จีน ญี่ปุ่น เกาหลี! มาดูความแตกต่างของวัฒนธรรมการกิน 3 ประเทศ

 7 ที่สุดการประดับไฟคริสต์มาสที่โตเกียว ใครจะไปญี่ปุ่นห้ามพลาด! (สวยมาก)
   
         
        สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D.com เจอกับ พี่โช และคอลัมน์ JaPON JaPAN (เจปงเจแปน) วันนี้กลับมาพบกันอีกครั้งกับบทความสนุกๆ แต่วันนี้จะต่างออกไปหน่อย เพราะจะไม่ใช่แค่เรื่องของญี่ปุ่นเท่านั้น หากแต่เป็นเรื่องของจีน เกาหลี และญี่ปุ่น เปรียบเทียบให้เห็นจะๆ กันไปเลยว่าทั้งสามประเทศนี้มีวัฒนธรรมการกินที่เหมือนหรือไม่เหมือนกันอย่างไรบ้าง บอกไว้ก่อนว่าที่นำมาเสนอนี้เป็นข้อสังเกตคร่าวๆ เท่านั้นนะครับ ให้พอเห็นว่าหลักๆ แล้วแต่ละวัฒนธรรมมีจุดเด่นเป็นของตัวเองอย่างไร 

ตะเกียบ
 

static.weloveshopping.comcainz.com、mages-amazon.com


       ใครเคยสังเกตบ้างว่าตะเกียบที่คนทั้ง 3 ประเทศนี้นิยมใช้ไม่เหมือนกัน ถ้าสังเกตดีๆ ตะเกียบญี่ปุ่นจะเป็นปลายแหลมกว่าตะเกียบจีนและเกาหลี โดยมาก แทบจะร้อยทั้งร้อยตะเกียบที่ใช้ที่ญี่ปุ่นจะเป็นไม้ ไม่ว่าจะเป็นตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้งหรือตะเกียบแบบใช้หลายครั้งก็ตาม หนึ่งในประโยชน์ของตะเกียบปลายแหลมญี่ปุ่นคือสะดวกในการรับประทานปลา โดยเฉพาะในการคีบก้างปลาที่แหลมบาง 

       ในขณะที่ตะเกียบจีนจะยาวกว่าของญี่ปุ่น บ้างก็ว่าเพราะคนจีนทานข้าวบนโต๊ะกลมที่หมุนได้ ถ้าตะเกียบไม่ยาวจะไม่สามารถคีบอาหารได้สะดวก และตะเกียบที่นิยมในหมู่คนจีนปลายจะมนกว่า บางครั้งก็เป็นพลาสติก อย่างในบ้านเรา ตะเกียบจีนจะมีสีครีมๆ ที่ส่วนบนตะเกียบจะเป็นตัวอักษรจีนกับรูปต่างๆ คล้ายๆกัน เช่นใบไผ่ ปลายตะเกียบหนาๆ บางทีก็คีบแล้วหล่น คนญี่ปุ่นหลายคนบอกว่า "ตะเกียบจีนใช้ยาก"

        สุดท้าย คือตะเกียบเกาหลี ซึ่งจะมีลักษณะเป็นโลหะ แบน และมีน้ำหนักเมื่อเทียบกับของจีนและญี่ปุ่น การที่ตะเกียบเกาหลีมีน้ำหนักก็ทำให้สะดวกกับการรับประทานอาหารเกาหลีที่มีเครื่องเคียงเป็นผักซึ่งมีน้ำหนักเบา ทำให้บาลานซ์น้ำหนักได้ดี แต่ตะเกียบเกาหลีก็ไม่เหมาะกับการพุ้ยอาหารเข้าปาก ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรเพราะคนเกาหลีไม่ค่อยนิยมยกถ้วยขึ้นถือพุ้ยแบบญี่ปุ่นและจีน บางทีใช้ช้อนยาวด้วยซ้ำ


การจัดที่นั่ง

uds.gnst.jpjtb.co.jpmamacafetime.up.n.seesaa.net


        ที่จีน เราจะคุ้นเคยกันดีกับโต๊ะอาหารที่เรียกว่า โต๊ะจีน ซึ่งมีลักษณะเป็นทรงกลม บางที่สามารถใช้มือหมุนได้เพื่อนำอาหารที่อยากรับประทานมาใกล้ตัวเรา อย่างไรก็ดี วัฒนธรรมการกินอาหารแบบโต๊ะกลมนั้นหายากมากในญี่ปุ่น เพราะที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่นิยมนั่งโต๊ะสี่เหลี่ยมกันแบบตะวันตก แม้แต่ในร้านอาหารจีนในญี่ปุ่นเอง เช่น ร้านเกี๊ยวซ่า ข้าวผัด ราเม็ง ก็เป็นโต๊ะเหลี่ยม ร้านที่เป็นโต๊ะจีนมีไม่มาก หลายที่ต้องเป็นภัตตาคารราคาแพงไปเลยถึงเป็นโต๊ะจีน 

        นอกจากนี้ 
ที่จีนแทบจะร้อยทั้งร้อย เราจะนั่งรับประทานอาหารบนเก้าอี้ ส่วนในญี่ปุ่นและเกาหลี หลายๆ ร้านยังคงนิยมให้ลูกค้าถอดรองเท้าก่อนแล้วนั่งพื้น โดยมีเบาะรองนั่งเตรียมไว้ให้ ในเกาหลีใต้พื้นบ้านจะมีระบบทำความร้อนที่เรียกว่า 'อนดอล' ในช่วงหน้าหนาว ในขณะที่ญี่ปุ่น การใช้เครื่องปรับอากาศเพื่อสร้างความอบอุ่นเป็นที่นิยมกว่า

       ในเกาหลี นอกจากร้านอาหารที่นั่งพื้นแล้ว ยังมีร้านอาหารที่เป็นเพิงตามริมถนน ขายอาหารแกล้มเหล้า โอเด้ง ของปิ้งย่าง พอช่วงหน้าหนาวก็จะมีม่านพลาสติกมาบังเพื่อความอบอุ่น ซึ่งในญี่ปุ่นไม่ค่อยนิยมเท่า มีบ้างในบางพื้นที่ซึ่งจะเรียกกันว่า ยะไต (屋台:yatai) เช่นในเมืองฟุกุโอะกะทางใต้เป็นต้น

 
น้ำดื่มในมื้ออาหาร

kims-diner.comaluminahana.whitesnow.jpimage1-2.tabelog.k-img.com


       ถ้าสังเกตดีๆ เวลาไปร้านอาหารที่ญี่ปุ่น ทุกร้านจะมีบริการน้ำดื่มโดยไม่เสียค่าบริการอยู่เป็นปกติ และส่วนมากจะเป็นน้ำเย็น และมักจะเป็นน้ำประปา ซึ่งก็แน่นอนว่าสะอาดมากในญี่ปุ่น บางร้านจะใส่เลมอนฝานลงไปเพื่อกลิ่นหอมจางๆ ไม่ว่าอากาศจะหนาวสักเท่าไหร่ก็ตามก็เสิร์ฟเย็นๆ อาจจะมีบางร้านที่อาจเสิร์ฟน้ำชาร้อนบ้างโดยเฉพาะเวลาอากาศหนาว 

       ในขณะที่ในประเทศจีน ร้านอาหารโดยทั่วไปไม่นิยมเสิร์ฟน้ำเย็นอย่างสิ้นเชิง บางคนมองว่าน้ำถ้าไม่ร้อนอาจท้องเสียได้ บางร้านมองว่าการนำน้ำมาต้มแล้วใส่ชาเสิร์ฟให้ลูกค้าจะดูสุภาพกว่าการให้น้ำเย็นๆ ชืดๆ ถ้าใครไปจีนต้องฝึกดื่มน้ำร้อนให้เก่ง เพราะน้ำที่เสิร์ฟมานั้นร้อนเอาเรื่องจริงๆ

        ส่วนในเกาหลี อาจคล้ายญี่ปุ่นหน่อยคือหลายๆ ที่ ร้านจะวางแก้วเปล่าไว้ให้ลูกค้ารินดื่ม และจะมีขวดใส่น้ำพลาสติกที่หน้าตาคล้ายๆ กันวางไว้ให้เติมด้วย (ให้นึกถึงกระบอกน้ำพลาสติกที่เราใช้ใส่น้ำแช่ในตู้เย็นที่บ้าน) นอกจากนี้ แก้วที่เกาหลี หลายๆ ที่เป็นโลหะ ซึ่งจะไม่เจอในร้านอาหารญี่ปุ่นแน่ๆ  


การชนแก้ว
 

userdisk.webry.biglobe.ne.jptk.ismcdn.jppikeletandpie.com/


        สามประเทศนี้มีวัฒนธรรมการดื่มเครื่องดื่มเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสต่างๆ ระหว่างมื้ออาหาร สิ่งที่เหมือนกันคือการรอชนพร้อมกันก่อนดื่ม พร้อมพูดคำว่า "หมดแก้ว" อย่างพร้อมเพรียงกัน โดยมีรากศัพท์เดียวกันมาจากภาษาจีนที่ว่า 干杯 (กันเปย gānbēi)  ซึ่งก็ออกเสียงคล้ายๆ กันในภาษาญี่ปุ่นว่า 乾杯 (คัมไป kanpai)และในภาษาเกาหลีว่า 건배 ( กอนแบ geonbae) แม้เดี๋ยวนี้อาจจะไม่ค่อยเคร่งครัดเรื่องการชน ประมาณว่าอยากชนตอนไหนก็ชนในระหว่างมื้ออาหาร แต่โดยมากก็ยังเคร่งครัดเรื่องการรอชนพร้อมกันในตอนแรกก่อนอยู่มาก

       ส่วนเรื่องเครื่องดื่มที่นิยม ส่วนมากจะเปิดประเดิมกันด้วยเบียร์ อย่างเช่นในญี่ปุ่นแทบจะร้อยทั้งร้อยเป็นเบียร์ก่อนในแก้วแรก ใครที่ไม่ดื่มเบียร์มักจะนิยมสั่ง น้ำส้ม ชาอู่หลง มาแทนเป็นต้น อาจจะต่างกับประเทศตะวันตกที่ว่าไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มชนิดเดียวตลอด บางทีเริ่มด้วยเบียร์ ตามด้วยไวน์ เปลี่ยนเป็นวอดก้า แล้วจบด้วยสาเก เป็นต้น ส่วนการรินเครื่องดื่มนั้น มีวัฒนธรรมคล้ายๆ กันคือจะไม่รินให้กับตัวเอง


 
การกินอาหารด้วยกัน

livedoor.blogimg.jpnaruto-mon.jpcdn-obs.line-apps.com


        เราค่อนข้างคุ้นเคยกับการกินข้าวแบบคนจีน คือมีกับข้าวเต็มโต๊ะแล้วทุกคนรับประทานด้วยกัน โดยทุกคนจะตักกับข้าวมาทานกับจานข้าวของตนเอง ในขณะที่คนญี่ปุ่น โดยทั่วไปถ้าไม่ใช่เนื้อย่าง ชาบูชาบู ฯลฯ อาหารที่สั่งมามักจะถูกจัดเสิร์ฟไว้ในถาดของใครของมัน ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นมีศัพท์เฉพาะว่า 定食 (teishoku : เทโชะคุ) ซึ่งก็คืออาหารที่เป็นเซ็ท ในเซ็ทก็จะมีข้าว มีซุป มีอาหารจานหลัก มีสลัดหรือผักดองแกล้ม ของใครของมัน บางทีถ้ากลัวไม่อิ่ม อาจจะสั่งอาหารอย่างอื่นเพิ่มมากินด้วยกันบ้างในบางครั้ง แต่โดยหลักๆ ก็จะกินของใครของมัน

       ในขณะที่ของเกาหลี นอกจากแบบที่เป็นเซ็ทแล้ว จะมีผักและเครื่องเคียง ผักดอง กิมจิ กับข้าวอีกหลายชนิดมาเป็นจานกลางในกินด้วยกัน และหลายๆ ที่อาหารจำพวกเครื่องเคียงมากมายเหล่านี้สามารถเติมได้ตลอด เราเรียกกับข้าวเหล่านี้ว่า 반찬 (banchan)

 

การจ่ายเงิน

small-island.jpi.gzn.jp


         ที่เมืองไทย ร้านทั่วๆ ไปเวลาเรารับประทานอาหารเสร็จก็จะเรียกพนักงานมาคิดเงิน ซึ่งในเมืองจีนก็คล้ายกัน การจ่ายเงินก็สามารถจ่ายที่โต๊ะได้เลย แต่ในญี่ปุ่น โดยมากพนักงานจะเอาบิลมาให้ลูกค้า ซึ่งหน้าที่ของลูกค้าคือหยิบบิลนี้ไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์หน้าร้าน ซึ่งในบ้านเราระบบการจ่ายเงินแบบนี้ก็มีในร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าบางที่ ในเกาหลีก็คล้ายๆ ญี่ปุ่น คือหยิบบิลไปจ่ายที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน ที่ต้องระวังคือ ในญี่ปุ่นไม่มีระบบการให้ทิป บางทีคนไทยอาจติดการไม่หยิบเงินทอนที่เป็นเศษเหรียญ แต่ที่ญี่ปุ่นเป็นมารยาทที่ไม่ควรอย่างยิ่ง ถ้าได้เงินทอนก็ต้องเก็บให้หมด 


     
       
       เป็นอย่างไรกันบ้าง พี่โช เชื่อว่าหลายข้อที่เขียนไปนั้น หลายๆ คน น่าจะเคยรู้หรือเคยได้ยินมาก่อนแล้ว ก็เอามาอ่านเพลินๆ กันอีกที ส่วนใครที่ยังไม่เคยอ่านมาก่อนก็น่าจะเป็นความรู้ได้บ้างนะครับ แน่นอนว่าน่าจะมีหลักสังเกตอีกหลายๆ ข้อที่ พี่โช อาจจะไม่ได้ใส่ลงไปในบทความนี้ ถ้าน้องๆ คนไหนมีข้อมูลก็เอามาลองแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนะครับ พี่โช ก็อยากอ่าน 5555 ส่วนวันนี้ก็ขอจบบทความไว้ตรงนี้ อย่าลืมติดตามบทความต่อๆ ไปของ พี่โช กันนะครับผม บ๊ายบาย
พี่โช
พี่โช - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
มีสาระน้อย 30 ส.ค. 58 13:34 น. 10
เรื่องตะเกียบเราเคยอ่านเจอเกร็ดเล็กๆน้อยๆ มานะว่าทำไมตะเกียบของทั้งสามประเทศถึงแตกต่างกัน - ตะเกียบของจีนที่ยาวกว่า เพราะ อาหารของประเทศนี้ค่อนข้างจะมีน้ำซุป น้ำมันเยอะจึงต้องใช้ตะเกียบที่ยาวเพื่อป้องกันมือและชายเสื้อเลอะ - ตะเกียบของเกาหลีที่แบนและสั้นกว่าของจีน เพราะมีช้อนเป็นตัวช่วย ในการกินนำซุป ตักข้าว ประเทศนี้เลยไม่ค่อยใช้ตะเกียบในการคีบอาหารมากเท่ากับจีน ญี่ปุ่น - ตะเกียบของญี่ปุ่น จะเล็กและสั้นกว่าจีน เกาหลี เพราะในสมัยก่อน ข้าวประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างหายาก เวลากินจึงต้องผสมธัญพืชต่างๆลงไปด้วย เลยใช้ตะเกียบคีบข้าวได้ยาก คนญี่ปุ่นเลยต้องยกชามพุ้ยข้าวเข้าปาก ฉะนั้นตะเกียบถ้ายาวเกินไปก็จะลำบากในเวลากินข้าว *** ลองสังเกตุเวลาคนจีน เกาหลี และญี่ปุ่น ดูนะ ทั้งสามประเทศนี้จะมีวิธีการจับตะเกียบค่อนข้างต่างกัน ไม่แปลกหรอกที่จะบอกว่าใช้ตะเกียบยาก
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
อานน 29 ส.ค. 58 21:18 น. 9
แน่นอนว่าวัฒนธรรมของจีนเป็นต้นตำหรับ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนามต่างก็เอาวัฒนธรรมของจีนไปพัฒนาต่อตามสภาพภูมิศาสตร์ของแต่ละประเทศ
0
กำลังโหลด
มัณทนา [ฉัน คือ A ] Member 28 ส.ค. 58 18:35 น. 2

คนจีนชอบคุยกับเสียงดังเวลากินค่ะ

จากประสบการณ์ตรงที่เป็นลูกหลานคนไทยเชื้อสายจีน

0
กำลังโหลด

12 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
มัณทนา [ฉัน คือ A ] Member 28 ส.ค. 58 18:35 น. 2

คนจีนชอบคุยกับเสียงดังเวลากินค่ะ

จากประสบการณ์ตรงที่เป็นลูกหลานคนไทยเชื้อสายจีน

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
+tO Dr3aM,To f Ly+ Member 29 ส.ค. 58 00:08 น. 7

คือหนูไปญี่ปุ่นมาเมื่อตอนเดือนกรกฎาที่ผ่านมาคะ แล้วร้านอาหารทุกร้านที่ไปทานเค้าจะให้น้ำชาฟรีนะคะ บางร้านก็ชาร้อน บางร้านก็ชาเขียวเย็น แต่มาในถ้วยชาแบบญี่ปุ่น ถ้วยใหญ่ๆอะค่ะ คนส่วนใหญ่คิดว่าจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีมีวัฒนธรรมที่คล้ายกันมาก แต่พอศึกษาลึกลงไปแล้วกลับมีความแตกต่างกันค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ได้ความรู้มาเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องตะเกียบเนี่ยสงสัยมานานแล้ว ขอบคุณนะคะ

0
กำลังโหลด
SooHwa Member 29 ส.ค. 58 04:07 น. 8

ที่ญี่ปุ่นมีกฎระเบียบการใช้ตะเกียบด้วยนะคะ เยอะมาก และกฏระเบียบสำหรับนักท่องเที่ยวก็เยอะเหมือนกัน เยี่ยม

0
กำลังโหลด
อานน 29 ส.ค. 58 21:18 น. 9
แน่นอนว่าวัฒนธรรมของจีนเป็นต้นตำหรับ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนามต่างก็เอาวัฒนธรรมของจีนไปพัฒนาต่อตามสภาพภูมิศาสตร์ของแต่ละประเทศ
0
กำลังโหลด
มีสาระน้อย 30 ส.ค. 58 13:34 น. 10
เรื่องตะเกียบเราเคยอ่านเจอเกร็ดเล็กๆน้อยๆ มานะว่าทำไมตะเกียบของทั้งสามประเทศถึงแตกต่างกัน - ตะเกียบของจีนที่ยาวกว่า เพราะ อาหารของประเทศนี้ค่อนข้างจะมีน้ำซุป น้ำมันเยอะจึงต้องใช้ตะเกียบที่ยาวเพื่อป้องกันมือและชายเสื้อเลอะ - ตะเกียบของเกาหลีที่แบนและสั้นกว่าของจีน เพราะมีช้อนเป็นตัวช่วย ในการกินนำซุป ตักข้าว ประเทศนี้เลยไม่ค่อยใช้ตะเกียบในการคีบอาหารมากเท่ากับจีน ญี่ปุ่น - ตะเกียบของญี่ปุ่น จะเล็กและสั้นกว่าจีน เกาหลี เพราะในสมัยก่อน ข้าวประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างหายาก เวลากินจึงต้องผสมธัญพืชต่างๆลงไปด้วย เลยใช้ตะเกียบคีบข้าวได้ยาก คนญี่ปุ่นเลยต้องยกชามพุ้ยข้าวเข้าปาก ฉะนั้นตะเกียบถ้ายาวเกินไปก็จะลำบากในเวลากินข้าว *** ลองสังเกตุเวลาคนจีน เกาหลี และญี่ปุ่น ดูนะ ทั้งสามประเทศนี้จะมีวิธีการจับตะเกียบค่อนข้างต่างกัน ไม่แปลกหรอกที่จะบอกว่าใช้ตะเกียบยาก
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด