สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... เจอกับ พี่เป้ และ KoreanKori เช่นเคย
หน้าฝนปีนี้รู้สึกกันมั้ยว่าฝนตกน้อยกว่าปีก่อนๆ น่าแปลกจัง แต่ยังไงก็อย่า
ลืมพกร่มและระวังเป็นหวัดกันด้วยนะ
ลืมพกร่มและระวังเป็นหวัดกันด้วยนะ
มองรอบๆ ตัว เดี๋ยวนี้หลายๆ คนมีธุรกิจของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย
ครั้งก่อน พี่เป้ เลยนำบทความแปลเกี่ยวกับเจ้าของธุรกิจในเกาหลีที่
ประสบความสำเร็จตั้งแต่หนุ่มๆ ดูจะถูกใจหลายคนไม่น้อย วันนี้เลย
กลับมาพร้อมตอน 2 ค่ะ ใครยังไม่ได้อ่านตอน 1 บอกเลยว่าอย่าพลาด
กดย้อนอ่านกันก่อนซะดีๆ
ประสบความสำเร็จตั้งแต่หนุ่มๆ ดูจะถูกใจหลายคนไม่น้อย วันนี้เลย
กลับมาพร้อมตอน 2 ค่ะ ใครยังไม่ได้อ่านตอน 1 บอกเลยว่าอย่าพลาด
กดย้อนอ่านกันก่อนซะดีๆ
Add 2 Paper
เมื่อนำความคิดมาทำเป็นธุรกิจจริง
ผลที่ออกมาอาจเป็นได้ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว
ผลที่ออกมาอาจเป็นได้ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว
แต่สิ่งสำคัญคือ Just Do It
มีคำพูดที่ว่า ของฟรีไม่มีในโลก ในภาษาเกาหลีก็มีคำพูดที่ว่า ถ้าอยากได้ของฟรี ก็ไปกินน้ำด่างเถอะ แต่ปัจจุบันนี้หากมองไปรอบตัว เราจะพบว่ามีของฟรีให้เราใช้เยอะมาก เช่น บัตรเครดิต ใช้ฟรีไปก่อน ค่อยมาจ่ายเงินทีหลัง , โทรศัพท์มือถือ ที่ราคาเครื่องถูกจนเหมือนได้ฟรี , อีเมล์ก็ใช้ฟรี , แอพพลิเคชั่นในมือถือหลายๆ แอพก็ใช้ฟรี ยูทูบก็ฟรี ดังนั้นจะพูดว่า ของฟรีไม่มีในโลก ก็อาจไม่ถูกซะทีเดียว เพราะยังไงเราก็ได้ใช้ฟรี แต่ใครกันล่ะที่จ่ายเงินแทนเรา?
คำตอบก็คือ "ธุรกิจ" นั่นเอง เพราะธุรกิจต้องทำการตลาดและขายโฆษณาเพื่อให้ได้เงินมาพัฒนาสินค้าและบริการให้เราได้ใช้ต่อฟรีๆ ซึ่งก็มีข้อดีนั่นคือ การสร้างสินค้าและบริการให้เราได้ใช้กันแบบฟรีๆ ซึ่งช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์นั้นดูดีมากทีเดียว
ในปี 2006 นักศึกษาชาวญี่ปุ่น 5 คนของมหาวิทยาลัยเคอิโอะ ได้คิดไอเดีย "การถ่ายเอกสารให้ฟรี โดยด้านหลังของกระดาษที่ใช้ถ่ายเอกสารจะมีโฆษณาติดอยู่" พวกเขานำไอเดียนี้เข้าประกวดและได้รับรางวัลชนะเลิศ ซึ่งไอเดียนี้ก็กลายมาเป็นโมเดลธุรกิจของ Add 2 Paper ในเกาหลีใต้
ไอเดียของการทำธุรกิจแบบนี้คือ เราจะขายโฆษณาให้แก่สินค้า แล้วนำโลโก้หรือโฆษณานั้นๆ มาอยู่ด้านหลังของกระดาษที่ใช้ถ่ายเอกสาร คนที่มาขอถ่ายเอกสารฟรีๆ ก็จะได้รับกระดาษพวกนั้นที่มีโฆษณาติดอยู่ไป เมื่อเห็นบ่อยๆ เข้าก็อาจทำให้รู้สึกอยากซื้อสินค้านั้นบ้างล่ะน่า สินค้านั้นก็จะได้โฆษณาแบบทั่วถึง ส่วนพวกนักศึกษาก็ได้ถ่ายเอกสารฟรีไม่ต้องจ่ายเงิน
โดย Add 2 Paper ได้เปลี่ยนคอนเซ็ปต์นิดหน่อย นั่นคือ เปลี่ยนตำแหน่งของโลโก้หรือโฆษณานั้นๆ มาอยู่ด้านหน้าของกระดาษแทน รวมถึงไม่ได้ให้บริการถ่ายเอกสารฟรี แต่เป็น "พรินต์ฟรี" สำหรับทีมงานของ Add 2 Paper ล้วนแต่เป็นคนช่วงอายุ 20-30 กว่าๆ เท่านั้น เรียกว่าเป็นช่วงชีวิตที่มีไฟลุกโชนมากที่สุดก็ว่าได้ โดยต่อวัน มีนักศึกษาทั่วเกาหลีใช้บริการของ Add 2 Paper มากกว่า 3 หมื่นคนทีเดียว!!
