สวัสดีจ้าน้องๆ ชาว Dek-D.com มามะ เด็ก ม.ปลาย ทั้งหลาย คนไหนอยากฟิตสอบแอดมิชชั่นให้ไว ถ้าทำได้แอดฯ ติดชัวร์ ต้องรีบมาอ่านกันเลยจ้า กับการเตรียมตัวสอบ ที่ครั้งที่แล้วพี่แนนมี รุ่นพี่บอกต่อ วิธีเตรียมสอบแอดมิชชั่น(ฉบับเด็กสายวิทย์) ไปแล้ว วันนี้ก็ถึงเวลาของเด็กสายศิลป์กันบ้างหล่ะ
     พี่แนนมีรุ่นพี่ 3 คน ที่จะมาบอกเล่าวิธีการ และประสบการณ์การเตรียมตัวสอบที่ได้ผล แอดมิชชั่นติดกันไปแล้ว ไปดูทั้งสิ่งที่ควรทำตามอย่างยิ่ง และข้อควรระวัง จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย


 
   แนะนำตัวกันหน่อย ใครเป็นใครบ้างเอ่ย?  

     ไอซ์ - สวัสดีค่ะทุกคน ชื่อ ไอซ์ เพชรภัสสร อ้นขวัญเมือง ค่ะ เป็นกัปตัน BRAND’s Admission Reality 5 ตอนนี้เรียนอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กำลังจะขึ้นปี 2 ค่ะ เข้ามารอบรับตรง คะแนน 20,475 ค่ะ

     ไวท์ - วรินทร พัฒนเกียรติ ชื่อเล่นชื่อไวท์  เป็นกัปตัน BRAND’s Admission Reality 5 ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 กำลังจะขึ้นปี 2 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ตอนที่เข้าที่นี่ใช่ยื่นแอดมิชชั่นกลางรูปแบบ GAT ล้วน คะแนนตอนที่ยื่นประมาณ 21,000 กว่าๆค่ะ

     ปัท - ปัทมพร ตติยวงศ์ ชื่อเล่น ปัท คณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้ามาด้วยการแอดมิชชั่น คะแนนรวมคือ 25406.95 ค่ะ


 
   ตอน ม.6 พอจะรู้ตัวหรือยังว่าอยากเข้าอะไร แล้วหาข้อมูลอะไรบ้าง   

    ไอซ์  - รู้ตัวชัดมากๆตอนจะเลือกสายขึ้น ม.4 แล้ว ว่าไม่นิเทศก็อักษรค่ะ แต่สุดท้ายมาเลือกอักษร เพราะว่า เรายังชอบภาษาอยู่ อยากเรียนภาษาเพื่อไปประยุกต์ใช้กับงานที่อยากทำในอนาคต ก็เริ่มหาข้อมูลก่อนว่า คณะอักษรที่ไหน เรียนต่างกันยังไง ต้องสอบเข้าด้วยวิชาอะไรบ้าง อะไรที่เราควรเน้นมากที่สุด

     ไวท์ - ยอมรับเลยว่าตอนช่วงแรกๆ ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากเข้าอะไร แถมแม่ก็อยากให้เรียนบัญชีเลยมุ่งมั่นด้านนั้นมาตลอด แต่พอถึงช่วงนึงก็รู้ว่าบัญชีคงไม่ใช่ทางของเรา แล้วอีกอย่างอยากเรียนนิเทศมานานแล้วเลยตัดสินใจเลือกสายนี้ดีกว่า พอเริ่มรู้ตัวแล้วก็หาข้อมูลว่ามหาวิทยาลัยไหนมีสอนนิเทศศาสตร์บ้าง แล้วหลักสูตรเป็นยังไง มีสาขาไหนบ้าง ค่าเทอมในแต่ละเทอมเท่าไหร่ แล้วที่สำคัญเราชอบหรือเปล่า

     ปัท - ตอน ม.6 มีเป้าหมายแล้วชัดเจนว่าจะเข้าคณะในสายนิเทศศาสตร์ วางแผนไว้ว่าคณะวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์เป็นเป้าหมายแรก และถ้าคะแนนสูงพอจะยื่นนิเทศ จุฬา ก็จะลองยื่นดู ปรากฏว่าผลออกมาคือคะแนนดีเกินคาด เลยลองยื่นนิเทศดูสักตั้ง  
     ในตอนนั้นเราชอบดูละคร รายการ หรือทีวีมาก อีกทั้งยังชอบอ่านนิยายและพ็อคเก็ตบุ๊คคนดัง และยังคิดว่าในอนาคตอยากจะเข้าไปคลุกคลีในวงการบันเทิงไม่ว่าจะเป็นเบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง รวมทั้งส่วนตัวเป็นคนชอบทำกิจกรรม และไม่ชอบรับความรู้แต่ในห้องเรียน จึงคิดว่าการเรียนที่ควบคู่กับการปฏิบัติน่าจะทำให้เรามีความสุขในชีวิตมหาลัยได้ไม่ยาก และการเลือกคณะในสายนิเทศศาสตร์ครั้งนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง 

   สำหรับเด็กสายศิลป์ ควรวางแผน หรือจัดตารางเตรียมตัวยังไงบ้าง   

      ไอซ์  - ต้องดูก่อนนะคะว่า คณะเราใช้คะแนนอะไรบ้าง แต่ที่อยากให้เน้นก็ควรจะเป็น GAT กับ PAT ที่คณะเราใช้ ไอซ์มองว่า การอ่านที่น่าจะช่วยได้มากที่สุดคือ วิชาที่เราถนัดที่สุด ให้ไปลุยทำข้อสอบเลยก็ได้ค่ะ แล้วค่อยมาเก็บรายละเอียดในส่วนที่เรายังไม่แม่น อย่างไอซ์จะถนัดภาษาไทย กับ อังกฤษ เราก็จะทำแต่ข้อสอบอย่างเดียว สิ่งที่เพิ่มเติมคือการท่องศัพท์ เราจะได้เอาเวลามาอ่านวิชาสังคมที่เราอ่อนได้ด้วย ซึ่งถ้าเราทำตรงนี้ได้ดี การสอบ GAT PAT และ ONET จะง่ายขึ้นเยอะเลย ส่วนตารางการอ่าน ไม่มีเลยค่ะ รู้สึกกดดันตัวเอง เลยทำให้อ่านไม่เข้าหัว เน้นวิธีว่า ใน 1 วันควรอ่านวิชาอะไรบ้าง เน้นสบายๆ แต่ทำทุกวันจนเป็นนิสัยค่ะ

     ไวท์ - ก่อนอื่นเราต้องดูก่อนว่าคณะที่เราอยากเข้าใช้คะแนนอะไรบ้าง แต่คะแนนสำคัญที่ต้องใช้เลยคือ GAT เพราะฉะนั้นควรทุ่มทำแบบฝึกหัด ทั้งพาทเชื่อมโยง และอังกฤษให้เยอะ โดยเฉพาะเชื่อมโยงพยายามอย่าให้พลาด แต่อังกฤษก็ไม่ควรทิ้งนะ ส่วนน้องคนไหนเตรียมตัวสอบตรงก็ควรเลือกอ่านเฉพาะวิชาที่ใช้หรือที่แต่ละคณะกำหนด จะได้ไม่เหนื่อยมากเกินไป

     ปัท - ถ้าถามว่าอะไรควรทุ่มอ่านหนักที่สุด บอกไม่ได้ อันนั้นนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคน เพราะคนเราถนัดแต่ละวิชาไม่เหมือนกัน บางคนถนัดอังกฤษ ไม่ถนัดสังคม ก็ให้อ่านสังคมเยอะ ทำโจทย์เยอะ แต่ก็ต้องไม่ทิ้งอังกฤษ อ่านน้อยกว่า แต่ก็ต้องอ่านสม่ำเสมอนะ ห้ามประมาทเชียว เพราะงั้นเราเลยอยากจะแนะนำว่าคณะน้องใช้เกณฑ์วิชาอะไรเยอะ ให้ทุ่มวิชาพวกนั้นเยอะๆ อย่าพลาด อย่าประมาท
     ส่วน GAT ที่คณะสายศิลป์ต้องใช้อยู่แล้ว อันนี้คงไม่ต้องบอกว่าน้องต้องทุ่มขนาดไหน หลายๆ คณะที่ใช้เยอะ ตัดกันที่วิชานี้ จะคะแนนเดียว หรือ แค่ 0.5 ก็มีความหมาย คะแนนแค่นี้ก็อาจทำให้น้องหลุดได้หรือติดได้เช่นกัน 


 
   วิชาไหนบ้างที่ควรทุ่มสุดๆ ไปเลย   

      ไอซ์  - ตอบแบบไม่ต้องคิด ว่า ภาษาอังกฤษ กับ วิชาเฉพาะค่ะ ตระกูล PAT ทั้งหลาย ไม่ว่าจะคณะไหนก็ต้องวิชานี้ค่ะ เอาจริงๆ ไอซ์ว่า วิชาที่คนส่วนใหญ่ทำได้เยอะๆ คือ GAT เชื่อมโยง กับ วิชาภาษาไทย แล้ววิชาที่จะไปตัดกันคือ วิชาภาษาอังกฤษ กับวิชาเฉพาะค่ะ สมมติว่าคณะอักษรใช้ PAT7 ยิ่งเราทำได้ดี ก็จะโอกาสเยอะเลย อย่างไอซ์ที่ติดเข้ามาได้ ก็คิดว่า วิชาฝรั่งเศสช่วยเยอะมากๆเลย แต่ไม่ใช่ว่าสนใจแค่สองวิชานี้ แล้วทิ้งอันอื่นเลยนะ เพราะว่าแต่ละคณะ เขาก็อาจจะกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำไว้ค่ะ

     ไวท์ - เราว่าเลือกวิชาที่ตัวเองถนัดดีกว่า แต่ก็ต้องดูด้วยว่าใช้สอบหรือเปล่า อย่างถ้าชอบเลขก็พยายามทุ่มอ่านแล้วก็ทำแบบฝึกหัดเยอะๆ เพราะถ้าได้เลขเยอะโอกาสที่จะเข้าคณะที่ใช้เลขก็จะมีมากกว่า แต่ถ้าเรียนศิลป์-ภาษา ก็ทุ่มอ่านภาษาที่เราถนัดให้ดีและแม่นเลยน่าจะดีกว่า

     ปัท - ก่อนอื่นดูว่าคณะที่เราต้องการเข้านั้นใช้วิชาอะไรบ้าง แล้วตัวน้องเองไม่ถนัดวิชาไหน ก็ทุ่มวิชานั้นเยอะๆ ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ก็ปล่อยผ่านไป ไปเอาวิชาอื่นแทน คนที่เขาทำได้ทุกวิชามีเยอะแยะค่ะ และเราต้องสู้กับพวกนั้น เราต้องทำให้ได้ อย่ายอมแพ้ อย่าท้อแท้
     เด็กสายศิลป์ วิชาพื้นฐานที่เกือบทุกคณะในสายนี้ต้องใช้แน่นอนคือ GAT และวิชานี้ไม่ใช่วิชาที่ยาก โดยเฉพาะ GAT พาร์ทเชื่อมโยง แต่เป็นวิชาที่ตัดกันด้วยความรอบครอบ โยงผิดนิดเดียวก็อาจทำให้เสียคะแนนไปกว่า 20 คะแนนหรือมากกว่านั้นได้เลย ส่วน GAT อังกฤษ ออกแนวเดิมทุกปี แค่เปลี่ยนคำ เปลี่ยนบทความ แต่แนวเดิมเลย เพราะฉะนั้น ไม่มีอะไรดีไปกว่าทำโจทย์เยอะๆ ตามที่พี่แนะนำแล้วละคะ

   เรียนพิเศษไหม เรียนอะไรบ้าง   

      ไอซ์  - เรียนค่ะ ไอซ์จำได้ว่าเรียนคอร์ส Admission ม.5 เลย เพราะคิดว่าใช้เวลากับมันนานหน่อย วิชาที่เรียนเยอะๆเลย คือ ภาษาอังกฤษ ชอบเรียนมาก อาจารย์สอนสนุก แล้วก็เรียนสังคมค่ะ เพราะว่าอ่อนมากๆ เราก็จะอยากได้เทคนิค เพื่อช่วยประหยัดเวลาในตอนอ่านหนังสือ

