นักเขียนทุกคนมักพูดติดปากว่า เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากโน้น ตอนนี้ได้แรงบันดาลใจจากนี้ แต่เอ...แรงบันดาลใจมันคืออะไรกันแน่ แล้วหาจากไหน...ยังไงเนี่ย!? สำหรับใครที่มักตันบ่อยๆ แต่งไม่ออก แนะนำให้อ่านสุดๆ รับรองว่าจะแก้ปัญหาได้แน่นอน วันนี้พี่อิงจะมาบอกแหล่งสำหรับสูบแรงบันดาลใจ ไอเดียเก๋ๆ สำหรับวางโครงเรื่อง แต่งนิยายให้ทุกคนรู้กัน!
แหล่งที่อยู่ชั้นเลิศของแรงบันดาลใจ 1. เพลง หลายคนคงใช้วิธีนี้กันบ่อยมาก เป็นวิธีสามัญประจำบ้านวิธีหนึ่ง จะเพลงไทย อังกฤษ เกาหลี ญี่ปุ่น ก็แล้วแต่บุญบารมีสะสมว่าจะแปลออกหรือไม่ ไม่ขัดศรัทธา หามาฟังกันได้เต็มที่ ฟังไปก็คิดเนื้อเรื่องตามเบื้องหลังเพลงไป
Tip: พยายามหามุมมองที่ไม่เหมือนคนทั่วไปมอง เช่น สมมติฟังเพลงหนึ่งเกี่ยวกับการบอกรัก ฟังเผินๆ แล้วคล้ายผู้ชายบอกรักผู้หญิง เราลองตีลังกาฟัง คิดภาพว่าเป็นพ่อบอกรักลูกสาวดู แล้วน้องจะได้เนื้อเรื่องดีๆ อีกเรื่อง 2. มิวสิกวิดีโอ ถ้าบ้านใครมีช่องดาวเทียมจะเลิศมาก สามารถดูเมื่อไหร่ก็ได้ เนื้อหาในมิวสิกวิดีโอมักสั้น เข้าใจง่าย และเอาไปต่อยอดได้เยอะ Tip: ปิดเสียงแล้วดู แล้วจะได้ไอเดียแปลกๆ ที่ไม่ถูกจำกัดโดยเนื้อหาของเพลง 3. โทรทัศน์ ข่าว - เปิดช่องข่าว ดูเกี่ยวกับข่าวรอบโลก มักได้ยินข่าวแปลกๆ หรือซึ้งๆ จนเอามาทำเป็นนิยายได้ เช่นล่าสุด เรื่องคู่รักที่พลัดพรากกันห้าสิบปี แล้วมาเจอกัน และแต่งงานกันในที่สุด ช่องดาวเทียม - หนังทั้งหลาย ดูแล้วจะเกิดไอเดีย สารคดี - แหล่งข้อมูลและไอเดียโครงเรื่องชั้นเยี่ยม เพียงแต่ต้องตั้งใจดู และอย่าเบื่อไปก่อน Tip : เอารีโมตมาโลด แล้วกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ทุกๆ 5 วินาที แบบว่าอย่าให้ดูช่องไหนรู้เรื่อง แต่พอจับเป็นห้วงๆ ได้ แล้วเอาที่เราจับเป็นห้วงๆ นั่นแหละ มาต่อกัน ดูว่าจินตนาการต่อเป็นเรื่องราวได้ไหม 4. ภาพโปสเตอร์ โปสเตอร์ภาพยนตร์ - อันนี้พี่อิงโปรดปรานเป็นพิเศษ เพราะเป็นแค่ภาพที่มีเรื่องราวช่วงหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนั้น เราจินตนาการต่อเองได้ ยิ่งถ้าเราไม่รู้จักหนังเรื่องนั้นเลยยิ่งดีใหญ่ เพราะจะจินตนาการออกมาเป็นอีกเรื่องนึงเลย แล้วเก๋ด้วย แนะนำให้ลองเสิร์ชกูเกิ้ล แล้วก็หาโปสเตอร์ที่เราไม่รู้จักมานั่งมอง แล้วจิ้นไปเรื่อยๆ ปกเทป - อันนี้ยากหน่อย เพราะปกเทปมักไม่ค่อยสื่ออะไร แต่ถ้าสื่อก็เจ๋งดี เป็นทางเลือกอีกอย่าง Tip : จะเอาแรงบันดาลใจจากโปสเตอร์หนังเรื่องไหน อย่าลืมเช็คด้วยว่า ไอ้ที่เราจินตนาการวางโครงเรื่องไว้เนี่ย ไปซ้ำเขาหรือเปล่า เดี๋ยวโดนหาว่าลอก เพราะโอกาสจะเหมือนมันสูงมาก 5. ความฝัน อาจเป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนมองข้าม ความฝันนี่จริงๆ แล้วเป็นแหล่งบันดาลใจขั้นเทพมากๆ เพราะนอกจากจะเป็นเรื่องเป็นราวแปลกๆ แล้ว เรายังได้สัมผัสความรู้สึกของตัวเรา หรือตัวละครในฝันขณะนั้นด้วย ว่ารู้สึกยังไง เอามาเขียนได้ลึกซึ้ง ทำให้ตัวละครมีมิติเลยแหละ พี่อิงเคยฝันเป็นแฟนตาซีวุ่นวายมากๆ เอามาเขียนเป็นนิยายได้เรื่องนึง ฮ่าๆๆๆ อาจไม่ต้องเอาทั้งหมดมาเขียนเหมือนเป๊ะ เอาแค่บางส่วนที่เราพอจับใจความได้มาใช้ก็พอ Tip: ก่อนนอนควรมีสมุดกับดินสอไว้ข้างหมอน ตื่นมาปุ๊บ จดไว้เลย เดี๋ยวลืม เผื่อเอาไปซื้อลอตเตอรี่ได้ด้วย (ฮา...) ถ้าใช้วิธีทั้งหมดที่พี่อิงบอกแล้วยังคิดไม่ออก แนะนำว่าให้พักสมอง หยุดคิด หยุดแต่งนิยาย แล้วอยู่กับตัวเองสักพักดีกว่า ว่าเราเหมาะกับทางนี้จริงๆ ไหม ชอบการแต่งนิยายจริงหรือเปล่า เพราะถ้าทำตามหมดนี่แล้วยังไม่ได้ผล การเขียนนิยายสำหรับน้องคงเป็นเรื่องเหน็ดเหนื่อยทรมานมาก เพราะหาโครงเรื่องไม่ได้เลย ส่วนใครมีแหล่งสูบแรงบันดาลใจเด็ดๆ อย่างอื่น อย่าลืมเอามาแชร์กันเพิ่มนะจ๊ะ เผื่อให้พี่อิงเอาไปใช้ด้วย ภาพประกอบ: nekomusic.com pixfr.eu, oknation societyforhumanisticpsychology |
แสดงความคิดเห็น
ถูกเลือกโดยทีมงาน
ยอดถูกใจสูงสุด
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการที่จะลบความเห็นนี้ใช่หรือไม่ ?
76 ความคิดเห็น
วิธีอื่นลองมาแล้ว และได้ผลจริงๆ ความคิดมาเยอะมาก
แต่มันมาเยอะ เลยจดไม่ทันค่ะ ฮ่าๆๆ x)
เหมือนเรปหนึ่งจ้า
ยกเว้นโปสเตอร์อย่างเดียวที่ไม่เคยทำ
ล่าสุดเพิ่งได้พล๊อตใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ตอนนี้กำลังจิ้มอยู่
นั่งดูโฆษณาเนสกาแฟที่เดนนิสเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ดี ๆ พล๊อตผุดซะงั้น
แต่พล๊อตที่ว่า ไม่มีอะไรเกี่ยวกับกาแฟเล๊ยย เกี่ยวกับเดนนิสล้วน ๆ (ฮา)
อีกอย่างที่ทำแล้วพล๊อตผุด คือการอ่านหนังสือ และการอ่านปัญหาชีวิตที่เพื่อน ๆ เอามาโพสในเด็กดี
อ่านแล้วจับ ๆ มา ช่วงไหนที่น่าสนใจ หรือสามารถเอาไปต่อยอดได้
ก็จะจับมายำใหญ่ใส่สารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา (เฮ้ย ไปได้ไง 555+)
ฮามากค่ะ ๕๕๕
^
^
^
เราฝันงี้จริงๆนา
ฝันคือแหล่งรวมพล็อตเรื่องดีๆเลย - - แต่ต้องรีบจดไม่งั้นเดี๋ยวลืม จดไม่ครบแล้วพอเอามาอ่านอีกทีตอนตาสว่างจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป แล้วทำให้หงุดหงิด นอนไม่หลับซะงั้น - - (มัวแต่นึกที่ลืมไป...)
เวลาฟังแล้วมันอิน เราก็จะแต่งได้ดีขึ้นด้วย
บางทีก็แบบอารมณ์หายไปชั่วขณะหนึ่ง
เคยต้องหยุดพักไปสามเดือนสำหรับการแต่งต่อตอนเดียว
แต่พอต่อได้แล้วก็ติดปั๊บจนจบเรื่องเลย
ช่วงนี้ก็กำลังตื้อ(เหมือนสมองจะล้ามาตั้งแต่ช่วงสอบ) แต่ดูเหมือนว่าหลังจากที่ได้พักมาหนึ่งเดือนมันก็กลับมาแล่นฉิวได้อีกครั้ง
ขอบคุณสำหรับเทคนิคดีๆ นะคะ
ป่านคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการพัก หากตื้อตันคิดอะไรไม่ออก ในกรณีที่แต่งมาได้สักพักแล้วดันไปต่อไม่ได้ อาจะเพราะสมองเราล้าเกินไป หากยิ่งเค้น ยิ่งพยายามจะเขียนต่อ แต่งต่อให้ได้ มันเหมือนเป็นการฝืน ยิ่งทำให้สมองเราคิดอะไรไม่ออกหนักเข้าไปอีก เพราะฉะนั้นการพักคือสิ่งที่ดีที่สุด ถ้ามันจะเขียนได้ คิดได้มันมาเองค่ะ แล้วจะไหลลื่นไม่มีสะดุด
ส่วนใหญ่จะได้จากเพลงค่ะ
แต่เป็นแบบว่าแต่งนิยายไปแล้ว พอมาฟังเพลง...เฮ้ย! เข้ากับนิยายเรานี่หว่า
เรื่องโปสเตอร์ไม่เคยคิดถึงเลยนะนิ
จะลองนำไปใช้ดูนะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ ^___^
ฝันที่ไรก็เอามาแต่งๆๆ =w=