สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com .... ถ้ายกประเด็นเรื่องการศึกษาไทยมาพูดทีไร เราก็จะได้เห็นเด็กๆ บ่นกันหูดับตับไหม้ 55555 ล่าสุดกับข้อสอบโอเน็ตที่ทำหลายๆ คนปวดเศียรเวียนเกล้า เล่นเอาไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว

         แล้วน้องๆ รู้มั้ยคะว่าประเทศไหนที่ได้รับการยอมรับว่า "มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลก" ... ถ้าใครติดตามคอลัมน์เรียนต่อนอกตลอดคงจะตอบได้ไม่ยากเลยว่าประเทศนั้นก็คือ "ฟินแลนด์" นั่นเอง น่าสงสัยมั้ยล่ะว่าอะไรหรือทำไมทำให้ประเทศนี้เค้ามีระบบการศึกษาดีขนาดนี้ เด็กๆ ที่นั่นเค้าเรียนกันแบบไหน ใช้หลักสูตรอะไร วันนี้ พี่เป้ ไปค้นคว้าหาคำตอบมาให้แล้ว !!

ทำไมฟินแลนด์จึงเป็นประเทศที่ ....

- The Programme for International Student Assessment (PISA) ได้จัดการสอบประเมินนักเรียนที่จบการศึกษาภาคบังคับ (เยาวชนอายุ 15 ปี) ของนักเรียนจำนวน 65 ประเทศโดยประเมินจากความสามารถในการอ่านออกเขียนได้ และประเมิน 3 วิชาคือ การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ผลสอบออกมาปรากฏว่า "ฟินแลนด์" ได้ที่ 2 รองจากเกาหลีใต้

- ประชาชนรู้หนังสือเกือบ 100%

- World Ecomonic Forum (เวทีเศรษฐกิจโลก) จัดให้ฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลกทั้งในระดับประถมศึกษาและระดับที่สูงกว่าขั้นพื้นฐาน (รวมระดับอุดมศึกษา)

        การศึกษาในประเทศฟินแลนด์ จะเริ่มตั้งแต่ Daycare หรือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสำหรับเด็กอายุ 8 เดือน - 5 ปี โดยที่ Daycare นั้นจะต้องมีสนามเด็กเล่นให้เด็กใช้วิ่งเล่นโดยที่ผู้ปกครองสามารถเข้าไปเป็นเพื่อนเล่นได้ และแน่นอนว่าฟรี ไม่ต้องเสียเงินค่ะ

        คำถามที่ตามมาคือ ทำไมต้องให้เด็กไป Daycare ตั้งแต่ยังเด็กมาก ?? อีว่า ฮูจาลา ผู้เชี่ยวชาญพัฒนาการของเด็กชาวฟินแลนด์เคยกล่าวไว้ว่า การศึกษาในช่วงวัยเด็กเป็นช่วงที่จำเป็นและสำคัญมากที่สุด เพราะจะส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงวัยโต เคยมีการวิจัยทางประสาทวิทยาค้นพบว่า 90% ของการเจริญเติบโตของสมองเด็กจะเกิดขึ้นในช่วงตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 5 ปี นี่คือสาเหตุที่ทำให้เด็กๆ ชาวฟินแลนด์ส่วนมากต้องเริ่มไป Daycare ตั้งแต่ยังเล็กมากนั่นเอง นอกจากนี้ อีว่า ฮูจาลา ยังเคยกล่าวประโยคเด็ดไว้ว่า "Daycare ไม่ใช่สถานที่ที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะเอาลูกมาทิ้งไว้แล้วตัวเองก็ออกไปทำงานหาเงิน แต่ Daycare เป็นที่ที่เด็กๆ จะได้เล่นและเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับเพื่อนใหม่"

        แต่สำหรับพ่อแม่บางคนที่ไม่อยากส่งลูกเล็กไป Daycare เนื่องจากลูกยังเล็กเกินไปจึงเป็นห่วงด้านความปลอดภัย ก็มีทางเลือกพิเศษให้ค่ะ นั่นก็คือพ่อแม่สามารถดูแลลูกที่บ้านได้ เปรียบเสมือนบ้านตัวเองเป็น Daycare โดยทางเทศบาลเมืองจะมีเงินจ่ายให้กับพ่อแม่ที่จัดบ้านตัวเองเป็น Daycare ด้วย !! แต่ก็ไม่ใช่ว่าพ่อแม่จะรับเงินแล้วก็มาเลี้ยงลูกแบบทิ้งขว้างได้นะคะ เพราะทางเทศบาลเค้าจะมีการสุ่มตรวจอยู่เสมอค่ะว่าพ่อแม่เลี้ยงลูกได้เหมาะสมหรือเปล่า

        ต่อมาเมื่ออายุเข้า 6 ปี เด็กๆ ส่วนมากจะเข้าเรียนในโรงเรียนประเภท Pre-School / Kindergarten เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งก็เป็นโรงเรียนเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนประถมกึ่งๆ โรงเรียนอนุบาลบ้านเรานั่นเองค่ะ โดยเด็กๆ จะได้เรียนอ่านเขียนหนังสือกันอย่างจริงจัง ควบคู่ไปกับการฝึกตนเองให้เป็นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน เข้าใจในความต้องการของผู้อื่น และมีทัศนคติในแง่บวกต่อคนรอบข้างและวัฒนธรรมอื่นๆ

        และพออายุครบ 7 ปี ก็จะได้เวลาของ "การศึกษาภาคบังคับ" แล้วค่ะ คือบังคับเลยว่าต้องเข้าเรียนทุกคน โดยการศึกษาภาคบังคับของฟินแลนด์จะกินเวลาทั้งหมด 9 ปีตั้งแต่เกรด 1-9 (ประมาณป.1 - ม.3 บ้านเรา) โรงเรียนส่วนมากเป็นโรงเรียนรัฐบาล แน่นอนว่าเรียนฟรี ส่วนโรงเรียนเอกชนก็มีบ้างแต่ค่อนข้างน้อยค่ะ แต่ถึงจะเป็นโรงเรียนเอกชน นักเรียนก็เรียนฟรี !! เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของการเรียนในช่วงนี้คือ โรงเรียนในฟินแลนด์จะไม่มีหลักสูตร Gifted สำหรับเด็กที่มีความสามารถพิเศษด้านใดด้านหนึ่ง เพราะเขาถือว่าเด็กทุกคนควรได้รับการพัฒนาไปพร้อมๆ กันอย่างเท่าเทียมกัน และควรให้สำคัญแก่เด็กที่เรียนอ่อนมากกว่าเด็กที่เรียนเก่ง

        สำหรับบรรยากาศการเรียนนั้น ห้องเรียนหนึ่งมักมีนักเรียนไม่เกิน 20 คน สัปดาห์หนึ่งเรียน 4-11 วิชา ตกวันละไม่เกิน 5 ชั่วโมง เช่น ภาษาหลัก (ภาษาฟินนิชหรือสวีดิช) ภาษาต่างประเทศ คณิตศาสตร์ พลศึกษา ศิลปะ หัตถกรรม เป็นต้น และที่สำคัญ ต่อให้บ้านนักเรียนจะอยู่ในชนบทไกลแค่ไหนก็ไม่ต้องห่วงค่ะ ทางโรงเรียนจะมีรถนักเรียนไปรับ-ส่งนักเรียนฟรีค่ะ (เริดสุด)

        และพอจบเกรด 9 แล้ว ก็จะจบการศึกษาภาคบังคับ ใครไม่อยากเรียนต่อก็ได้ ส่วนใครที่อยากเรียนต่อ ก็จะสามารถแบ่งไปได้ 2 ทางคือ

- โรงเรียนมัธยมปลาย คือเรียนต่อไปเกรด 10-12  เหมาะสำหรับนักเรียนที่ต้องการเรียนต่อในคณะต่างๆ ของมหาวิทยาลัยในสายวิชาการ เช่น แพทยศาสตร์ ครุศาสตร์ นิติศาสตร์

- โรงเรียนสายอาชีพ จะคล้ายๆ ปวช. บ้านเรา เหมาะสำหรับนักเรียนที่ต้องการฝึกทักษะวิชาชีพมากกว่า

        และเมื่อเรียนจบจากโรงเรียนมัธยมปลายหรือโรงเรียนสายอาชีพแล้ว ก็จะแยกไปได้อีก 2 ทางค่ะ คือ มหาวิทยาลัยทั่วไป และ โพลีเทคนิค ... มหาวิทยาลัยทั่วไปคงไม่ต้องอธิบายเพราะคงรู้จักกันดี พอเรียนจบปริญญาตรี ก็ต่อปริญญาโทและเอกได้ ส่วนโพลีเทคนิคนั้น จะคล้ายๆ ปวส. ของเมืองไทยแต่จะใช้เวลาเรียน 3-4 ปี ปัจจุบันฟินแลนด์มีจำนวนมหาวิทยาลัยประมาณ 20 แห่ง และมีจำนวนโพลีเทคนิคประมาณ 30 แห่งค่ะ แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เรียนฟรีแถมมีอาหารกลางวันให้อีกด้วย (ส่วนค่าอุปกรณ์การเรียนนักศึกษาต้องเป็นผู้ออกเองนะ)


เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม

- ฟินแลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่ผลิตหนังสือสำหรับเด็กมากที่สุดในโลก

- รายการต่างประเทศที่เข้ามาฉายในช่องทีวีของฟินแลนด์ มักไม่ค่อยมีการพากย์เสียงภาษาฟินแลนด์ จะยังคงพูดภาษาเดิมนั้นๆ แต่จะขึ้นซับไตเติ้ลด้านล่างให้อ่านแทน

- ฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีคอรัปชั่นน้อยมากถึงมากที่สุด


         นั่นก็คือระบบการศึกษาของประเทศฟินแลนด์นั่นเองค่ะ ต้องขอชื่นชมทางรัฐบาลและผู้ดูแลระบบการศึกษาเลยว่าทุ่มทุนสุดๆ ไม่น่าแปลกใจเลยค่ะว่าทำไมการศึกษาที่นี่จึงเป็นเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เริดสุดในสามโลก ! ดังนั้นน้องๆ คนไหนอยากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแต่ยังไม่รู้จะเลือกประเทศไหน พี่เป้ ขอแนะนำฟินแลนด์สุดตัวเลย !


ภาพประกอบ : alangregerman.typepad.com,lubavitch.fi

พี่เป้
พี่เป้ - Columnist มนุษย์บ้างานและบ้านวด ผู้ตกหลุมรักปลาแซลมอน การนอน และและออฟฟิศ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

แมวน้อยกำมะหยี่ Member 13 มี.ค. 55 20:47 น. 16
ปัญหาของคนไทยคือไม่มีทรัพย์ค่ะ คอรัปชั่นกันเยอะ
เพราะต่อให้อยากพัฒนาขนาดไหน ไร้ทรัพย์ก็เหมือนทำอะไรไม่ได้
ไม่ได้จะบอกว่าเงินคือทุกสิ่ง แต่ไม่มีเงินก็ซื้ออุปกรณ์อุปโภคบริโภคไม่ได้
หวังแต่ว่าจะมีรัฐบาลที่ใส่ใจเราและรักประเทศจริงๆ TT^TT

เอ... แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเรียนในห้องเรียนธรรมชาติ ก็อาจจะช่วยได้นะคะ ไม่เปลืองเงินด้วย นั่งเรียนอยู่บนหญ้าเขียวๆ อากาศเย็น สดชื่น แบบนั้นก็น่าเรียนมากค่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Charliexbiebs Member 15 ก.ค. 56 07:35 น. 91
เราอยู่ฟินด์ค่ะ เราเรียนที่ International school of helsinki (ISH) โรงเรียนนานาชาติที่นี่ค่ะ ที่นี่สอนดีมากๆเลยมันไม่เครียดไม่กดดันคุณครูก็ดีมากๆเลย แล้วก็สังคมเพื่อนที่นี่ก็ดีมากๆ ไม่อวดรวย ไม่เลือกคบเพื่อน ไม่รู้นะค่ะแต่เราว่ามันเรียนแล้วมีความสุขดี :) ส่วนภาษานี่ก็ยากนะค่ะขนาดเราเป็นลูกครึ่งเรายังว่ายากเลย. ส่วนใหญ่คนที่นี่จะพูดภาษาอังกฤษได้ดีค่ะ เราพูดกับเพื่อนๆทุกวันจนชินแล้ว :P เราอยู่ G.7 :)
0
กำลังโหลด
'doublesmile:) Member 13 มี.ค. 55 09:57 น. 5
เรามีเพื่อนเป็นเด็กแลกเปลี่ยนจากฟินแลนด์ พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก พูดได้ตั้งหกภาษาแหน่ะ พูดไทยได้นิดหน่อยด้วย :D ที่ภูมิใจคือเค้ามาเมืองไทยทุกปี :)
0
กำลังโหลด

93 ความคิดเห็น

BE*WonKyu*HanHyuk Member 13 มี.ค. 55 03:28 น. 1

ประเทศเค้าก็น่าอยู่นะครับ....

แต่เราเองก็ต้องพูดภาษา Finish



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 13 มีนาคม 2555 / 03:29
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Nocebo-[D] Member 13 มี.ค. 55 08:06 น. 3
ประเทศไทย คนเรียนไม่เก่ง ปล่อยทิ้งขว้างไปตามยถากรรม T T
แล้วห้องเรียนที่ขึ้นชื่อว่า gifted นั้น จะมีกี่โรงเรียนที่เปน gifted จริง
โรงเรียนเรา กเปนโรงเรียนนึงแหละที่ไม่ใช่ เรียนเหมือนห้องธรรมดา แต่เก็บตังค์เยอะกว่า

ขนาด ห้อง สสวท ยังต้องจ่ายค่าเทอมเท่ากับห้อง gifted และแน่นอนว่าแพงกว่าห้องธรรมดา
ทั้งๆที่ห้อง สสวท เปนห้องที่ได้รับทุน ได้รับงบสนับสนุนจาก สสวท แล้ว ไม่น่าจะต้องจ่ายอีกนินา - -
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
'doublesmile:) Member 13 มี.ค. 55 09:57 น. 5
เรามีเพื่อนเป็นเด็กแลกเปลี่ยนจากฟินแลนด์ พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก พูดได้ตั้งหกภาษาแหน่ะ พูดไทยได้นิดหน่อยด้วย :D ที่ภูมิใจคือเค้ามาเมืองไทยทุกปี :)
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
caNDiiez Member 13 มี.ค. 55 11:22 น. 8
น่าสนใจนะคะ ช่วงที่สมองพัฒนา แรกเกิดถึง 5 ขวบ เรากำลังนอนกลางวัน แล้วก็วิ่งเล่นอยู่เลย = =
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
~เจ้าลิงน้อยแพทโตะ~ Member 13 มี.ค. 55 15:29 น. 11
กะจะไปเที่ยวแถบแสกนปีหน้าค่ะ แต่ว่าภาษาฟินนิชน่ะ ยากมากๆเลยล่ะ เป็นภาษาที่ไม่เหมือนพวกสวีดิช แล้วก็ไม่เหมือนรัซเซียด้วย พวกฟินนิชเดิมเป็นชนเผ่ากลุ่มเล็กๆ ไม่ใช่ทั้งไวกิ้ง ไม่ใช่ทั้งพวกรัซเซียค่ะ แต่คนฟินนิชกลับมีดีเอ็นเอของพวกสลาวิคมากกว่านะ ปล.เเล้วเราจะเล่าเพื่อ?
1
กำลังโหลด
JreffinN Member 13 มี.ค. 55 15:58 น. 12
 โอ้ว ดีใจที่ผมเคยฝึกพูดอังกฤษกับคนฟินแลนด์แฮะ อิอิ (เพื่อนพ่อผมเอง เหอๆ เขาก็พูดอังกฤษไม่ค่อยเก่งเหมือนกัน เลยกล้าลองพูดอังกฤษกับเขาดู ^^)
0
กำลังโหลด
imaxsaran Member 13 มี.ค. 55 18:50 น. 13
 น่าอิจฉาคนฟินแลนด์จังครับ ถ้าไทยเป็นแบบนี้คนไทยคงจะมีเรื่องติดอันดับโลก(ในด้านดีๆ)มากขึ้น
1
Pisit Sakulchaikaew Member 27 เม.ย. 57 23:18 น. 13-1
อย่าได้แม้แต่จะคิดที่จะเอาประเทศไทยไปเทียบกับเค้าเลย มันทำให้ประเทศเราดูแย่ลงทั้งที่มันก็แย่อยู่แล้ว และเวลาเจออะไรก็อย่าเอาประเทศไทยไปพูดอย่างโน้นอย่างนี้ถ้าประเทศไทยไม่ได้ดีจริงและก็ไม่ได้ดีจริงๆ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
PETCHiiZZ Member 13 มี.ค. 55 20:08 น. 15
การเรียนก็ไม่ต่างกับไทยนะ การแบ่งช่วงในการเรียนก็เหมือนไทยเป๊ะ ไม่ค่อยต่างกันเลยสักนิดกับระบบการศึกษา จะต่างก็แค่เขาเรียนฟรีทุกอย่าง ส่วนไทยเราจ่ายเองทุกอย่าง ให้เด็กฝึกภาษาเองโดยขึ้นแต่ซับ ส่วนไทย ทั้งพากย์และซับพร้อมกัน ก็แค่นั้นเอง
3
Pisit Sakulchaikaew Member 27 เม.ย. 57 23:21 น. 15-1
เข้าข้างประเทศตัวเอง ระบบของเค้าดีมากๆ ส่วนของเราอย่าพูดเลย เอาแต่เข้าข้างประเทศตัวเองอยู่ได้ทั้งดีไม่ได้ดีเลย
0
กำลังโหลด
แมวน้อยกำมะหยี่ Member 13 มี.ค. 55 20:47 น. 16
ปัญหาของคนไทยคือไม่มีทรัพย์ค่ะ คอรัปชั่นกันเยอะ
เพราะต่อให้อยากพัฒนาขนาดไหน ไร้ทรัพย์ก็เหมือนทำอะไรไม่ได้
ไม่ได้จะบอกว่าเงินคือทุกสิ่ง แต่ไม่มีเงินก็ซื้ออุปกรณ์อุปโภคบริโภคไม่ได้
หวังแต่ว่าจะมีรัฐบาลที่ใส่ใจเราและรักประเทศจริงๆ TT^TT

เอ... แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นเรียนในห้องเรียนธรรมชาติ ก็อาจจะช่วยได้นะคะ ไม่เปลืองเงินด้วย นั่งเรียนอยู่บนหญ้าเขียวๆ อากาศเย็น สดชื่น แบบนั้นก็น่าเรียนมากค่ะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Eroseris Member 13 มี.ค. 55 22:48 น. 19
 เคยอ่านในคู่สร้างคู่สมนะ ไม่ใช่เเค่เรื่องเรียนฟรี เเละ การขึ้นซับไตเติ้ล
เเต่คนจะเป็นครูได้ต้องจบโท เน้นผู้เรียนเป็นหลัก คือ เขามีระบบการสอนที่เอื้อต่อการเรียนรู้มากกว่าเรา กฎระเบียบวินัยไม่มาก เเต่ได้ผลจริง...ลองหาอ่านดูนะ 
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด