เฟรชชี่ Refresh! 10 เคล็ดลับปรับตัวให้มั่นใจก่อนเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย

       เฮ้! What's up วันนี้ขอเปลี่ยนคำทักทายกันสักนิดสักหน่อยนะคะ ช่วงนี้ว่าที่เฟรชชี่เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย? น้องๆ เด็กมัธยมฯก็เปิดเทอมกันไปเรียบร้อยแล้วเนอะ เหลือแต่เรานี่แหละที่กำลังลุ้นจนตัวโก่ง อยากเข้าไปลองใช้ชีวิตสนุกๆ ตามประสาเด็กมหา'ลัยกันสักที


 
       ว่ากันว่าการเริ่มต้นใหม่มักมาพร้อมความประหม่า อย่างทุกปีว่าที่เฟรชชี่ก็จะแวะเข้ามาระบายเป็นประจำ กลัวเข้ากับสังคมไม่ได้บ้าง กลัวเรียนไม่รู้เรื่องบ้าง ฯลฯ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของการปรับตัวค่ะ วันนี้พี่เมก้าเลยมีเคล็ดลับดีๆ มาเสริมความมั่นใจให้กับน้องๆกัน

1. โลกเปลี่ยนเราก็ต้องเปลี่ยน  
       โลกมัธยมฯ ของน้องๆ ได้เปลี่ยนไปแล้ว ต่อไปเราจะย้ายไปอยู่โลกดวงใหม่ คือโลกแห่ง มหาวิทยาลัยนั่นเอง น้องๆ อาจเคยได้ยินมาบ้างว่ามหา'ลัยทำชีวิตเราเปลี่ยนไปหลายอย่างทั้งการเรียน การเข้าสังคม การใช้ชีวิต ฯลฯ ต้องไปเจออะไรใหม่ๆ ณ จุดนี้หลายคนจึงอาจกังวลว่าจะปรับตัวไม่ได้ พี่เมก้าเลยอยากให้น้องๆ ยอมรับให้ได้ก่อนว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาและคนทุกคนต้องอาศัยระยะเวลาในการปรับตัวด้วยกันทั้งนั้น

       ลองคิดง่ายๆ ดูก็ได้ว่าตอนมัธยมฯ เราเป็นคนยังไง? กลัวการเข้าสังคมมั้ย? เรียนๆ เล่นๆมากไปรึเปล่า? สมมติว่าเป็นแบบนั้นจริงก็ต้องพยายามปรับตัวเองใหม่ค่ะ ถ้าประหม่าบ่อยๆ ไม่กล้าทำความรู้จักใครก็ลองหาวิธีตีซี้เพื่อนใหม่ดู อาจจะเริ่มจากตอนนี้เลยก็ได้นะคะ พี่เมก้าแอบเห็นน้องๆ มาตั้งกระทู้หาเพื่อนร่วมคณะในบอร์ดเต็มเลยค่ะ หรือถ้าเราติดเล่นมากไปก็ลองเตือนตัวเองว่าต่อไปนี้ต้องรับผิดชอบตัวเองแล้วนะ รับรองว่าน้องๆ จะใช้ชีวิตนักศึกษาได้คุ้มค่าและมีความสุขมาก


2. รู้จัก+รักตัวเองให้เป็น
       ตอนเรียนมัธยมฯ ครูแนะแนวอาจเคยให้น้องๆ ทำแบบทดสอบวัดบุคลิกภาพมาบ้าง ประมาณว่าลึกๆ แล้วเราเป็นคนยังไง? เข้ากับคนแบบไหน? มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง? เวลาพี่เมก้าทำก็แอบรับตัวเองไม่ค่อยได้ว่า "เอ๊ะ! เราเป็นคนแบบนี้เหรอ ทำไมน่ากลัว" 555+ น้องๆ ก็ลองทำดูนะคะ อย่างน้อยเราก็ได้ทำความรู้จักตัวเองในมุมใหม่ๆ หรือวิธีที่ง่ายที่สุดคือการคุยกับตัวเองบ่อยๆ บอกเลยว่าไม่ได้บ้า มันทำให้เราปรับตัวง่ายขึ้นเวลาไปอยู่สังคมใหม่ๆ ค่ะ


 
       เพราะการทำความรู้จักตัวเองจะทำให้เรารู้ว่า เรามีข้อดีอะไร เราชอบอะไรในตัวเองบ้าง เช่น ชอบที่ตัวเองมีน้ำใจ ยิ้มง่าย ชอบเทคแคร์คนอื่น ฯลฯ สิ่งนี้จะทำให้น้องๆ เห็นคุณค่าในตัวเอง อยากที่จะทำสิ่งดีๆ เพื่อตัวเองและคนรอบข้างมากขึ้น ส่วนข้อเสียที่มี รู้แล้วก็อย่าไปตำหนิตัวเอง ไม่ต้องเครียดค่ะ ถ้าแก้ได้พลังความกล้าและมั่นใจจะตามมาเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือน้องๆต้องรู้จักรักตัวเองให้เป็นนะคะ ถ้ารักตัวเองเป็นแล้วเราจะรู้ว่าต้องดูแลตัวเองยังไงให้ชีวิตดีค่ะ
        

3. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
       เป้าหมายในชีวิตก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันนะคะ หลายๆ คนเข้ามหา'ลัยไปแบบไม่เตรียมพร้อมเลย ล่องลอยไร้จิตวิญญาณสุดๆ ไม่รู้ว่ามาเรียนทำไม รู้แค่ว่าต้องเรียน เลิกเรียนก็เที่ยวต่อแล้วค่อยแยกย้ายกันกลับหอกลับบ้าน มันทำให้ชีวิตเราขาดจุดหมายจนมองเห็นความลำบากในอนาคตเลยค่ะ สุดท้ายทุกอย่างก็จะวนกลับมาที่จุดเดิมคือโทษว่าตัวเองยังปรับตัวไม่ได้ พี่เมก้าเลยอยากชวนน้องๆ มาตั้งเป้าหมายในชีวิตกันว่า เรียนมหา'ลัยอยากได้อะไรกลับไปบ้าง?

       บางคนอยากรับผิดชอบตัวเองได้ บางคนอยากมีเพื่อนเยอะๆ อยากคว้าเกียรตินิยม อยากมีงานทำที่มั่นคง ฯลฯ สิ่งที่น้องๆตั้งไว้ในวันนี้อาจเป็นเพียงเป้าหมายเล็กๆ แต่พี่เมก้าเชื่อว่าสิ่งเล็กๆในวันนี้จะขยับขยายกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้าได้ ดังนั้นลองวางเป้าหมายให้ชัดเจนแล้วพยายามไปให้ถึง น้องๆ จะพร้อมรับมือและปรับตัวเข้ากับทุกๆ วันในมหา'ลัยได้เป็นอย่างดีค่ะ ที่สำคัญอย่าคาดหวังความเพอร์เฟคท์มากเกินไป ทำให้เต็มที่เท่าที่เราไหวก็พอนะคะ


4. ฝึกมองโลกแบบกลางๆ
       มองโลกแบบกลางๆ คืออะไรอะ? ส่วนใหญ่เรามักจะเคยได้ยินคนบอกให้มองโลกในแง่ดี คิดในทางบวก แต่น้องๆ ยอมรับมั้ยคะว่าบางสถานการณ์เราทำใจให้มองในแง่ดีไม่ได้ บางทีการมองในแง่ร้ายไปก่อนมันก็ช่วยให้เราหากลไกมาป้องกันตัวเองได้เหมือนกัน ถ้าเกิดมีการจัดโต้วาทีกันระหว่าง "ฝ่ายมองโลกในแง่ดี ปะทะ ฝ่ายมองโลกในแง่ร้าย" พี่เมก้าคิดว่าโต้กันสิบวันสิบคืนก็ไม่มีทางจบอะค่ะ ^^


 
       แล้วถ้าเราลองปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ในมหา'ลัย ด้วยการฝึกมองโลกแบบกลางๆ ล่ะจะช่วยได้มั้ย? อาจฟังดูเข้าใจยากนะคะ แต่ถ้าน้องๆ นำความคิดในแง่บวกและลบมาผสมกัน เราจะได้ความคิดแบบกลางๆ ที่ไม่ต้องดีแบบสุดโต่งมากเกินไปอย่างที่เค้าเรียกกันว่าโลกสวย แล้วก็ไม่ต้องร้ายแบบจิตใจดำดิ่งจนถึงขั้นโลกมืด วิธีคิดแบบนี้น่าจะเป็นอะไรที่เปิดโอกาสให้เราพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ แบบรู้เท่าทันความเป็นจริงได้ดีที่สุดแล้วค่ะ

5. เปิดใจกว้างๆ ลดอคติ
       "ใช้ชีวิตแบบเด็กมัธยมฯ มา 6 ปีเต็ม พอเข้ามหา'ลัยเหมือนต้องไปเริ่มต้นใหม่ มันไม่ชินเลย! ทำใจไม่ได้!!" พี่เมก้าคิดว่าความรู้สึกนี้เป็นกันทุกคนค่ะ น้องๆ หลายคนถึงขั้นท่องไว้ในใจเลยว่าถ้าไม่เจอเพื่อนที่นิสัยเข้ากัน ไปไหนไปกันเหมือนเพื่อนมัธยมฯ นะ จะไม่ยอมคบใครเด็ดขาด =__= โถๆๆ ปิดกั้นตัวเองอะไรขนาดนั้น ลองเปิดใจกว้างๆ ให้โอกาสตัวเองและเพื่อนใหม่ได้ทำความรู้จักกันก่อนค่ะ ชีวิตมหา'ลัยต้องการเพื่อนนะคะ อยู่คนเดียวว้าเหว่แย่เลย

       นอกจากการเปิดใจกว้างๆ จะช่วยให้เราปรับตัวเรื่องเพื่อนได้แล้ว การลดอคติก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ อย่างน้องหลายๆ คนวินาทีแรกที่เห็นรูมเมทชอบพร้อมใจกันบอกว่ากลัว ไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่ไปๆ มาๆ เห็นซี้ปึ้กกันสุดๆ เรื่องเรียนก็เหมือนกัน ถ้าหนีจากฟิสิกส์ ม.ปลาย แล้วดันมาเจอฟิสิกส์มหา'ลัยอีก ลองเปิดใจเรียนดูก่อน อย่าเพิ่งหนี ไม่แน่เราอาจจะชอบก็ได้นะคะ สุดท้ายเรื่องการใช้ชีวิต ว่าที่เด็ก
หอทั้งหลายอย่าเพิ่งฟันธงว่าอยู่ไม่ได้ ทุกอย่างคือการเรียนรู้ค่ะ มั่นใจเข้าไว้

6. โยนความกลัวทิ้งไปซะ
       "ยิ่งใกล้เปิดเทอมเท่าไหร่ ยิ่งกลัวชีวิตมหา'ลัยมากขึ้นเท่านั้น"  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราเรียนมหา'ลัยไกลบ้าน พี่เมก้าเข้าใจความรู้สึกของน้องๆ ดีค่ะ เพราะพี่ก็เคยกลัวมาก่อน สอบติดมาเรียนคนเดียว ไม่มีเพื่อน ต้องอยู่หอรับผิดชอบตัวเอง ช่วงวันแรกๆ เป็นอะไรที่ลำบากมาก ร้องไห้โทรหาพ่อแม่ โทรหาเพื่อนแทบจะทุก 3 ชั่วโมง กลัวไปหมดเลยทั้งเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน จะรอดมั้ยเนี่ย? ทั้งหมดนี้พอเวลาผ่านไป เราเริ่มปรับตัวได้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วค่ะ


 
       ตอนนี้น้องๆ ยังพอมีเวลา ค่อยๆ โยนความกลัวทิ้งไปเลย ถ้ากลัวว่าพื้นฐานยังไม่แน่นพอก็รีบอ่านหนังสือทบทวน กลัวว่าจะมีปัญหากับการเข้าสังคมก็ลองอ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบเด็กมหา'ลัยที่รุ่นพี่มาแชร์ไว้ก็ได้ค่ะ ดูซิว่าอนาคตต้องเจออะไรบ้าง การอ่านหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาบุคลิกภาพและการปรับตัวก็ช่วยได้เช่นกันนะคะ เอาชนะความกลัวแทนการหนีปัญหา น้องๆ จะมีความกล้าและมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้นเยอะค่ะ

7. กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ
       น้องๆ แต่ละคนเติบโตมาจากหลายครอบครัว พื้นฐานความคิดของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนถูกสอนให้เชื่อฟังในสิ่งที่พ่อแม่สอน คำพูดประมาณว่า "ไม่ใช่เรื่องของเด็ก" หรือ "ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องรู้" จะมีให้เห็นเป็นประจำ ซึ่งมันอาจทำให้เราไม่กล้าคิด ไม่กล้าซักถาม หรือตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเอง ถ้าชีวิตน้องๆ เข้าข่ายอย่างที่พี่เมก้าบอกคงถึงเวลาปรับตัวเองใหม่โดยด่วนแล้วค่ะ

       เพราะการกล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตนักศึกษามาก อย่างแรกคือจำเป็นต่อการเรียน เรียนแล้วคิด ทำให้เราสามารถนำความรู้ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพได้ อย่างต่อมาคือการทำงาน งานทุกชิ้นต้องอาศัยความกล้า กล้าที่จะลงมือทำอย่างตั้งใจและเต็มที่ อย่างสุดท้ายจำเป็นต่อการใช้ชีวิต นาทีนี้น้องๆต้องรู้จักวางแผนและตัดสินใจอะไรๆ ด้วยตนเองได้แล้วค่ะ หลายๆ คนพัฒนาศักยภาพได้มากขึ้นก็ตอนเรียนมหา'ลัยนี่แหละ 


8. เติมความเชื่อมั่นด้วยพรสวรรค์
       เชื่อมั้ยคะน้องๆ น้อยคนที่จะค้นพบพรสวรรค์ในตัวเอง บางคนคิดไปเลยด้วยซ้ำว่า เราคงเป็นคนโชคร้าย เกิดมาเป็นคนธรรมดา ไม่มีพรสวรรค์ติดตัวมาเหมือนคนอื่นๆบ้างเลย T__T ทั้งที่จริงแล้วเจ้าสิ่งนี้อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด เหมือนที่เค้าพูดกันว่า "พรสวรรค์สร้างได้ด้วยตัวเราเอง" มันขึ้นอยู่กับว่าน้องๆ จะมองเห็นแล้วรู้จักดึงออกมาใช้ประโยชน์ได้รึเปล่า พยายามเปลี่ยนความคิดแล้วค้นหาคุณค่าของตัวเองให้เจอค่ะ อีกไม่นานความเชื่อมั่นจะกลับคืนมาเอง


 
       แต่ถ้าตอนนี้น้องๆ ยังไม่รู้ว่าจะค้นหาพรสวรรค์จากที่ไหนนะคะ ลองย้อนกลับมามองตัวเองก่อนก็ได้ว่าเรามีความสามารถด้านใดบ้าง ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และไม่จำเป็นต้องนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นด้วยค่ะ คิดไว้อย่างเดียวว่านี่คือสิ่งที่เราทำได้ดี ทำแล้วรู้สึกสนุก ชีวิตมีความสุขก็พอแล้ว พี่เมก้าเชื่อว่าถ้าน้องๆ ได้นำพรสวรรค์ออกมาใช้บ่อยๆ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเรามาก ทั้งในเรื่องการเรียนและการใช้ชีวิตค่ะ

9. เพิ่มออร่าให้สดใสอยู่เสมอ
       ถ้าหากมีคนสองคนนั่งอยู่ข้างกัน คนแรกหัวเราะง่าย ยิ้มสวยโชว์ฟันขาวตลอดเวลา ส่วนอีกคนหน้าบึ้งตึง มองทุกคนที่เข้าใกล้แบบตาขวาง น้องๆ จะเลือกเข้าไปทำความรู้จักเพื่อนคนไหนมากกว่ากันคะ ก็ต้องเป็นคนแรกเนอะ พี่เมก้าไม่อยากให้ตัดสินคนจากภาพที่เห็นหรอก แต่ก็ต้อง ยอมรับว่าความประทับใจแรกคือสิ่งสำคัญที่สุด ก่อนเปิดเทอมนี้เลยอยากชวนน้องๆ ให้หันมาดูแลใจตัวเองดีๆ ปล่อยวางความเครียด ความกังวลต่างๆ ไปซะบ้าง มาผ่อนคลายกันดีกว่าค่ะ

       ดูแลสุขภาพใจเรียบร้อยก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกายด้วย ถึงใจจะสดใสแต่สภาพกายไม่เอื้ออำนวย ความมั่นใจก็หดหายได้อีกเช่นนะคะ ปิดเทอมยาวๆ แบบนี้รีบแปลงโฉมสวยหล่อเพิ่มออร่ากันดีกว่า สูตรไหนดีสูตรไหนเด็ดยกมาบำรุงตัวเองให้เต็มสตรีม รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ บำรุงผิวให้เนียนใส ออกกำลังกายบ้าง ทำงานอดิเรกที่ชอบบ้าง รับรองว่าเปิดเทอมน้องๆ จะเป็นหนึ่งในบรรดาเฟรชชี่ที่มีออร่าเปล่งประกายสดใส เพื่อนรุมล้อมหน้าล้อมหลังแน่นอนค่ะ   
               

10. อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด
       ปิดเทอมนานขนาดนี้ มีบางอารมณ์ที่เราว่างจัด ชอบคิดฟุ้งซ่าน โดยเฉพาะกับเรื่องเข้ามหา'ลัย "เอ? ชีวิตเราจะเป็นยังไงนะ เอ๋อๆ แบบนี้ เรียนไม่ไหวแน่เลย แค่มัธยมฯ กว่าจะจบมาได้ก็ร่อแร่" นี่ไง! คิดแล้วก็กังวลไปเรื่อย การมองอดีตเก็บไว้เป็นบทเรียนคือสิ่งที่ดี การมองอนาคตไว้บ้างก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกันค่ะ แต่ถ้ามองอดีตแล้วเก็บมาตอกย้ำตัวเอง มองอนาคตแล้วเก็บมาคิดมาก มันจะเป็นอะไรที่แย่ติดลบมาก สู้อยู่กับปัจจุบันซะยังจะดีกว่า


 
       คุณครูของพี่เมก้าเคยสอนไว้ว่า ปัจจุบันคือสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าทำวันนี้ให้ดี เมื่อวานหรือพรุ่งนี้ก็ไม่สำคัญ ดังนั้นการอยู่กับปัจจุบันแล้วทำแต่ละวันให้ดีที่สุด คือวิธีคิดแบบง่ายๆ ที่ทำแล้วได้ผลจริงค่ะ ปิดเทอมนี้พี่เมก้าเปิดโอกาสให้น้องๆ มีความสุขแบบเต็มที่ไปเลย อยากเปลี่ยนแปลงดูแลตัวเองให้ดี อยากทำกิจกรรมสนุกๆ ที่คอยมานาน มีประโยชน์มากน้อยก็ลุยเลยไม่ต้องรีรอ! ตอนนี้โฟกัสแค่วันนี้ก่อน ส่วนอนาคตค่อยว่ากันอีกทีเนอะ

       นี่ก็เป็น 10 เคล็ดลับปรับตัวให้มั่นใจก่อนเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ที่พี่เมก้านำมาฝากน้องๆ เฟรชชี่ทุกคนนะคะ อ่านแล้วหวังว่าจะช่วยให้น้องๆ พอมีความมั่นใจ พร้อมที่จะยิ้มรับการใช้ชีวิตแบบเด็กมหา'ลัยมากขึ้นนะคะ ตื่นเต้นมั้ย? แวะมาคุยกันหน่อยเร็ว

 
พี่เมก้า
พี่เมก้า - Columnist นักข่าวสายการศึกษา ที่มีความสุขกับการแต่งฟิค อ่านฟิค เพ้อถึงยัมมี่ฟู้ดไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

เดินหน้าสู้มันน 26 พ.ค. 59 17:23 น. 1
กลัวสุดคือการที่เราไปตีซี๊กับกลุ่มที่เค้ามีเพื่อนอยู่แล้ว 555 เป็นไรที่แบบ..ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง "เอ่อ..หวัดดีนะ เราขอกลุ่มด้วยสิ ^-^" จ้าาาาาา
1
TimTim 27 พ.ค. 59 21:47 น. 1-1
โอยยย ใช่เลย ละกลัวว่าพอเข้ากลุ่มด้วยแล้วจะตามเรื่องที่เค้าพูดกันไม่ทันอีก แบบเค้ารู้นิสัยอะไรๆกันอยู่แล้ว แล้วเราไม่รู้งี้ เสียใจ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

5 ความคิดเห็น

เดินหน้าสู้มันน 26 พ.ค. 59 17:23 น. 1
กลัวสุดคือการที่เราไปตีซี๊กับกลุ่มที่เค้ามีเพื่อนอยู่แล้ว 555 เป็นไรที่แบบ..ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง "เอ่อ..หวัดดีนะ เราขอกลุ่มด้วยสิ ^-^" จ้าาาาาา
1
TimTim 27 พ.ค. 59 21:47 น. 1-1
โอยยย ใช่เลย ละกลัวว่าพอเข้ากลุ่มด้วยแล้วจะตามเรื่องที่เค้าพูดกันไม่ทันอีก แบบเค้ารู้นิสัยอะไรๆกันอยู่แล้ว แล้วเราไม่รู้งี้ เสียใจ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Pream_Parinuttha Member 27 พ.ค. 59 23:01 น. 3

เครียดจังค่ะ... ใกล้ถึงช่วงโควตาแล้ว แต่ยังสร้างผลงานได้ไม่ถึงไหนเลย หนังสือก็ยังไม่ได้เริ่มอ่านแบบจริงจัง จะทำไงดี... แบบเรียนก็ต้องเรียน สายวิทย์-คณิตด้วย เรียนเยอะงานเยอะ แทบไม่มีเวลาหาความสุขใส่ตัว

#dek60

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
tonworchon Member 3 มิ.ย. 59 23:42 น. 5

เสียใจ 

สิ่งเดียวที่เปลี่ยนชีวิตเราได้ก็คือปัจจุบันถ้าทำวันนี้ได้ดีอดีตหรืออนาคตก็ไม่สำคัญแล้วหละ

ครูพี่คมจริงๆ ไลค์เลยพี่เมก้าเยี่ยม

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด