mba'éichapa ..บ่ะเอชะปะ , สวัสดีค่าเพื่อนๆ เราชื่อ "พิมพ์" นะคะ ตอนนี้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นนักเรียนเก่าในโครงการ AFS รุ่นที่ 47 ไปแลกเปลี่ยน "ประเทศปารากวัย" กลับมาได้ซักพักใหญ่แล้ว ตอนนี้เราก็มีโอกาสที่จะเล่าเรื่องที่เราได้พบเจอในประเทศใจกลางทวีปอเมริกาใต้ ดินแดนที่แม่น้ำสองสายใหญ่มาบรรจบกัน และความมันส์ของเด็กไทยผู้เรียบร้อยที่ได้ไปอยู่ในสมรภูมิของเด็กโรงเรียนเทคนิค!!! ที่มีผู้ชายมากกว่าผู้หญิงถึงสามเท่า!!! และความผูกพันที่เวลาผ่านมาแค่ไหนก็ลืมมันไปไม่ได้ซะที
วันที่ไปเรียนวันแรก อาจารย์พาไปแนะนำตัว ในห้องตกใจมาก เพราะในห้องมี 34 คน มีผู้หญิงแค่ 4 คนรวมเราเข้าไปก็เป็น 5 คน และทั้งโรงเรียนมีนักเรียน 900 คน มีผู้หญิงอยู่แค่ 300 คนเท่านั้น สภาพบรรยากาศในห้องน่ารักมาก = = ตอนเดินเข้าไปในห้องมียกเก้าอี้มาให้ ผิวปากต้อนรับ แซวภาษากัวรานีอีก ลำพังสเปนก็ไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคาบแรกที่เรียนคือ Refriciraciones เป็นวิชาที่ว่าด้วยการซ่อมแผงวงจรต่างๆ ในเครื่องใช้ไฟฟ้า พูดง่ายๆ คือปีนี้เราได้เรียนซ่อมตู้เย็น ซ่อมแอร์ ทำยังไงให้ช่องแช่แข็งเย็น แอร์ไม่เย็นเปลี่ยนตรงไหน แล้วคือ เอิ่ม ทำไม่เป็นอ๊า แต่ก็มีวิชาที่ได้เรียนพื้นฐานด้วยนะ เช่น ภาษาอังกฤษ เลข นอกนั้นน่ะเหรอ ไม่ได้เกี่ยวกับที่เราเรียนจากที่ไทยมาซักอย่างเลย แต่ก็มีหลายๆ ตัวที่เราลงเรียนเช่น ภาษากัวรานี , ประวัติศาสตร์ และวรรณคดีสเปน นอกจากนี้ ช่วงแรกๆ ที่เราไปถึง พระเจ้า !! ไม่เคยโดนรุมขนาดนี้มาก่อน เค้าเข้ามาถามว่ามาจากไหน ประเทศไทยอยู่ส่วนไหนอะ ? ทำไมคนไทยต้องมีชื่อเล่นด้วย ? (เพราะคนปารากวัยชื่อเล่นของพวกเค้าคือออกเป็นแนวฉายามากกว่า) เขียนภาษาไทยให้ดูหน่อย ..แล้วทุกคนก็มีตัวหนังสือไทยพร้อมชื่อกลับบ้าน 5555 ปารากวัยมักจะมีเทศกาลที่เมืองไทยไม่มี เช่น วันที่ 30 กรกฎาคม เป็นวันเพื่อน (dia de la amistad) เป็นวันที่เพื่อนจะแลกของขวัญและก็พากันไปฉลองในช่วงเที่ยงก่อนจะกลับบ้าน นอกจากจะมีเทศกาลที่เมืองไทยไม่มีแล้วยังมีวัฒนธรรมต่างๆ ที่แตกต่างจากเมืองไทยด้วย เช่น อาหารเย็น ถ้าเป็นเมืองไทย ทุ่มสองทุ่มก็เริ่มกินแล้ว แต่ปารากวัยสามทุ่มครึ่งเพิ่งเริ่มเข้าครัว กว่าจะได้กินก็สี่ทุ่มกว่าละ กินเสร็จแล้วซักพักเค้าก็นอนกันเลย นอกจากนี้ เวลาในช่วงบ่ายจะเป็นเวลานอนกลางวันของคนในประเทศนั้น คือเราเลิกเรียนเที่ยง พอกลับมาบ้าน ก็เจอพ่อแม่กลับมาจากที่ทำงาน กินข้าวแล้วเค้าก็ไปนอนกลางวัน พอบ่ายสามกลับไปทำงานต่อถึงหนึ่งทุ่มแล้วค่อยกลับบ้าน คือปารากวัยเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าคนมาสายตลอด นัดห้าโมงเย็นจะมาสามทุ่ม แต่ถ้าเป็นเรื่องเรียนล่ะก็ เข้าเรียนเจ็ดโมง ก็จะเห็นทุกคนพร้อมกับการเรียนอยู่แล้ว เราเคยเข้าเรียนช้า 20 นาที อาจารย์ทักว่า Buena Noches ที่แปลว่า ราตรีสวัสดิ์ เธอมาช้าไป แฮ่ๆ อายเลย การไปแลกเปลี่ยนครั้งนี้ โชคดีที่เราได้เพื่อนที่ดีหลายคน และเปลี่ยนเราจากผู้หญิงเรียบร้อยคนนึงให้กล้าคิดกล้าพูด กล้าถามในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ ทำอะไรรั่วๆ หลายๆ อย่างที่ไม่เคยทำที่เมืองไทย ทำอะไรที่ผู้หญิงหลายๆ คนคงไม่เคยทำ มันไม่ใช่การเดินช้อปปิ้ง แต่งหน้า ทาเล็บ มันคือความมันส์ในที่เกิดขึ้นในปี เช่น ซ่อมแผงวงจรตู้เย็น มีเสื้อชอปด้วยน้า > < แล้วที่ชอบมากๆ คือได้ไปทำอะไรที่ท้าทายจริงๆ เช่น เข้าค่ายทหารที่ปารากวัย , ปีนเขา , แบกแพค แต่ความประทับใจจริงๆ ที่เกิดขึ้นกับเราคือการที่เราพูดภาษาสเปนได้ ขึ้นรถเมล์กลับบ้านเป็น (เคยตกรถเมล์ด้วย เพราะไม่รู้ว่าจริงๆ เค้ามีเชือกให้ดึงเวลาจะลง ) ทำอะไรเบื้องต้นเองได้ และทำให้คนอีกฝั่งโลกเข้าใจว่าประเทศไทยคืออะไร เพื่อให้คำว่า "นักเรียนแลกเปลี่ยน" ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ความรู้ ความคิดมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทำให้คนอื่นเข้าใจและรักประเทศไทย เหมือนที่เรารักประเทศของเราเช่นกัน
วะว้าววว จบปิดท้ายได้นางสาวไทยมากเลยค่ะ (ปรบมือ) อ่านแล้วก็เพลินๆ ดีนะเนี่ย ^^ อ่านแล้วนึกถึงพวกซีรีส์เกาหลีหรือไต้หวันที่ผู้หญิงต้องปลอมตัวเข้าโรงเรียนชายล้วนเลย แต่นี่เป็นโรงเรียนเทคนิคแทน อิอิ ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันให้เพื่อนๆ อ่านบ้าง ก็ส่งมาได้ที่ pay@dek-d.com แล้วเจอกันจ้า
|
แสดงความคิดเห็น
ถูกเลือกโดยทีมงาน
ยอดถูกใจสูงสุด
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการที่จะลบความเห็นนี้ใช่หรือไม่ ?
42 ความคิดเห็น
อยากไปบ้างงงงง เสียใจติดซัมเมอร์ ไปไหนไม่รอดแล้ว T^T
ถ้ามีโอกาสได้ไปอย่างนี้บ้างก็คงจะดี T.T~
อยากไปมั่งอ่ะๆ ><
พี่พิมเจ๋งงงง ง !!
เรื่องขึ้นรถเมล์นี่เรื่องจริง การนั่งรถเมล์ในปาากวัยเป็นเรื่องที่มันส์สุดๆละ ! 5555
เพื่อนพี่หล่อมาคะ เอ้ย พี่เจ๋งมากคะ 5 55
เพิ่งเคยเจอประสบการณ์แบบนี้ เพื่อนพี่น่ารักมาก