     ไวท์ - ตอนช่วงม.ปลายเรียนพิเศษค่อนข้างเยอะ ทั้งไทย-สังคม อังกฤษ แล้วก็เลข แต่ทั้งหมดเราพยายามเรียนให้จบก่อนขึ้น ม.6 เพราะจะได้ใช้เวลาที่เหลือในการทำแบบฝึกหัดแล้วก็อ่านหนังสือเตรียมสอบ

     ปัท - เรียนวิชาสังคมและคณิตศาสตร์ค่ะ เนื่องจากสองวิชานี้เป็นวิชาที่อ่อนที่สุด สำหรับสังคมไม่สามารถอ่านและจำเองได้เลยส่วนคณิตเป็นวิชาซึ่งไม่ชอบและไม่ถนัด เรียนแล้วรู้สึกทรมานมากเลยค่ะ จึงต้องหาตัวช่วย ส่วนวิชาอื่นใช้วิธีการอ่านและทำโจทย์ หากเกิดข้อสงสัยหรือผิดพลาด ก็หาข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ต บางทีก็ให้เพื่อนช่วยสอน
     โดยส่วนตัวคิดว่าการทำโจทย์เป็นวิธีที่ดีที่สุด ทำให้เราพัฒนาตนเอง รวมถึงรู้จุดอ่อนของตนเองในเรื่องต่างๆ อาจเพราะเป็นคนไม่ถนัดการอ่านหนังสือเยอะๆ เพราะอ่านไปก็จำไม่ได้ แต่พอได้ทำโจทย์เยอะๆ เราจะจำจุดผิดพลาดของตนเองได้และได้เห็นการพัฒนาของตนเองชัดเจนเลยค่ะ อีกทั้งข้อสอบในแต่ละปี จะออกมาในแนวเดียวกัน การทำโจทย์จะทำให้เราจับทางข้อสอบได้ว่าจะออกมาในแนวไหน หลอกเราอย่างไร วิธีการตอบหรือหากไม่รู้คำตอบ จะเดาได้อย่างไร


   ถ้าอยากเข้าคณะสายศิลป์ ควรมีคะแนนอะไรเท่าไหร่บ้าง ถึงจะอุ่นใจ   

      ไอซ์  - ถ้าน้องอยากเพิ่มโอกาสเข้าคณะในฝันน้องๆได้มากยิ่งขึ้น จะมองเป็นสองรอบนะ ายศิลป์ รอบรับตรง วิชาสามัญควรได้เกินครึ่งค่ะ เฉลี่ยแล้วประมาณ 60 คะแนนขึ้นไป อาจจะไม่จำเป็นว่า 60 ทุกวิชาก็ได้ ไทยอาจจะได้สัก 70 กว่าๆ ถ้าเราถนัด แล้ววิชาที่เราไม่ถนัดก็ได้น้อยลงมาหน่อย แต่ควรมากกว่า 50 ค่ะ ส่วน PAT7 ยิ่ง 200+ ยิ่งโอกาสเยอะ ส่วนคะแนน GAT ควรได้ 250+ เพราะว่ามีหลายคณะที่ใช้คะแนน GAT ในรอบแอดกลางถึง 50% เลย ส่วน PAT1 ถ้าจะมาอักษรจุฬาฯ น้อยคนมากที่จะ 100+ ส่วนใหญ่มั่วกันได้ 70-80 ค่ะ แล้วเขาจะได้คะแนน O-NET และ GAT เยอะกันมากกว่า เพราะว่าถ้า PAT1 100+ นี่เข้าบัญชี เศรษฐศาสตร์ได้เลยนะ

     ไวท์ - ด้วยคณะสายศิลป์ที่ยื่น GAT และ PAT ภาษาแล้ว คะแนนจะค่อนข้างเหวี่ยง ถ้าน้องๆคนไหนเก่งภาษาก็ควรทำให้ได้เยอะๆ อย่าง PAT 7 ควรให้ได้ 200 ขึ้นไป ยิ่งถ้าน้องเรียนศิลป์-ภาษาด้วยแล้วควรให้ได้เยอะๆ ส่วนGAT ยิ่งได้เยอะมากเท่าไหร่ยิ่งดี แต่อย่างคณะที่ยื่น GAT ล้วนการแข่งขันจะค่อนข้างสูง และยิ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้วยแล้ว พยายามให้ได้ GAT มากกว่า 260 ขึ้นไปได้จะดีมากๆเลย(แต่ก็แอบยากอยู่นะ555) แต่ถ้าน้องคนไหนจะยื่นตรงโดยใช้วิชาสามัญก็ควรดูให้ดีว่าเขากำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำเท่าไหร่ แล้วใช้วิชาไหนบ้าง ก็ควรให้ได้เกินครึ่ง ถือว่าดีมากๆเลย 

     ปัท - สำหรับคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ รอบแอด ที่อยากให้เน้นคือ GAT ควรได้มากกว่า 270 หากยื่นแบบ GAT ล้วน หรือ 250 หากยื่นแบบ GAT PAT ส่วนแพทภาษาควรเกิน 200 และแพทเลขควรเกิน 150 ในเรื่องของโอเนตเฉลี่ยแล้วควรเกิน 60 ในทุกวิชา
 
  ฝากถึงน้องๆ ที่อยากจะประสบความสำเร็จติดคณะในฝันเหมือนเรา    

      ไอซ์  - อยากบอกน้องๆ ว่า ถ้าเรามีเป้าหมายแล้ว อยากให้เริ่มเลยค่ะ รอไปมันก็ยิ่งเสียเวลา เริ่มก่อน มีโอกาสก่อน อยากให้น้องๆ คิดถึงผลลัพธ์ให้มากๆ  ว่าถ้าเราอ่านหนังสือ เราจะได้เรียนในสิ่งที่ชอบ ได้ทำในสิ่งที่เรารัก มองกลับกัน ถ้าเราไม่อ่านหนังสือ ต่อไปเราจะได้เรียนคณะ และมหาวิทยาลัยที่เราอยากเรียนไหม เราอาจจะต้องไปเรียนอะไรที่เราไม่ชอบเลยก็เป็นได้ มองเรื่องความเหนื่อย มองข้ามได้เลย ความเหนื่อยเรามันนิดเดียวถ้าเทียบกับที่พ่อแม่เหนื่อย สู้แค่อึดใจเดียวนะ พี่มองว่า ด่านนี้เปรียบเสมือนใบเบิกทางในอนาคตน้องๆ ได้เลย อยากติดคณะในฝัน ใช้แค่สองอย่างค่ะ กำลังใจ และก็ลงมือทำ แล้วจะไม่เสียดายเวลาที่เราทุ่มเทไปเลยค่ะ
 
     ไวท์ - ก่อนอื่นเลยน้องๆ ต้องหาตัวเองให้ได้ก่อนว่าจริงๆแล้วเราชอบอะไร อยากเรียนอะไร แล้วก็คิดว่าถ้าเรียนแล้วจะสนุกและมีความสุขที่สุด เลือกที่เราชอบและอย่าให้การเลือกคณะของเราทำให้เกิดปัญหากับทางบ้าน เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ก็ควรคุยและทำความเข้าใจกับผู้ปกครองให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ อย่าลืมดูว่าคณะในฝันของเราใช้คะแนนอะไร ต้องสอบอะไรง พยายามติดตามข่าวสารที่เกี่ยวกับการสอบให้บ่อยที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่พลาดโอกาสในการติดคณะในฝัน ที่สำคัญก็คือยิ่งเรารู้เป้าหมายเร็วเท่าไหร่ เราก็จะมีเวลาเตรียมตัวมากกว่าคนอื่น รวมกับความตั้งใจและความอดทนแล้ว ความฝันของเราก็อยู่แค่เอื้อม

     ปัท - หากอยากประสบความสำเร็จก็ต้องทุ่มเท ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ โดยเฉพาะสิ่งที่มีการแข่งขันสูงอย่างการแอดมิชชั่น ไม่ใช่น้องที่มีความฝันจะได้เรียนในคณะนั้นคนเดียว แต่ยังมีคนอีกมากที่ต้องการเหมือนน้อง แล้วน้องไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพวกเขานั้นพยายามมากกว่าน้องเท่าไร อ่านหนังสือมากกว่าน้องเท่าไร เสียสละเวลาที่อยากเล่นเกมส์ อ่านนิยาย ดูซีรี่ย์ มาอ่านหนังสือเท่าไร การแอดมิชชั่นมีครั้งเดียว ทุ่มเทเพียงครั้งเดียว อึดใจเดียวเท่านั้น แล้วมันจะผ่านไป ทุ่มเทในสิ่งที่อยากได้ มองเป้าหมายให้ชัดเจน และลุยให้เต็มที่ น้องจะไม่เสียใจ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เพราะน้องได้ทำจนสุดความสามารถแล้ว สู้นะน้อง ไม่มีใครที่ทำไม่ได้ มีแต่คนที่ไม่ทำเท่านั้นแหละ
     รุ่นพี่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เริ่มก่อน ได้เปรียบ รอไปก็เสียเวลา ดังนั้น เริ่มต้นง่ายๆ จากการหาก่อนว่า เราชอบอะไร อยากเรียนอะไร แล้วศึกษาหาข้อมูล แล้วมุ่งมั่นทั้งการอ่าน ทำโจทย์ หากทำได้ โอกาสแอดมิชชั่น คงไม่ไกลเกินจริง!

             ส่วนน้องที่เพิ่งขึ้น ม.6 คนไหน ที่อยากแชร์ชีวิตเด็กแอดมิชชั่นให้โลกรู้ และได้ชื่อว่าเป็น "กัปตัน" เว็บเด็กดี มาสมัครกันได้เลยกับ BRAND'S Admission Reality 7 ที่ www.dek-d.com/admission/reality/ar7/ ที่เหล่าพี่ๆ ทีมงานจะคอยทั้งถีบทั้งดัน จนน้องๆ แอดฯ ติด พร้อมสิทธิพิเศษอีกมากมาย สมัครได้แล้วถึง 29 มิ.ย.นี้ เรียนไม่เก่ง หน้าตาไม่ดี โรงเรียนไม่ดัง ไม่ใช่ปัญหา ขอแค่กล้า และพร้อมแชร์ชีวิตไปกับเด็กแอดฯ 59 ก็เป็นกัปตันได้จ้า!!
 


 


 
พี่แนน
พี่แนน - Columnist พี่ใหญ่ฝ่ายกิจกรรมด้านการศึกษา และฝ่ายดูแลสุขภาพจิตของน้องๆ ในทีมให้เป็นปกติ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

5 ความคิดเห็น

■ T.S13 ★ Member 8 มิ.ย. 58 22:17 น. 1

ขอบคุณมากค่าา อ่านไว้เป็นความรู้ ตอนนี้เบนเข็มมาเรียนสายศิลป์เป็นที่เรียบร้อย เป้าหมายคืออักษรศาสตร์จุฬาฯ ^ _____ ^ #Dek61

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
▽p o i s o и e d Member 10 มิ.ย. 58 20:35 น. 3

กรี้ดมากค่ะ เราเหมือนพี่ไอซ์เลย โอ้ยย รู้ตัวชัดมากตอนม.4 คืออยากเข้าไม่อักษรก็นิเทศ แต่เราเน้นหนักไปทางอักษรมากกว่า (เอกญี่ด้วย กรีสส) ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆนะคะ

เราเล็งอักษรจุฬาเอาไว้ล่ะ จะตั้งใจเข้าให้ได้เลยค่ะ

ตั้งใจ

0
กำลังโหลด
ashnarima35 Member 15 มิ.ย. 58 19:41 น. 4

เป็นคำแนะนำที่ดีและได้ผลจริงครับ

ตอนนี้ผมติดอักษรศาสตร์จุฬาแล้วครับ #เด็กรับตรง58 <3

ขอให้น้องๆทุกคนตั้งใจอ่านหนังสือนะครับ เยี่ยม

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด