เมื่อตอนที่กำลังจะเข้าสู่ปี ค.ศ. 2000 ทั่วโลกให้ความสนใจกับการเปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัยมาก เพราะการเข้าสู่ปี 2000 คือการนับศตวรรตใหม่เป็นศตวรรษที่ 21 (ค.ศ. 2000 - 2100) มีแนวโน้มคาดการสิ่งต่างๆ ว่าในศตวรรตใหม่จะเกิดอะไรขึ้นบ้างหลายอย่างเลยค่ะ และแน่นอนว่าต้องไม่พ้นมุมเด็กและวัยรุ่นอย่างเราๆ ที่ต้องเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ในช่วงศตวรรษเดียวกันนี้ด้วย (จะมีใครอยู่จนเกินศตวรรษ์ที่ 21 ได้ไหมคะ ฮ่าๆ) ทำให้มีการนำเสนอรายงานเรื่องทักษะจำเป็นที่จะช่วยให้อยู่รอดในศตวรรษที่ 21 เรียกกันว่า "ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21" โดยการคาดการณ์ว่าจะทำอย่างไรให้มีชีวิตที่ดีและมีความสุขในศตวรรษที่ 21 โดยพิจารณาจากข้อมูลสถิติต่างๆ สิ่งแวดล้อมรอบตัว การวิเคราะห์สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ บวกกับการอนุมานตามหลักการความน่าจะเป็น
การศึกษาเรื่องดังกล่าวนี้มีทั้งเวอร์ชันฝรั่งและเวอร์ชันไทยที่มีการปรับเปลี่ยนและนำเสนอโดยมุ่งเน้นไปที่เยาวชนโดยตรงค่ะ พี่เกียรติขออนุญาตเรียบเรียงใหม่เพื่อให้พวกเราชาว Dek-D ได้ลองนำมาสังเกตตัวเองดูค่ะ แน่นอนว่าหลักใหญ่ใจสำคัญคือทักษะจำเป็นนี้สามารถนำมาฝึกฝนกับตัวเองได้ด้วย มาดูกันว่าผ่านจากต้นศตวรรษที่ 21 มาแล้วสิบกว่าปี เรามีทักษะอะไรเหล่านี้หรือหมั่นฝึกฝนมากขึ้นหรือยังค่ะ
การศึกษาเรื่องดังกล่าวนี้มีทั้งเวอร์ชันฝรั่งและเวอร์ชันไทยที่มีการปรับเปลี่ยนและนำเสนอโดยมุ่งเน้นไปที่เยาวชนโดยตรงค่ะ พี่เกียรติขออนุญาตเรียบเรียงใหม่เพื่อให้พวกเราชาว Dek-D ได้ลองนำมาสังเกตตัวเองดูค่ะ แน่นอนว่าหลักใหญ่ใจสำคัญคือทักษะจำเป็นนี้สามารถนำมาฝึกฝนกับตัวเองได้ด้วย มาดูกันว่าผ่านจากต้นศตวรรษที่ 21 มาแล้วสิบกว่าปี เรามีทักษะอะไรเหล่านี้หรือหมั่นฝึกฝนมากขึ้นหรือยังค่ะ
1. ทักษะในการเรียนรู้ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน สามารถหาความรู้ใหม่ได้ตลอดชีวิต
ตอนนี้หลักการเรียนรู้ตลอชีวิต ค่อนข้างได้รับความสนใจมากเลยค่ะ เข้าทำนองการเรียนรู้เกิดได้ทุกวัย ดังนั้นไม่ใช้แค่เด็กที่ควรเรียนหนังสือ ผู้ใหญ่ก็เรียนรู้ได้ผ่านการทำงาน ผ่านการใช้ชีวิตประจำวันของตัวเอง แต่สำหรับวัยรุ่นแล้วก็อย่ามองเพียงว่าความรู้ คือวิชาการจากหนังสือเรียนเท่านั้น แม้แต่การเข้าค่าย กีฬาสี ชมรม กิจกรรมหลังเลิกเรียน งานอดิเรก เรียนภาษาเพราะเป็นแฟนคลับศิลปิน ฯลฯ ล้วนช่วยให้ตัวเราเรียนรู้ใหม่ๆ ได้ทั้งนั้นค่ะ ถึงกระนั้นก็อย่าลืมว่าแม้ว่าเราจะเรียนรู้ได้จากรอบตัว แต่วิชาความรู้ที่เราเรียนในโรงเรียน ก็ต้องนำไปประยุกต์ใช้ได้ด้วยนะคะ
แม้ว่าการเรียนบ้านเราจะเน้นการท่องจำมากกว่า แต่ถ้ามองกันแล้ว ความพยายามที่จะสอนให้คิดวิเคราะห์เป็นก็เพิ่มมากขึ้นนะคะ อย่างวิชา IS อย่างวิชา GAT สำหรับสอบเข้ามหาวิทยาลัยไงคะ คณิตศาสตร์ยังมีสูตรตรงสูตรลัดเลย ทำไมความคิดของเราจะลัดบ้าง พลิกแพลงบ้างไม่ได้คะ ไม่ได้ให้คิดโกงนะ แต่คิดเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อย่างสร้างสรรค์ นำไปสู่ทักษะข้อต่อไป ...
3. มีความสามารถในการเผชิญปัญหา หาแนวทางและแก้ไขปัญหาได้
เมื่อเรามีทักษะการคิดแล้ว ก็ต้องนำความคิดที่คิดได้ไปทำอะไรสักอย่างให้เกิดผลจริงด้วยค่ะ บางครั้งเราก็ไม่ได้คิดแต่เรื่องความรู้ แต่เราคิดเพราะมีปัญหาด้วย คิดเรื่องปัญหาได้ ก็ต้องหาทางแก้ไขได้ด้วย แน่นอนว่าเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น เราต้องรู้จักทั้งปรับตัว ยืดหยุ่น ตั้งรับ รุกหรือถอย เพื่อให้แก้ไขปัญหาได้จริงค่ะ
4. มีความสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศประกอบการดำรงชีวิต
นับวันนี้ทคโนโลยียิ่งวิ่งเข้าหาตัวเรามากขึ้น วัยรุ่นยุคใหม่อย่างเราใช้เทคโนโลยีเหล่านี้กันได้อยู่แล้ว แต่ต้องใช้ให้เป็นด้วยนะคะ ใช้เพื่อหาความรู้ ไม่ใช่ใช้เพื่อกลั่นแกล้ง ใช้อย่างระวัง ไม่ใช้่อย่างคึกคะนอง มิฉะนั้นข้อดีๆ ของเทคโนโลยีจะกลายเป็นผลร้ายทำให้เรามีปัญหาได้ค่ะ ไม่งั้นจะมีคนที่ปลิดชีวิตตัวเองเพราะถูกกลั่นแกล้งโจมตีในเน็ตได้อย่างไรคะ
แค่ทำรายงานกลุ่มในห้องเรียนเองแท้ๆ
ทำไมกลายเป็นปัญหาถึงตัดเพื่อนตัดฝูงเลยล่ะเนี่ย?
5. มีความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น เคารพความคิดและความเห็นที่แตกต่าง
เทคโนโลยีทำให้เราทำอะไรได้ด้วยตัวเองมากขึ้นก็จริง แต่มนุษย์ก็ยังเป็นสัตว์สังคมอยู่ดี ไม่มีใครจะอยู่ได้โดยไม่ต้องเจอใครสักคนในชีวิตนี้ค่ะ ดังนั้น ต้องมีทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ด้วย ไม่ต้องมองไปไหนไกลตัวค่ะ แค่แบ่งงานและรับผิดชอบในงานกลุ่มทำรายงาน ก็จำเป็นต้องมีทักษะนี้แล้วค่ะ แต่ถ้าไม่มีทักษะนี้แม้เราจะได้คะแนนเหมือนเพื่อน (เพราะเป็นงานกลุ่ม) แต่บางคนก็ถึงขั้นแตกหักกับเพื่อนไปเลย ทั้งๆ ที่จุดเริ่มต้นแค่ทำงานกลุ่มไม่ลงตัวเท่านั้นเองค่ะ ยิ่งโตยิ่งต้องเจอสังคมนะคะ หลีกเลี่ยงไม่ได้โดยสิ้นเชิงเสียทีเดียวหรอกค่ะ
6. มีความสามารถในการสื่อสาร ถ่ายทอดความคิด และสร้างความเข้าใจได้
ข้อนี้สัมพันธ์กับเรื่องเทคโนโลยีในยุคนี้อย่างแยกไม่ออกเลยนะคะ เพราะคนคุยกับผ่านข้อความมากขึ้น จนบางครั้งแทบไม่ต้องพูดกันเลย พอจะพูดเลยเรียงเรียบคำพูดไม่ถูกหรือเขินอายเกินกว่าจะพูดจากันจริงๆ กลายเป็นว่าขาดทักษะในการพูดจาจริงๆ ไป ทำให้มีปัญหาในการสื่อสารกับคนจริงๆ รอบตัวค่ะ นำพาไปสู้ปัญหาอื่นๆ ได้ เช่น การอธิบายถึงความคิดตัวเองตอนทำรายงานไม่ได้นะ เผลอลืมควบคุมคำพูดตัวเอง อาจนำเข้าไปสู่ปัญหาข้อ 5 ได้อีก ขาดทักษะใดทักษะหนึ่งก็กลายเป็นปัญหาลูกโซ่เลยนะเนี่ย
7. มีสำนึกความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม
สังคมคือพื้นที่ของการอยู่ร่วมกับผู้อื่นค่ะ เรายังรู้สึกไม่พอใจกับเรื่องบางอย่างได้ คนอื่นในสังคมก็รู้สึกได้เช่นกันค่ะ การเป็นคนดีของสังคม แค่นึกใจเขาใจเราให้ได้เท่านั้นเองค่ะ
8. มีสติ
ยิ่งโลกเดินหน้าไปเท่าไหร่ ตัวเราก็โตมากขึ้นท่านั้น สติเป็นพื้นฐานของทุกอย่างในการเผชิญหน้ากับทุกเหตุการณ์ในชีวิตค่ะ ถ้ามีสติ นำไปสู่ความคิด แก้ไขปัญหาได้ พูดจาเป็น รู้จักพัฒนาตนเอง เริ่มจากสติก็จะมีสตางค์นะคะ ฮ่าๆ
การแข่งขันไม่ใช่เรื่องแย่ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ เราก็แค่สู้
9. รู้จักคว้าโอกาสในโลกยุคใหม่
เราต้องเข้าใจยุคว่ายุคนี้ทุกคนต้องแข่งขันเพื่อที่จะเจริญก้าวหน้าในชีวิต แม้เราไม่อยากแข่งกับใคร เราก็ยังต้องแข่งกับตัวเอง เพราะสังคมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราไม่ควรคิดแต่จะเอาสบายอะไรก็ได้ในที่ของตัวเองเท่านั้น ต้องรู้จักคว้าโอกาสพัฒนาชีวิตไว้บ้างค่ะ มีทุกข้อข้างต้นแล้ว ก็ต้องมีข้อ 9 นี้เพื่อผลักดันตัวเองด้วยค่ะ มั่นใจตัวเองค่ะ!
ทักษะทั้ง 9 ข้อนี้อาจจะดูเป็นนามธรรมไปหน่อย แต่จริงๆ ไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากเลย อีกทั้งเป็นเรื่องที่หลายคนรู้อยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่ทำไมยังมีคนเขียนขึ้นมาย้ำอีกล่ะ? นั่นก็เพราะตัวเราเองมักไม่ได้มีทักษะเหล่านี้กันทุกคนไงคะ รู้แต่ไม่มี รู้แต่ไม่ทำ รู้แต่ไม่สำนึก หรือกระทั่งไม่รู้ว่าตัวเองขาดทักษะเหล่านี้ด้วยซ้ำ แล้วน้องๆ ชาว Dek-D ล่ะคะ คิดว่าตัวเองมี "ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21" เหล่านี้หรือยัง!
แหล่งข้อมูล, ภาพประกอบ:
- hecavanagh.org/journal/2013/06/site-spotlight-essential-skills-for-21st-century-survival-on-emergent-by-design
- slideshare.net/taxiboat/21-23558246
- moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=32173&Key=hotnews
- gotoknow.org/posts/348745
12 ความคิดเห็น
ง้อวววว สิ่งเดียวที่ไม่เคยมีคือสตางค์ แต่ที่ยิ่งกว่าไม่มีสตางค์คือการไม่มีสติในห้องสอบ
หนูไม่รู้ หนูเมาและน๊อคเอาท์ KO เพราะข้อสอบ...
เป็นกระทู้ที่ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