4 เรื่องเตือนใจกันพลาดก่อนสอบ 7 วิชาฯ จากติวเตอร์

     สวัสดีจ้าน้องๆ ชาว Dek-D.com เทศกาลยินดีปีใหม่ตอนนี้ คงทำให้หลายๆ คนมีความสุขยิ้มแก้มปริกันไป จะสนุกกันขนาดไหน เด็ก ม.6 ก็ต้องกลับมาเจอกับความโหดรับต้นปีกับการสอบ 7 วิชาสามัญ (กรี๊ดดดด)

     แม้จะดูโหดไปหน่อยสำหรับการสอบในเทศกาลปีใหม่ แต่ยังไงก็ต้องเป็นไปค่ะ หลายคนคงพร้อมกับการอ่านมาแล้ว นอกเหนือจากการอ่านหนังสือแล้ว ในโค้งสุดท้ายนี้ พี่แนนมีข้อเตือนใจดีๆ ที่ติวเตอร์ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น พี่ซุปเค ,ครูพี่แนน Enconcept ฝากพี่แนนมาบอกน้องๆ ทุกคน เป็นเรื่องที่ควรจำ และระวังก่อนเข้าห้องสอบ ไปฟังกันเลย!!

     
พี่ซุปเคเตือน

     พี่แนน - พี่ซุปเคคะ มีน้องๆ หลายคนถามมาว่า เวลาเข้าไปทำข้อสอบ มันตื่นเต้นค่ะพี่ ทำยังไงดีคะ?

     พี่ซุปเค : หากเวลาตื่นเต้นมากๆ ก็ให้น้องเอาสติ มารู้สึกอยู่กับ กาย หรือ ลมหายใจ แล้วจะหายตื่นเต้น สติ คือ ความระลึกได้ถึงมีอยู่ของสิ่งนั้นๆ เช่น ที่ผ่านมา เราหายใจทั้งวัน แต่ไม่เคยรู้เลยว่า เราหายใจเข้าตอนไหน หรือออกตอนไหน เราหายใจไปตามความเคยชิน ด้วยระบบประสาทอัตโนมัติ นั่นแปลว่า เราลืมลมหายใจ หรือไม่มีสติกับลมหายใจ หรือขาดสติครับ แค่กลับมา สังเกต ให้เห็นถึงความมีอยู่ ของลมหายใจ ในขณะปัจจุบัน นั่นแหละ คือ การมีสติอยู่ที่ลมหายใจแล้ว

     ดังนั้น เมื่อจิตมีสติอยู่กับลมหายใจ จิตก็จะไม่เผลอไปคิดฟุ้งซ่านมากนัก เมื่อไม่คิดฟุ้งซ่าน ก็ไม่ตื่นเต้นเยอะ เมื่อไม่ตื่นเต้นเยอะ ก็มีสมาธิ เมื่อมีสมาธิ ก็สามารถทำข้อสอบที่อยู่ตรงหน้า ได้เต็มศักยภาพเท่าที่น้องๆ เตรียมมา
 

     พี่แนน - พี่ซุปมีวิธีฝึกแบบง่ายๆ ไหมคะ?

     พี่ซุปเค - แต่ทว่า ถ้าน้องๆไม่มีเวลาฝึกแล้ว เคล็ดลับอะไรบ้างไหม? หากน้องตื่นเต้นมากๆ  ก็ให้ ถอนหายใจแรงๆสัก 4 - 5 ครั้ง เอาให้แรงเลย  แต่อย่าให้ขี้มูกไหลออกมาก็พอ แล้วเอาสติ มาจับให้รู้สึกถึง ลมหายใจที่กำลังไหลออกปล่อยใจไปตามลม  เพื่อตัดความคิดฟุ้งซ่านออกเมื่อเริ่มสงบใจเย็นลง ก็รีบมาทำข้อสอบตรงหน้าต่อไป

     น้องๆ ครับ ความตื่นเต้นทั้งหลาย มันมาจากความอยากที่เกินพอดีครับดังนั้น ตอนขณะสอบ ให้น้องรู้เท่าทันไอ้ตัวความอยากนี้ แล้วคิดสอนใจตัวเองไปว่า อยากไปก็เท่านั้นจะดีหรือไม่ดี มันอยู่ที่เหตุที่เราได้ทำ มันอยู่ที่เหตุว่า เตรียมตัวมาดีแค่ไหน กับเหตุที่เรากำลังจะลงมือทำข้อสอบตรงหน้านี้ แต่ทว่า การเตรียมตัวสอบ มันผ่านไปแล้ว จะคิดกลุ้มใจหรือ เสียดายเวลาไปก็เท่านั้น เหลือก็แต่  การทำเหตุให้ดีให้ถึงพร้อมของ การทำข้อสอบตรงหน้า ดังนั้น ตอนทำข้อสอบ ก็จงใช้ชีวิตเพื่อทำข้อสอบ เวลาตอนนั้นมีไว้เพื่อทำข้อสอบ ไม่ได้มีไว้ให้ความคิดฟุ้งซ่านหรือความอยากใดๆ เมื่อคิดสอนใจตัวเองอย่างนี้ได้ จิตของน้องก็จะเริ่มสงบลงอีกครั้ง ซึ่งก็ให้น้องรีบเอาจิตที่สงบดังกล่าว  มาทำข้อสอบที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดต่อไปครับ

     พี่แนน - ฝากพี่ซุปเคให้กำลังใจน้องๆ ในการสอบที่ดูจะโหดนิดนึง (เทศกาลปีใหม่ยังไม่หมด น้องก็ต้องมาสอบกันแล้ว)

     พี่ซุปเค - ปีใหม่มีได้หลายครั้ง แต่สอบสามัญมีได้ครั้งเดียว(คงไม่มีใครอยากสอบหลายครั้งใช่ไหมครับ) ดังนั้น ทุ่มเทกับ ครั้งนี้ให้เต็มที่ แล้ว เอาความสำเร็จที่ได้ไปฉลองปีใหม่ ในปีต่อไป ท้อเมื่อไร นึกถึงหน้า พ่อแม่ เอาไว้ จำไว้ว่า มีคนที่เสียสละเพื่อเรามากมาย  กว่าที่เราจะโตมาได้วันนี้ เหนื่อยนิดเดียว จะเป็นอะไรไป สู้เท่านั้น ลำบากแค่ไหน ก็ต้องก้าวเดินไปข้างหน้า  ก้าวด้วยความเพียร+ปัญญาเท่านั้น จึงมีสิทธิ์ถึงฝั่งฝัน แต่ถ้าไม่ก้าวอะไรเลยนั้น  ก็คงไม่ต้องฝันให้เสียเวลาครับ

ครูพี่แนน Enconcept เตือน

     พี่แนน - ครูพี่แนนคะ มีน้องหลายคนหักโหมอ่านหนังสือกันมาก จนน่าเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ อยากให้พี่แนนให้คำแนะนำน้องๆ กันสักนิดค่ะ?

     ครูพี่แนน - จริงๆ แล้วน้องๆ ควรฝึกจัดเวลาการอ่านและการพักให้กับตัวเองอย่างเป็นระบบ พี่แนนไม่ได้บอกขึ้นมาเองลอยๆ แต่สมองของน้องๆ บอกมา เพราะจริงๆ แล้วสมองของเราเหมือนขวดน้ำที่ปากทางเข้าของข้อมูลมีทางเข้าเป็นคอคอดแคบๆ เวลาที่เราเทน้ำลงไปเยอะๆ มันจะตันอยู่ที่คอขวด และถ้าเราเทเร็วเกินไป ไม่ทิ้งเวลาให้น้ำมันค่อยๆ ไหลลงสู่ก้นขวด มันก็จะกระฉอกออกหมดตั้งแต่ปากทางเข้า ในทางตรงกันข้ามถ้าเราเทลงไปในจังหวะที่สม่ำเสมอ และเมื่อถึงจุดเต็มที่ของมัน ก็ต้องพักให้เวลามันลำเลียงลงไป ก่อนที่จะใส่ข้อมูลลงไปใหม่

     จากงานวิจัยพบว่าสมองทำงานต่อเนื่องไม่หยุดเลยได้ประมาณ 30 - 50 นาที และต้องการพักสั้นๆ 2 - 3 นาทีเพื่อจัดเรียงข้อมูลเก่าให้เข้าที่ ดังนั้นในเวลาดังกล่าวน้องๆ ควรจะพักแบบพักจริงๆ ขอย้ำว่า พักจริงๆ การคุยกับเพื่อน หรือเล่น Facebook ไม่ได้เป็นการพักสมอง แต่เป็นการใช้สมองไปทำงานกับเรื่องอื่นแทน

     การพักสมองที่ดีที่สุดคือการนอน แต่ถ้าคิดว่านอนแล้วจะเลย 3 นาที พี่แนนแนะนำให้ใช้การหลับตาทำสมาธิ นับลมหายใจเข้าออก หรือว่าจะทำโยคะ ขยับตัวยืดเส้นยืดสาย ก็ช่วยได้มากค่ะ

     นอกจากนี้ในช่วงใกล้สอบแบบนี้ น้องๆ ส่วนใหญ่จะใช้การอดหลับอดนอนเพื่ออ่านหนังสือให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ พี่แนนขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทำแบบนั้น เราอาจจะลดเวลานอนลงจากนอนยาวๆ 8 - 12 ชั่วโมง อาจจะค่อยๆ ลดลงเหลือ 6-7 ชั่วโมง แต่ไม่ควรต่ำกว่านี้ และไม่ควรนอนหลับไม่เป็นเวล่ำเวลา เช่นบางวันนอน 2 ทุ่ม บางวันนอนเที่ยงคืน นาฬิกาชีวะในร่างกายจะรวนไปหมด ทำให้เรารู้สึกเพลียสะสมกว่าคนที่นอนน้อยกว่า แต่นอนเป็นเวลาสม่ำเสมอค่ะ

     พี่แนน - บางคนก็อ่านหนังสือจนไม่กินข้าวกันเลย แบบนี้มีผลเสียขนาดไหนคะ?

     ครูพี่แนน - การนอนและการกินอาหารให้ถูกหลัก สำคัญกับสมองของน้องๆ พอๆ กับการอ่านหนังสือให้ได้ปริมาณ เพราะว่าในระหว่างที่น้องหลับ สมองจะทำหน้าที่ย้ายความจำระยะสั้น ไปสู่ส่วนความจำระยะยาว รวมทั้งซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอจากการทำงานหนักมาทั้งวัน เด็กๆ เรียนมาแล้วใช่ไหมคะว่าอะไรช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่ซึกหรอ มันคือ โปรตีน ไม่ใช่คาเฟอีน นะจ้ะ ดังนั้น ควรดื่มน้ำ และรับประทานอาหารประเภทโปรตีนมากเป็นพิเศษ จะช่วยให้กายพร้อมค่ะ

     ท้ายที่สุดแล้ว กายพร้อมคงไม่พอ ในโค้งสุดท้ายการทำใจให้พร้อมสำคัญที่สุด คนส่วนใหญ่เตรียมตัวมาดีไม่แพ้กัน อ่านหนังสือมาเท่าๆ กัน แต่คนที่มีสติ และมีสมาธิเต็มที่เท่านั้นจึงจะดึงความรู้ออกมาใช้ได้ทันท่วงที ดังนั้นต้องคิดเสมอว่า เราทำเหตุมาดีเต็มที่แล้ว ผลจะเป็นอย่างไรช่างมัน ให้ความหนักใจไปอยู่ที่คนตรวจข้อสอบ หน้าที่เราแค่ดูว่าแต่ละข้อที่จรดปากกาลงไป จะเลือกอะไรให้ดีที่สุดเป็นพอค่ะ

     พี่แนน - อยากให้ครูพี่แนนให้กำลังใจน้องๆ กับการสอบสักนิดค่ะ

     ครูพี่แนน - การสอบครั้งนี้ดูเป็นของขวัญปีใหม่จาก สทศ. ที่โหดมาก แทนที่ปีใหม่จะได้ไปเที่ยวสนุกสนานให้เต็มที่ ต้องมาเตรียมตัวเตรียมใจ ตั้งหน้าตั้งตาอ่าน

หนังสือสอบ แต่ถ้าคิดให้ดี นี่ก็ถือเป็นก้าวแรกของการฝึกฝนจิตวิญญาณของคนจะเป็นแพทย์ เป็นสถาปนิก คนเหล่านี้ทำงานหนักและต้องพร้อมกับการทำงานเสมอ ถ้าผ่านด่านนี้ไปได้ ชีวิตในการเรียน และการทำงานในสายอาชีพนี้ไปอีกชั่วชีวิตก็จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับน้องๆ ไปเลย เป็นของขวัญ และบทเรียนอันมีค่าที่ผู้ใหญ่ใจดีฝากไว้ให้คิดนะคะ

     ไม่ว่าผลสอบจะเป็นอย่างไร ขอให้ประสบการณ์และความรู้ที่ได้มาเป็นของขวัญอันมีค่าสำหรับปีใหม่นี้นะคะ สุขสันต์วันปีใหม่ทุกๆ คนค่ะ สู้ๆ

 

     จดหมายจากพี่โหน่ง...

     ในชีวิต...เรามีความทุกข์กับการคิดไปเอง มากกว่า ทุกข์จากเหตุการณ์แย่ ๆ ที่เกิดกับเรา" ถึงน้อง ม.6  ที่อยากเป็นหมอทุกคนครับ

     ทำไมหนอ   ปีใหม่นี้   คนที่ปรารถนาดี ที่จะเป็นหมอที่ดีให้แก่สังคม   จะต้องมาตกระกำลำบาก อ่านหนังสือข้ามปีกันเนี๊ยะ ??

     สอบมากี่ครั้ง ก็ยังไม่ติด สอบครั้งนี้ .... จะติดไหม  .... จะบ้าตายอยู่แล้ว ??

     น้องครับ ก็เพราะว่ามันคือการสอบหมอยังไงหล่ะครับ .... มันก็แค่โชคชะตามาขอล้อเล่นกับเรานิดเดียว ให้เราลองอยู่ในภาวะที่เห็นใคร ๆ เขาก็มีความสุขในช่วงปีใหม่แต่เราต้องมาจับเจ่า เอาหนังสือมาอ่าน  

     แต่น้องครับ ในชีวิตจริงสำหรับคนที่เป็นหมอ ... มันไม่ได้ต่างจากหมอที่ต้องอยู่เวรประจำที่โรงพยาบาลในวันขึ้นปีใหม่ และไม่ได้ต่างจากหมอที่ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาผู้ป่วย .. เขาเลือกที่จะอยู่ฉลองปีใหม่ได้หรือครับ

     ดังนั้น.. อย่าอยู่กับการที่ต้องทุกข์ เพราะความคิดที่ทำให้ตัวเราเองทุกข์เลยครับคิดซะว่า  เรากำลังต้องทำหน้าที่หมอ  ซึ่งในขั้นแรกก็คือ "ต้องสอบหมอให้ได้"  ..... แค่นี้ ใจเราก็จะยอมรับหน้าที่ที่ต้องอ่านหนังสือแล้วครับ   มันเป็นหน้าที่ที่เราควรทำก็แค่ทำให้เต็มที่  อย่างอื่นไม่จำเป็นต้องเอามาคิดให้ทุกข์เหมือนคนโง่ที่ไม่เข้าใจชีวิตนะน้อง... ถ้าเราไม่เข้าใจหน้าที่ และชีวิตตัวเราเอง...เราจะไม่สามารถไปช่วยชีวิตใครได้นะครับ    

     พี่ขอโทษนะครับ ที่พี่ปลอบประโลมใจใครไม่ค่อยเป็น คำพูดพี่อาจดูตรงไปหน่อย แต่อยากให้เราค่อย ๆ อ่าน  อ่านหลาย ๆ รอบนะครับ เผื่อว่าเราจะได้เข้าใจว่าพี่ ไม่ได้คิดร้ายอะไรกับน้องของพี่เลยครับ

      สู้ ๆ นะครับ    ขอให้ความพยายามในปีนี้   ส่งผลให้น้องพี่สำเร็จ และมีความสุข

อ.ปิง ดาว้องก์ เตือนสั้นๆ

 

     ได้ฟังคำแนะนำ คำเตือนจากติวเตอร์กันไปแล้ว น้อง ม.6 คนไหนที่จะต้องสอบ 7 วิชาสามัญ อย่าลืมทำตามคำแนะนำนะคะ อย่าหักโหม อย่าเครียด พักผ่อน ทำสมาธิบ้าง ทุกอย่างก็จะผ่านไปด้วยพี่ พี่แนนเป็นกำลังใจให้จ้า!!!