สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ช่วงปลายปีที่ผ่านมาหลายๆ คนน่าจะได้เห็นกระทู้รวมภาพชนเผ่าที่กำลังจะสาบสูญไปจากโลกของคุณ Jimmy Nelson กันมาแล้ว แต่ละภาพสวยๆ ทั้งนั้นเลย พอดูแล้ว พี่พิซซ่า เลยสงสัยว่าเรื่องราวของแต่ละชนเผ่ามีอะไรบ้าง พี่ก็เลยไปหาข้อมูลของชนเผ่าที่น่าสนใจมา 10 เผ่า ลองไปดูกันดีกว่าว่าแต่ละเผ่ามีเรื่องน่าทึ่งอะไรบ้าง
ชนพื้นเมืองชุกชี Chukchi
ชาวชุกชีอาศัยอยู่บริเวณคาบสมุทรชุกชี ติดทะเลชุกชีใกล้กับมหาสมุทรอาร์กติกทางตะวันออกของรัสเซีย ที่นี่มีภาษาชุกชีเป็นภาษาใช้สื่อสารกัน พื้นที่อยู่ในเขตทุนดร้าที่มีแต่น้ำแข็งและหิมะ ไม่มีต้นไม้เลย อากาศจึงหนาวมากๆๆๆ ช่วงหน้าหนาวจะหนาวโดยประมาณ -54 องศาเซลเซียส ส่วนหน้าร้อนจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 10 องศาเซลเซียส และเพราะอากาศแบบนี้ทำให้ที่นี่สอนกันมาว่าต้องใจดีแบ่งปันกับคนอื่นเสมอ แม้มีคนแปลกหน้ามาขอพักและขออาหารก็ต้องให้ ความตระหนี่ถือเป็นนิสัยที่เลวร้ายที่สุดในความคิดของคนที่นี่
ชาวชุกชีเป็นชาวพื้นเมือง 1 ในไม่กี่กลุ่มที่ไม่เคยถูกทหารรัสเซียพิชิตได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้รับผลกระทบจากการทดลองอาวุธต่างๆ ของรัสเซีย ทำให้สภาพอากาศที่นี่เกิดมลพิษตามไปด้วย และมลพิษเหล่านี้ก็ส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิตของคนที่นี่ค่ะ
อาหารหลักของคนที่นี่คือกวางเรนเดียร์ค่ะ ทานได้ทุกส่วนเลยไม่ว่าเครื่องใน สมอง กระดูกหรือแม้แต่เลือดก็นำมาทำซุป และเลี้ยงกันเป็นฟาร์ม นอกจากนี้ก็มีพืชผักที่ผู้ชายจะขี่เรนเดียร์ไปหามาให้ รวมไปถึงจับปลาและสัตว์อย่างวอลรัส ส่วนหน้าที่ของผู้หญิงคือทำอาหารและนำหนังสัตว์เหล่านั้นมาทำเสื้อผ้า
ชนพื้นเมืองคาซัก Kazakh
ชาวคาซักสืบเชื้อสายมาจากทั้งพวกเติร์ก มองโกเลีย อินโด-อิหร่าน และชาวฮั่น เพราะตั้งอยู่บนเขตเทือกเขาสูงมองโกเลียทำให้อากาศที่นี่หนาวและเบาบางมาก ลมก็แรงเกือบตลอดปี ในแต่ละปีจะมีวันที่ฟ้าใสเพียง 257 วัน
ที่นี่มีความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณชั่วร้ายแรงกล้ามาก ทุกคนจะมีสร้อยคอและสร้อยข้อมือหลายแบบเพื่อป้องกันตัวเองจากวิญญาณร้าย นอกจากนี้ยังมีคนทรงเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของเผ่าด้วย
กิจกรรมที่นิยมทำคือการล่าสัตว์โดยใช้นกอินทรี ผู้ชายในเผ่าจะขี่ม้าข้ามเขาไปพร้อมกับนกอินทรีสีทองที่เลี้ยงเอาไว้ นกอินทรีจะเป็นตัวช่วยบอกตำแหน่งสัตว์ชนิดต่างๆ เช่นกระต่าย สุนัขจิ้งจอก และหมาป่า โดยนอกจากจับมาทานแล้ว ยังนำขนสัตว์ไปทำเครื่องนุ่งห่มได้ด้วย
ชนพื้นเมืองมัสแตง Mustang
บริเวณนี้เคยเป็นอาณาจักรโลแห่งธิเบตแม้ตอนนี้จะถือว่าอยู่ในเขตปกครองของประเทศเนปาลแล้วก็ตาม ปัจจุบันนี้วัฒนธรรมของชาวธิเบตแท้ๆ แทบไม่มีเหลือแล้ว ชนพื้นเมืองมัสแตงจึงเป็น 1 ในไม่กี่แห่งที่ยังคงสืบสานอารยธรรมแบบธิเบตแท้ๆ อยู่ ชนเผ่านี้เพิ่งจะเปิดให้โลกภายนอกเข้าไปเยี่ยมเยียนได้เมื่อปี 1991 นี้เอง
ความเชื่อของที่นี่จะคล้ายศาสนาพุทธสมัยแรก ทุกคนชอบการสวดมนต์ภาวนา และคนส่วนมากยังเชื่อว่าโลกแบนอยู่ สถานที่สำคัญทางศาสนามีในทุกหมู๋บ้านและถือเป็นสถานที่สำคัญสำหรับทุกเทศกาลของที่นี่ด้วย
ลูกชายคนโตของแต่ละบ้านจะต้องเป็นผู้สืบทอดวงศ์ตระกูลและดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัว ส่วนลูกชายคนที่สองของครอบครัวจะถูกส่งไปบวชเรียนที่วัดประจำหมู่บ้านตั้งแต่อายุ 6-7 ขวบ
ชนพื้นเมืองคาลัม Kalam
ฝั่งตะวันออกของเกาะนิวกินีได้รับอิสรภาพจากออสเตรเลียในปี 1975 บริเวณนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีชนเผ่าหลากหลายมากที่สุดในโลก ชนพื้นเมืองหลายกลุ่มกระจายไปอยู่ทั่วทั้งเกาะอย่างเผ่าคาลัมนั้น อาศัยอยู่ใจกลางที่ราบสูงของมาดัง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เร้นลับที่สุดของปาปัวนิวกินีเลยทีเดียว วัฒนธรรมของชาติอื่นๆ เข้าไม่ถึงพื้นที่นี้เลย
ทุกๆ สัปดาห์ที่สามของเดือนกันยายนจะมีเทศกาลเฉลิมฉลองเด็กชายให้โตเป็นผู้ใหญ่ โดยเด็กผู้ชายวัยประมาณ 10-11 ขวบจะต้องเข้ากระท่อมที่เหมือนเป็นสมาคมชายล้วนเพื่อไปเรียนรู้พิธีกรรมต่างๆ จากผู้อาวุโส เมื่อเรียนครบก็มีพิธีเจาะจมูกเพื่อเสียบเครื่องประดับที่จะบ่งบอกว่าได้ผ่านพิธีนี้แล้วและเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ชนพื้นเมืองยาลี Yali
ฝั่งตะวันตกของเกาะนิวกินีเป็นของประเทศอินโดนีเซีย ฝั่งนี้ก็มีชนพื้นเมืองมากมายเช่นเดียวกับทางฝั่งตะวันออก ชาวพื้นเมืองยาลีอาศัยอยู่ในป่าบนเขาสูงทางฝั่งนี้ของเกาะ ผู้ชายยาลีมีความสูงเฉลี่ยเพียง 150 เซนติเมตร ทำให้ถูกเรียกว่าเป็นพวกปิ๊กมี่
ชาวยาลีมีวิธีชีวิตแบบนักล่ามากกว่าจะเป็นนักเก็บเกี่ยว พวกเขาเน้นล่าสัตว์มาทำอาหารมากกว่าจับสัตว์มาเลี้ยงเป็นฟาร์มเพื่อความสะดวกในการหาอาหารครั้งต่อๆ ไป
ชนพื้นเมืองเมารี Maori
ชนพื้นเมืองในประเทศนิวซีแลนด์นี้คาดว่าอพยพมาจากโพลีนีเชียตะวันออกในช่วงศตวรรษที่ 13 ทำให้มีศิลปวัฒนธรรมที่ต่างจากเผ่าส่วนใหญ่ในโพลีนีเชียอย่างเห็นได้ชัด เพราะแยกจากกันมานานมากแล้วนั่นเอง ชาวเมารีมีภาษาเป็นของตัวเอง รวมถึงความเชื่อที่ต่างออกไปด้วย
ชาวเมารีเชื่อว่าวิญญาณบรรบุรุษยังอยู่คอยช่วยเหลือพวกเขาตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีตำนานเทพเจ้ามากมายเป็นของตนเอง ซึ่งส่วนมากจะใช้อธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติต่างๆ อย่างสภาพอากาศ ดวงดาว การมีปลาในทะเล หรือการมีป่า
ชาวเมารีใช้การสักเป็นเครื่องหมายแสดงสัญลักษณ์ต่างๆ เช่นการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และบทบาทของคนๆ นั้นในสังคมหรือตำแหน่งทางสังคม
ชนพื้นเมืองเมอร์ซี Mursi
ในเขตประเทศเอธิโอเปียมีชาวเผ่าต่างๆ อาศัยอยู่มากมาย เผ่าเมอร์ซีก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ผู้ชายชาวเมอร์ซีจะมีพิธีต่อสู้กัน ส่วนผู้หญิงชาวเมอร์ซีเป็นที่รู้จักทั่วโลกจากการที่ต้องใส่ถาดไว้ในริมฝีปากล่าง
ชาวเมอร์ซีหวงแหนเขตแดนของตนมากกว่าเผ่าอื่นๆ ในเอธิโอเปีย ยิ่งตอนนี้ที่นักท่องเที่ยวเริ่มเข้าถึงที่ดินได้แล้ว พวกเขาก็ยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่ ชาวเมอร์ซีเป็นที่รู้จักดีว่ามักขู่และพยายามขับไล่คนนอกอย่างรุนแรง
ชนพื้นเมืองฮัวโอรานี Huaorani
เขตโอเรียนเต้ ประเทศเอกวาดอร์ ในพื้นที่ป่าฝนของแม่น้ำอะเมซอนเป็นที่อยู่ของชนพื้นเมืองหลายเผ่ามากว่าพันปีแล้ว ชาวฮัวโอรานีถือว่าตนเป็นเผ่าพันธุ์ที่กล้าหาญที่สุดในลุ่มน้ำอะเมซอน พวกเขาเพิ่งรู้จักคนจากโลกภายนอกครั้งแรกเมื่อปี 1956
ชาวฮัวโอรานีเป็นนักล่าที่เก่งกาจและเป็นนักรบที่ไม่เคยกลัวใคร แต่เมื่อมีกลุ่มนักสำรวจขุดเจาะน้ำมันและพวกลักลอบตัดไม้บุกเข้าไปถึงพื้นที่ ชาวฮัวโอรานีจึงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตมาเป็นผู้อยู่อาศัยที่ติดบ้านมากกว่าจะออกไปผจญภัย
ชาวฮัวโอรานีมีความรู้เกี่ยวกับพืช สัตว์ และพันธุ์ไม้มากมาย พวกเขาจึงใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติได้ด้วยดีมาโดยตลอด
ชนพื้นเมืองเนเน็ต Nenet
ชาวเนเน็ตอาศัยอยู่บริเวณคาบสมุทรยามาลทางตะวันตกของไซบีเรียมานานกว่าพันปีแล้ว อากาศที่นี่ต่ำสุดได้ถึง -50 องศาเซลเซียส และก็สามารถร้อนได้ถึง 35 องศาเซลเซียสด้วย ทำให้ในทุกปีต้องอพยพข้ามแม่น้ำอ๊อบที่แข็งเป็นน้ำแข็งเพื่อไปตั้งถิ่นฐานอีกฝั่งหนึ่งที่อุดมสมบูรณ์กว่า
ในช่วงการปกครองของสตาลิน ชนพื้นเมืองเนเน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ ทำให้เด็กๆ ที่นี่ถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำในเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวเนเน็ตจนถึงทุกวันนี้
บ้านของชาวเนเน็ตเป็นกระท่อมชั่วคราวทำจากหนังสัตว์ ซึ่งกระท่อมนี้สามารถย้ายที่ได้เรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งอยู่ที่เดิมทุกวันแบบบ้านทั่วไป นอกจากนี้ชาวเนเน็ตชอบดื่มชาศรีลังกามาก
ชนพื้นเมืองฮิมบา Himba
ชาวฮิมบาอาศัยอยู่ในทะเลทรายประเทศนามิเบีย ชาวเผ่านี้มีรูปร่างผอมบางและสูง ทำให้แตกต่างจากเผ่าอื่นๆ ในทวีปแอฟริกา แม้จะอาศัยในพื้นที่ที่ยากลำบากแต่วิถีชีวิตแบบชาวเผ่าเล็กๆ ของพวกเขาก็ทำให้พวกเขาอยู่รอดได้เสมอ
ชนพื้นเมืองฮิมบาทุกคนถือเป็นสมาชิกของ 2 ตระกูล นั่นคือตระกูลฝั่งพ่อและตระกูลฝั่งแม่ การแต่งงานจะเกิดจากการคลุมถุงชน เพื่อให้ตระกูลที่มั่งคั่งได้สืบทอดความมั่งคั่งกันต่อไป นอกจากนี้รูปร่างหน้าตาและการแต่งกายก็มีความสำคัญมาก เพราะใช้บอกเล่าเรื่องราวในชีวิตของคนนั้นๆ ได้เลย
ผู้หญิงและเด็กจะประจำอยู่ที่หมู่บ้านโดยมีผู้อาวุโสหรือหัวหน้าเผ่าเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อย ส่วนผู้ชายคนอื่นๆ นั้นจะออกไปหาอาหารกลับมา ส่วนมากพวกผู้ชายจะเดินทางไปเรื่อยๆ เพื่อหาอาหาร และใช้เวลาหลายวันกว่าจะกลับมา
หลายเผ่าต้องต่อสู้กับความสมัยใหม่ที่พยายามรุกล้ำเข้าไป ในขณะที่อีกหลายเผ่าก็ต้องต่อสู้กับความลำบากจากธรรมชาติ แต่ทุกเผ่าก็สามารถปรับตัวและอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ นั่นเพราะทุกคนในเผ่ารู้จักหน้าที่ของตนเอง และถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ทำให้เผ่าพันธุ์และเอกลักษณ์ของแต่ละชนเผ่าคงอยู่ได้จนทุกวันนี้
สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ที่/Book available on Amazon.com
All images are copyright to Jimmy Nelson Pictures BV
www.beforethey.com, en.wikipedia.org
13 ความคิดเห็น
มองมุมนึงก็สงสารพวกเขานะ เพราะว่าที่อยู่อาศัยของพวกเขาได้รับผลกระทบ เลยส่งผลเสียต่อการดำรงชีวิตของชนพื้นเมืองพวกนี้ไปด้วย
แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง พวกเขาก็จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนไปเหมือนกัน
อยากให้พวกเขารักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมตลอดไป
เท่ห์ซะไม่มี
-.- นึกถึงการ์ตูนโพคาฮอนทัส หรือหนังแนวๆ นี้หลายเรื่องเลย
อีกเผ่าที่เห็น เอ่อเมื่อฮัวโอรานี นี่แทบจะเปลือยกันหมดทั้งชายทั้งหญิงเลยหรือนี่ -0-
เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงชีวิตของคนสมัยก่อน แต่ไม่น่าเชื่อว่าโลกปัจจุบันที่มีคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีแล้วยังมีผู้คนที่ใช้ชีวิตแบบธรรมชาติอยู่ เหมือนอยู่คนละยุคกันเลย
สุดยอดเลยนะครับ ยิ่งอ่านไปเรื่อยๆก็รู้สึกตื่นเต้นและชื่นชม มันน่าอัศจรรย์ดีนะ เหมือนกับในหนังเลย พวกเขามีอยู่ในวิถีชีวิตแบบนั้นจริงๆ และชนพื้นเมืองของเขาก็แสดงวัฒนธรรมและสะท้อนอะไรหลายๆอย่าง
มีสาระมากๆ
คือ บางอันที่ให้คนนอกเข้าไปได้อ่ะ สงสารเขานะ คล้ายๆเราไปบุกรุกยังไงยังงั้น
ฮิมบานี่นมสวยมาก -.,-