ประสบการณ์จริงจากนักเรียนแลกเปลี่ยน โครงการแลกเปลี่ยน YES (อเมริกา)

        ขอแนะนำ "นางสาววริยา  ศิริวัฒนานุกูล" หรือ น้องออม  นักเรียนแลกเปลี่ยน (ทุนฟรีเต็มจำนวน) ประเทศสหรัฐอเมริกา รุ่น 27 โครงการแลกเปลี่ยน YES ปัจจุบันน้องออมเรียน BBA เอกการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นทูตวิเทศสัมพันธ์ช่วยต้อนรับแขกจากต่างประเทศของมหาวิทยาลัย เราให้น้องออมเล่าประสบการณ์ตรงจากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนกันเลยค่ะ

1. รู้จักโครงการแลกเปลี่ยนได้อย่างไร และเหตุใดจึงอยากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน

ออมมีเพื่อนเคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ได้ฟังเรื่องเล่าต่างๆ จึงทำให้เกิดความสนใจที่จะเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของต่างประเทศ และตั้งใจไว้ว่าเราจะต้องไปสัมผัสชีวิตการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนให้ได้ จึงทำให้ออมสมัครสอบ ตั้งใจและพยายามอย่างเต็มที่ และออมก็ได้เข้าร่วมโครงการโดยได้รับทุนฟรีเต็มจำนวนของประเทศสหรัฐอเมริกา

2. เตรียมตัวอย่างไรกับการไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน

เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ฝึกพูด  ฝึกเขียนมากขึ้น ค้นหาข้อมูลเมืองที่จะไปอยู่  เช่น สภาพอากาศ เป็นอย่างไร เพื่อจะได้เตรียมเสื้อผ้า และของใช้ให้เหมาะสม  

3. คิดว่าการไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนได้อะไรมากกว่าการได้ไปต่างประเทศ

ได้อะไรเยอะมาก ถ้าเป็นการไปเที่ยว ก็จะป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆไม่กี่วันเท่านั้นทำให้ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้หรือสัมผัสอย่างลึกซึ้ง  เช่น  เทศกาลต่างๆ มีโอกาสได้เข้าร่วมงานเทศกาลฮาโลวีน เป็นเทศกาลที่ ผู้คนทั่วไปและเด็กๆจะแต่งตัวเหมือนปีศาจต่างๆและไปเคาะประตูบ้านก็จะได้ขนมมากินกันและอีก หนึ่งเทศกาลที่ได้เข้าร่วม คือ เทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งเป็นเหมือนวันรวมญาติ เมื่อทุกคนมาพร้อมกัน จะทำอาหารรับประทานกันเองที่บ้าน แต่ถ้าไปเบบเที่ยวธรรมดาภายในระยะเวลาไม่กี่วัน จะไม่มีโอกาสได้ร่วมหรือสัมผัสกับบรรยากาศเหล่านี้เลย และโชคดีมากที่ออมได้ host family ที่ดี ใจดี คอยช่วยเหลือตลอด ทำอาหารอร่อยๆให้ทานทุกวัน รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เจอสภาพสังคม แวดล้อมที่ดี  คุ้มมากๆ  ถือเป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิต

4. จะต้องเก่งภาษามากๆก่อนไปจริงหรือไม่

ไม่จำเป็นต้องเก่งภาษามากๆ เพราะตอนแรกที่ไป host ก็คิดว่าไม่ค่อยได้ภาษาเท่าไร  เขาพยายามพูดช้าๆ ให้เราเข้าใจ  พยายามสื่อสาร เพราะคนที่โน่นเขาพร้อมจะช่วยเหลือเรา   ส่วนที่โรงเรียน มีสอนภาษาอังกฤษให้กับคนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่  ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่ง ขอเป็นคนที่
เปิดรับ เรียนรู้  ไม่กลัวต่ออุปสรรค พร้อมจะแก้ปัญหา เพราะที่นี่มีคนพร้อมจะช่วยเหลือตลอดเวลา
ทั้ง AC, APA, host,  เพื่อน,  อาจารย์ ทุกคนจะคอยช่วยเหลือ แนะนำตลอดเวลา

5.ระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ เมื่อเวลาที่คิดถึงครอบครัว หรือ รู้สึกกลัว ท้อแท้  
ออมแก้ปัญหาอย่างไร

ตอนแรกๆ ที่ไปก็มีความรู้สึกเหล่านี้ แต่อยู่ไปรู้สึกได้เลยว่าทุกคน nice กับตัวเรามาก ทำให้รู้สึกเหมือน busy ตลอดเวลา  ระหว่างที่เรียนที่นี่ ได้อยู่ถึง 4 ชมรม และแต่ละชมรมก็จะมีกิจกรรมให้ทำตลอด  เช่น บางชมรม ในทุกๆเดือนจะนั่งเรือออกไปปลูกต้นไม้ที่เกาะ เพื่อทำให้เกาะกลับมามีสีเขียวอีกครั้ง เหมือนแก้ปัญหาโดยการอยู่กับเพื่อน ทำกิจกรรม ให้มากขึ้น

อีกวิธีการแก้ปัญหาคือ ให้เตือนตัวเองอยู่เสมอว่า เรามาที่นี่เพื่ออะไร  มาเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรม และ
เพื่อนำเอาวัฒนธรรมไทยมาเผยแพร่ , ฝึกการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ฝึกการปรับตัว  มันจะช่วยทำให้เราลืมความเศร้า ความเหงาไปได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

6. การเรียน – การสอน แตกต่างกับประเทศไทยอย่างไรบ้าง

การเรียน การสอน ต่างกัน ถ้าเป็น ประเทศไทยจะมีตารางเรียนวันจันทร์ – วันศุกร์ ในแต่ละวันก็จะเรียนไม่เหมือนกัน  แต่โรงเรียนที่ไปแลกเปลี่ยนนี้จะเรียนเหมือนกันทุกวัน ตั้งแต่ จันทร์ – ศุกร์ ในหนึ่งวัน เรียน 5-6 วิชา  อยู่ที่เราจะลงเรียนวิชาอะไรบ้าง  และที่นี่อิสระว่าจะเลือกเรียนวิชาอะไร  แต่ถ้าเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแล้วไม่กลัวว่า เมื่อกลับมาประเทศไทยแล้วจะต้องเรียนซ้ำชั้น ก็อยากจะแนะนำให้ลงเรียนวิชาที่ประเทศไทยไม่มี ลักษณะการเรียนที่ อเมริกา จะเป็นการเดินเรียน จะต้องเดินไปหาครูที่สอน ต่างกับประเทศไทยที่จะมีครูเดินมาสอนที่ห้อง

7. ค่าใช้จ่ายระหว่างอยู่ต่างประเทศเป็นอย่างไร จัดการอย่างไร

ค่าใช้จ่าย จะจัดแบ่งเป็น ค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น  ค่ากินเท่าไหร่ ค่าไปเที่ยวเท่าไหร่ แต่โดยส่วนตัวคิดว่า ใน 1 เดือน มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 150-200 ดอลล่าร์ ซึ่งเราจะต้องรู้จักใช้เงินที่มีให้คุ้มค่าที่สุด

8.ตลอดระยะเวลาที่ไปแลกเปลี่ยนประทับใจอะไรมากที่สุด  และภาษาที่ได้หลังจาก
กลับมาเป็นอย่างไร

ประทับใจ Host family มากที่สุด เพราะ host เป็นคนใจบุญมาก ชอบช่วยเหลือบริจาคสิ่งของให้กับประเทศที่ยากจน ด้อยโอกาส  มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่าเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวอีกคน และหลังจากกลับมาภาษาดีขึ้นมากเพราะต้องพูด ต้องฟัง และต้องเขียนทุกวันตลอดเวลาที่ไปแลกเปลี่ยน

9. เมื่อกลับมาแล้ว อะไรที่สามารถนำเอามาประยุกต์ใช้กับตัวเอง และสังคมได้บ้าง

การปรับตัว เพราะคิดว่าการที่เราจะประสบความสำเร็จทั้งการทำงานในอนาคต การเรียนต่างๆ การปรับตัวเป็นสิ่งสำคัญมาก การปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ๆ ที่อยู่รอบตัว  การสามารถตั้งรับกับอุปสรรค ออมคิดว่า การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เปรียบเหมือน “สนามทดลอง” ที่ทำให้เราได้เข้าไปลองใช้ชีวิตด้วยตนเอง แก้ปัญหาด้วยตัวเอง

10. อยากไปแต่ทุนไม่พอต้องทำอย่างไร

ให้มาลองสอบทุน YES เพราะที่ YES มีให้ทุนฟรีถึง 3 ทุน ทุนประเทศสหรัฐอเมริกา, แอฟริกาใต้  และเยอรมัน  ในเดือนมิถุนายนของทุกๆ ปี YES จะมีการจัดสอบชิงทุนทั่วประเทศ ขอแค่ทุกคนตั้งใจ มีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน  ทำคะแนนสอบให้ดีๆ เวลามาสอบสัมภาษณ์ ขอให้ตอบแบบเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด สื่อให้ผู้สัมภาษณ์ รับรู้ถึงความตั้งใจของเราอย่างแท้จริง  แสดงทัศนคติให้ชัดเจนว่าเราอยากไปเพื่ออะไร

11. ฝากทัศนคติดีๆหรือกำลังใจสำหรับรุ่นต่อไป กับการเป็น นักเรียนแลกเปลี่ยน

คนเราทุกคนต้องมีความฝัน และออมก็มีความฝันว่าอยากไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน  อยากลองใช้ชีวิตด้วยตัวเองในต่างแดน  ก็เริ่มทำตามความฝัน เริ่มต้นที่ การเสาะหาองค์กร หรือโครงการต่างๆเพื่อสอบ ระหว่างนั้น ฝึกฝนทุกอย่าง ทั้งการ ฟัง อ่าน พูด เขียน   อยากให้น้องๆหรือเพื่อนๆ ที่สนใจและมีความฝัน  มีความตั้งใจอยากจะไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจริงๆก็ขอให้มุ่งมั่น พยายามทำตามความฝันของตัวเอง  อย่าล้มเลิกไปง่ายๆ ถ้าเราพยายามอย่างต็มที่แล้ว วันหนึ่ง สิ่งที่เรารอคอยจะมาหาเรา

สนใจข้อมูลโครงการเพิ่มเติม ติดตามได้ที่  www.yesthailand.org