เรียนรู้จากก้าวเดินของนักเขียนรุ่นพี่ ภัสรสา เจ้าของผลงาน "วงกตวิวาห์"


เรียนรู้ก้าวเดินของนักเขียนรุ่นพี่ "ภัสรสา" เจ้าของผลงาน "วงกตวิวาห์"

สวัสดีค่ะชาวเด็กดี ได้เวลาของการพบปะพูดกันตามปะสาพี่น้องนักเขียนแล้ว ฉบับนี้พี่อรภูมิใจเป็นพิเศษที่จะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับนักเขียนผู้คร่ำหวอดบนถนนสายน้ำหมึก ชนิดที่แค่เปรยชื่อผลงานล่าสุดอย่าง วงกตวิวาห์ น้องๆ ก็ร้องอ๋อ...

ใช่ค่ะ เธอคนที่พี่อรจะพามาแนะนำครั้งนี้ก็คือ ภัสรสา นั่นเอง ส่วนตัวพี่อรว่าเธอมีความโดดเด่นพอตัว ไม่ใช่เฉพาะเรื่องสำนวนการเขียน หรือการมีผลงานอย่างต่อเนื่องยาวนาน แต่เพราะตอนนี้เธอยกระดับตัวเองขึ้นอีกขั้น ด้วยการเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์น้องใหม่นาม รักษ์วลี 
 
ภัสรสา กับผลงานในบ้านแจ่มใส LOVE
 
สวัสดีค่ะ ทักทายชาวเด็กดีกันหน่อย
ภัสรสา: สวัสดีค่ะ พี่ๆ น้องๆ ชาวเด็กดี (จะมีพี่ไหมคะ ฮาาา คิดว่าน่าจะมีแต่น้องแน่เลย T^T) ชื่อ "อ้น" เป็นนักเขียนนามปากกา "ภัสรสา" นะคะ
 
ถึงจะนานไปนิดแต่ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมคะว่าเริ่มเข้ามาเป็นนักเขียนได้ยังไง
ภัสรสา: อ้นเป็นคนชอบเขียนมาตั้งแต่ช่วง ม.ต้นค่ะ เริ่มจากการเขียนกลอน ซึ่งตอนนั้นจะมีหนังสือกลอนเล่มเล็กๆ ฮิตกันมาก เขียนเรื่อยๆ จนขึ้นม.ปลาย ก็เบนเข็มมาเป็นเรื่องสั้น (ตอนนั้นไม่รู้หรอกค่ะ ว่าเรื่องสั้นเรื่องยาวคืออะไร ก็เขียนไปแบบที่อยากเขียนเลย) ตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เป็นนักเขียนต้องทำยังไง ต้องส่งต้นฉบับที่ไหน ไม่รู้ว่าสำนักพิมพ์คืออะไรด้วยซ้ำ (หนูน้อยแสนแบ๊ว AKA ฉลาดน้อยค่ะ ฮาาา)
 
พอเข้ามหาวิทยาลัยก็หยุดไปค่ะ เพราะเป็นคนชอบทำกิจกรรมด้วย แต่ก็อ่านนิยายเรื่อยๆ นะคะ  และชอบอ่านเรื่องสั้นมาก โดยเฉพาะของคุณสรจักร คุณมนันยา และโรอัล ดาห์ล พอช่วงปี 4 มาเจอกับหนังสือรวมเรื่องสั้น ความรู้สึกดี... ที่เรียกว่ารัก เล่ม 5 ของแจ่มใสค่ะ อ่านปุ๊บ เหยยยย มันใช่ แล้วยิ่งได้อ่าน รักหวานๆ ของมันแกว ด้วย แรงบันดาลใจยิ่งพุ่งปรี๊ด ก็เลยลงมือเขียนเรื่องสั้นเลยค่ะ ตอนนั้นฟิตมาก เขียนได้ประมาณ 4-5 เรื่อง แล้วก็ส่งให้แจ่มใสพิจารณาค่ะ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียนเลย
 
ภัสรสา เป็นนามปากกาที่เพราะมาก แปลว่าอะไรคะ มีที่มาที่ไปไหมเอ่ยช่วยเล่าให้ฟังหน่อย
ภัสรสา: ก่อนหน้านี้ ภัสรสา เคยใช้ชื่อว่า yayoi มาก่อน แล้วพบว่ามันอ่านค่อนข้างยากสำหรับนักอ่านที่ไม่ได้เรียนภาษาญี่ปุ่นมา เคยถูกเรียกว่า ย่าย้อยบ้าง ยะโย้ยบ้าง พีคสุดก็ “ยายอ้อย” เนี่ยค่ะ เลยคิดว่าเปลี่ยนดีกว่า คราวนี้อยากได้นามปากกาที่จะใช้ไปจนตาย ก็คิดเยอะแล้วว่าเอาอะไรดี เลยหันมาดูชื่อจริงตัวเองค่ะ อาภัสพร ส่วนตัวชอบคำว่า “ภัส” ที่สุดในชื่อ ก็เลยดึงมาเป็นคำหลัก “รสา” ก็ดึงตัวอักษรมาจากชื่อ ตอนแรกก็สลับไปมาค่ะ จำได้ว่ามีชื่อ รภัสสา ด้วย แต่คุยกับพี่อีกคน เค้าทักว่ามันไม่มีความหมายนะ ก็เลยมาสรุปที่ ภัสรสา
 
ภัส แปลว่าแสงสว่างค่ะ รสา ก็คือ รส / สัมผัส แปลได้ประมาณ สัมผัสของแสงสว่าง ส่วนตัวก็แปลลึกลงไปอีก คือแสงสว่างในชีวิตจะเป็นอะไรก็ได้ที่ทำให้เรามีความสุข เวลาเราอ่านนิยายแล้วยิ้มได้ หัวเราะได้ นี่แหละคือความสุข เลยแปลเหมาไปว่า ถ้าคนอ่านอ่านนิยายของภัสรสาแล้ว ก็จะมีความสุขค่ะ ฮิ้ววว
 
“วงกตวิวาห์” ตอนนี้คนพูดถึงเยอะเลยช่วยเล่าให้ฟังคร่าวๆ สักนิด
ภัสรสา: วงกตวิวาห์นี่ ต้องขอบคุณเด็กดีด้วยค่ะ เพราะตอนนั้นช่วงว่างๆ กำลังอ่านทวนเรื่องนี้แหละ เลยหาที่โพสต์ให้นักอ่านช่วยกันติชม มาสรุปที่พันทิปกับเด็กดี ก็ได้ความเห็นที่เป็นประโยชน์และเป็นกำลังใจเยอะมาก หลักๆ คร่าวๆ ก็อยากนำเสนอเกี่ยวกับว่า ถ้าใครสักคนใช้ชีวิตมักง่าย อยากได้อะไรง่ายๆ โดยไม่คำนึงถึงวิธีการ ไม่คิดถึงศักดิ์ศรีตัวเองหรือความรู้สึกคนอื่น คนในครอบครัวที่รักที่แคร์คนคนนั้น จะเจ็บปวดขนาดไหนค่ะ
 
ปกหน้า - หลัง ของนิยายเรื่องล่าสุด วงกตวิวาห์
 
ในเรื่องวงกตวิวาห์นอกจากพระ - นางแล้ว คนอ่านพูดถึง “คุณแน่น” เยอะมาก คิดว่าเพราะอะไร แล้วตอนที่สร้างคุณแน่น คิดอะไรอยู่
ภัสรสา: จริงๆ คุณแน่นเป็นตัวละครหลักตัวแรกที่คิดถึงเลยนะคะ เพราะเรื่องแบบนี้จำเป็นต้องมีคนที่มองโลกครบทุกด้าน เข้าใจคนอื่น ซึ่งก็ต้องเป็นคนที่ผ่านโลกมาเยอะแล้ว ที่สำคัญคือต้องมีความรักให้คนอื่นอย่างจริงใจ คุณแน่นเคยเป็นพ่อคน และเป็นพ่อที่ดี ย่อมต้องรู้จักแล้วว่ารักบริสุทธิ์เป็นยังไง เรียกได้ว่าถ้ามีคนที่เลวสุดโต่ง และคนที่ดีสุดโต่ง คุณแน่นก็จะเป็นคนที่อยู่ตรงกลาง มองทุกอย่างด้วยความเข้าใจ เป็นคนที่เกลี่ยให้คนเลวกลับมาดี และทำให้คนดีให้อภัยคนเลวที่อยากกลับตัว ประมาณนี้ค่ะ
 
ในเรื่อง “วงกตวิวาห์” ตัวละครเด่นมาก มีเทคนิคการสร้างตัวละครยังไง
ภัสรสา: เรื่องสร้างตัวละครขอแยกเป็นสองส่วนนะคะ คือ ในส่วนของการสร้างตัวละคร และการนำเสนอตัวละครค่ะ
 
การสร้างตัวละคร จะใช้เหมือนกันทุกเรื่องค่ะ คือ คนเขียนต้องรู้จักตัวละครของตัวเองให้ดีที่สุด มองตัวละครเหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่ง หรือถ้าให้ลึกกว่านั้น ก็ให้เป็นลูกคนหนึ่งเลยค่ะ เราต้องรู้พื้นฐานเขา ว่าคนคนนี้โตมายังไง พ่อแม่เป็นแบบไหน มีเพื่อนแบบไหน สิ่งแวดล้อมของเขาหล่อหลอมให้เขาเป็นคนยังไง ถ้าเจอสถานการณ์นี้ เขาจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบแบบไหน เซ็ตให้ชัดเจนค่ะ ซึ่งตรงนี้ถ้าชัดเจนเมื่อไร ตัวละครจะพาคนเขียนไปในทิศทางที่เขาอยากไปเองค่ะ เราบังคับเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
 
และในส่วนของการนำเสนอตัวละคร เทคนิคที่ดีที่สุดในการจะทำให้ตัวละครเด่นขึ้นมา ก็คือ สถานการณ์ที่เราสร้างให้เขาเจอนี่แหละค่ะ ฮาา งงไหมคะ ทำไมถามถึงการสร้างตัวละคร แล้วมาจบที่การสร้างสถานการณ์ ก็เพราะว่าสถานการณ์เป็นตัวที่จะทำให้คนอ่านเข้าใจตัวละครได้มากที่สุดค่ะ ว่าเขาเป็นคนยังไง การบอกเล่าด้วยคนเขียนอย่างเดียว อย่างเขาเป็นคนมีอารมณ์ขัน เขารวย เขาหล่อ เขาปากจัด ไม่ได้ทำให้คนอ่านอินได้เท่าพาตัวละครไปอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เขาแสดงคาแร็คเตอร์ตัวเองออกมาค่ะ ยกตัวอย่าง เราบอกนักอ่านว่า ตัวละครตัวนี้เจ้าชู้นะ แต่ไม่เคยเห็นจีบสาว ไม่เคยเห็นหว่านเสน่ห์ เจอผู้หญิงก็ไม่เทคแคร์ แบบนี้คนอ่านก็จะไม่อินไปด้วยค่ะ ว่าตัวละครนี้เจ้าชู้
 
นักอ่านหลายคนบอกว่างานของ ภัสรสา อ่านรวดเดียวจบตลอด มีวิธีการดำเนินเรื่องยังไงให้น่าติดตามได้ขนาดนี้
ภัสรสา: ส่วนตัวคิดว่าอยู่ที่การวางพล็อตและวิธีการลำดับเรื่องค่ะ เราต้องมีสิ่งที่อยากนำเสนอชัดเจน และมีวิธีการนำเสนอที่ชัดเจน ส่วนการลำดับเรื่อง ก็ต้องดูว่าพล็อตแบบนี้ เหมาะกับการลำดับเรื่องแบบไหน อาจจะไม่เหมาะกับการลำดับเรื่องแบบ 1 > 2 > 3 > 4 >5 แต่อาจจะเหมาะกับ 5 > 1 > 2 > 3 > 4  หรือ 5 > 4 > 3 > 2 > 1 ที่สำคัญคือ ต้องมีจังหวะการทิ้งปมที่เหมาะสม ซึ่งตรงนี้การเขียนเยอะๆ และอ่านเยอะๆ ช่วยได้มากๆ ค่ะ
 
คิดว่าอะไรที่ทำให้เรื่อง วงกตวิวาห์ แตกต่างจากนิยายรักบนแผงหนังสือทั่วไป
ภัสรสา: คิดว่าเพราะเป็นผลงานของภัสรสาค่ะ ฮาาา ฟังน่าหมั่นไส้เนอะ แต่โดยส่วนตัวคิดว่า นักเขียนแต่ละคนเมื่อทำงานถึงจุดหนึ่ง จะมีเอกลักษณ์ของตนเองค่ะ หยิบงานของนักเขียนแต่ละคนขึ้นมา ก็จะไม่ซ้ำกัน การคิดพล็อต การดำเนินเรื่องก็จะไม่ซ้ำกันค่ะ
 
ความฮ้อตของนิยายเรื่อง วงกตวิวาห์ ที่ผู้อ่านส่งเข้ามาเป็นกำลังใจ
 
เห็นหลายตอนที่ผู้เขียนสอดแทรกมุมมอง ข้อคิด และทัศนคติดีๆ ผ่านตัวละคร คิดว่าใช่จุดเด่นของงานเขียนสไตล์ ภัสรสา ไหม หรือคิดว่าสไตล์การเขียนของตัวเองเป็นแบบไหน
ภัสรสา: คิดว่าน่าจะใช่นะคะ เพราะส่วนตัวแล้ว ปณิธานในการทำงานคือ อยากให้งานตัวเองมีอะไรที่ให้คนอ่านได้มากกว่าความบันเทิง และต้องไม่ใช่การยัดเยียดด้วย เพราะก็ยังอยากให้อ่านสนุกอยู่ สิ่งที่ต้องทำก็คือการคิดพล็อตให้สอดคล้องกับข้อคิดหรือทัศนคติที่ต้องการนำเสนอค่ะ
 
อีกข้อหนึ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นจุดเด่นของตัวเอง คือเรื่องในครอบครัวค่ะ เพราะมองว่าสถาบันครอบครัวนี่เป็นพื้นฐานในการสร้างคนคนหนึ่งเลย ก็จะพยายามให้ความสำคัญกับสถาบันนี้ เคยมีนักอ่านมาบอกว่า อ่านนิยายของเราเรื่องหนึ่ง แล้วทำให้คืนดีกับพ่อที่ทะเลาะกัน โห แค่นี้ก็ฟินไปสามเดือนแล้วค่ะ
 
ในฐานะนักเขียนคนหนึ่งคิดว่า อะไรคือคุณสมบัติสำหรับการเป็นนักเขียนที่ดี
ภัสรสา: ก่อนอื่นต้องแยกเป็นสองคำนะคะ คำแรกคือคำว่า “นักเขียน” ถ้าแค่คำนี้ สิ่งแรกที่ต้องมีคือ ความกระหายที่จะเขียนเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวค่ะ
 
แต่ถ้าพูดถึงอีกคำ คือคำว่า นักเขียน ที่มีคำขยายว่า “ที่ดี” เป็น “นักเขียนที่ดี” ถ้าแบบนี้เราก็ต้องมาตีความแหละค่ะ ว่าคำว่า “ที่ดี” คืออะไร
 
ในทัศนคติส่วนตัวมองว่า นักเขียนที่ดี ก็คือ คนดีที่เป็นนักเขียนค่ะ ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับว่า คนดีของแต่ละคนเป็นแบบไหน แต่ในฐานะที่คำถามนี้ถามภัสรสา (แน่ล่ะสิ!) ภัสรสาก็จะตอบว่า คือคนที่ไม่ได้มองแค่ตัวเอง แต่มองถึงภาพรวม ส่วนรวม พยายามจะใช้งานเขียนของตัวเองเป็นเครื่องมือเพื่อส่งเสริมความดี ความถูกต้องในสังคม หรือตีแผ่ความไม่ดี เพื่อกระตุ้นให้คนอ่านตระหนักว่าสิ่งนี้ไม่ดีไม่ควรนะ ซึ่งพวกนี้เวลาพูดหรือเขียนเนี่ย มันฟังดูยิ่งใหญ่เว่อร์วัง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ มันเป็นเรื่องเล็กๆ ที่สอดแทรกอยู่ในพฤติกรรม ความคิดของตัวละคร ซึ่งนักเขียนที่ดีต้องระมัดระวังในการนำเสนอค่ะ
 
ท่าทีสบายๆ ในช่วงพักผ่อนหาแรงบันดาลใจ 
 
ในฐานะนักเขียนรุ่นพี่ คิดว่ามีเรื่องไหนไหมที่นักเขียนมือใหม่จะต้องระวัง
ภัสรสา: จริงๆ ถ้าเป็นนักเขียนมือใหม่ อยากบอกว่าไม่ต้องระวังอะไรเลยค่ะ อยากให้ลุยเขียนไปก่อนเลย ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องสนใจ เขียนไปด้วยความอยากเล่าอยากเขียน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อยากให้เปิดใจยอมรับทั้งคำติคำชมนะคะ คำชมเป็นกำลังใจ คำติเป็นยาดีสำหรับการพัฒนางานเขียนค่ะ
 
แต่! พอผลงานได้รับการตีพิมพ์แล้ว อยากให้คิดไว้เสมอว่า งานเราถือเป็นสื่อสาธารณะ อาจไม่กว้างเหมือนสื่ออื่น แต่ก็ถือว่ากระจายเป็นวงกว้าง และงานเขียนของเรา อาจสร้างแนวคิดบางอย่างให้กับนักอ่านบางท่าน ก็ขึ้นอยู่กับเราว่า เราจะสร้างแนวคิดที่ดีหรือไม่ดีให้นักอ่าน ยิ่งทำงานมากก็ต้องรับผิดชอบสังคมให้มากนะคะ
 
คิดว่าสิ่งไหนหรืออะไรที่คนจะเป็นนักเขียนขาดไม่ได้
ภัสรสา: ความกระหายอยากเขียนค่ะ ที่ภาษาฝรั่งเขาว่า Passion นั่นแหละค่ะ ถ้านักเขียนไม่มีตรงนี้แล้ว การทำงานจะกลายเป็นเรื่องทรมานชีวิตขึ้นมาทันที เพราะงานเขียนนี่เป็นงานที่ทำคนเดียว ลุยคนเดียว เราไม่มีแรงจูงใจอื่นในการทำงานเลย ไม่สามารถบิลท์ตัวเองด้วยการบอกว่า วันนี้แต่งหน้าสวยๆ ดีกว่า เผื่อเจอเจ้าชายรูปงามมาตามหารักแท้ในรถไฟฟ้า แต่เราต้องจมอยู่กับงานเขียนของเรา ดังนั้นเราคงต้องตกหลุมรักกับงานเขียนและตัวละครของเราแทนค่ะ
 
ส่วนถ้าอะไรที่คนเป็นนักเขียน “ที่ดี” จะขาดไม่ได้ ก็คือ “ความดี” ค่ะ
 
ตั้งแต่เป็นนักเขียนมา เคยรู้สึกเบื่อหน่ายจนอยากเลิกเป็นนักเขียนบ้างไหม
ภัสรสา: จะมีช่วงประมาณสามสี่ปีแรก ที่ทำงานเป็นนักเขียนอย่างจริงจังค่ะ ช่วงนั้นเคยสงสัยตัวเองเหมือนกัน ว่าเราจะเป็นนักเขียนอาชีพได้จริงๆ เหรอ คิดไปล่วงหน้าว่า เฮ้ย วันหนึ่งถ้าเราไม่รู้จะเขียนอะไรล่ะ เราจะทำยังไง แต่ท้ายสุดก็คิดได้ว่าการกังวลล่วงหน้าไม่มีประโยชน์ ประกอบกับหันไปดูพล็อตตัวเองที่คิดๆ ไว้ (คือ เยอะมาก สามสิบสี่สิบพล็อตได้) ก็เลยคิดว่า ถ้าเขียนพล็อตที่คิดไว้หมดเมื่อไร แล้วไม่รู้จะเขียนอะไร ถึงตรงนั้นค่อยว่ากันอีกที
 
แต่เอาจริงๆ ไหมคะ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ยังไม่เคยเอาพล็อตเก่าๆ ที่คิดไว้มาเขียนเลยค่ะ 555 มันมีพล็อตใหม่เข้ามาตลอด ก็เลยเรียนรู้ว่า ถ้าคิดจะเป็นนักเขียนแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องคิดอะไรไม่ออก ตราบใดที่เรายังใช้ชีวิต เราก็จะต่อยอด (เรื่องคนอื่น) มาเป็นนิยายได้เสมอค่ะ
 
จากวันแรกที่ตั้งใจจะเขียนนิยายมาจนถึงวันนี้ ความรู้สึกเปลี่ยนไปจากเดิมมากน้อยแค่ไหน
ภัสรสา: เปลี่ยนไปมากค่ะ ยิ่งทำงานยิ่งรู้สึกว่ายากขึ้น ด้วยตัวเราเองอยากเขียนเรื่องที่ยากขึ้น ซับซ้อนขึ้นด้วย แต่ในขณะที่อยากเขียนเรื่องยาก แต่ก็ยังอยากให้เป็นเรื่องที่อ่านง่าย ก็ต้องทำงานละเอียดขึ้น หนักขึ้นค่ะ
 
แวะแจกลายเซ็นต์
 
เห็นว่าคุณอ้นคือหนึ่งในผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ รักษ์วลี เป็นมายังไงจากนักเขียนถึงได้มาเป็นหุ้นส่วนสำนักพิมพ์ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย
ภัสรสา: จริงๆ การทำสำนักพิมพ์ไม่เคยอยู่ในหัวมาก่อนเลยค่ะ ภาพฝันคือ เป็นนักเขียนไปเรื่อยๆ เปิดร้านกาแฟเล็กๆ แบบมีห้องสมุดไปด้วยในตัว แต่พอได้มาทำหนังสือทำมือ ซึ่งเป็นงานรวมเรื่องสั้น ชื่อเล่ม สารพันรัก ซึ่งทำเองเกือบทุกขั้นตอนเลยค่ะ ออกแบบรูปเล่ม ปก แล้วมัน... มีความสุขมว้ากกก คือ เฮ้ย เพิ่งรู้ว่าการได้ดูแลงานเขียนตัวเองมันมีความสุขขนาดนี้ ก็เลยคุยกับพี่ปิง นภชลค่ะ บอกพี่ปิงว่า เดี๋ยวเก็บเงินสักปีสองปี หนูจะทำสำนักพิมพ์ตัวเองแล้วนะ พี่ปิงก็ป๋ามาก ฮาาา บอกว่าทำเลยไม่ต้องรอ พี่ปิงช่วยเอง แล้วจังหวะเหมาะได้คุยกับนก เป็นเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่มัธยมค่ะ ซึ่งนกจะเชี่ยวชาญเรื่องเอกสารการเงิน ซึ่งอ้นกับพี่ปิงไม่ถนัดเลย โป๊ะเชะ ลงตัว ช่วงนั้นงานหนังสือพอดี ก็ตะลุยขอคำปรึกษาจากพี่ๆ หลายคน พี่ปุ้ย กิ่งฉัตร พี่กรู๊ฟ/พี่หมอโอ๊ต พงศกร จากกรู๊ฟพับลิชชิ่ง พี่เล็ก/พี่เบิ้ล จากนวนิตา และพี่ปุ๊ ดวงตะวัน ได้แนวทางในการทำงานแจ่มแจ้งแดงแจ๋มาก ก็เลยลุยเลยค่ะ
 
มีน้องๆ หลายคนอยากเป็นนักเขียน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง คุณอ้นมีคำแนะนำอะไรดีๆ ฝากถึงน้องๆ บ้าง
ภัสรสา: คำแนะนำคือ ให้ลงมือเขียนค่ะ จากนั้นก็ อย่าหยุดอ่าน อย่าหยุดเขียน และอย่าหยุดใช้ชีวิตค่ะ ที่สำคัญคือ อย่าท้อ การเขียนงานเล่มเดียวหรือสองเล่มแล้วเปรี้ยงเลย มันเกิดขึ้นได้หนึ่งในร้อย (ทุกวันนี้นักเขียนใหม่เยอะมาก อาจจะเป็นหนึ่งในพันไปแล้ว) นักเขียนส่วนใหญ่จะค่อยๆ โต ค่อยๆ สะสมนักอ่านของตัวเอง แล้วโตอย่างมั่นคง คิดจะเป็นนักเขียน ต้องมุ่งที่การเขียนค่ะ อย่าคิดถึงชื่อเสียง เงินทองเป็นตัวหลัก เพราะแบบนั้นจะยิ่งทำให้ท้อได้ง่ายค่ะ
 
ขอหนึ่งประโยคเด็ดทิ้งท้าย จาก ภัสรสา ถึงน้องนักอยากเขียน
ภัสรสา: ยากให้งานเขียนเรา เป็นแค่หนังสือเล่มหนึ่งที่มีราคาติดหน้าปก หรือว่าอยากให้เป็นงานที่มีมากกว่าราคา คือมีคุณค่า เราเลือกได้ค่ะ

คำตอบสุดท้ายนี่คมบาดใจพี่อรมากเลยค่ะ เราในฐานะนักเขียนนอกจากจะสร้างความบันเทิงให้คนอ่านของเรารู้สึกอินร่วมไปกับเนื้อหาแล้ว ข้อคิดและทัศนคติดีๆ ที่สอดแทรกลงไปยังช่วยเสริมให้งานของเรามีคุณค่ามากขึ้น และคนแรกที่จะรู้สึกภูมิใจก็ไม่ใช่ใครอื่น "ตัวเรา" ผู้ที่รู้ดีที่สุด 
 
พูดมาคุยกันมายาวเลยค่ะคราวนี้ ขอปิดท้ายด้วยการเล่นเกมเหมือนเดิม
เพียงแค่น้องๆ บอกว่า

"ชอบข้อคิด หรือทัศนคติดีๆ จากนิยายเรื่องไหนมากที่สุด พร้อมให้เหตุผล"
ผู้โชคดี 3 ท่านรับไปเลยค่ะ นิยายเรื่อง "วงกตวิวาห์" 


คอมเมนต์มาตอบคำถามกันเยอะๆ นะคะ นิยายเรื่องนี้สนุกมาก

ประกาศรายชื่อผู้โชคดี ได้รับรางวัลหนังสือ วงกตวิวาห์ ได้แก่

koonnaisor
Pook
Jariya Srikham


สำหรับผู้ได้รับรางวัลกรุณาส่ง ชื่อ-นามสกุล (นามแฝง) พร้อมที่อยู่ในการจัดส่ง 
ระบุว่าได้รับรางวัลหนังสือ "วิวาวงกต"
มาที่อีเมล์ atcharawadi@dek-d.com
ทางทีมงานจะจัดส่งรางวัลไปให้อ่านถึงที่บ้านเลยค่ะ ^ ^
 
(หมดเขตรับของรางวัล วันที่ 5 ตุลาคม 2558)
 
พี่อร
 
^________________^


 
พี่อร
พี่อร - Writer Editor คอลัมนิสต์ผู้เชื่อว่านิยายคือเพื่อนแท้ และเห็นอาหารการกินเป็นเรื่องของความสุข

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

atchanan Member 28 ก.ย. 58 17:39 น. 23

ประกาศผลรางวัลแล้วนะคะ ผู้โชคดีติดต่อด่วนๆ เลยค่ะ ส่วนใครที่พลาดไปเรายังมีแจกที่นี่เรื่อยๆ ทุกสัปดาห์แวะเวียนมาร่วมสนุกกันได้เลยนะคะ ^ ^

1
กำลังโหลด
จุดประกายฝัน Member 19 ก.ย. 58 17:54 น. 1

ณ ลานดาวคะ

อันที่จริงติดตามผลงานมาตั้งแต่แจ่งใส ณ ลานดาว ก็อ่านของแจ่งใสคะ

ชอบตรงที่แง่มุมทัศนคติของความรัก ที่ผู้ชายคนหนึ่งเขารักผู้หญิงคนหนึ่งและเลือกที่จะปกป้องให้อญุ่ในความปลอดภัย ส่วนผู้หญิงก็ยังพยายามยืนเคียงข้างแม้ตนจะตกอยู่ในอันตราย

0
กำลังโหลด
Kamuningka Member 19 ก.ย. 58 19:10 น. 2
แสงซ่อนเงาค่ะ // จริงๆเรื่องนี้ซื้อเพราะมีคุณเทียน (ฮา) แต่อ่านแล้วรู้สึก..อึ้งๆ ซึ้งๆ อุ่นๆ มันบอกได้ไม่หมดอ่ะ คือนอกจากความสนุกระหว่างการฟาดฟันของพระ-นางแล้ว มันยังมีความรักระหว่างครอบครัว ทั้งบ้านรุจี บ้านชาติ พ่อรุจี รักลูกอยากให้ลูกมีการงานมั่นคง อยู่รอดได้ด้วยตัวเอง ครอบครัวชาติ มีทั้งความรักของพ่อแม่ ต่อลูก ความรักของพี่น้องที่ตัดไม่ขาด ชอบความรักของพ่อที่ยอมสละ ยอมให้ลูกเข้าใจผิดเพื่ออดีตคนรัก รวมถึงความรักระหว่างเพื่อน เพื่อนของชาติ เพื่อนของธร ที่แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด แต่ไม่เคยทิ้งกันไปไหน สรุปชอบเรื่องหากใจไร้จันทร์ที่สุด แต่ชอบทัศนคติของความรักในแสงซ่อนเงามากที่สุด มันรวมความรักได้ครบทุกรสจริงๆ
0
กำลังโหลด

25 ความคิดเห็น

จุดประกายฝัน Member 19 ก.ย. 58 17:54 น. 1

ณ ลานดาวคะ

อันที่จริงติดตามผลงานมาตั้งแต่แจ่งใส ณ ลานดาว ก็อ่านของแจ่งใสคะ

ชอบตรงที่แง่มุมทัศนคติของความรัก ที่ผู้ชายคนหนึ่งเขารักผู้หญิงคนหนึ่งและเลือกที่จะปกป้องให้อญุ่ในความปลอดภัย ส่วนผู้หญิงก็ยังพยายามยืนเคียงข้างแม้ตนจะตกอยู่ในอันตราย

0
กำลังโหลด
Kamuningka Member 19 ก.ย. 58 19:10 น. 2
แสงซ่อนเงาค่ะ // จริงๆเรื่องนี้ซื้อเพราะมีคุณเทียน (ฮา) แต่อ่านแล้วรู้สึก..อึ้งๆ ซึ้งๆ อุ่นๆ มันบอกได้ไม่หมดอ่ะ คือนอกจากความสนุกระหว่างการฟาดฟันของพระ-นางแล้ว มันยังมีความรักระหว่างครอบครัว ทั้งบ้านรุจี บ้านชาติ พ่อรุจี รักลูกอยากให้ลูกมีการงานมั่นคง อยู่รอดได้ด้วยตัวเอง ครอบครัวชาติ มีทั้งความรักของพ่อแม่ ต่อลูก ความรักของพี่น้องที่ตัดไม่ขาด ชอบความรักของพ่อที่ยอมสละ ยอมให้ลูกเข้าใจผิดเพื่ออดีตคนรัก รวมถึงความรักระหว่างเพื่อน เพื่อนของชาติ เพื่อนของธร ที่แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด แต่ไม่เคยทิ้งกันไปไหน สรุปชอบเรื่องหากใจไร้จันทร์ที่สุด แต่ชอบทัศนคติของความรักในแสงซ่อนเงามากที่สุด มันรวมความรักได้ครบทุกรสจริงๆ
0
กำลังโหลด
koonnaisor Member 19 ก.ย. 58 19:23 น. 3

ณ ตะวันรอนค่ะ

ชอบแนวทางการการคิดของพระเอก ที่ใช้ชีวิตอย่างมีประโยชน์ต่อคนรอบข้าง 

ทั้งนางเอก และคนงานในไร่ ที่สำคัญชอบทัศนคติเรื่องเรื่องความรักของพระเอก 

เพราะเป็นคนที่มั่นคง ยอมรับการตัดสินใจของคนอื่น เว้นพื้นที่ให้คนรักได้หายใจหายคอ 

และโตขึ้น แข็งแรงขึ้นด้วยขาและประสบการณ์ของตัวเอง (แม้จะรู้ว่าตัวเองแก้ปัญหาและตัดสินใจได้ดีกว่าก็เถอะ)

0
กำลังโหลด
Pook 19 ก.ย. 58 19:26 น. 4
ถ้าเป็นนักเขียนท่านใดก็ได้ ขอเลือก "จนกว่ารักบันดาลใจ" ของนาวาร้อยกวีค่ะ ชอบนางเอกเรื่องนี้มาก ม่น(นางเอก)ทำให้เรารู้ว่า สิ่งใดๆ ก็ตาม "เมื่อสุดสอยก็ปล่อยวาง" ขอแค่ก่อนยอมปล่อย เราต้องทำให้ดีที่สุดเท่านั้น แต่ถ้าเป็นของพี่อ้น ขอเลือก "ณ ตะวันรอน" ค่ะ ความรักอยู่รอบตัวเราเสมอ แม้จะไม่ได้รับความรักจากบางคน ความหวังหล่อเลี้ยงหัวใจให้ยังหายใจอยู่ได้ และคำว่า "ทำให้พี่พราว" จากเรื่องนี้ บอกเราว่า สำหรับบางคนเราก็พร้อมจะทำให้ได้ทุกอย่าง
0
กำลังโหลด
อภิสรา คงไทย 19 ก.ย. 58 19:29 น. 5
ชอบเรื่อง 'หากใจไร้จันทร์' ชอบข้อคิดของตัวละครแต่ละตัว ทั้งคุณเทียน .ปักจันทร์ และคนอื่นๆ เห็นด้วยในเรื่องการเป็นแฟนกันของนักศึกษา ชญ ที่ไม่ควรมาใช้ชีวิตอยู่ในหอร่วมกัน และอื่นๆ ฉากที่กินใจที่สุด คือ ฉากที่ปักถามแม่ของคุณเทียนว่าลูกตัวเองไม่รักหรือ .แล้วปกจันทร์ตั้งท่าปกป้องคุณเทียนจากคนอื่นๆ ฉากนี้ทำน้ำตาซึมจริงๆ . คือจริงๆ ชอบอยู่หลายเรื่อง .เพราะแต่ละเรื่องมีข้อคิดแฝงอยู่ มีฉากเรียกน้ำตากินใจ และสุดท้ายก็จบแฮบปี้ .คนไม่ดีได้รับผลของการกระทำไป ไม่พ้นทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วกรรมสนอง
0
กำลังโหลด
atchanan Member 19 ก.ย. 58 19:56 น. 6-1
ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 28 กันยายน 2558 (เวลา 16.00 น.) เลยค่ะ ขอบคุณที่แจ้งนะคะ ลืมไปเลย ^ ^
0
กำลังโหลด
Demon Doll Member 19 ก.ย. 58 19:44 น. 7

" บ่วงแสงดาว " ค่ะ ความรักของพ่อที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก แม้จะร้ายต่อใครๆ มากมายแต่ก็ดีกับลูกที่สุด คุณลิ่วนางเอกของเรื่องเข้าใจตรงนี้ดี จึงไม่คล้อยตามคุณดาที่มุ่งหวังจะมาแก้แค้นพ่อของตน กับอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คำพูดของพ่อเลี้ยงคุณดาที่คอยพูดราวกับจะเตือนสติคุณดาเกี่ยวกับเรื่องการไม่ปล่อยวางของแม่ จนทำให้ชีวิตที่ควรจะสุขกลายเป็นต้องจมอยู่กับมันและทำร้ายตัวเองและคนรอบข้างอย่างอย่างลูกชายของเธอ ดาวิษ

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ได้อ่านของพี่อ้นค่ะ ทำให้ติดตาม หาอ่านในเรื่องอื่นๆด้วย 

เป็นหนึ่งในเรื่องที่ชอบมาก เพราะอ่านแล้วเศร้าไปกับชีวิตของคุณดาที่กว่าจะมีวันนี้ได้ต้องผ่านเรื่องราวที่เจ็บปวดมามากมาย แต่ไม่ว่าจะผ่านอะไรมา คุณดาก็ยังเป็นคนดี น่ารัก และแก้แค้นแบบเห็นใจลูกนี้อย่างคุณลิ่วสุดๆ หลงรักคุณดามากค่ะ มากกว่าพี่ธรนิดหน่อย 5555

0
กำลังโหลด
Narak 19 ก.ย. 58 20:37 น. 8
ชอบข้อคิดในเรื่อง บ่วงแสงดาวค่ะ ว่าความแค้นฝังใจในอดีตมีแต่จะทำให้ทุกข์ต่อตนเองและคนรอบข้างที่เรารักและรักเรา แก้แค้นทำลายเค้าก็เท่ากับทำร้ายตัวเอง ไฟแค้นนั้นจะเผาใจตัวเองให้ไม่เป็นสุข เหมือนที่ดาวิษคิดแค้นต่อนางเอกและครอบครัวเธอ ฉะนั้นการให้อภัยกันคือทางออกที่ดีที่สุด ควรปล่อยวาง อย่ายึดติดกับอดีตและความแค้น แล้วชีวิตก็จะได้พบกับความสุข
0
กำลังโหลด
mynun 19 ก.ย. 58 20:40 น. 9
จริงก็ชอบนิยายของพี่อ้นหลายเรื่องมากค่ะ วันนี้เลือก หนึ่งจันทร์กลางใจ ค่ะ ซึ้งใจความรักของพี่วิทกับคุณแม่ เป็นแม่ที่เลือกที่สิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ
0
กำลังโหลด
Ai✽ Member 20 ก.ย. 58 14:03 น. 10

ทัศนคติของอินจากขอเพียงใจจันทร์ที่สอนพี่แพทเรื่องแพนกับอาจ เดี๋ยวนี้พ่อแม่ชอบเลี้ยงลูกแบบไข่ในหินไม่ยอมปล่อยให้ทำอะไรเลยแบบที่พี่แพทเลี้ยงแพน ต้องหัดให้ลูกรู้จักโลกบ้าง จะได้ใช้ชีวิตอยู่ได้ถ้าวันหนึ่งไม่มีพ่อแม่แล้ว  ไม่ใช่ไม่ยอมให้ไปไหนหรือทำอะไรเลย พ่อแม่เป็นห่วงอันนี้ก็รู้เหมือนกันที่พี่แพทห่วงแพน แต่ถ้าห่วงเกินไปมันจะไม่ดี มันจะเป็นผลเสียต่อลูก

"คุณรักน้องฉันรู้ แต่คุณตามดูเขาไปตลอดไม่ได้หรอกนะ แล้วพอไม่มีคุณ น้องคุณจะอยู่ยังไง ปล่อยให้น้องรู้จักโลกบ้างเถอะ ไม่ต้องถึงขนาดให้กร้านโลก แต่อย่างน้อยก็ต้องแข็งแรงพอที่จะอยู่คนเดียวได้" หน้า114

0
กำลังโหลด
PannyNimmin Member 21 ก.ย. 58 20:49 น. 11

ชอบรักภักดิ์ใจของปริญญ์ ค่ะ เราเป็นคนไม่ค่อยชอบนิยายประเภทพระเอกหล่อ รวย ดี เลิศ เล่อ เฟอร์เฟ็ค มันดูไม่ค่อยพบเจอนโลกแห่งความเป็นจริง แต่เรื่องนี้ทำให้ทัศนคติในการมองคนเปลี่ยนไป คนบางคนทำความดีโดยไม่เคยหวังแม้แต่คำชื่นชม หรือผลตอบแทน (โดยเฉพาะพระเอก) เพราะเรื่องนี้สอนให้ทำความดีด้วยใจ ไม่ต้องให้ใครชื่นชม ยกย่องจากการทำดี แต่แค่ตัวเองสุขที่ใจก็พอ นี่เลยผู้ชายในอุดมคติ พระเอกทำให้เรามองทะลุเปลือกภายนอกที่ว่าดูดีแล้ว ภายในจิตใใจหล่อกว่าล้านเท่าเลย แค่เป็นคนที่มีความคิดที่ดี มีทัศนคติในการดำเนินชีวิตที่ดี แค่นี้ก็หล่อออกมาจากภายในแล้วค่าาาาาา

0
กำลังโหลด
I don't get it Member 22 ก.ย. 58 14:29 น. 12

ยินดีด้วยนะคะกับความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองชอบ 

จริง ๆ คิดว่าอ่านนิยายของคุณภัสรสาทุกเล่ม พอรู้ว่าเป็นคนเดียวกับ yayoi ยังตามไปอ่านนามปากกานั้นจนหมดทุกเล่ม และน่าจะเป็นเจ้าของเกือบทุกเล่ม (ยกเว้นเล่มที่เก่ามาก ๆ) เป็นคนไม่ค่อยได้เอาข้อคิดอะไรจากนิยายค่ะ อ่านเอาสนุกอย่างเดียว 

นิยายคุณมีไม่ชอบเรื่องเดียวคือเรื่องของผีถัวงอก น่าจะเรื่องหากใจไร้จันทร์ (หรือเปล่า) ที่นางเอกเป็นผีถั่วงอก 

เพราะเป็นคนไม่ชอบคาแร็คเตอร์นางเอกอย่างแรง อ่านไปก็รำคาญนางเอกไป ต้องขออภัยผู้เขียนอย่างยิ่ง แต่ก็พยายามอ่านจนจบนะคะ

ต่อไปจะได้มองหานามปากกาคุณในสำนักพิใพ์ใหม่ ที่ไม่ใช่แจ่มใส

0
กำลังโหลด
tweeny Member 24 ก.ย. 58 13:52 น. 13

ชอบข้อคิดจากการอ่านเรื่อง "สองชีวิต" มากที่สุดค่ะ

เป็นนิยายที่อ่านแล้วน้ำตาไหล สอนถึงการใช้ชีวิตผิดพลาดของเด็กผู้หญิงได้ดีมากๆ 

สอนให้วางตัวดี คบเพื่อนดี สอนถึงข้อเสียของมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน  ถ้าคบเพื่อนไม่ดีชีวิตก็ดิ่งลงเหว อย่างในเรื่องนางเอกก็ถูกเพื่อนแฟนและแฟนรุมโทรม

สอนไปถึงการเลี้ยงดูลูกแบบปล่อยปละละเลย ทุ่มเทกับการหาเงินจนลืมสนใจลูก ไม่ได้สอนลูกว่าควรใช้ชีวิตยังไง ควรเดินทางไปทางไหน ทำให้ลูกต้องขาดความอบอุ่น

เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว #ร้องไห้หนักมาก จริงๆค่ะ อ่านครั้งเดียว รายละเอียดยังตราตรึงอยู่เลย (เคยอ่านเมื่อสี่ปีที่แล้วค่ะ)

0
กำลังโหลด
isaRV Member 27 ก.ย. 58 00:33 น. 14

ชอบ "คือ...เธอ" ของ พิมลพัทธ์

เป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจ ในความทรงจำมากมาย

ด้วยความที่นางเอกออกจะเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดี เจอเรื่องที่ไม่คาดคิด แต่ยังสู้ยังเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไป

.

นางเอกได้มาอยู่ในร่างที่โดนทุกคนมองว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ดี มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่นางเอกยังสู้ ประพฤติตัวอย่างเดิม เป็นคนคิดดีทำดี ซึ่งพิสูจน์ให้คนอื่นได้เห็น การกระทำต่างหากที่บ่งบอกว่าเราเป็นคนอย่างไร ไม่ใช่คำพูดของคน

.

~ ชอบประโยคสุดท้ายของพี่อ้นจริงค่ะ กระแทกใจสุดๆ อยากให้ผลงานเรามีค่า(ราคา) หรือคุณค่า เราเลือกได้!

0
กำลังโหลด
locket Member 27 ก.ย. 58 08:03 น. 15

ชอบข้อคิดจากเรื่อง เรื่องของสองหัวใจค่ะ ชอบข้อคิดจากเรื่องครอบครัวของรันค่ะ "ความเข้าใจกันภายในครอบครัวเริ่มต้นที่การพูดคุย และความไม่เข้าใจกันในครอบครัวก็เริ่มต้นที่การวางเฉยต่อกันค่ะ" 

0
กำลังโหลด
Jny 27 ก.ย. 58 08:32 น. 16
ชอบกลซ่อนใจค่ะ ขอบทัศนคติของเกดที่รักพี่ธรรมอย่างจริงใจ แล้วก็เป็นคนมีความคิดที่อยากทำอะไรซักอย่างก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำให้เสร็จ ไม่ใช่โลกสวยไปวันๆ รวมถึงเกดเป็นคนที่มีเหตุผลในการกระทำของตัวเองและกล้าตัดสินใจเพื่ออนาคตของตัวเอง และที่สำคัญคือเรื่องนี้สอนให้เรียนรู้ที่จะรักคนอื่นจากภายในและเป็นความรักแบบไม่มีเงื่อนไขค่ะ :)
0
กำลังโหลด
Jariya Srikham Member 27 ก.ย. 58 09:47 น. 17
ชอบ เรื่อง ณ ลานดาวค่ะ เพราะ สอนให้เราไม่ควรมองคนจากภายนอกเพียงอย่างเดียว เมื่อเรามีปัญหาหรือตกอยู่ในอันตราย คนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเราเสมอนั่นแหละคือมิตรแท้ค่ะ
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
Chetsadapon Kumkong 27 ก.ย. 58 22:32 น. 19
พรายอำพรางเป็นเรื่องที่ปลื้มและกรี๊ดมากที่สุดค่ะ ทุกๆอย่างในพรายอำพรางดูเป็นเรื่องจริงที่จับต้องได้ เป็นเรื่องที่เราเห็นกันได้บ่อยๆ ในชีวิต และจากเรื่องนี้ทำให้รู้ว่าความรักและความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวถือเป็นเรื่องที่สำคัญ พี่น้องถึงจะไม่ชอบหน้ากันอย่างไรแต่สุดท้ายแล้วถ้ามีคนใดคนหนึ่งเดือดร้อน พี่และน้องก็จะเป็นคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอ ชอบนิสัยพี่ชายแบบพี่โพที่ตามใจน้องและรักน้อง ชอบนิสัยของพี่ธรรมที่รักน้องด้วยเหตุผลไม่ได้ตามใจทุกเรื่องแบบพี่โพ แล้วก็ยังรักพี่โพแบบสุดๆ จากเรื่องนี้ทำให้รู้ถึงนิสัยของลูกคนเล็ก ดูยัยรัตน์แล้วก็มาดูตัวเองเพราะเป็นลูกคนเล็กเหมือนกัน (พบว่าไม่แปลกจากกันซักเท่าไร) เพื่อเอามาปรับปรุงตัวเอง (ถึงจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไรก็ตาม 5555) สุดท้ายประทับใจความรักของพี่โพและยัยอ้าย ที่ไม่ได้รักกันแบบหวานเจี๊ยบเหมือนในนิยายเรื่องอื่น แต่ความรักต้องอาศัยความเข้าใจและเชื่อใจของทั้งสองฝ่ายค่ะ
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด