วัสดีค่ะ หลายคนคงตื่นตัวและตื่นเต้นกับการก้าวขึ้นมาเป็นเด็ก ม.6 นั่นหมายความว่าเป็นเด็กรุ่นต่อไปที่จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย เป็นเด็กแอดมิชชั่น 59 จริงๆคำว่า เด็กแอดฯ ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องแอดมิชชั่นเท่านั้น แต่มันคือคำเรียกของเด็กที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยรุ่นนั้นๆ ทั้งหมด ซึ่งก่อนที่จะไปถึงแอดมิชชั่นก็จะมีรับตรงออกมาให้รับสมัครหลายโครงการเลยค่ะ

           แต่ละคนมีคณะในฝันไม่เหมือนกัน เส้นทางการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจึงแตกต่างกัน ในเส้นทางรับตรงก็จะแบ่งออกเป็นโครงการย่อยๆ ลงไปอีกหลายประเภท
มีรับตรง 3 ประเภทที่บอกเลยว่าเด็ก ม.6 ต้องไม่พลาด เพราะมีโอกาสสูงกว่ารับตรงแบบอื่น อยากรู้แล้วใช่มั้ยล่ะ? ตามไปดูกันเลย ...

 


>> โควตาพิเศษ โควตาพื้นที่ โควตาโรงเรียน 

           พวกโควตานี่เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ช่วงแรกๆ ของรับตรงจะเป็นประเภทโควตาเยอะมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็น โควตาพื้นที่ โควตาโรงเรียน โควตานักกีฬา โควตาบุตร โควตานักกิจกรรม โควตาผู้ที่มีความสามารถพิเศษ และอื่นๆ ถ้าเกิดเรามีคุณสมบัติตามที่โควตานั้นๆ กำหนด สมัครเลย อย่าพลาดเชียว

           โควตาเป็นรับตรงที่ไม่ใช่ว่าใครจะสมัครก็ได้ ทำให้มีคู่แข่งน้อยกว่าการสมัครรับตรงใหญ่หรือรับตรงทั่วประเทศ ส่วนใหญ่แล้วโควตาจะไม่มีสอบข้อเขียนค่ะ ใช้เป็นผลงาน หรือทดสอบความสามารถ(ภาคปฏิบัติ) หรือสอบสัมภาษณ์อย่างเดียวเลย ถ้าเกิดสอบติดก็สบายตัว แต่ถ้าไม่ติดก็ยังสามารถสมัครรับตรงโครงการอื่นได้อีก ไม่ต้องกลัวจะเสียสิทธิ์รับตรงอื่นเลยค่ะ

>> รับตรงใช้เกรด + สัมภาษณ์ 

           รับตรงแบบนี้จะเป็นรับตรงที่ไม่ต้องสอบข้อเขียน หรือยื่นคะแนน GAT PAT วิชาสามัญ อะไรเลย ใช้เพียงแค่เกรด สายการเรียน และก็การสอบสัมภาษณ์เท่านั้น อย่างปี 58 ก็มีรับตรงแบบนี้หลายโครงการค่ะ เช่น รับตรงวิศวกรรมศาสตร์ มก.สกนคร, โครงการทุนเพชรพระจอม มจธ., รับตรง ม.แม่ฟ้าหลวง หลายโครงการ, โครงการเด็กดีมีที่เรียน ม.พะเยา, รับตรงพิเศษ มจพ., โควตาพิเศษ ม.นเรศวร, รับตรง ม.แม่โจ้ เป็นต้น

           เหตุผลที่ห้ามพลาดที่จะสมัครรับตรงแบบนี้ก็เพราะว่า เป็นรับตรงที่ไม่ต้องใช้คะแนนพิเศษอะไรเลย คือไม่ต้องสอบอะไรเพิ่มก็สมัครได้ ใช้เกรดและสอบสัมภาษณ์ เป็นรับตรงที่เหมาะกับคนที่มีเกรด 2.75 ขึ้นไป อย่างบางโครงการนอกจากใช้เกรดเฉลี่ยนสะสมแล้ว ยังใช้เกรดเฉลี่ยรายวิชาด้วย ถ้าเกรดผ่านก็ไปสอบสัมภาษณ์อย่างเดียว แต่รับตรงแบบนี้ก็สอบสัมภาษณ์จะโหดมาก แนะนำว่าเตรียม Portfolio เอาไว้ให้ดี ได้ใช้แน่ๆ

 


>> รับตรงที่จัดสอบข้อเขียนเอง 

           อีกหนึ่งประเภทรับตรงที่ควรจะสมัครไว้เลยก็คือ รับตรงที่จัดสอบข้อเขียนเอง ไม่ว่าจะเป็นโครงการเล็กหรือใหญ่ ถ้าเกิดมีคณะที่อยากเข้าเปิดรับก็สมัครเลย รับตรงที่สอบข้อเขียนก็มีเยอะ เช่น รับตรง ม.วลัยลักษณ์, รับตรงแพทยฯ-ทันตะฯ มธ., รับตรง MDX MD02 DTX ม.ขอนแก่น, กสพท., รับตรงคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ม.ศิลปากร, รับตรง มศว (ไม่ใช้ GAT PAT) เป็นต้น

           ที่บอกว่าต้องสมัครก็เพราะว่า เป็นรับตรงที่วัดความสามารถกันล้วนๆ เลย แล้วข้อสอบก็เป็นข้อสอบที่ทางรับตรงนั้นๆ จัดสอบขึ้นเอง ตัวข้อสอบจะปรับให้เข้าถึงมากกว่า โดยเฉพาะข้อสอบที่เน้นแต่ละคณะ เช่น รับตรงคณะศิลปกรรม สาขานั้นๆ ก็เป็นข้อสอบเฉพาะสาขานั้นเลย ไม่เหมือนกับข้อสอบ PAT 6 โอกาสสอบติดก็อาจจะมีมากกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปนั่งซึมกับคะแนน GAT PAT หรือ วิชาสามัญ อันน้อยนิดด้วย



           รับตรงทุกโครงการจะต้องเสียค่าสมัคร ยิ่งสมัครเยอะก็ยิ่งเสียเงินเยอะ ถ้าเรารู้เส้นทางที่เราจะไปแล้วก็จะตัดเส้นทางอื่นที่ไม่ใช่ออกได้ง่าย ทำให้ประหยัดเงินค่าสมัครรับตรงไปด้วยค่ะ ไม่ต้องสมัครทุกโครงการ สิ่งที่สำคัญคือ "ความตั้งใจ" ถ้าจะสอบรับตรงแล้วเราก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด ถ้าติดก่อนก็สบายตัวก่อนเพื่อน ถ้าไม่ติดก็ไปเจอกันรอบแอดมิชชั่นกลาง อันนี้เป็นเด็กแอดฯเต็มตัวแน่นอน!!



 
พี่แป้ง
พี่แป้ง - Columnist นักข่าวสายรับตรง พร้อมเสิร์ฟข่าวสอบเข้าทุกมหา'ลัย เติมพลังได้จากชาเย็นหวานน้อย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

3 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด