ่มซื้อโจทย์มาทำ และยังท่องศัพท์ทุกวัน (มีเคล็ดลับคือทำโจทย์ในหนังสือ 15 พ.ศ. เราจะเปิดขึ้นมาจากข้างหลัง ทำของปีล่าสุดก่อนค่อยย้อนกลับไปทำของปีเก่าๆ )
          ก.ย. ► ตะลุยโจทย์แบบทำสลับกันไปวิชาละชุด ถ้าเจอข้อไหนที่ผิด ก็จะลงตารางในสมุดจดคะแนน จดว่าผิดเรื่องไหนเยอะเป็นพิเศษ ก็กลับไปอ่านเพิ่มเติมเรื่องนั้น แล้วก็ทำแบบนี้ซ้ำๆ ค่ะ ช่วงปลายเดือนก็เริ่มซื้อหนังสือความถนัดแพทย์มาลองทำ
          ต.ค. ► ตะลุยข้อสอบเก่า GAT/PAT ดูวิดีโอเฉลยข้อสอบบางปีในยูทูป เฉลยในยูทูปทำให้เรารู้เทคนิคการทำข้อสอบข้อที่เราทำไม่ได้ หรือว่าข้อไหนที่เราทำได้แต่ใช้เวลานาน ก็จะทำให้เราทำข้อสอบข้อนั้นได้ดีขึ้นด้วยค่ะ
          พ.ย. ► ทำโจทย์ความถนัดแพทย์ โดยเฉพาะเชื่อมโยง หลังสอบความถนัดเสร็จเรียบร้อย ก็กลับมาทำโจทย์วิชาสามัญในหนังสือที่เราไว้ต่อ
          ธ.ค. ► ทำข้อสอบวิชาสามัญปีเก่าๆ อ่านวิชาสังคมเดือนสุดท้ายก่อนสอบ เพราะสังคมออกกว้างมาก เราเลยตั้งใจอ่านแค่จุดสำคัญที่คิดว่าออกข้อสอบแน่ๆ ดีกว่า


เทคนิคการอ่านของพั้นช์ด้วย "สมุดตารางจดคะแนน"
          เทคนิคการอ่านแบบภาพรวม เราคิดว่าคงไม่มีอะไรต่างจากคนอื่นมาก อ่านเหมือนคนทั่วไปเลย คงจะมี short note วิชาที่ไม่ถนัดบ้าง แต่ที่คิดว่าแตกต่าง คือตัวเราจะมีตารางจดคะแนนของเรา เวลาเราทำโจทย์ในหนังสือเล่มต่างๆ เอาไว้จดข้อผิดถูก
          
เราจะมีสมุดเอาไว้จด 2 เล่มเลย เล่มนึงคือเอาไว้จดว่า แต่ละวิชา ข้อสอบแต่ละชุด เราผิดหัวข้อไหนเยอะเป็นพิเศษ ต้องกลับไปซ่อมหัวข้อนั้นด่วนๆ แล้วพอซ่อมแล้วข้อสอบชุดต่อมาคะแนนเราดีขึ้นไหม
          
อีกเล่มนึงคือเป็นสมุดเอาไว้จดคะแนน เล่มนี้คือเอาไว้จดว่า ตอนที่เราทำโจทย์ เราทำได้กี่ข้อ ซึ่งก่อนที่เราจะทำโจทย์แต่ละชุด ให้เราบอกตัวเองไว้ก่อนเลยนะว่า ห้ามเดาเด็ดขาด ให้ทำเท่าที่ทำได้ ตอนทำก็จับเวลา ดูว่าในเวลาทำได้กี่ข้อ ทำไม่ทันกี่ข้อ แล้วก็จดไว้ หลังจากเราจดพวกนี้เสร็จ เราก็ทำข้อที่เรายังไม่ได้ทำเพิ่มแบบไม่จำกัดเวลา รอบแรกแบบทำด้วยตัวเองก่อน แล้วก็จดไว้ว่า ถ้าเรามีเวลามากกว่านี้เราจะทำเพิ่มได้อีกกี่ข้อ ดังนั้นคราวหน้าทำให้มันเร็วขึ้น ต่อมา ถ้ามีข้อที่ขนาดใช้เวลาแล้วยังทำไม่ได้ ก็เปิดหนังสือแล้วก็ทำเลย พอทำเสร็จ ก็กลับมาจด ว่าเปิดหนังสือแล้วทำได้เพิ่มกี่ข้อ ข้อนั้นเป็นเรื่องไหน แล้วมีอีกกี่ข้อที่ต่อให้เราเปิดหนังสือก็ทำไม่ได้ พอทำพวกนี้เสร็จก็ตรวจ นับคะแนนจริงๆ แค่ที่เราทำทัน แล้วก็จดว่า ถ้าเรามีเวลาเพิ่มเราจะได้เพิ่มเท่านี้คะแนน ถ้าเนื้อหาเราแม่นจะได้เป็นเท่านี้คะแนน จะได้เก็บเป็นสถิติในการทำข้อสอบครั้งต่อๆ ไปด้วย
 

ตัวอย่างสมุดตารางจดคะแนนของพั้นช์

เตรียมตัวกับสนามสอบความถนัดแพทย์และวิชาสามัญ
          ⇒ ข้อสอบความถนัดแพทย์ ต้องเน้นการทำโจทย์บ่อยๆ ให้รู้แนวข้อสอบ
          - พาร์ทแรกที่เป็น พาร์ทเชื่อมโยง จริงๆ ส่วนตัวเราอาศัยความรู้สึกตัวเองล้วนๆ เลย และถ้าให้แนะนำ คือ ควรเก็บคะแนนเต็มในพาร์ทนี้ให้ได้ เพราะเป็นพาร์ทเดียวที่ทุกคนมีโอกาสได้คะแนนเต็ม ฝึกทำโจทย์เยอะๆ มีหนังสือตามร้านหนังสืออยู่มากที่เป็นแบบฝึกหัดของพาร์ทเชื่อมโยงโดยเฉพาะค่ะ แอบบอกเทคนิค คือ ให้เราลองหาหนังสือที่มีรูปแบบเดียวกันกับข้อสอบนะคะ เป็นแบบไม่มีขีดเส้นใต้เหมือนในข้อสอบจริง จะช่วยเราได้เยอะเลย
          - ส่วนพาร์ทที่สอง เป็นพาร์ทเชาวน์ที่ต้องเตรียมตัวไปให้รอบด้านค่ะ เพราะว่าจริงๆ แล้วมันมีเชาวน์หลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่อนุกรรมตัวเลข เพราะว่าตอนเราเตรียมตัวไป เราก็เตรียมตัวไปผิดเหมือนกัน คิดว่าจะออกแบบเชาวน์อนุกรมตัวเลข เราก็ทำข้อสอบไปหลายร้อยข้อเลย แต่ไม่ออกสักข้อเดียว T.T น้องๆ ลองหามาศึกษาดูนะคะ ถ้ารู้แนวข้อสอบจะทำให้ทำข้อสอบได้มากขึ้น
          - ส่วนพาร์ทสุดท้าย เป็นพาร์ทจริยธรรม พาร์ทนี้จะเป็นพาร์ทที่แนะนำให้เชื่อตัวเองค่ะ แต่ว่าคำตอบนั้นต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและความถูกต้องด้วยนะคะ

          ⇒ ข้อสอบวิชาสามัญ เน้นที่ส่วนของเลขกับอังกฤษเยอะๆ ค่ะ เพราะว่าถ่วงน้ำหนักเยอะมากๆ จริงๆ ก็สำคัญทุกวิชาที่ต้องใช้นะคะ แต่ถ้าอ่านไม่ทันหรือถ้าต้องเลือก พั้นช์ก็แนะนำ 2 วิชานี้ค่ะ

นอกจากเตรียมตัวสอบ กสพท. เตรียมตัวสอบอย่างอื่นไหม
           ก็สอบทั่วไปเหมือนเด็กม.6 ด้วยค่ะ มีทั้งสอบ GAT PAT และสอบ O-NET ถึง GAT PAT จะไม่ได้ใช้ใน กสพท. แต่เราก็พยายามสอบให้เต็มที่ทุกอย่าง ส่วนรับตรง นอกจาก กสพท. ก็จะมีแค่ที่เดียว คือ 
รับตรงพิเศษ ของคณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี

ถึงไม่ได้ใช้ แต่ขอแอบถามว่าคะแนน GAT PAT เป็นไงบ้าง
          คะแนนก็โอเคนะคะ อาจจะไม่สูงสุด แต่เราพอใจแล้ว :)
          - คะแนน GAT         260/300
          - คะแนน PAT1        218/300
          - คะแนน PAT2        165/300
          - คะแนน PAT3        264/300


แนะนำเคล็ดลับการทำ PAT1 ให้ได้ 210+
          เทคนิคการทำ PAT1 ให้ได้คะแนนเยอะ ก็คงเป็นการทำข้อสอบเก่า ถ้าใครคิดว่าตัวเองแย่จริงๆ ก็ลองดูว่าพาร์ทไหนเราพอจะเก็บคะแนนได้บ้าง แล้วพยายามเก็บข้อง่ายๆ ของ PAT1 มาให้ได้ อาจจะมีไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไม่มีคะแนนเลย คณิตต้องทำโจทย์เยอะๆ สะสมประสบการณ์ค่ะ
 

ฟิตคะแนนกับเทคนิคการทำ PAT3 ให้ได้ 260+
          บอกสำหรับน้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบเลยว่า PAT3 จะออกเป็นเนื้อหาฟิสิกส์บางส่วน+เคมีบางส่วน+เลขที่ไม่ซับซ้อนมาก+ความรู้เกี่ยวกับด้านอุตสาหกรรม สิ่งที่แนะนำเลยคือควรเก็บเลขให้ได้ เพราะว่าเลขจะไม่ยากมากและซับซ้อนน้อยกว่า PAT1 ส่วนอื่นๆ จะออกคล้ายเดิมมากๆ เพราะจะครอบคลุมอยู่ไม่กี่เรื่อง ถ้าเราทำข้อสอบเก่าเยอะๆ เราจะรู้แนวข้อสอบ จะช่วยอัพคะแนนได้

ฝากกำลังใจและการเตรียมตัวถึงน้องๆ
          สู้ๆ นะคะน้องๆ ผลทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเกิดจากการกระทำของเราทั้งนั้นค่ะ คนที่เรามองว่าเขาเก่ง จริงๆ แล้ว เขาอาจจะผ่านการพยายามมาอย่างหนักมาก โดยที่เราไม่รู้ก็ได้ พี่เชื่อว่าไม่มีหรอกค่ะ คนที่นั่งเฉยๆ แล้วจะประสบความสำเร็จ เพราะ “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” เท่านั้น อยากให้น้องๆ เข้มแข็งและตั้งใจ ถ้ามีอะไรที่ไม่ไหวจริงๆ คนที่ดีที่สุด ที่จะเป็นที่ปรึกษาให้น้องๆ ได้ ก็คือ คุณพ่อคุณแม่ของน้องค่ะ กอดท่าน แล้วขอกำลังใจจากท่าน อดทนอีกนิดเดียว ลองนึกว่าอีกแค่ไม่ถึงปีเอง เราก็จะได้เข้าไปเรียนในคณะที่อยากเรียนอย่างภาคภูมิใจแล้ว สู้ๆ ให้เต็มที่นะคะ พี่เป็นกำลังใจให้ :D
 

           เป็นไงกันบ้างคะ อ่านจบแล้วน้องๆ คงได้แรงบันดาลใจ และเทคนิคดีๆ จากพี่พั้นช์เพียบเลยนะคะ พี่อีฟเชื่อเหมือนพี่พั้นช์เลยนะคะ ว่าผลทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเกิดจากการกระทำของเราทั้งนั้น ดังนั้น ขอให้น้องๆ มุ่งมั่น ตั้งใจ และพยามยามนะคะ รับรองว่าคณะที่ฝันไม่ไกลแน่นอน แล้วกลับมาเจอกับพี่อีฟพร้อมไอดอลคนต่อไปในสัปดาห์หน้านะคะ สวัสดีค่ะ :D
 
พี่อีฟ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

สาา 12 เม.ย. 59 13:41 น. 8
พี่พั้นซ์เรียนพิเศษที่ไหนบ้างรึป่าวคะ แล้วถ้าเรียน พี่เรียนจบแล้วเริ่มทบทวนเองเมื่อไรคะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

31 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
สาา 12 เม.ย. 59 13:41 น. 8
พี่พั้นซ์เรียนพิเศษที่ไหนบ้างรึป่าวคะ แล้วถ้าเรียน พี่เรียนจบแล้วเริ่มทบทวนเองเมื่อไรคะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
นี่หลินเองว่าที่รูมเมทพั้นช์ไง 13 เม.ย. 59 14:02 น. 14
อ่านเเล้วมีกำลังใจเตรียมตัวสอบขึ้นเยอะเลยค่าาา จะลองเอาไปเป็นเเนวทางดูนะคะ >____<
1
กำลังโหลด
นํ้าแข็งไสกับเฮลบลูบอย Member 13 เม.ย. 59 19:30 น. 15

พี่เรียนพิเศษที่ไหนบ้างคะ แล้วพี่เรียนจองม.6จบก่อนขึ้นม.6 รึเปล่าคะค่อยอ่านหน้งสือ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
แพรว praewgalaxy 19 เม.ย. 59 19:41 น. 20
พี่เก่งมากเลยค่ะ อาชีพแพทย์ ทันตแพทย์ เป็นหนึ่งอาชีพที่หนูสนใจ ตอนนี้หนูกำลังขึ้น ม.4ค่ะ อาชีพนี้ก็เป็นอาชีพที่ครอบครัว พ่อแม่สนันสนุนมาก และก็ปลุกฝังให้ตั้งแต่ยังเล็ก แต่อาชีพนี้ก้เป้นอาชีพหนึ่งที่หนูชอบและอยากจะเป็นมากๆ เพื่อพ่อแม่และตัวเอง อาจจะบวกกับอิทธิพลของพ่อแม่ รวมทั้งเพื่อนสนิท แต่ก็เป็นอาชีพที่ชอบ เพราะหนูก็ชอบเรียนชีวะ และภาาษอังกิด รวมถึงงานฝีมือต่างๆด้วย คือ(หนูบอกมาซะยาวเลย)หนูอยากจะถามพี่ว่า หนูควรทำ หรือเตรียมตัวเตรียมใจอย่างไรบ้างไหมค่ะ เผื่อจะเป็นแนวทางให้หนูได้ค่ะ55 และพี่กินอะไรบ้างค่ะ เพราะว่าตอนนนี้หนูก็ขึ้นม.4แล้ว อยากจะแน่ใจว่าเราค้นพบตัวเองดีพอหรือยัง เพราะว่าตอนนี้หนูเริ่มไม่มีความรู้สึกต่ออะไรจริงๆ และแปปเดียวก้จะขึ้นม.6แล้วด้วยค่ะ ไวจริงๆเยี่ยม ป.ล.ย้ายมาร.ร.ใหม่จากเคยเป็นอันดับต้นๆที่ร.ร.เก่า ตอนนี้เป็นอันดับกลางของร.ร.ใหม่แล้วค่ะ และอีกอย่างถึงหนูจะชอบภาาาอังกกิด แต่หนูก็ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ค่ะ55 ขอบคุณพี่ล่วงหน้าค่ะเขิลจุง
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด