กาฬมรณะหรือ Black Death เป็นหนึ่งในโรคระบาดที่สร้างความเสียหายให้กับมนุษยชาติมากที่สุดในประวัติศาสตร์ค่ะ กาฬมรณะระบาดรุนแรงมากช่วงปี 1346-1353 และน่าจะทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 75-200 ล้านคนซึ่งเท่ากับครึ่งหนึ่งของประชากรในทวีปยุโรปในยุคนั้นเลย

     อาการของโรคนี้มีหลากหลายขึ้นกับสถานที่และช่วงเวลาที่พบทำให้แต่ละบันทึกแตกต่างกันไป แต่ลักษณะร่วมส่วนมากคือผู้ป่วยจะมีฝีมะม่วงขึ้นบริเวณขาหนีบ คอ และรักแร้ และมีหนองที่เมื่อผ่าออกจะมีเลือด หลังจากนั้นก็จะมีไข้สูงและอาเจียนเป็นเลือด ผู้ป่วยส่วนมากเสียชีวิตภายใน 2-7 วันนับจากติดเชื้อ

     เนื่องจากกาฬมรณะทำให้ผู้คนครึ่งยุโรปเสียชีวิตในเวลารวดเร็วจึงส่งผลกระทบในหลายๆ ด้าน ทั้งขาดการนำเข้าส่งออกสินค้าเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ขาดอาหารเพราะไม่มีแรงงาน เกิดโจรขโมยมากมายเพราะขาดแคลนอาหาร และความเป็นอยู่ในหลายประเทศตกต่ำลง

     ไข้หวัดใหญ่สเปนหรือ Spanish flu คือชื่อเรียกการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ในปี 1918-1919 ซึ่งเกิดขึ้นหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่าสงครามซะอีก ไข้หวัดใหญ่สเปนทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 40-50 ล้านคน

     จริงๆ แล้วตอนนั้นเกิดการระบาดในหลายประเทศทั้งอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศสและอเมริกา แต่เพราะประเทศเหล่านั้นเพิ่งเข้าร่วมสงครามจึงไม่อยากรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตมากๆ แต่สเปนที่ไม่ได้เข้าร่วมด้วยสามารถรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตได้ตามปกติ ทำให้คนในยุคนั้นรู้สึกเหมือนคนสเปนเสียชีวิตเยอะกว่าที่อื่น จึงทำให้เกิดชื่อเล่นว่าไข้หวัดใหญ่สเปน (แต่สเปนเองเรียกไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดรอบนี้ว่า "ทหารแห่งเนเปิลส์" ซึ่งเป็นชื่อเพลงจากละครเวทีที่ตอนนั้นฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง)

     ตอนนั้น 1 ใน 3 ของประชากรโลกติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ H1N1 นี้ 20% ของผู้ติดเชื้อจะเสียชีวิต และนอกจากแถบยุโรปและอเมริกาแล้ว ยังระบาดไปทั่วถึงอินเดีย ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ประเทศหมู่เกาะเล็กๆ อย่างซาเมาก็ได้รับผลกระทบรุนแรงเช่นกัน

     อหิวาตโรคหรือ Cholera ระบาดรุนแรงครั้งแรกช่วงปี 1817-1824 โดยเริ่มจากบริเวณเมืองโกลกาตาในประเทศอินเดียก่อนจะแพร่ไปทั่วทั้งเอเชียกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออกไกล แอฟริกาตะวันออก และประเทศแถบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน อหิวาตกโรคเป็นโรคระบาดในพื้นที่ประเทศอินเดียมาช้านานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่แพร่ระบาดไปไกลถึงครึ่งโลกค่ะ
   
     ไม่มีตัวเลขแน่นอนสำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตจากการระบาดครั้งนี้ แต่นักวิจัยในปัจจุบันคาดว่าน่าจะถึงหลักล้านได้ ประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกันค่ะ คาดว่ามีผู้เสียชีวิตในกรุงเทพมากถึง 3 หมื่นคนเลยทีเดียว
    
     อหิวาตกโรคเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้เล็ก มักเกิดจากการทานอาหารที่ไม่ปรุงสุก ดื่มน้ำที่ไม่สะอาด และมีสุขอนามัยที่ไม่สะอาดค่ะ ผู้ป่วยจะท้องเสียรุนแรงหลายวัน อาเจียน และอาจปวดตามกล้ามเนื้อได้ ซึ่งการท้องเสียนานๆ นั้นจะส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำและสารอาหารจนเป็นอันตรายได้

     วัณโรคหรือ Tuberculosis หรือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้โดยการไอหรือจาม หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ผู้ติดเชื้อก็มีอัตราเสียชีวิตสูงถึง 50% ลักษณะอาการที่พบบ่อยคือไอเป็นเลือด มีไข้ และมีเหงื่อออกเยอะตอนนอน จนถึงปัจจุบันยังมีประชากร 1 ใน 3 ของโลกติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้อยู่ โดยส่วนมากจะอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา
    
     การระบาดที่น่าสนใจในยุคนี้คือเมื่อปี 2007 ค่ะ มีผู้เป็นวัณโรคมากถึง 13.7 ล้านคนทั่วโลก ประเทศที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือประเทศสวาซิแลนด์ ทุกๆ 1 แสนคนจะมีผู้เป็นวัณโรคถึง1,200 คนเลยทีเดียว แม้ผู้ป่วยส่วนมากจะอยู่ในทวีปแอฟริกาและเอเชีย แต่ในปีนั้นก็พบได้มากในประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นกัน อย่างสหราชอาณาจักรมีผู้เป็นวัณโรคมากถึง 15 คนต่อประชากร 1 แสนคน สเปนและโปรตุเกสมี 30 คนต่อประชากร 1 แสนคน ส่วนประเทศที่มีคนเยอะอย่างจีนก็มีจำนวนผู้เป็นมากถึง 98 คนต่อประชากร 1 แสนคน
    
     แต่สำหรับในอดีตนั้นต้องบอกเลยว่าวัณโรคเป็นโรคระบาดรุนแรงในทวีปยุโรปโดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 18-19 ประชากร 1 ใน 4 ของทวีปยุโรปเสียชีวิตจากวัณโรค รวมทั้งชนชั้นสูงและบุคคลมีชื่อเสียงในสังคม ต่างก็เสียชีวิตด้วยโรคนี้เช่นกัน ทำให้โรคนี้กลายเป็นโรคยอดฮิตของตัวละครเอกในวรรณกรรมหลายชิ้นของยุคนั้น (คล้ายกับที่ยุคนี้นางเอกต้องเป็นลูคีเมีย) เช่นบทละครเรื่อง The Lady of the Camellias ที่ภาพยนตร์เรื่อง Moulin Rouge! ดัดแปลงมา นางเอกก็เสียชีวิตจากโรคนี้ หรือวรรณกรรมเรื่อง Les Miserables คุณหญิงกีรติจากเรื่องข้างหลังภาพก็เสียชีวิตเพราะวัณโรคเช่นกัน

     เอดส์เป็นโรคระบาดที่ถือว่าเด็กที่สุดในนี้เพราะเพิ่งค้นพบโรคเอดส์ครั้งแรกในปี 1981 โรคเอดส์เกิดจากเชื้อไวรัส HIV ที่คาดว่ามีต้นกำเนิดจากประเทศคองโก แม้จะระบาดไปทั่วทุกมุมโลกจนถึงปัจจุบัน และทำให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 35 ล้านคน แต่บริเวณที่ระบาดหนักที่สุดคือในทวีปแอฟริกาค่ะ 2 ใน 3 ของประชากรในแอฟริกามีเชื้อ HIV โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ของทวีปมีอัตราการติดเชื้อสูงที่สุด
    
     ช่วงเวลาที่เชื้อระบาดหนักที่สุดคือในปี 2005 ที่มีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์สูงสุดถึง 2.2 ล้านคนทั่วโลก แต่หลังจากการพัฒนาด้านการวิจัย และการให้ความรู้เพื่อให้ตระหนักถึงโรคนี้มากขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อ HIV จำนวนผู้เป็นโรคเอดส์ และจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์จึงลดลงเรื่อยๆ ค่ะ
    
     เชื้อ HIV สามารถติดต่อกันได้ผ่านเลือด และสารคัดหลั่งทางอวัยวะสืบพันธุ์ แต่ผู้ที่มีเชื้อ HIV ไม่จำเป็นต้องเป็นเอดส์เสมอนะคะ มีผู้มีเชื้อ HIV หลายคนที่ไม่เป็นเอดส์ มีสุขภาพที่ดี และสามารถมีลูกได้ค่ะ แถมลูกและคู่ชีวิตไม่ติดเชื้อ HIV ด้วยค่ะ