วัสดีค่ะน้อง ๆ ก่อนจะสอบ GAT PAT รอบ 2 นี้พี่แป้งก็มีแนวข้อสอบมาฝากค่ะ เป็น Pre-test ก่อนสอบ GAT อังกฤษให้น้อง ๆ ลองทำกัน อย่าเปิดแกรมม่า อย่าอ้างอิงหนังสือเล่มไหน ลองทำดูนะคะมีแค่ 10 ข้อเอง ทางที่ดีลองจับเวลาด้วยค่ะว่าการทำ 10 ข้อเราใช้เวลาไปกี่นาที หรือเรากำหนดเวลาก็ได้ค่ะว่าต้องเสร็จภายใน 15 นาที 20 นาที กำหนดได้เองเลยค่ะ พร้อมกันหรือยังคะ? ไปลองทำกันเลยค่ะ (อย่าแอบดูเฉลยก่อนนะ)

 



           ผ่านไปแล้วนะคะ 10 ข้อ ใครทำได้กันกี่คะแนนบ้าง อย่าลืมมาแชร์กันนะคะ พี่แป้งลองทำก่อนเฉลยได้แค่ 5 ข้อเอง T_T พี่ว่าพี่คงไม่มีดวงทางภาษาอังกฤษแน่ ๆ แต่ว่าถ้าทำแล้วไม่รู้เฉลยก็คาใจใช้มั้ยคะ พี่แป้งมีเฉลยมาฝาก แยกเป็นข้อ ๆ กันไปเลย แต่ละข้อมาจากพาร์ทไหนบ้าง แล้วเฉลยเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ


ข้อที่ 1 จากพาร์ท Odd one out  (GAT Vocabulary)
     a. cajole
     b. mortify
     c. inveigle
     d. blandish


          เฉลยตอบข้อ b. mortify ค่ะ โดยคำว่า mortify แปลว่า ทำร้าย หรือ ทำให้เสียหน้า ส่วนช้อยส์ข้ออื่น ข้อ a. cajole แปลว่า ชักนำให้ทำตาม หลังจากที่หว่านล้มมากแล้ว ข้อ c. inveigle แปลว่า การใช้ปัญญาหว่านล้อมให้ผู้ที่ไม่ได้ต้องการจะทำจริง ๆ ทำในสิ่งที่เราอยากให้ทำ ส่วนข้อ d. blandish แปลว่า ชักจูง(คนอื่น)โดยใช้สิ่งดี ๆ มาหว่านล้อม


ข้อที่ 2 จากพาร์ท Odd one out  (GAT Vocabulary)
     a. tacit
     b. prolix
     c. implicit
     d. unstated
 
          เฉลยตอบข้อ
b. prolix  โดยคำว่า prolix แปลว่า เยิ่นเย้อ ยืดยาด ส่วนช้อยส์ข้ออื่น ข้อ a. tacit แปลว่า โดยปริยาย โดยรู้ๆกัน ข้อ c. implicit ก็แปลว่า โดยปริยาย และข้อ d. unstated  แปลว่า โดยไม่ต้องพูด โดยที่รู้ ๆ กัน


ข้อที่ 3 จากพาร์ท Odd one out  (GAT Vocabulary)
     a. precise
     b. accurate
     c. error-free
     d. fortuitous
 
          เฉลยตอบข้อ
d. fortuitous โดยคำว่า fortuitous แปลว่า เคราะห์ดี รุ่งโรจน์ หรือ โชคลาภ ส่วนช้อยส์ข้ออื่น ข้อ a. precise แปลว่า แม่นยำ ข้อ b. accurate ก็แลกว่า แม่นยำ ทำด้วยความละเอียดละออ ส่วนข้อ c. error-free แปลว่า ไม่พลาด นั่นก็คือแม่นยำนั่นเองค่ะ


ข้อที่ 4 จากพาร์ท Meaning Recognition

โจทย์ 
    
I'm afraid that I can't accept your products because their quality has not matured.

     a. Even though I failed the previous proficiency test, I will try hard again to
mature.
     b. Cheese factory
matures its products for long time it gets them out to clean and sell then.
     c. Parents let their children hang out with friends at night when they consider their children as
mature ones.
     d. The amateurish artist had improved his artistic ability until his painting was
mature enough to win the first prize.


ก่อนอื่นเรามาแปลโจทย์ก่อนดีกว่าค่ะ
   โจทย์ 
I'm afraid that I can't accept your products because their quality has not matured.
    แปลว่า  ฉันกลัวว่า (afraid) คงรับสินค้าของคุณไว้ไม่ได้ เพราะคุณภาพยังไม่ถึงขั้น (หรือคุณภาพยังไม่ได้มาตรฐานที่ตั้งไว้)


          ทีนี้เราก็มีดูช้อยส์ทีละข้อ จริง ๆ น้อง ๆ ไม่ต้องแปลทุกคำก็ได้นะคะ พยายามแปลให้ได้มากที่สุดแล้วมโนภาพรวมเอา
         
ข้อ a. Even though I failed the previous proficiency test, I will try hard again to mature.  แปลได้ประมาณว่า ฉันเฟลในการสอบวัดศักยภาพ (ประมาณว่าสอบผ่านเพื่อก้าวไปอีกขั้น) แต่ว่าฉันจะพยายามอย่าหนัก (try hard) เพื่อ .... ตรงนี้เป็นคำว่า mature แสดงว่าคนนี้จะต้องพยายามเพื่อให้ผ่านให้ได้ ก็คือให้ถึงระดับความชำนาญนั้นนั่นเอง
         
ข้อ  b. Cheese factory matures its products for long time it gets them out to clean and sell then.  แปลรวม ๆ ว่า โรงงานทำชีส ...... (matures) กับสินค้าเอาไว้เป็นเวลานานมั่กๆ ก่อนที่จะนำออกมาทำความสะอาดและขายออกไป ตรงนี้เราก็เดา ๆ ได้ว่า ต้องทำอะไรกับชีสสักอย่าง จะบ่ม จะหมัก จะอะไรก็ตามประมาณนี้ เพราะฉะนั้น matures ข้อนี้น่าจะหมายถึง บ่ม หรือ หมัก ไม่น่าเกี่ยวกับโจทย์ >> ตัดทิ้ง!!
          ข้อ c. Parents let their children hang out with friends at night when they consider their children as mature ones. มาเริ่มดูก่อนว่าแปลว่าอะไร ผู้ปกครองอนุญาติให้ลูก ๆ ของพวกเขาออกไปเที่ยวเล่นในตอนกลางคืน (hang out) กับเพื่อน ๆ ได้ เมื่อพวกเขาได้เห็นว่าลูก ๆ ของพวกเขา ..... mature ในประโยคนี้ถ้าให้เดา ๆ ก็ต้องเป็นแบบว่า โตแล้ว มีวุฒิภาวะแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้ว ใช่มั้ยคะ? งั้นอันนี้เก็บไว้ก่อน ไปดูข้อต่อไปก่อน
         
ข้อ d. The amateurish artist had improved his artistic ability until his painting was mature enough to win the first prize.  แปลโดยรวม ๆ ว่า ศิลปินมือใหม่ได้พัฒนาความสามารถทางศิลปะของตัวเองจนกระทั่งภาพวาดของเขา ..... mature enough to win the first prize ก็ได้อารมณ์ประมาณว่า มีคุณภาพแล้ว เป็นที่ยอมรับ

          ทีนี้เราก็มีดูค่ะ ว่าข้อไหนใกล้สุด ข้อ b. เราตัดทิ้งไปแล้ว ทีนี้เราจะมาดูตามโจทย์ matured เป็นความหมายว่า ระดับที่พอใจ , ถึงขั้น ซึ่งมาดูช้อยส์ข้อ c. แปลว่า โตแล้ว มีวุฒิภาวะ ก็ไม่น่าจะเกี่ยว เราก็ทำการ ตัดทิ้ง!! ทีนี้เหลือข้อ a. และ d. ข้อ a. คำว่า mature แปลว่า ถึงระดับ ถึงขั้น ส่วนข้อ d. แปลว่า มีคุณภาพ เพราะฉะนั้นถ้าดูรูปประโยครวม ๆ กับศัพท์นั้น ข้อ a. จะใกล้เคียงโจทย์มากที่สุด ข้อนี้เลยตอบข้อ a. ค่ะ



ข้อที่ 5 จากพาร์ท Meaning Recognition

โจทย์
   
Because of being promoted, his girlfriend treated him to an expensive gold pen.

     a. If I hate someone, I treat him or her as an invisible person.
     b. My dry skin is usually
treated with moisturizer lotion especially in winter.
     c. Her mother
treated her to a big present after she passed examination.
     d. My daughter was so lucky; the doctor
treated her with the best medicine.

เหมือนเดิมค่ะ เรามาเริ่มที่โจทย์ก่อน
   โจทย์ 
Becaues of being promoted, his girlfreind treated him to an expensive gold pen.
    แปล  เพราะว่าเขาได้เลื่อนตำแหน่ง (promoted) แฟนสาวของเขาจึง .... ด้วยปากกาทองราคาแพง >> ตรงนี้เราจะเห็นสำนวน treat someone to something คือ treated him to an expensive gold pen โดยสำนวนนี้หมายความว่า หาของขวัญพิเศษมาให้ ตรง treated ข้อนี้เลยแปลว่า หาของขวัญ, ให้ของขวัญ

เราก็มาดูที่ช้อยส์ต่อเลยค่ะ
         
ข้อ a. If I hate someone, I treat him or her as an invisible person. แปลคร่าว ๆ ว่า ถ้าฉันเกลียดใครสักคน ฉัน .... ราวกับคนนั้นไม่มีตัวตน treat ในข้อนี้คงไม่ได้แปลว่า หาของขวัญมาให้ ควรจะแปลว่า ปฏิบัติต่อ, ทำต่อ มากกว่า เพราะฉะนั้นข้อนี้ >> ตัดทิ้ง!!
         
ข้อ b. My dry skin is usually treated with moisturizer lotion especially in winter.  เริ่มแปลเลยว่า ผิวที่แห้งของฉัน .... ด้วยโลชั่นมอยซ์เจอร์ไรเซอร์เสมอ โดยเฉพาะหน้าหนาว (เดี่ยวผิวแตกลาย) ซึ่งดูแล้วคำว่า treated น่าจะแปลว่า บำรุง, ดูแล ไม่น่าจะเกี่ยวกับโจทย์ แต่ก็เก็บ ๆ ไว้เปรียบเทียบก่อนก็ได้ค่ะ ไปดูข้อต่อไป
         
ข้อ c. Her mother treated her to a big present after she passed examination. แปลได้ว่า แม่ของเธอ (ของเธอน่ะ ไม่ใช่ของฉัน) ..... กับเธอ หลังจากที่เธอสอบผ่าน มาแล้ว เหมือนโจทย์เลย treat someone to something แสดงว่าแม่เธอได้ให้ของขวัญเธอ ซึ่งมาแปลแล้วก็ลงล็อคพอดี
        
ข้อ d. My daughter was so lucky; the doctor treated her with the best medicine. แปลว่า ลูกสาวของฉันโชคดีมากที่ได้แพทย์ .... ด้วยยาที่ดีที่สุด ดูแล้วข้อนี้แพทย์ไม่น่าจะให้ของขวัญด้วยยาที่ดีที่สุด ควรจะเป็นรักษามากกว่า ข้อนี้ก็เป็นอีกข้อที่ >>  ตัดทิ้ง!!

         ข้อนี้เป็นข้อที่เห็นได้ชัดเจนเลยนะคะว่าตอบข้อ c. แน่ ๆ เป็นสำนวนแบบเดียวกับเป๊ะ ๆ แบบนี้ ถ้าเกิดน้อง ๆ ไม่รู้คำแปลทุกข้อ พี่แป้งว่าข้อนี้ก็ไม่น่าจะยากเกินไป เพราะช้อยส์แต่ละข้อค่อยข้างแตกต่างกัน ข้อสังเกตคือถ้าเราเจอสำนวนในข้อสอบ เราก็พยายามหาช้อยส์ที่ใกล้เคียวจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแปลทุกข้อค่ะ แบบนี้ประหยัดเวลากว่าเยอะเลย


ข้อที่ 6 จากพาร์ท Speaking
   A: I have already sold out my handmade bags!
   B: __________________________________
     a. You should have made less.
     b. I guess you made it too many.
     c. Why didn't you keep one for me?
     d. Congratulations! I know you made them best.


          ข้อนี้เนี่ย A พูดว่า I have already sold out my handmade bags! แปลคร่าว ๆ ได้ว่า ฉันขายกระเป๋า handmade ของฉันได้หมดแล้วนะ (sold out) เมื่อเราเป็นคนที่ได้ยิน เราควรจะ
ตอบเธอคนนี้ไปว่าอย่างไรดี ซึ่งช้อยส์มีให้เลือกว่า
         
ข้อ a. You should have made less. แปลว่า เธอน่าจะทำดีกว่านี้หน่อยนะ (should have + V.3 ควรจะ,น่าจะ) เจอแบบนี้พี่แป้งว่ามีเงิบค่ะ
         
ข้อ b. I guess you made it too many.    ฉันว่าเธอทำมาเยอะเกินแน่เลย (too many) คือ ... เขาขายหมดแล้ว เยอะก็ดีสิ ขายหมดได้ตังค์ด้วย
         
ข้อ c. Why didn't you keep one for me?  ทำไมไม่เก็บให้ฉันสักใบหนึ่งล่ะ .... อ้าวววววววว
         
ข้อ d. Congratulations! I know you made them best.  ดีใจด้วยนะ ฉันรู้ว่าเธอตั้งใจทำมาอย่างดีเลย อันนี้ตอบแบบสวยปิ้ง

          เมื่อดูแล้วจากช้อยส์พี่แป้งว่าเราก็ต้องเลือกมุมที่เป็นโลกสวย ๆ ก่อน ในเมื่อเธอคนนั้นขายกระเป๋าได้หมดเกลี้ยง เราก็ควรดีใจด้วย เพราะฉะนั้นข้อนี้ตอบข้อ d. ค่ะ


ข้อที่ 7 จากพาร์ท Error
All real feelings cannot be completely recovered by word choices; that's why listeners should consider the speaker's voices, tones, and rhythms of speaking.
     a. All
     b. feelings
     c. recovered
     d. of


           เป็นพาร์ทที่เข้าใจยากนะคะ Error เนี่ย แต่ก็ต้องทำค่ะ เรามาดูรูปประโยคแบบคร่าว ๆ กันก่อน แปลได้ว่า ความรู้สึกที่แท้จริงนั้นไม่สามารถฟื้นฟูได้ด้วยคำพูด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าผู้ฟังควรพิจารณาจากน้ำเสียง และ จังหวะการพูดของผู้พูด >> เมื่อมาลองแปลแล้วเห็นชัดเลยค่ะว่ามันแปลก "ไม่สามารถฟื้นฟูได้ด้วยคำพูด" คำนี้จะไม่แปลก ถ้าประโยคหลังไม่ใช่ "ผู้ฟังควรพิจารณาจากน้ำเสียง และ จังหวะการพูดของผู้พูด" เพราะฉะนั้นเราก็รู้ละค่ะว่า อะไรมันแปลกไป!! ถ้าเราลองเปลี่ยนคำจาก recovered ที่แปลว่า ฟื้นฟู, นำกลับมาใหม่ เป็น revealed ที่แปลว่า เผยให้เห็น เมื่อเรารวมประโยคเสร็จแล้วจะสวยมากเลยค่ะ ข้อนี้จึงตอบข้อ c. recovered เป็น Error ของ Vocab ค่ะ


ข้อที่ 8 จากพาร์ท Error
Anminal-
assisted therapy, or AAT, is the use of companion animals to help people to improve their emotional and physicl health.
     a. assisted
     b. the use
     c. to improve
     d.health

          ข้อนี้ถ้าเราดูรูปประโยคดี ๆ เราจะเห็นได้เลยนะคะว่า ตรง help people (to improve)
มันผิดโครงสร้างประโยค  help (someone) + V.inf เราเลยแค่ต้องเปลี่ยน to improve ให้เป็น improve (Infinitive) เพื่อให้ตรงกับโครงสร้างประโยคค่ะ ข้อนี้เลยตอบข้อ c. to improve ถ้าใครแม่น Structure ละก็เห็นปุ๊บ รู้ปั๊บเลยค่ะ


ข้อที่ 9 จากพาร์ท Speaking
   A: __________________________
   B: Sorry, I'll practice more.
     a. Dress properly at school
     b. Your speaking skill has been much improved
     c. They are many grammatical mistakes in your essay
     d. Come to see me after school to talk about your essay



         จากโจทย์ A พูดอะไรก็ไม่รู้ ส่วน B ก็ตอบว่า Sorry, I'll practice more. ซึ่งแปลได้ว่า ขอโทษค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปฝึกมาให้มากกว่านี้ เรามาดูที่ช้อยส์ดีกว่าค่ะ ว่าประโยคเริ่มเขามาได้อย่างไร
        
ข้อ a. Dress properly at school   แต่งตัวให้เรียบร้อยเมื่ออยู่ในโรงเรียน ... ดูแล้วก็ไม่น่าจะต้องไปฝึกอะไรเพิ่มนะคะ แค่แต่งตัวให้เรียบร้อยก็จบแล้ว
        
ข้อ b. Your speaking skill has been much improved   ทักษะการพูดของเธอพัฒนาขึ้นมากนะ ... มีทักษะการพูดพัฒนามากแล้ว จะฝึกต่ออีกหรือเปล่านะ แต่ก็ไม่น่าจะต้องขอโทษ
        
ข้อ c. They are many grammatical mistakes in your essay  มีไวยกรณ์ผิดหลายจุดเลยในเรียงความของเธอ ... ข้อนี้น่าจะเข้าเค้าบ้าง ผิดหลายจุดเลยต้องขอโทษและฝึกให้มากขึ้น
        
ข้อ d. Come to see me after school to talk about your essay  มาพบครูหลังเลิกเรียนเพื่อคุยเรื่องเขียนเรียงความของเธอ ... ข้อนี้เรายังไม่รู้เลยว่าเป็นยังไง จะ Sorry ไปก่อนก็กระไรอยู่

         ข้อนี้ตอบข้อ c. ค่ะ จากที่ดูมาข้อ c. เหมือนโดนครูตำหนิเรื่องของการเขียนที่มีไวยกรณ์ผิดหลายจุด นักเรียนก็เลยขอโทษครูและจะพยายามฝึกให้มากกว่านี้


ข้อที่ 10 จากพาร์ท Reading
   What is possibly the job described in the qualification above?
  
    Qualification :

       - Being patient
       - Very good knowledge og Thai language (linguistic and literature)
       - Being punctual
       - Being able to be late sometimes due to assignments (special wages plus)
       - Being able to speaking English well


     a. Private translator to a doctor at a hospital
     b. Private Thai-English translator to a company CEO
     c. Thai language home tutor to an English speaking student
     d. Secretary to a director (working overseas through the Skype)


           โจทย์ข้อนี้ถามว่า What is possibly the job described in the qualification above?  >> ตามที่คุณสมบัติระบุไว้ใน คิดว่าเป็นอาชีพอะไร?
   Qualification :  (คุณสมบัติ)
       - Being patient   มีความอดทน
       - Very good knowledge og Thai language (linguistic and literature)   มีความรู้ภาษาไทยขั้นดีมาก (ภาษา, วรรณคดี)
       - Being punctual   ตรงต่อเวลา
       - Being able to be late sometimes due to assignments (special wages plus)   บางครั้งอยู่ดึกได้เพราะอาจมีการบ้าน (เพิ่มค่าจ้างพิเศษให้)
       - Being able to speaking English well  พูดภาษาอังกฤษได้ดี


ขั้นต่อมา เรามาเดาอาชีพกันดีกว่าว่าช้อยส์ให้อะไรมาบ้าง
         
ข้อ a. Private translator to a doctor at a hospital   เป็นล่ามส่วนตัวของหมอคนนึงในโรงพยาบาล
         
ข้อ b. Private Thai-English translator to a company CEO  เป็นล่ามส่วนตัวภาษาไทย-อังกฤษ ของ CEO บริษัทแห่งหนึ่ง
         
ข้อ c. Thai language home tutor to an English speaking student   เป็นติวเตอร์สอนตามบ้าน วิชาภาษาภาษาไทย ให้นักเรียนภาษาอังกฤษคนนึง
        
ข้อ d. Secretary to a director (working overseas through the Skype) เป็นเลขนุการของผู้บริหารรายหนึ่ง  (ทำงานข้ามประเทศผ่านโปรแกรมสไกป์)

          ถ้าเป็น ล่ามส่วนตัวของหมอตามข้อ a. น่าจะต้องมีความรู้ทางด้านศัพท์ทางแพทย์ด้วย ไม่งั้นก็คงจะแปลลำบาก ส่วนเป็นล่ามของ CEO กับ เลขานุการ ก็ไม่น่าจะต้องอยู่ดึกเพราะมีการบ้าน (assignments) แล้วก็จะเพิ่มค่าจ้างพิเศษ (special wages plus) หรือไม่น่าจะต้องมีความรู้ด้านภาษาและวรรณคดี น่าจะต้องอยู่ดึกเพราะว่าทำงานให้เจ้านายมากกว่า ข้อนี้เลยตอบข้อ c. การเป็นติวเตอร์ต้องการคุณสมบัติตามนี้แบบชัดเจน



          ครบแล้วทั้ง 10 ข้อ คงช่วยให้น้อง ๆ เข้าใจได้มากขึ้นว่าแต่ละข้อทำไมถึงตอบแบบนั้นแบบนี้ การทำข้อสอบ GAT อังกฤษนั้นต้องใช้ทักษะและประสบการณ์มากค่ะ ยิ่งเรามีการทำข้อสอบบ่อย ๆ แค่ไหน เราก็จะรู้ได้เร็วขึ้นว่าข้อไหนผิด และการทำข้อสอบบ่อย ๆ ช่วยให้น้อง ๆ จำโครงสร้าง หรือ สำนวนของภาษาอังกฤษได้อีกทางค่ะ ในการสอบ GAT PAT รอบ 2 นี้พี่แป้งก็ขอให้น้อง ๆ โชคดีนะคะ

 
พี่แป้ง
พี่แป้ง - Columnist นักข่าวสายรับตรง พร้อมเสิร์ฟข่าวสอบเข้าทุกมหา'ลัย เติมพลังได้จากชาเย็นหวานน้อย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
หอยน้อยในทะเล 21 เม.ย. 57 12:42 น. 2
เฉลยได้มั่วมาก! โดยเฉพาะข้อสุดท้าย เค้ามี Key words ว่า linguistic & literature แล้วก็ Thai , English มันต้องตอบ B. ซึ่งมันเป็นคุณสมับัติของนักแปล ถามหน่อยถ้าล่าม หรือ นักแปลต่างๆ เค้าไม่ใช้ linguistic & literature คณะอักษรที่คนจบมาเป็นล่าม เป็นนักแปล เค้าคงไม่ต้องเรียน Literature หรอก เรียน linguistic อย่างเดียวก็พอ! และอีกอย่าง Assignment ไม่ได้แปลว่าการบ้านอย่างเดียวนะ มันแปลว่างานที่ถูกสั่งให้ทำได้ด้วย พูดง่ายๆ ก็งาน OT ก็ได้ เอ่อ..
4
MiraclePrince Member 21 เม.ย. 57 13:21 น. 2-1
สงสัยข้อนี้เหมือนกัน ถ้าเป็นครูสอนพิเศษต้องมีค่าจ้างเพิ่มด้วยเหรอครับ ผมคิดว่า ข้อ B นะครับ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

20 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
หอยน้อยในทะเล 21 เม.ย. 57 12:42 น. 2
เฉลยได้มั่วมาก! โดยเฉพาะข้อสุดท้าย เค้ามี Key words ว่า linguistic & literature แล้วก็ Thai , English มันต้องตอบ B. ซึ่งมันเป็นคุณสมับัติของนักแปล ถามหน่อยถ้าล่าม หรือ นักแปลต่างๆ เค้าไม่ใช้ linguistic & literature คณะอักษรที่คนจบมาเป็นล่าม เป็นนักแปล เค้าคงไม่ต้องเรียน Literature หรอก เรียน linguistic อย่างเดียวก็พอ! และอีกอย่าง Assignment ไม่ได้แปลว่าการบ้านอย่างเดียวนะ มันแปลว่างานที่ถูกสั่งให้ทำได้ด้วย พูดง่ายๆ ก็งาน OT ก็ได้ เอ่อ..
4
MiraclePrince Member 21 เม.ย. 57 13:21 น. 2-1
สงสัยข้อนี้เหมือนกัน ถ้าเป็นครูสอนพิเศษต้องมีค่าจ้างเพิ่มด้วยเหรอครับ ผมคิดว่า ข้อ B นะครับ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
งงจุง 21 เม.ย. 57 21:07 น. 10
พาทศัพท์ รอบสองนี่เป็น odd one out หรอ แต่รอบแรกมันอีกแบบอ่ะ meaning in context มั้ง ไม่เหมือนกันหรอสองรอบอ่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
เราว่านะ 23 เม.ย. 57 20:36 น. 13
เราว่าบางคนพูดเกินไปนะ แบบ มั่วมาก หรืออะไร อย่างนี้ เราว่ามันก็มีแค่บางข้อป่ะที่อาจเข้าใจคนละอย่างกัน คือเราก็ไม่ได้รู้เจตนาของคนที่พูดนะ ว่าเจตนาดีหรือไม่ดี แต่ถ้าเป็นเรา เราก็เสียความรู้สึกนะ แบบ อุส่าห์หวังดี อยากช่วยน้องๆ โดนตอกกลับแบบนี้ ถึงดูไม่ได้คิดอะไร แต่มันก็อึนๆนะ แต่ ศัพท์นี่ก็แอบยากแฮะ - -"
0
กำลังโหลด
Aomme' Pumipat 24 เม.ย. 57 11:48 น. 14
เราว่า ข้อ4 meaning recognition น่าจะตอบข้อ d.นะเพราะว่า mature มันเเปลว่าคุณภาพเหมือนโจทย์ ใกล้เคียงกว่าที่เฉลยอีกอ่ะ เเละเฉลยบางข้อดูเเปลกๆ เเต่ก็ขอบคุณมากค่ะที่มาช่วยบอกเเนวให้
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Up_To_Music Member 28 เม.ย. 57 22:52 น. 16

ยากเกินไปครับ ผมเรียนอักษรศาสตร์ยังมึนกับคำศัพท์ข้อ 1 เลยครับ 

ข้อ 4 ก็ออกกำกวมเกินไปครับ เป็นผมว่า ทั้ง a และ d น่าจะถูกได้ทั้งสองข้อเลย 

ส่วนข้อ 10 ผมตอบ c เหมือนเฉลยครับ 

0
กำลังโหลด
Amoris Member 20 ก.ย. 57 13:40 น. 17

ถึงคนที่ออกข้อสอบจริงในการสอบ GAT นะ

เป็นสิ่งที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันเลย  บ้าจริง ประเทศไทยเขาสอนอะไรนักเรียนนนน 
ศัพท์ยากเกิน + ไม่ค่อยมีคนใช้ คุณคิดว่าเด็กเขาจะสอบได้ไหม  เพราะสิ่งที่เขาเรียนมาตั้งแต่ประถม - มัธยม 6 เนี่ย  มันไม่ได้เข้ารูปเข้ารอยศัพท์พวกนี้เลย
ให้เขามากวดวิชาเพื่อสอบ  ถาม...ถามว่ามันจำเป็นไหม
เวลาพักเด็กไปไหน  ถ้าจะให้ดีทำไมไม่ออกหลักสูตร
ให้เด็กออกฝึกงานไปเลยจะได้เจอของจริง
เอาสิ่งที่มันต้องใช้จริงมาสอนเถอะ
ดีนะว่าสมัยดิฉันเรียนไม่มีแบบนี้ มิน่าเด็กมันถึงเครียดกันนัก
บางคนถึงกับเลิกเรียนไปเลย  บางทีมันก็ไม่ได้เป็นที่ตัวเด็กนะเนี่ย
ควรพิจารณาบ้างว่า เด็กมันเรียนเยอะแล้ว
ตารางสอน 1 วัน เท่ากับตารางสอนของทั้งอาทิตย์ในเด็กประเทศอื่น
เด็กประเทศเราฉลาดอยู่แล้ว ให้เด็กมันพักบ้างสงสารเด็กก  

หน้าซีด

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
the pooh 19 พ.ย. 57 19:54 น. 19
ออกข้อสอบได้โคตรคนไทยมาก ใช้ประโยคแปลกๆ ขัดๆ เอาให้เพื่อนต่างชาติดูเค้ายังขำเลย -_- ทีหลังไม่เจ๋งจริงอย่าทำเลยคุณ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด