เรียนก็เอากิจกรรมก็ไม่ทิ้ง "แฟรงค์กี้" เล่าเส้นทางสู่แพทย์รามาฯ ม.มหิดล

          สวัสดีครับ แอดมิชชั่น 59 ก็ได้ประกาศผลกันไปหมดแล้ว น้องๆ #dek59 หลายๆ คนก็คงจะได้ที่เรียนสมใจกันซักที สำหรับน้องๆ #dek60 และ #dek61 ต่อจากนี้คือช่วงเวลาเตรียมตัวสำหรับน้องๆ แล้วนะครับ โดยเฉพาะ #dek60 ที่สนามสอบรับตรง โครงการโควตา จากมหา'ลัยต่างๆ อยู่ไม่ไกลน้องแล้วนะ

          สำหรับน้องๆ ที่ยังกลัวว่าการตัวเองยังขยันไม่พอ เตรียมตัวน้อย จะมีที่เรียนกับเค้ามั้ย ยังอ่านหนังสือไม่พอ ยิ่งบางคนอยากสอบเข้าแพทย์หรือวิศวะด้วยแล้วอาจจะยิ่งกังวลเป็นพิเศษ วันนี้พี่แทรกเตอร์จึงขอพาน้องๆ มารู้จักกับ "พี่แฟรงค์กี้" ณัฐพล ชัยชนะศักดิ์ ที่มีเส้นทางการเข้าสู่คณะแพทย์อันแน่วแน่ ใช้ชีวิตวัยมัธยมอย่างคุ้มค่า และเตรียมตัวอย่างไม่ประมาท ว่าแล้วก็มาฟัง (อ่าน) เรื่องราวไปพร้อมๆ กันเลยครับ

 

 
แนะนำตัวซักหน่อยครับ
          สวัสดีครับ ชื่อ แฟรงค์กี้ ณัฐพล ชัยชนะศักดิ์ จบ ม.ปลาย จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ แผนวิทย์-คณิต เกรดเฉลี่ย 3.88 ตอนนี้ก็เป็นเฟรชชี่ปี 1 แพทย์รามาครับ

เข้าหมอยาก ต้องเตรียมตัวหนัก เคร่งเครียดกับตำรา-การทำโจทย์ จริงมั้ย
          ไม่มีคณะไหนเข้าง่ายหรอกพี่ 555 ทุกคณะมันก็มีความยากในแบบของมันครับ ที่จริงผมเริ่มมาฟิตอ่านหนังสือจริงๆ จังๆ ตอน ม.6 เองครับ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งเทอมหลังที่อ่านหนังสือ+ทำโจทย์หนักมาก ก็มีเครียดบ้างครับ แต่ก็วางแผนการอ่านหนังสือทำโจทย์ล่วงหน้าทุกครั้ง เลยวางใจได้ว่าจะไม่มีการอ่านไม่ทันเกิดขึ้นครับ

เล่าให้ฟังหน่อยว่าการเตรียมตัวมีผลกับชีวิตประจำวันแค่ไหน สามารถแบ่งเวลาไปทำกิจกรรมแบบวัยรุ่นทั่วไปได้มั้ย
          ตอนผมอยู่โรงเรียนก็มีโอกาสลงแข่งวงดนตรี แข่งเต้นประกอบเพลง ยิ่งตอน ม.5 ผมได้รับเลือกเป็นหัวหน้าคณะสี งานยิ่งหนักเลยครับ ก็เลยอยากบอกว่า คนที่จะเข้าหมอไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่กับการเรียนตลอดเวลา มันอยู่ที่การแบ่งเวลากับความรับผิดชอบของเรามากกว่าครับ แต่ก็ต้องจริงจังในเรื่องของการเตรียมตัวสอบ เพราะยังไม่ทันจบ ม.6 ก็ต้องเข้าสนามสอบแล้ว อาจจะต้องสละเวลาส่วนนึงไปบ้าง ส่วนตัวผมเองพูดง่ายๆ ก็คือ เรียนก็เอากิจกรรมก็ไม่ทิ้งครับ
 

 
สอบแพทย์ กสพท เป็นอย่างไรบ้าง คิดว่าอะไรยากที่สุด
          ก็โอเคครับ ได้คะแนนรวม 68.6871 ได้วิชาเฉพาะแพทย์ประมาณ 20 วิชาสามัญ 48.6733 ครับ
          ส่วนตัวคิดว่าวิชาเฉพาะแพทย์ยากสุดครับ เพราะถึงเตรียมตัวมาดียังไง พอสอบจริงๆ คะแนนอาจจะไม่ดีอย่างที่หวังก็ได้ครับ มีแค่พาร์ทเชื่อมโยงที่เตรียมตัวมาก็ทำได้ครับแล้วก็ควรได้เต็มเพื่อดึงคะแนนส่วนอื่นๆ ส่วนพาร์ทจริยธรรมกับเชาวน์นี่ก็ตามบุญเก่าละกันนะครับ คนที่สอบมาคงรู้ดี 555 ข้อสอบวิชาสามัญมี 9 วิชาแล้วแต่แพทย์ก็ยังคงใช้ 7 วิชา ซึ่งก็ไม่ได้ง่ายครับ แต่ถ้าเราเตรียมตัวมาดี มีความพร้อม ก็มีโอกาสทำคะแนนได้สูงครับ


แบบนี้มีเคล็ดลับการเตรียมตัวสอบ กสพท อย่างไรบ้าง
          สำหรับเคล็ดลับการอ่านหนังสือของผมนะครับ ก่อนอ่านเราต้องวางแผนก่อนครับ เหมือนกับการไปเที่ยวก็ต้องศึกษาเส้นทางให้ดีก่อน ไม่งั้นก็ขับรถไปอย่างไม่มีจุดหมาย ผมก็วางแผนโดยทำเป็นปฏิทินส่วนตัวครับ เขียนเลยว่าใน 1 วันเราจะอ่านวิชาอะไรบ้าง หน้าไหนถึงหน้าไหน ทำโจทย์วิชาไหนบ้าง เขียนไล่วันไปเรื่อยๆ จนจบทุกอย่างครับ แต่ในการเตรียมตัวเราก็ต้องรู้ครับว่าควรทุ่มกับวิชาไหนมากกว่ากัน เพราะแต่ละวิชามีค่าน้ำหนักไม่เท่ากันครับ

          ความถนัดแพทย์
          -พาร์ทเชื่อมโยง ก็หมั่นฝึกทำบทความเยอะๆ ครับ หาหนังสือดีๆ สักเล่มมาทำ บวกกับความรอบคอบ เก็บเต็มไม่ยากครับพาร์ทนี้
          -พาร์ทจริยธรรม อันนี้เห็นเค้าบอกให้สวมวิญญาณความเป็นหมอเข้าไปแล้วไปนั่งตอบอะครับ แต่ก็ยังไม่มีใครรู้เฉลยที่ถูกต้อง ที่เรียนพิเศษบางที่ยังเฉลยไม่เหมือนกันเลย
          -พาร์ทเชาว์ อันนี้ก็มีบางส่วนที่เก็บคะแนนได้ครับ เช่น อนุกรมตัวเลข ซึ่งปีผมไม่ออก ที่สำคัญคือเรื่องเวลาครับ ต้องรีบคิดรีบทำ


          9 วิชาสามัญ
          -เลข อังกฤษ ผมให้ความสำคัญกับ 2 วิชานี้มากที่สุดเลยครับ เพราะมีค่าน้ำหนักคะแนนมากที่สุด คือวิชาละ 20% ก็หมั่นทำโจทย์บ่อยๆ จับเวลาด้วยครับ เพราะส่วนใหญ่คนทำไม่ทันกันเยอะมากโดยเฉพาะอังกฤษ
          -วิทย์ (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ) รวมกัน 40% ตกวิชาละ 13.33% ครับ ผมก็พยายามจับประเด็นสำคัญๆ ให้ได้ก่อน แล้วค่อยต่อยอดรายละเอียด จนครบทุกหัวข้อ แล้วค่อยฝึกกับโจทย์ครับ
          -ไทย สังคม วิชาละ 10% ผมจะฝึกไทยจากข้อสอบเก่ามากกว่าครับ เพราะส่วนใหญ่เป็นบทความให้วิเคราะห์ หลักภาษามีน้อยมากครับ ส่วนสังคมก็ให้คิดว่าอ่าน 5 วิชา คือ พุทธศาสนา หน้าที่พลเมือง ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และภูมิศาสตร์ครับ อย่าไปมองว่าเป็นสังคมวิชาเดียวเพราะจะทำให้เราท้อกับการอ่านได้ ซึ่งแต่ละวิชาแต่ละปีก็จะมีบางเรื่องที่ออกแน่ๆ ก็พยายามโฟกัสให้ถูกเรื่องครับ

 

 
4 อันดับที่เลือกมีอะไรบ้าง จัดลำดับอย่างไร
          อันดับ 1. แพทยศาสตร์ รพ. รามาธิบดี ม.มหิดล
          อันดับ 2. แพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ม.นวมินทราธิราช
          อันดับ 3. แพทยศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ
          อันดับ 4. แพทยศาสตร์ ม.นเรศวร
          ส่วนการจัดอันดับผมก็จะยึดหลัก 2 อย่าง คือ เลือกตามความสนใจด้วย อย่างที่เลือกแพทย์รามาอันดับ 1 เพราะได้มีโอกาสไปเข้าค่ายรามาปณิธานครั้งที่ 20 เลยเป็นแรงบันดาลใจส่วนตัว แล้วก็ดูข้อมูลคะแนนต่ำสุดปีก่อนๆ ของแต่ละที่ประกอบด้วยครับ เพื่อประเมินตัวเองสำหรับจัดอันดับอื่นๆ ว่าเราจะเข้าได้ขนาดไหน


ได้สอบอะไรนอกจากแพทย์มั้ย
          มีสอบ GAT PAT ซึ่งแพทย์ กสพท. ไม่ใช้ครับ แต่สอบไว้เผื่อพลาดจะได้ยื่นคณะอื่นได้ ส่วนรับตรงของคณะอื่นก็ไม่มีสอบครับเพราะรู้ตัวเองแล้วว่าอยากเป็นหมอ ส่วนคะแนน GAT PAT ก็
          GAT ได้ 250.74  
          PAT1 ได้ 196  
          PAT2 ได้ 174
          PAT3 ได้ 186 ครับ

"รู้ตัว" ตั้งแต่เมื่อไหร่
          จริงๆ ตอน ม.4 อยากเรียนทันตะฯ ครับ ได้มีโอกาสไปงาน open house ก็รู้สึกว่าเราไม่ชอบอะไรแบบนี้ครับ ตอนพิมพ์ฟันนู่นนี่่นั่น ซึ่งผมไม่ชอบ 555 พอ ม.5 เทอม 2 ได้มีโอกาสไปเข้าค่ายรามาปณิธานครั้งที่ 20 ได้ไปเห็นว่าคนเรียนหมอเค้าต้องเจอกับอะไรบ้าง ผมก็รู้สึกว่าผมชอบมากๆ ไม่มีอะไรเลยที่ผมลังเลว่าจะเข้าคณะนี้ดีมั้ย ตั้งแต่นั้นก็เลยมุ่งมั่นครับ
 

 
หลายๆ คนพอมีที่เรียนในมหาลัยแล้วก็ทิ้ง O-NET ได้เลย แต่แพทย์ยังใช้คะแนน O-NET ตรงนี้ต้องใส่ใจเป็นพิเศษมั้ย 
          ใส่ใจนะครับ เพราะเหมือนเป็นด่านสุดท้ายของการสอบหมอ ถ้าคะแนนรวมไม่ถึง 60 % ก็หมดสิทธิ์เข้าเรียนในปีนั้นเลยครับ และโลกนี้ก็ไม่มีอะไรแน่นอน 100 % ปีนี้ก็ดันมีการเปลี่ยนรูปแบบข้อสอบอีกด้วยครับเลยต้องศึกษาเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องเนื้อหาก็พอเบาใจลงได้ครับ เพราะผ่าน 9 วิชามาแล้วซึ่งยากกว่า O-NET พอสมควร ก็อยากให้ตั้งใจทำ O-NET ให้ดีครับ เพราะอย่างเช่นแพทย์รามาก็ใช้คะแนน O-NET วิชาอังกฤษมาตัด คือคนได้คะแนนต่ำกว่า 60 กับมากกว่า 60 จะเรียนคนละคลาสกันครับ

เล่าชีวิตตอนมัธยมให้ฟังหน่อย เคยมีวีรกรรมอะไร หรือสิ่งที่ประทับใจอะไรบ้าง
          นึกก่อนนะครับ 555 อ้อ! วีรกรรมก็มีครับแต่เป็นตอน ม.ต้น เลยที่เพิ่งหัดใช้ Facebook ครับ แล้วก็ไปสร้าง account ปลอมอาจารย์ท่านนึงไปป่วนเพื่อนครับ 555 ตอนนั้นยังไม่รู้ว่า  Facebook มันจะสาธารณะขนาดนี้ อาจารย์จับได้ก็สั่งให้ไปลบครับ แต่ก็ไม่ได้ลงโทษอะไรร้ายแรง ตั้งแต่นั้นก็ระวังการใช้โซเชียลมากครับ

          ส่วนช่วงม.ปลายก็จะมีกีฬาสีตอน ม.5 ครับ ที่โรงเรียนคนทำกิจกรรมกีฬาสีจะเป็น ม.5 ไม่เหมือนบางโรงเรียนที่ ม.6 ทำ อย่างที่บอกไปผมเป็นหัวหน้าคณะสี หรือที่เรียกว่าประธานสีนั่นแหละครับ ก่อนจะได้เป็นประธานเนี่ยเราจะต้องไปแสดงโชว์หาเสียงให้น้องๆ ในสีเราดูตอนประมาณเปิดเทอมครับ แล้วน้องๆ ในสีเค้าถึงจะโหวตกัน ซึ่งผมคิดว่ากิจกรรมหาเสียงหรือกีฬาสีเนี่ยมันทำให้พวกเพื่อนๆ รักกันมากขึ้น อาจจะมีทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายก็ยังช่วยกันจนทำงานจนสำเร็จครับ แล้วก็ยังเปิดโอกาสให้ผมมีโอกาสได้ทำงานกับเพื่อนต่างห้อง ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ มากขึ้นครับ อีกอย่างก็ทำให้เรารู้ว่าเพื่อนคนไหนคือเพื่อนแท้ที่คอยอยู่ช่วยเราในยามยากลำบากอีกด้วยครับ

 

 
สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงน้องๆ ที่อ่านบทความของเราบ้าง
          อยากให้น้องๆ เดินตามความฝันของน้องๆ ครับ น้องกล้าฝันแล้วน้องก็ต้องที่จะกล้าทำตามความฝัน จุดหมายไม่ได้มีไว้แค่มองเฉยๆ ครับ เมื่อไหร่ที่น้องท้อก็ให้น้องนึกถึงวันประกาศผลแล้วน้องเห็นชื่อตัวเองติดคณะที่น้องฝันครับ น้องทุกคนมีศักยภาพในตัวอยู่แล้ว อย่าท้อนะครับ พี่เป็นกำลังใจให้ สู้ๆ ครับ
 

 
          เป็นยังไงกันบ้างครับก็ได้เห็นจากตัวอย่างเรื่องราวของพี่แฟรค์กี้แล้วเนาะ ว่าการเตรียมตัวสอบแพทย์จุดสำคัญจริงๆ อยู่ที่การแบ่งเวลาชีวิตที่ดี และการจัดลำดับความสำคัญกับการเตรียมตัวอ่านหนังสือ ไม่ใช่แค่การคร่ำเคร่งกับตำราอย่างที่หลายคนคิดและกลัวกันว่าจะหนักหนาสาหัสขนาดนั้น สำหรับใครที่อยากจะเข้าแพทย์ก็ต้องลองค้นหาตัวเองดูว่าชอบด้านนี้จริงมั้ย พร้อมจะเต็มที่กับการเตรียมตัวหรือเปล่า โดยการไปเข้าค่ายหรืองานโอเพ่นเฮ้าส์จากแพทย์สถาบันต่างๆ ยังไงพี่แทรกเตอร์และพี่แฟรค์กี้ก็เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังเตรียมตัวสอบแพทย์ และรอเข้าสนาม กสพท.60 ครับ
 
พี่แทรกเตอร์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

5 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
My.iD Rin Member 19 ก.ค. 59 13:00 น. 2
กรี๊ดดดพี่แฟรงไก่ พี่เป็นประธานสีที่สวดยอดมากกก พี่เก่งฟุดๆ ถ้าพี่แวะมามาเลี้ยงพิซซ่าอีกน่ะ อยากถามพี่ค่ะเอาเวลาไหนไปซ้อมเต้นโอคอปปีที่แล้ว วงพี่เจ๋งมาก จากรุ่นน้องน้องสีม่วงค่ะ
1
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด