ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #374 : (รีวิวนิยายแบบแมวๆ) Ragnarok สงครามโค่นพันธุ์อสูร

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.46K
      1
      15 ม.ค. 59

                    ห่างหายจากการวิจารณ์นิยายพอสมควร มาคราวนี้ขอเขียนถึงนิยายเรื่องหนึ่ง เพียงแต่มาแปลกหน่อยเพราะปกติเขามีแต่รีวิวนิยายที่ออกมาล่าสุด สดๆ ร้อนๆ จากโรงพิมพ์ มาสำหรับบทความนิยายที่จะเขียนถึง  ค่อนข้างเก่าพอสมควร ซึ่งครั้งหนึ่งเคยวางแผงในหนังสือบ้านเรา ชนิดว่าบางคนไม่รู้ว่า เคยมีเรื่องนี้ขายในบ้านเราด้วยเรอะ!?

     

     

    Ragnarok Online

     

                    ประมาณ 24 ปีก่อน มีปรากฏการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในประเทศไทย นั้นคือกระแสความโด่งดังของ  Ragnarok Online” ซึ่งเป็นเกมออนไลน์ MMORPG มุมมองบุคคลที่สามจากด้านเฉียงบน ระบบกึ่งสามมิติ (ฉากเป็นภาพสามมิติ แต่ตัวละครและศัตรูเป็นภาพสองมิติ) ซึ่งเป็นเกมจากเกาหลีใต้ เนื้อหาส่วนใหญ่มาจากการ์ตูนเรื่อง แร็กนาร็อก โดย Lee Myung-Jin (มี 10 เล่มไม่วาดต่อ  การ์ตูนลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์สยาม แต่ไม่รู้ว่าสยามพิมพ์ถึงหรือเปล่า)

                    Ragnarok Online เป็นเกมที่โด่งดังมากในสมัยนั้น แม้ว่าสมัยก่อนอินเทอร์เน็ตไทยไม่ได้ทันสมัย หรือมีทุกบ้านทุกหลังเหมือนสมัยนี้ แต่เด็กๆ ก็อาศัยเล่นในร้านบริการอินเทอร์เน็ตแทน ซึ่งเป็นเหตุทำให้ร้านเน็ตเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก

                    ตัวเกมนั้นคล้ายๆ เกม RPG ประเภทเดินฟันแหลก เพียงแต่จุดเด่นของ Ragnarok Online คือเป็นการผจญภัยที่มีอิสระสูง ซึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถพบปะ และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นอื่นได้หลากหลายอย่างอิสระ การเล่นเกมแร็กนาร็อก ผู้เล่นจะต้องเลือกที่จะเล่นเป็นตัวละครอาชีพต่างๆ (role-playing) ซึ่งตัวละครแต่ละอาชีพจะมีความสามารถ และจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป ทำให้การเล่นจำเป็นต้องมีปาร์ตี้ช่วยเหลือซึ้งกันและกัน

                    Ragnarok Online เป็นเกมที่สนุก ปัจจุบันก็ยังคงมีคนเล่นแบบไม่เสื่อมคลาย สาเหตุคือ ความอิสระในการเล่น การหาไอเท็มหายาก การสู้บอสสุดโหด ความอยากเอาชนะ ทำให้หลายคนเคยเล่นเกมแบบนี้เหมือนเสพติดมาแล้ว

                    ปรากฏการณ์ Ragnarok Online ได้เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนสังคมของไทยในหลายๆ อย่าง เป็นต้นว่า  ทำให้เด็กไทยรู้จักเกมออนไลน์มากขึ้น ทำให้อินเทอร์เน็ตได้รับความนิยม เกิดสังคมออนไลน์ ยังรวมไปถึงด้านไม่ดี อย่าง เด็กติดเกม, เกรียน, ร้านเกมแหล่งมั่วสุ่ม รวมไปถึงคนหัวใสที่ขายไอเท็มหายากในเกมโดยแลกกับเงินจริงๆ ซื้อเท่านั้น ซึ่งสร้างรายได้เกิดอาชีพขายไอเท็มในเกมตามมาอีกต่างหาก

                    ทางด้านสื่อพิมพ์ต่างๆ ได้เห็นโอกาสอันนี้ จึงได้พิมพ์สูตรเกม Ragnarok Online มาวางขาย หลายเจ้า หลายเล่ม แถมยังมีนิตรสารเกมรายสัปดาห์  รวมไปถึงมีโดจินสายมืด และการ์ตูนนักวาดการ์ตูนไทย (ดังๆ ก็ตาโปน) มาให้เราได้เห็นอีกต่างหาก

    สำนักพิมพ์ Beast  เองก็เช่นกัน เมื่อเห็นกระแส Ragnarok Online ดังเป็นพลุแตก ก็ได้จัดพิมพ์นิยายแปลจากญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งนั้นคือ “Ragnarok” มาวางแผงในบ้านเราตามกระแสเสียเลย ซึ่งตอนนั้นผมเห็นนิยายเรื่องนี้แว่บแรกก็นึกว่ามาจากเกมออนไลน์เสียอีก


     


    Ragnarok ฉบับนิยาย


     


    ครั้งหนึ่งสำนักพิมพ์ Beast ได้วางแผงนิยายแปลเรื่องหนึ่ง นั้นคือ Ragnarok ซึ่งเป็นนิยายแปลจากญี่ปุ่น เขียนเรื่องโดย ยาซุย เคนทาโร ภาพโดย TASA พร้อมกับคำเชิญชวนว่าเป็นนิยายได้รางวัลชนะเลิศ Sneaker ครั้งที่3 (แน่นอนว่ามันคือรางวัลอะไร เห็นว่าชนะเลิศก็น่าสนใจเฉยๆ ซึ่งผมลองไปค้นดู มันเป็นชื่อนิตยสารของญี่ปุ่น ที่ดังๆ ก็มี ซึมิยะ ฮารุฮิ)

                 แม้ว่านิยายเรื่องนี้มาตอนกระแสเกม Ragnarok บูมก็ตาม หากแต่เนื้อหาของนิยายนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเกมออนไลน์  (อย่าไปเชื่อคำโปรยปกว่านิยายจากเกมยอดนิยม เพราะไม่มีส่วนไหนเลยว่ามาจากเกมออนไลน์) หรือตำนานแร็กนาร็อกของตำนานไวกิ้งใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นโลกแฟนตาซีที่ธีมดาร์กแฟนตาซี ผสมกับโลกยุคกลาง มีเครื่องจักรไอน้ำ ไซไฟนิดๆ หน่อย

                 สำหรับตัวเอกของเรื่อง เป็นลีรอย ชวาร์ตเซอร์ ทหารรับจ้าง ซึ่งเก่งกาจและว่องไว ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยเกือบจะได้เลื่อนขั้นระดับ SS หากแต่เพราเหตุการณ์หนึ่งทำให้เขาถอนตัวจากสมาพันธ์กะทันหัน แต่เขาก็ยังคงมีชื่อเสียงอยู่

                 ปัจจุบันลีรอยเป็นทหารรับจ้างอิสระไม่มีใครผูกมัด โดยมีคู่หูเป็นดาบคู่ใจชื่อ " แร็กนาร็อก" ซึ่งดาบนี้ไม่ใช่ดาบธรรมดา เพราะมันมีความคิดและพูดได้ ลีรอยกับแร็กน่าร็อกต้องผจญภัยกับเหล่าร้ายและปีศาจ (ในเรื่องเรียก “เผ่ามืด” เนื่องจากมีหลายแบบ เช่น มนุษย์สัตว์, แวมไพร์, อสูรกายต่างๆ) ที่เขาต้องไปเกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ยังมีองค์กรที่มีความคิดจะปลุกอาวุธในตำนานเหมือนกับดาบ “แร็กนาร็อค” มาใช้เพื่อประโยชน์ในด้านไม่ดีอีกด้วย

                  สำหรับเล่มแรก เป็นเรื่องราวลีรอยกับแร็คนาร็อกบุกไปองค์กรร้ายแห่งหนึ่ง เพื่อชิงตัว “มานา” เน้องสาวอดีตแฟนเก่า ซึ่งเนื้อหาทำให้รู้จักตัวของลีรอย รวมไปถึงความลับอันน่ากลัวที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาด้วย

                    ตอนที่นิยายแร็กนาร็อกวางจำหน่าย ในตอนนั้นกระแสคำว่า “ไลท์โนเวล” ไม่เป็นที่นิยม แม้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวนิยายฮารุฮิจะเข้ามาไทยแล้วก็ตาม แต่รูปเล่มนั้นก็ยังคงใหญ่ ไม่ได้เล่นกะทัดรัดเหมือนไลท์โนเวลปัจจุบัน ซึ่งนิยายแร็กนาร็อกก็มีรูปเล่มเนื้อหาที่หนาพอสมควร

                   ถ้าถามว่า  Ragnarok เป็นไลท์โนเวลไหม ก่อนอื่นต้องขอให้เข้าใจก่อนว่า มันก็เป็นนิยายแตกต่างจากไลท์โนเวลทั่วไป แม้จะมีภาพประกอบ (ที่ไม่ได้สวยสักเท่าไหร่) และการดำเนินเรื่องเหมือนการ์ตูนก็ตาม

                  สิ่งแรกเลยที่อ่าน Ragnarok หน้าแรกก็พบว่านิยายเรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากต่อสู้ที่ดุเด็ดเผ็ดมัน พูดง่ายๆ คือนิยายเรื่องนี้ขายฉากต่อสู้ก็ไม่ผิดหนัก  คิดๆ ง่าย คือ เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของนิยายเล่มที่ 1 เป็นฉากต่อสู้!!

     

     


     

                    ถ้าไม่เกินจริงเกินไป ผมแนะนำเลยว่าผู้ใดที่อยากแต่งนิยายที่มีฉากต่อสู้ ฉากแอ็คชั่นแล้ว ต้องอ่านนิยายเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง เพราะนิยายเรื่องนี้ขายฉากต่อสู้จริงๆ มีทั้งต่อสู้ด้วยอาวุธลับ, ดวลดาบ แถมมีทั้งถึงพริกถึงขิง แบบอลังการงานสร้าง และนอกจากนี้ยังมีการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดยักษ์อีกต่างหาก ครบเครื่องฉากต่อสู้แนวแฟนตาซีอีก

                    การบรรยายเรื่องนี้ละเอียดมาก แม้ว่าจำนวนหน้าจะหมดไปกับการบรรยายรายละเอียดการต่อสู้ (เช่น ใช้ อาวุธอะไรบ้าง ท่าทางตัวละคร รูปแบบการต่อสู้) แต่เชื่อเลยว่าคุณจะอ่านได้ไหลลื่น อ่านได้เรื่อยๆ จนจบบทหนึ่ง (ที่มีหลายหน้า) แบบไม่รู้ตัว

                    ตัวอย่างการบรรยาย

                    ลีรอยหยุดเพียงชั่วครู่เท่านั้น แล้วจึงทำในสิ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง นั่นคือการปล่อยมือจากดาบ ดึงปืนห้อยอยู่ตรงสะโพกออกมา เขาเหนี่ยวไกปืนใส่ยักษ์ตนซึ่งกระโดดเข้ามาจากด้านหลังของยักษ์ที่ถูกดาบปักหัวจนตาย

                    เสียงปืนนี่ ฟังกี่ทีก็หงุดหงิด

                    เลือดสีดำข้นและมันสมองกลวงๆ ทะลักจากหน้าผากของยักษ์ถูกยิง เสียงปืนดังต่อเนื่องล้มยักษ์ลงไม่ขาดสาย

                    แต่ปืนมีกระสุนจำกัด คงไม่สามารถจัดการจนหมดได้

                    นิยาย Ragnarok ทำให้ผมตระหนักถึงความสำคัญของการบรรยาย ว่าบรรยายยังไงให้ละเอียด ทำให้เห็นภาพ แตกต่างจากนิยายไลท์โนเวหลายเรื่องที่มีฉากแอ็คชั้น บางคนอ่านไม่รู้เรื่องเลย เพราะไม่เห็นภาพ เน้นเสียงแอฟเฟค ปัง ตูม อย่างเดียว

                    ที่น่าแปลกคือนิยายเรื่องนึ้คือ ปกติแล้วนิยายล์โนเวลจากญี่ปุ่นที่เราเห็น ไม่ว่าจะรักพิมพ์, เซนซู ฯลฯ ส่วนใหญ่มักเน้นการบรรยายบุคคลที่หนึ่งหรือตัวเอกของเรื่อง หรือไม่ก็บรรยายแบบมุมมองพระเอก หากแต่นิยาย Ragnarok เน้นใช้การดำเนินเนื้อเรื่องด้วยการบรรยายบุคคลที่สาม นั้นคือ เจ้าดาบแร็กนาร็อคคู่หูลีรอย ซึ่งพี่แกพูดมากๆ (จึงเป็นที่มาของการบรรยายละเอียดสุดๆ)  ซึ่งถือว่าเป็นตัวสร้างสีสันในเรื่องก็ว่าได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับนิยายไลท์โนเวลที่เราคุ้นเคยพอสมควร

                    ตลอดทั้งเรื่องบุคคลที่สามแร็กนาร็อคจะเล่าถึงลีรอย และเริ่มเปิดเผยตัวตนของลีรอยอย่าง ช้าๆ ว่าลีรอยเป็นคนแบบไหน (คล้ายๆ กับ หมอวัตสันในเซอร์ล็อคโฮล์ม)

                   ตัวนิยายนั้นนอกเหนือจากฉากจต่อสู้แอ็คชั่นแล้ว อีกส่วนคือการบรรยายเกี่ยวกับตัวลีรอย ซึ่งจะเล่าพระเอกที่ชื่อลีรอยอย่างช้าๆ ว่าเป็นคนยังไง นิสัยยังไง และเหตุใดเขาถึงต้องทำอย่างนั้น (อย่างไรก็ตาม บางส่วนก็กั๊กเอาไว้เหมือนกันไม่ยอมรับทั้งกด)


                 ตัวลีรอยนั้นแม้จะเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างหยาบ ใจร้อนบ้าง แต่ความจริงก็เป็นคนดี และชอบช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่า หากแต่สิ่งที่เขาทำหลายคนกลับไม่ชอบ และมองด้านลบ บางคนตั้งตนเป็นศัตรู บางคนก็ชักชวนเพื่อใช้ประโยชน์ แต่ตัวลีรอยก็พยายามทำสิ่งที่เขาเชื่อมาโดยตลอดนั้นคือการทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน แม้บางอย่างจะน่าสงสัยก็ตาม

    อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อดี มันก็มีข้อเสียเยอะมาก นั้นคือเนื้อเรื่องที่ดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง เดาทางง่ายเกินไป แทบไม่มีอะไรตื่นเต้น ลุ้นเลยแม้แต่น้อย เช่น เล่มแรกหากดูเนื้อจริงๆ ถือว่าน้อยมาก นอกนั้นมีแต่น้ำ แ  นอกจากนั้นเนื้อหาค่อนข้างสูตรสำเร็จล้าหลัง พระเอกก็ธรรมดา (ออกไปทางสูตรสำเร็จที่พบเห็นทั่วไปในการ์ตูนแอ็คชั่น)  พล็อตก็ออกไปทางดาร์กแฟนตาซี คือตัวละครหลักที่เราชอบตาย ดราม่า จริงจัง  ตรงกันข้างกับนิยายไลท์โนเวล แปลจากญี่ปุ่นดำเนินตามแบบการ์ตูนที่ขายในปัจจุบัน จะนิยมแนวออนไลน์ เกิดใหม่ในต่างโลก โมเอะมากกว่า (ซึ่งนิยายเรื่องนี้ไม่มีตัวละครโมเอะเลยแม้แต่น้อย)

                    และที่สำคัญอย่างที่รู้ว่าสำนักพิมพ์ Beast นั้นปิดตัวไปนานแล้ว และนั้นเองทำให้นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์ไม่จบเล่ม ซึ่งนิยายแปลไทยที่ออกมีเพียง 6 เล่ม เท่านั้น และมันไม่จบ เพราะที่ญี่ปุ่นลากยาวหลายเล่ม แถมมีภาคเสริม (?) ย่อยอีกต่างหาก แต่โดยส่วนตัวแล้ว เล่ม 3 ขึ้นไป ผมว่ามันไม่สนุกเลย เพราะมันดำเนินเรื่องตามสูตรเล่ม 1-2 เหมือนเดิม ดังนั้นคำแนะนำผมก็คือหากใครสนใจนิยายเรื่องนี้อยากซื้อมาศึกษาฉากต่อสู้ในนิยายแฟนตาซี ก็ให้ซื้อเพียงเล่ม 1-2 เพราะโดยส่วนตัวเล่ม 1-2  เนื้อหามันจบในเล่มอยู่แล้ว และสนุกดี หากแต่เล่ม 3 ขึ้นไปมันจะลากยาว (เนื้อเรื่องยาวมี “ติดตามต่อฉบับหน้า”)

                    และสำคัญยิ่งกว่านั้น หากใครคิดว่าคุณซื้อนิยายเรื่องนี้เพราะคิดว่ามันเป็น “แร็คนาร็อก” ละก็ของให้เลิกคิด เพราะคำว่าแร็คนาร็อกแทบไม่กล่าวถึงสักเท่าไหร่ นอกจากจะเป็นชื่อตัวดาบแล้ว มันหมายถึงสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างมนุษย์และปีศาจอสูรกายในเรื่อง ซึ่งไม่เกี่ยวกับตำนานใดๆ ของไวกิ้งทั้งสิ้น

     

                 นอกจากนี้ Ragnarok ฉบับนิยาย ยังถูกทำเป็นการ์ตูน วาดโดย Yasui Kentaro  (2001) มีทั้งหมด 3 เล่มจบภาค (จบเล่ม 1 พอดี) ซึ่งเนื้อหาแตกต่างจากนิยายพอสมควร โดยส่วนตัวแล้วก็สูตรสำเร็จแหละ เอาเป็นว่านิยาย Ragnarok เป็นนิยายที่เหมาะแก่ตัวอย่างสำหรับคนศึกษาฉากแอ็คชั่นเพราะแปลดีมาก แต่ไม่เหมาะแก่การติดตาม ดังนั้นซื้อแค่เล่ม 1-2 ก็พอ (เพราะมันจบในเล่ม) ซึ่งก็คงหายากหน่อยเพราะมันไม่ได้ฮิตมากนัก หากเจอก็ให้ซื้อทันที และมันจะช่วยคุณเพิ่มทักษะแต่งนิยายที่ดำเนินเรื่องแบบการ์ตูนไม่มากก็ไม่น้อย


     





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×