SKETCHPAN
โลกที่สื่อสารกันด้วยภาพวาด
เรื่องที่สนุกที่สุดในโลกอยู่ที่มือของคุณ
เรื่องที่สนุกที่สุดในโลกอยู่ที่มือของคุณ
ลองนึกภาพถึงธุรกิจที่ผู้ใช้บริการสเข้ามาออกแบบและวาดไอเดียของเขา ได้ใช้ความสามารถและออกความคิดอย่างมีศิลปะ มันจะเป็นธุรกิจอะไรนะ?
นั่นคือธุรกิจ "การวาดภาพ" นั่นเอง เว็บไซต์ SKETCHPAN ก่อตั้งโดย "คิมยู" ผู้ซึ่งเรียนจบด้านการ์ตูนอะนิเมชั่นจากมหาวิทยาลัยเซจง ตอนเรียนจบใหม่ๆ เขาอยากได้ความมั่นคงในชีวิตจึงเลือกที่จะเป็นพนักงานในบริษัทออกแบบ แต่นั่นก็ไม่ได้ตอบโจทย์ชีวิต เขาจึงลาออกมา ในช่วงว่างงาน เขาได้ใช้เวลาในการเล่นเกมนินเทนโด้และดูวีดีโอต่างๆ ผ่านยูทูบ จนได้ไอเดียขึ้นมาว่า "อยากจะสร้างสื่อที่ทำให้คนจำนวนมากรู้สึกสนุกไปกับภาพสวยๆ"
เขานึกได้ว่าปัจจุบันนี้มีโปรแกรมจำนวนมากที่ใช้ตกแต่งภาพ เช่น Photoshop แต่ในเกาหลียังไม่มีเว็บไซต์หรือโปรแกรมไหนที่จะสอนหรือแชร์ขั้นตอนการวาดภาพบ้างเลย จึงสรุปออกมาว่า เขาอยากสร้างสื่อออนไลน์ที่จะให้ผู้คนสนุกสนานไปกับการวาดภาพ
สุดท้ายมันก็ออกมาเป็นเว็บไซต์ชื่อ SKETCHPAN ในปี 2006 แม้ในปีแรกจะทำรายได้ให้เขาคิดเป็นเงินไทยแค่แสนกว่าบาท แต่เพราะเว็บไซต์นี้ทำให้เขาเป็นที่รู้จัก เริ่มรับงานออกแบบฟรีแลนซ์ต่างๆ ซึ่งค่อยๆ สร้างรายได้ให้เขาผู้ซึ่งไม่ย่อท้อ
ในตอนแรกที่เขาสร้างเว็บไซต์นี้ เขาหวังว่าคนที่เข้ามาใช้บริการคงเป็นคนที่วาดภาพเก่งอยู่แล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาได้พบว่า มันกลายเป็นโปรแกรมที่ช่วยให้เด็กเล็กได้ฝึกวาดรูปตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ยิ่งกว่านั้นการวาดภาพซึ่งเป็นศิลปะ ยังกลายเป็นการรักษาบำบัดอาการต่างๆ ให้แก่ผู้ป่วยได้ด้วยอย่างไม่น่าเชื่อ ในที่สุดเขาสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่คนใช้ภาพวาดสื่อสารต่อกันได้จริงๆ ดังนั้นคำว่า WWW. สำหรับคิมยู ไม่ได้แปลว่า World Wide Web แต่มันแปลว่า World Without Word หรือโลกที่ปราศจากคำ แต่ใช้รูปวาดเป็นสื่อแทนนั่นเอง
เมื่อมีผู้ใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีสมาชิกมากกว่า 2 แสนราย ปัจจุบันเว็บไซต์นี้มีในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ แถมยังทำเป็นแอพพลิเคชั่นให้ดาวน์โหลดสำหรับแอนดรอยด์อีกด้วย ใครอยากลองฝึกวาดภาพ ก็ลองเข้าไปใช้บริการกันได้เลย
GONGSIN
หากเราเชื่อมั่นและเห็นคุณค่าในตัวเอง เท่ากับว่า
เรากำลังเข้าใกล้ความฝันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว
เรากำลังเข้าใกล้ความฝันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว
ในบรรดาหมู่นักเรียนเกาหลี เว็บไซต์หนึ่งที่พวกเขารู้จักกันเป็นอย่างดีคือ gongsin.com หากเขียนเป็นภาษาเกาหลีคือ 공신(คงซิน) โดยคำนี้มาจาก 공부의신(คงบูเอซิน) หรือ เทพเจ้าแห่งการเรียน แน่นอนว่าเว็บไซต์นี้คือเว็บไซต์เกี่ยวกับเรื่องการเรียนเพื่อจะปั้นให้เด็กๆ กลายเป็น 공신 หรือเทพเจ้าแห่งการเรียนนั่นเอง
คังซองแท ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ gongsin.com เล่าว่า หลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ในสาขาวิศวกรรมเครื่องกล ก็มีบริษัทจำนวนมากมาติดต่อให้เขาไปทำงานด้วย ในตอนแรกเขาก็อยากจะหางานที่มั่นคงทำ เคยได้รับข้อเสนอให้เข้าทำงานในสภาของเกาหลีด้วยซ้ำ แต่เขาก็ปฏิเสธไป ก่อนจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเป็นพิธีกรรายการเกี่ยวกับการศึกษาในช่วงเวลาหนึ่ง
เมื่อเขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้ ก็รู้สึกอยากจะถ่ายทอดประสบการณ์เหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะทำเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการเรียนขึ้นมา มีเพื่อนหลายคนที่หัวเราะเยาะและหาว่าเขาบ้าที่มาเลือกทางนี้ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจและมุ่งมั่นให้กับมันจนเปิดให้บริการในปี 2006
เว็บไซต์นี้เป็นแหล่งที่ให้วัยรุ่นนักเรียนชาวเกาหลีได้เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนในเรื่องการเรียน หาติวเตอร์สอน หาเพื่อนรุ่นเดียวมาช่วยกันติว เหมือนได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้ชีวิต ในอินเตอร์เน็ตมักมีคนมาบอกถึงวิธีการเรียนให้ได้ผลดี แต่ยังไม่มีเว็บไซต์ไหนที่จะเป็นเหมือนติวเตอร์คอยกวดวิชาให้นักเรียน ดังนั้นเว็บไซต์นี้จึงเกิดขึ้นโดยใช้คอนเซ็ปต์ว่า "คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เพราะเราจะอาสาช่วยเป็นติวเตอร์ให้"
ส่วนใครไม่รู้จะเลือกติวเตอร์คนไหนมาสอนให้ดี เว็บ gongsin.com ก็มีบริการจัดเป็นแพ็คเกจมาให้เลย เช่น ติวออนไลน์ตลอด 1 ปี ในราคา 470,000 วอน หรือประมาณ 11,000 บาท
ในตอนแรกที่เปิดใช้ มีคนใช้งาน 9 คนเท่านั้น พอเวลาผ่านไป ก็เกิดการบอกกันปากต่อปาก มีคนรู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นกระแสในที่สุด เหมือนเป็นโลกสังคมออนไลน์ที่นักเรียนเข้ามาพูดคุย ขอคำปรึกษา แม้กระทั่งปรับทุกข์ปัญหาการเรียนและปัญหาชีวิตเลยทีเดียว
คังซองแท ได้ฝากถึงคนรุ่นใหม่ที่อยากลงมือเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างว่า ต่อให้เราไม่ได้เกิดมามีชีวิตที่สมบูรณ์ แต่หากเราเชื่อมั่นและเห็นคุณค่าในตัวเอง เท่ากับว่าเรากำลังเข้าใกล้ความฝันมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว
ภาพประกอบ : etnews.com,hankyung.com
8 ความคิดเห็น
โหวว ถ้าเป็นบ้านเราก็เว็บเด็กดีนี่เเหละ
อยากให้มีต่อตอนที่ 3 อะ
ชอบความคิดของคุณคังซองแทจังค่ะ
แจ่มเบย