logo top
1. สมัคร GAT PAT รอบแรก แล้วลืมจ่ายเงิน
จริง ๆ เรื่องนี้จะว่าดราม่าก็ดราม่า แต่ในมุมของดราม่ามันก็คือความไม่ใส่ใจของผู้สมัครเอง ทั้ง ๆ ที่สมัครเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ชะล่าใจไม่ไปชำระเงินค่าสมัคร ทั้ง ๆ ที่เซเว่นก็หาง่ายยิ่งกว่าดอกเห็ดซะอีก เป็นเรื่องที่ช้ำใจและไม่รู้จะช่วยอย่างไรเลยจริง ๆ ค่ะ ซึ่งเรื่องดราม่ามันอยู่ตรงที่คะแนน GAT PAT รอบแรกจะใช้ในรอบรับตรงด้วย แน่นอนว่าการลืมจ่ายเงินก็คือไม่มีสิทธิ์สอบ ไม่มีคะแนน และเสียโอกาสรับตรงไปเยอะมากอีกต่างหาก
2. คะแนน GAT PAT 1/58 เน่ามากแบบไม่น่าให้อภัย
เมื่อลืมจ่ายค่าสมัครสอบไปแล้ว เราก็ต้องปล่อยเพื่อนไว้ตรงนั้น เมื่อเทียบกันกับเพื่อนที่ลืมจ่ายค่าสอบแล้ว เราโชคดีกว่าเป็นไหน ๆ อย่างน้อยก็ได้สอบและมีคะแนนเพื่อไปรับตรงก่อน แต่สิ่งดราม่าก็บังเกิดขึ้นเมื่อคะแนน GAT PAT รอบแรกที่อุตส่าห์ทุ่มเทอ่านมาแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน มันน้อยเหลือเกิน บางคนได้คะแนนเป็นเลขตัวเดียวในขณะที่คะแนนเต็มคือ 300 คะแนน ซึ่งไม่รู้ว่าระหว่างไปสอบแล้วคะแนนแบบนี้ หรือไม่ได้สอบ อันไหนจะดีกว่ากัน T_T
3. สมัครรับตรงแต่คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์
มั่นใจเลยว่า ทุกคนที่สมัครรับตรงไปไม่ว่าจะกี่โครงการก็ตาม ย่อมหวังทั้งนั้นแหละว่าจะต้องติด รีบติดสักทีจะได้มีที่เรียน และถ้ารับตรงนั้นเป็นคณะที่เราชอบอยู่แล้ว ความคาดหวังจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งใกล้ถึงวันประกาศผลก็จะยิ่งเครียด แต่ยอมรับเลยว่ารับตรงปีนี้โหดมาก บางโครงการก็กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำไว้สูงลิบ อาทิเช่น บางคณะของรับตรง ม.เกษตรศาสตร์ ที่กำหนดว่าต้องมีคะแนนมากกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ แล้วบวกเพิ่มไปอีก 40 คะแนน โอ้ว แม่ เจ้า!! ถ้าจะโหดขนาดนี้ไปคัดเด็กโอลิมปิกเหอะ ... ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อคะแนนออก แล้วคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ ก็ต้องเซย์กู้ดบายกับรับตรงโครงการนั้นไปเลย โดยไม่ต้องรอวันประกาศผล นี่มันดราม่าชัด ๆ
4. เกรดที่โรงเรียนก็มาตกตอน ม.6
ยิ่งกว่าดราม่า นี่เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกับการปั่นเกรดที่โรงเรียน ทุกคนจะวาดภาพไว้สวย ๆ ว่า เมื่อขึ้น ม.6 ต้องปั่นเกรด เพราะทั้งรับตรงและแอดมิชชั่นก็ใช้เกรดทั้งนั้น ตอน ม.4-5 ก็ทำกิจกรรมไปเหอะ ค่อยไปปั่นเกรดตอน ม.6 ก็ได้ เดี๋ยวคุณครูก็ต้องช่วย ... ตัดภาพมาความเป็นจริง ไม่ใช่อย่างนั้นเลย นอกจากครูจะไม่ช่วยแล้ว ม.6 ยังเต็มไปด้วยกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นแข่งกีฬาสี งานเทศกาลต่าง ๆ นอกจากกิจกรรมแล้วก็ยังเต็มไปด้วยรายงานชนิดที่เรียกว่าให้จนลืมไปเลยว่าเรียนอยู่ ม.6 แล้ว บทสรุปสุดท้ายที่เจ็บที่สุดคือเกรดตกยิ่งกว่าเดิมอีก ถ้า ม.4-5 อ่านอยู่ตอนนี้ เชื่อพี่เถอะ รีบปั่นเกรดตั้งแต่ ม.4 ได้เลย!
5. คะแนน 7 วิชาสามัญออก ... แทบช็อค!
เมื่อคะแนน GAT PAT รอบแรกออกมาแล้วมันไม่ได้โสภาอย่างที่คิด ความกดดันและความคาดหวังใน 7 วิชาสามัญจึงเพิ่มขึ้น เอาหว่ะ!! GAT PAT ไม่ดีเอา 7 วิชาสามัญไปสู้ก็ได้ รับตรงอีกหลายสิบโครงการที่ใช้วิชาสามัญ ยังไงก็จะไม่ยอมหลุดไปแอดมิชชั่นแน่ ๆ แต่ แต่ แต่!! เมื่อคะแนนวิชาสามัญประกาศปุ๊บ เกิดอาการสตั๊นปั๊บ เมื่อหายสตั๊นก็เป็นอาการต่อเนื่องก็คือ "ช็อค" ช็อคไปแล้ว คะแนนออกมาแบบนี้จะเอาไปรับตรงที่ไหนได้ นี่ยิ่งกว่าดราม่า เพราะสรุปคือต้องเก็บของแล้วไปรอที่สถานีต่อไป ... แอดมิชชั่นกลาง
6. รับตรง มศว ดันเปลี่ยนเกณฑ์
รับตรงที่เด็ก ม.6 รอมากที่สุดรับตรงหนึ่งก็คงหนีไม่พ้น รับตรงปกติ มศว เป็นรับตรงข้อเขียนสนามแรก ๆ ที่สามารถลองสนามการสอบข้อเขียนที่ มศว จัดสอบเอง นอกจากได้ลองสนามข้อสอบแล้ว ก็ยังได้เห็นเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกเกือบแสนที่เป็นเด็กแอดฯ58 เหมือนกัน ภาพนักเรียนเป็นหมื่นที่สอบที่ มธ.รังสิต และ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี ก็ต้องจบลงเพราะรับตรง มศว ดันเปลี่ยนเกณฑ์ในการรับซะงั้น ซึ่งคะแนนก็ไม่ใช่ที่ไหนเลย ก็คือ GAT PAT และวิชาสามัญที่มันน้อยนิดแทบจะมองไม่เห็นคะแนนอยู่แล้ว เป็นดราม่าต่อเนื่องที่กระทบเป็นทอด ๆ เลยจริง ๆ
7. รับตรง จุฬาฯ ก็เปลี่ยนคณะในการรับ
มศว เปลี่ยนเกณฑ์ในการคัดเลือกรับตรง จุฬาฯ ก็ไม่น้อยหน้า เปลี่ยนคณะที่จะรับเหมือนกัน โครงการรับตรงปกติ จุฬาฯ จะมีเอกลักษณ์คือ จะมีหนึ่งโครงการที่รับรวม 4 คณะ เลือกได้ 4 อันดับ ส่วนรับตรงคณะอื่นจะแยกรับเป็นคณะ เลือกได้อันดับเดียวเท่านั้น โดยปกติแล้ว 4 คณะที่มัดรวมด้วยกันก็จะเป็นคณะอักษรศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ คณะครุศาสตร์ และคณะรัฐศาสตร์ แต่ปีนี้เปลี่ยนค่ะ เปลี่ยน 4 คณะใหม่เป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ และคณะอักษรศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่า ใครที่เคยเล็งไว้ว่าจะสมัครคณะนิเทศศาสตร์ คู่กับอักษรศาสตร์ พ่วงรัฐศาสตร์ไปอีกนี่กุมขมับเลยค่ะ เปลี่ยนแผนแบบด่วน ๆ เลย
8. สอบ O-NET เจอแต่ข้อประหลาด
จริง ๆ เรื่องการเจอข้อสอบ O-NET ประหลาดนี่เป็นดราม่าทุกปีนะคะ ข้อดีก็คือทำให้เด็ก ม.6 แต่ละปีมีชื่อรุ่น ไม่ว่าจะเป็น "หนีน้ำไปเตะบอล", "มานีมีนม" หรือ "ผ้าปูโต๊ะ" ก็เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละปี แค่เอาที่มาของชื่อรุ่นไปเล่าต่อให้รุ่นน้องฟังก็สนุกแล้ว แต่ตอนสอบมันไม่สนุกน่ะสิคะ ข้อสอบประหลาดนี่ทำให้ปวดหัวได้เลยนะ เพราะนอกจากจะเจอคำถามที่แปลก ๆ แล้ว ยังเจอช้อยส์คำตอบที่แปลกอีกด้วย การสอบเลยเหมือนเป็นเกมเดาใจผู้ออกข้อสอบซะมากกว่า ว่าออกโจทย์มาแบบนี่ ให้ข้าน้อยตอบอะไร ...
9. คะแนน กสพท. มีแต่ขึ้นกับขึ้น!!
นี่เลยดราม่าสด ๆ ร้อน ๆ กับคะแนน กสพท. ที่เพิ่งประกาศไป ในแต่ละปีมีแต่คนบ่นทุกปีว่าข้อสอบยาก ยากมาก มากถึงมากที่สุด ซึ่งมันควรจะเป็นอะไรที่คะแนนลงนึกออกป่ะ ก็ในเมื่อข้อสอบยากคะแนนก็ต้องลงสิ แต่เปล่าเลย ... คะแนนกลับสวนทางกับการที่บ่นว่ายาก เพราะคะแนน กสพท. นี่เพิ่มขึ้นทุกปี อย่างชัดเจนที่สุดคือปี 56 และ ปี 57 ที่แต่ละสถาบันขึ้นมาอย่างชัดเจน ส่วนปีนี้ก็ได้แต่ภาวนาว่ามันต้องลงสิ ซึ่งสุดท้ายก็คือ มีเพิ่มบ้าง ลดบ้าง เฉลี่ย ๆ แล้วประมาณปี 57 เลย ซึ่งเมื่อมาดูคะแนนของคนที่ได้ต่ำกว่าปีที่แล้วก็เก็บคะแนนใส่กระเป๋า และหาทางใหม่ได้เลยจ้า
10. รับตรงส่วนใหญ่มีแต่ของเด็กสายวิทย์
เป็นอะไรที่เด็กสายศิลป์เจ็บปวดใจมากกับรับตรงที่ส่วนใหญ่แล้วจะมาแต่คณะของเด็กสายวิทย์ เช่น คณะแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น น้อยมากเลยที่จะมาเป็นคณะทางสายศิลป์ เด็กสายศิลป์ก็ตบยุงรอไปเถอะว่าเมื่อไหร่รับตรงจะมาสักที ซึ่งอันนี้ก็เป็นดราม่าทุกปีนะคะที่ทำไมไม่เปิดรับคณะสายศิลป์ในรอบรับตรงให้เยอะเหมือนเด็กสายวิทย์บ้าง ซึ่งเมื่อไม่มีใครรอบรับตรง เด็กสายศิลป์ส่วนใหญ่ก็เลยไปกองกันที่รอบแอดมิชชั่น ไม่ค่อยมีทางเลือกเท่าไหร่เลย
ไม่ว่าจะเจอกับตัวเอง หรือเจอกับเพื่อน ก็เป็นอะไรที่ดราม่าทั้งนั้นแหละค่ะ มาคิดดูอีกทีเราก็เดินกันมาไกลมากแล้วนะคะสำหรับเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา ส่วน 4 กัปตัน BRAND'S Admission Reality 6 ก็ยังต้องเดินต่อไปถึงแม้ว่าหนึ่งในกัปัน อย่างกัปตันปีเก้จะพลาดคณะภารกิจแล้วก็ตาม แต่ยังมีลุ้นในคณะทันตแพทยศาสตร์รอบแอดมิชชั่นกลางอยู่ ก็เหลือคะแนน GAT PAT รอบ 2 ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน แล้วไปสู้พร้อมกันในรอบแอดมิชชั่นกลาง สู้ ๆ
รวม 10 เรื่องดราม่าเด็ก ม.6
สวัสดีค่ะ หลังจากประกาศคะแนน 7 วิชาสามัญไปแล้วก็ทำให้น้อง ๆ หลายคนมีทิศทางในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชัดเจนขึ้นแล้วนะคะ บางคนก็เลือกที่ไม่ใช้วิชาสามัญเลย T_T บางคนก็เลือกที่จะไปเจอกันในรอบแอดมิชชั่นกลาง บางคนก็เลือกรับตรงที่สอบข้อเขียนเองโดยไม่พึ่งคะแนน GAT PAT หรือวิชาสามัญ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ขอให้ทำให้เต็มที่นะคะ
หลายโรงเรียนก็ปิดเทอมแล้ว ตลอดเวลากว่า 9 เดือนที่ผ่านมามีเรื่องดราม่ามากมายเกิดขึ้นกับเด็ก ม.6 ซึ่งแน่นอนว่ารวมไปถึง 4 กัปตัน BRAND'S Admission Reality 6 ด้วย แต่ละคนก็โดนกันไปคนละเรื่อง สองเรื่อง สามสี่เรื่องก็ว่ากันไป มาลองดูกันดีกว่าค่ะว่าเรื่องดราม่าที่เกิดขึ้นเมื่อช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีอะไรบ้าง แล้วน้อง ๆ โดนกันไปคนละกี่เรื่อง
หลายโรงเรียนก็ปิดเทอมแล้ว ตลอดเวลากว่า 9 เดือนที่ผ่านมามีเรื่องดราม่ามากมายเกิดขึ้นกับเด็ก ม.6 ซึ่งแน่นอนว่ารวมไปถึง 4 กัปตัน BRAND'S Admission Reality 6 ด้วย แต่ละคนก็โดนกันไปคนละเรื่อง สองเรื่อง สามสี่เรื่องก็ว่ากันไป มาลองดูกันดีกว่าค่ะว่าเรื่องดราม่าที่เกิดขึ้นเมื่อช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีอะไรบ้าง แล้วน้อง ๆ โดนกันไปคนละกี่เรื่อง
1. สมัคร GAT PAT รอบแรก แล้วลืมจ่ายเงิน
จริง ๆ เรื่องนี้จะว่าดราม่าก็ดราม่า แต่ในมุมของดราม่ามันก็คือความไม่ใส่ใจของผู้สมัครเอง ทั้ง ๆ ที่สมัครเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ชะล่าใจไม่ไปชำระเงินค่าสมัคร ทั้ง ๆ ที่เซเว่นก็หาง่ายยิ่งกว่าดอกเห็ดซะอีก เป็นเรื่องที่ช้ำใจและไม่รู้จะช่วยอย่างไรเลยจริง ๆ ค่ะ ซึ่งเรื่องดราม่ามันอยู่ตรงที่คะแนน GAT PAT รอบแรกจะใช้ในรอบรับตรงด้วย แน่นอนว่าการลืมจ่ายเงินก็คือไม่มีสิทธิ์สอบ ไม่มีคะแนน และเสียโอกาสรับตรงไปเยอะมากอีกต่างหาก
2. คะแนน GAT PAT 1/58 เน่ามากแบบไม่น่าให้อภัย
เมื่อลืมจ่ายค่าสมัครสอบไปแล้ว เราก็ต้องปล่อยเพื่อนไว้ตรงนั้น เมื่อเทียบกันกับเพื่อนที่ลืมจ่ายค่าสอบแล้ว เราโชคดีกว่าเป็นไหน ๆ อย่างน้อยก็ได้สอบและมีคะแนนเพื่อไปรับตรงก่อน แต่สิ่งดราม่าก็บังเกิดขึ้นเมื่อคะแนน GAT PAT รอบแรกที่อุตส่าห์ทุ่มเทอ่านมาแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน มันน้อยเหลือเกิน บางคนได้คะแนนเป็นเลขตัวเดียวในขณะที่คะแนนเต็มคือ 300 คะแนน ซึ่งไม่รู้ว่าระหว่างไปสอบแล้วคะแนนแบบนี้ หรือไม่ได้สอบ อันไหนจะดีกว่ากัน T_T
3. สมัครรับตรงแต่คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์
มั่นใจเลยว่า ทุกคนที่สมัครรับตรงไปไม่ว่าจะกี่โครงการก็ตาม ย่อมหวังทั้งนั้นแหละว่าจะต้องติด รีบติดสักทีจะได้มีที่เรียน และถ้ารับตรงนั้นเป็นคณะที่เราชอบอยู่แล้ว ความคาดหวังจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งใกล้ถึงวันประกาศผลก็จะยิ่งเครียด แต่ยอมรับเลยว่ารับตรงปีนี้โหดมาก บางโครงการก็กำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำไว้สูงลิบ อาทิเช่น บางคณะของรับตรง ม.เกษตรศาสตร์ ที่กำหนดว่าต้องมีคะแนนมากกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ แล้วบวกเพิ่มไปอีก 40 คะแนน โอ้ว แม่ เจ้า!! ถ้าจะโหดขนาดนี้ไปคัดเด็กโอลิมปิกเหอะ ... ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อคะแนนออก แล้วคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ ก็ต้องเซย์กู้ดบายกับรับตรงโครงการนั้นไปเลย โดยไม่ต้องรอวันประกาศผล นี่มันดราม่าชัด ๆ
4. เกรดที่โรงเรียนก็มาตกตอน ม.6
ยิ่งกว่าดราม่า นี่เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกับการปั่นเกรดที่โรงเรียน ทุกคนจะวาดภาพไว้สวย ๆ ว่า เมื่อขึ้น ม.6 ต้องปั่นเกรด เพราะทั้งรับตรงและแอดมิชชั่นก็ใช้เกรดทั้งนั้น ตอน ม.4-5 ก็ทำกิจกรรมไปเหอะ ค่อยไปปั่นเกรดตอน ม.6 ก็ได้ เดี๋ยวคุณครูก็ต้องช่วย ... ตัดภาพมาความเป็นจริง ไม่ใช่อย่างนั้นเลย นอกจากครูจะไม่ช่วยแล้ว ม.6 ยังเต็มไปด้วยกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นแข่งกีฬาสี งานเทศกาลต่าง ๆ นอกจากกิจกรรมแล้วก็ยังเต็มไปด้วยรายงานชนิดที่เรียกว่าให้จนลืมไปเลยว่าเรียนอยู่ ม.6 แล้ว บทสรุปสุดท้ายที่เจ็บที่สุดคือเกรดตกยิ่งกว่าเดิมอีก ถ้า ม.4-5 อ่านอยู่ตอนนี้ เชื่อพี่เถอะ รีบปั่นเกรดตั้งแต่ ม.4 ได้เลย!
5. คะแนน 7 วิชาสามัญออก ... แทบช็อค!
เมื่อคะแนน GAT PAT รอบแรกออกมาแล้วมันไม่ได้โสภาอย่างที่คิด ความกดดันและความคาดหวังใน 7 วิชาสามัญจึงเพิ่มขึ้น เอาหว่ะ!! GAT PAT ไม่ดีเอา 7 วิชาสามัญไปสู้ก็ได้ รับตรงอีกหลายสิบโครงการที่ใช้วิชาสามัญ ยังไงก็จะไม่ยอมหลุดไปแอดมิชชั่นแน่ ๆ แต่ แต่ แต่!! เมื่อคะแนนวิชาสามัญประกาศปุ๊บ เกิดอาการสตั๊นปั๊บ เมื่อหายสตั๊นก็เป็นอาการต่อเนื่องก็คือ "ช็อค" ช็อคไปแล้ว คะแนนออกมาแบบนี้จะเอาไปรับตรงที่ไหนได้ นี่ยิ่งกว่าดราม่า เพราะสรุปคือต้องเก็บของแล้วไปรอที่สถานีต่อไป ... แอดมิชชั่นกลาง
6. รับตรง มศว ดันเปลี่ยนเกณฑ์
รับตรงที่เด็ก ม.6 รอมากที่สุดรับตรงหนึ่งก็คงหนีไม่พ้น รับตรงปกติ มศว เป็นรับตรงข้อเขียนสนามแรก ๆ ที่สามารถลองสนามการสอบข้อเขียนที่ มศว จัดสอบเอง นอกจากได้ลองสนามข้อสอบแล้ว ก็ยังได้เห็นเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกเกือบแสนที่เป็นเด็กแอดฯ58 เหมือนกัน ภาพนักเรียนเป็นหมื่นที่สอบที่ มธ.รังสิต และ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี ก็ต้องจบลงเพราะรับตรง มศว ดันเปลี่ยนเกณฑ์ในการรับซะงั้น ซึ่งคะแนนก็ไม่ใช่ที่ไหนเลย ก็คือ GAT PAT และวิชาสามัญที่มันน้อยนิดแทบจะมองไม่เห็นคะแนนอยู่แล้ว เป็นดราม่าต่อเนื่องที่กระทบเป็นทอด ๆ เลยจริง ๆ
7. รับตรง จุฬาฯ ก็เปลี่ยนคณะในการรับ
มศว เปลี่ยนเกณฑ์ในการคัดเลือกรับตรง จุฬาฯ ก็ไม่น้อยหน้า เปลี่ยนคณะที่จะรับเหมือนกัน โครงการรับตรงปกติ จุฬาฯ จะมีเอกลักษณ์คือ จะมีหนึ่งโครงการที่รับรวม 4 คณะ เลือกได้ 4 อันดับ ส่วนรับตรงคณะอื่นจะแยกรับเป็นคณะ เลือกได้อันดับเดียวเท่านั้น โดยปกติแล้ว 4 คณะที่มัดรวมด้วยกันก็จะเป็นคณะอักษรศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ คณะครุศาสตร์ และคณะรัฐศาสตร์ แต่ปีนี้เปลี่ยนค่ะ เปลี่ยน 4 คณะใหม่เป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ และคณะอักษรศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่า ใครที่เคยเล็งไว้ว่าจะสมัครคณะนิเทศศาสตร์ คู่กับอักษรศาสตร์ พ่วงรัฐศาสตร์ไปอีกนี่กุมขมับเลยค่ะ เปลี่ยนแผนแบบด่วน ๆ เลย
8. สอบ O-NET เจอแต่ข้อประหลาด
จริง ๆ เรื่องการเจอข้อสอบ O-NET ประหลาดนี่เป็นดราม่าทุกปีนะคะ ข้อดีก็คือทำให้เด็ก ม.6 แต่ละปีมีชื่อรุ่น ไม่ว่าจะเป็น "หนีน้ำไปเตะบอล", "มานีมีนม" หรือ "ผ้าปูโต๊ะ" ก็เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละปี แค่เอาที่มาของชื่อรุ่นไปเล่าต่อให้รุ่นน้องฟังก็สนุกแล้ว แต่ตอนสอบมันไม่สนุกน่ะสิคะ ข้อสอบประหลาดนี่ทำให้ปวดหัวได้เลยนะ เพราะนอกจากจะเจอคำถามที่แปลก ๆ แล้ว ยังเจอช้อยส์คำตอบที่แปลกอีกด้วย การสอบเลยเหมือนเป็นเกมเดาใจผู้ออกข้อสอบซะมากกว่า ว่าออกโจทย์มาแบบนี่ ให้ข้าน้อยตอบอะไร ...
9. คะแนน กสพท. มีแต่ขึ้นกับขึ้น!!
นี่เลยดราม่าสด ๆ ร้อน ๆ กับคะแนน กสพท. ที่เพิ่งประกาศไป ในแต่ละปีมีแต่คนบ่นทุกปีว่าข้อสอบยาก ยากมาก มากถึงมากที่สุด ซึ่งมันควรจะเป็นอะไรที่คะแนนลงนึกออกป่ะ ก็ในเมื่อข้อสอบยากคะแนนก็ต้องลงสิ แต่เปล่าเลย ... คะแนนกลับสวนทางกับการที่บ่นว่ายาก เพราะคะแนน กสพท. นี่เพิ่มขึ้นทุกปี อย่างชัดเจนที่สุดคือปี 56 และ ปี 57 ที่แต่ละสถาบันขึ้นมาอย่างชัดเจน ส่วนปีนี้ก็ได้แต่ภาวนาว่ามันต้องลงสิ ซึ่งสุดท้ายก็คือ มีเพิ่มบ้าง ลดบ้าง เฉลี่ย ๆ แล้วประมาณปี 57 เลย ซึ่งเมื่อมาดูคะแนนของคนที่ได้ต่ำกว่าปีที่แล้วก็เก็บคะแนนใส่กระเป๋า และหาทางใหม่ได้เลยจ้า
10. รับตรงส่วนใหญ่มีแต่ของเด็กสายวิทย์
เป็นอะไรที่เด็กสายศิลป์เจ็บปวดใจมากกับรับตรงที่ส่วนใหญ่แล้วจะมาแต่คณะของเด็กสายวิทย์ เช่น คณะแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น น้อยมากเลยที่จะมาเป็นคณะทางสายศิลป์ เด็กสายศิลป์ก็ตบยุงรอไปเถอะว่าเมื่อไหร่รับตรงจะมาสักที ซึ่งอันนี้ก็เป็นดราม่าทุกปีนะคะที่ทำไมไม่เปิดรับคณะสายศิลป์ในรอบรับตรงให้เยอะเหมือนเด็กสายวิทย์บ้าง ซึ่งเมื่อไม่มีใครรอบรับตรง เด็กสายศิลป์ส่วนใหญ่ก็เลยไปกองกันที่รอบแอดมิชชั่น ไม่ค่อยมีทางเลือกเท่าไหร่เลย
ไม่ว่าจะเจอกับตัวเอง หรือเจอกับเพื่อน ก็เป็นอะไรที่ดราม่าทั้งนั้นแหละค่ะ มาคิดดูอีกทีเราก็เดินกันมาไกลมากแล้วนะคะสำหรับเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา ส่วน 4 กัปตัน BRAND'S Admission Reality 6 ก็ยังต้องเดินต่อไปถึงแม้ว่าหนึ่งในกัปัน อย่างกัปตันปีเก้จะพลาดคณะภารกิจแล้วก็ตาม แต่ยังมีลุ้นในคณะทันตแพทยศาสตร์รอบแอดมิชชั่นกลางอยู่ ก็เหลือคะแนน GAT PAT รอบ 2 ว่าจะออกมาเป็นแบบไหน แล้วไปสู้พร้อมกันในรอบแอดมิชชั่นกลาง สู้ ๆ
15 ความคิดเห็น
โดนไป 4 ข้อคะ 3,5,6,7 เจ็บจี๊ดที่คะแนน 7 วิชาสุดแล้ว พอ 7 วิชาออกปุ๊บหลุดเกณฑ์เยอะมากกกก
ข้อ 6 เจ็บสุดละ
ข้อ 8 เลย TT สัตว์โลกน่ารัก
ข้อ 10 สำหรับเรา โดนแทงใจสุดๆๆๆ อ่ะ
อยู่ม.หกนะ สอบแค่โอเน็ตอย่างเดียว ก็ไม่สอบไม่ต้องเอ็นอะไรเลย ก็ไม่เจอ 555
ผมไม่อยากเอามาให้ดูเฉยๆนะ ตอนนี้ตัวเลือกผมเหลือน้อยมาก เพราะคะแนน gat/pat ผมต่ำมากครับ อย่างในกระทู้เด็กดีมีเอามาออกว่าคนที่คะแนนเยอะที่สุด เห็นของเขาแล้วก็ท้อใจ - -' อย่าง gat ตอนหนึ่งที่เป็นภาษาไทยผมได้ต่ำที่สุดในทุกบรรดาการสอบเลย ภาษาอังกฤษผมดีกว่าอีก gat ตอนหนึ่งผมได้คะแนน 1.5 คะแนน เต็ม 150 อ่ะ แต่ผมก็จะสู้ต่อไปนะ ได้ข่าวดีแล้วเดี๋ยวมาบอก ตอนนี้กำลังรอฟังผล อีกสองสามวันผมจะออกแล้วครับว่าจะติดไม่ติด
สงสาร ข้อ 10 สุดละครับ มันเหมือนเป็นการแบ่งเเยกชนชั้น แบบทางอ้อม เลยเเหะ จริงๆพวกรับตรงควรจะเป็นแบบ สายอะไรก็สอบได้ ติดก็เรียน ไหว ไม่ไหว ว่ากันอีกที่ เพราะเดียวนี้เด็กมันเรียน พิเศษ กันเยอะจะตาย (มั้ง).
ข้อ5 กับข้อ10 ดราม่ามาก
เรานี่ 2-3-5-8 ฟาดเรียบคะ T^T #ร้องไห้หนักมากกก
GAT เราโอเค แต่มันยังไม่สูงพอ
ที่เครียดนี่ก็เกรดกับโอเน็ตนี่แหละ แม่เจ้า จะได้ 4 มากินนี่ช่างยาก
นี่ขนาดครูบอกจะปล่อยให้ ในห้องยังไม่มีคนได้ 4 เลย โหดมาก
ขอรับรองว่าจริงทุกประการ 555
ถ้างั้นม.3รุ่นนี้คงเป็นรุ่น 'รถของเล่น' สินะคะ 55555555555