สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com... รับตรงกันมา 8 เดือนเต็ม จากเด็ก ม.6 ที่ไม่ค่อยรู้ขั้นตอนอะไร ก็มาอยู่ในจุดที่ไปสนามสอบบ่อยกว่าไปเที่ยว ตอนนี้หลายโครงการกำลังจะเสร็จสิ้นครบทุกขั้นตอน คนที่รู้แล้วว่าตัวเองสอบติดที่ไหน ก็คงกำลังอยู่ในช่วง "ตัดสินใจ" ว่าจะเลือกยืนยันสิทธิ์ หรือ สละสิทธิ์ดี
คำถามนี้เป็นคำถามโลกแตกไม่แพ้คำถามอื่นเลยค่ะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะน้องๆ เองยังไม่มั่นใจว่าอยากเรียนคณะนั้นจริงๆ มั้ย บางทีก็คิดอยากไปลองสนามอื่นแต่กลัวพลาด รวมทั้งอาการรักพี่เสียดายน้อง คณะนี้ก็อยากเรียนคณะอื่นก็อยากเข้า เอาเป็นว่า... ลองอ่านคำแนะนำด้านล่างนี้ดูก่อน แล้วค่อยๆ คิด พี่เชื่อว่าทุกการตัดสินใจที่เกิดขึ้น เป็นทางที่เหมาะสมกับน้องๆ ที่สุดค่ะ
คำถามนี้เป็นคำถามโลกแตกไม่แพ้คำถามอื่นเลยค่ะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะน้องๆ เองยังไม่มั่นใจว่าอยากเรียนคณะนั้นจริงๆ มั้ย บางทีก็คิดอยากไปลองสนามอื่นแต่กลัวพลาด รวมทั้งอาการรักพี่เสียดายน้อง คณะนี้ก็อยากเรียนคณะอื่นก็อยากเข้า เอาเป็นว่า... ลองอ่านคำแนะนำด้านล่างนี้ดูก่อน แล้วค่อยๆ คิด พี่เชื่อว่าทุกการตัดสินใจที่เกิดขึ้น เป็นทางที่เหมาะสมกับน้องๆ ที่สุดค่ะ
เคลียร์ข้อข้องใจกันก่อน
Q: หากมีคนสละสิทธิ์ ที่นั่งที่ว่างจะไปไหน
A : เป็นประเด็นดราม่าตลอดว่า คนที่สอบติดไม่ควรสละสิทธิ์เพราะเหมือนกั๊กที่คนที่เขาอยากเรียนจริงๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ที่นั่งของคนที่สละสิทธิ์ก็ไม่ได้หายไปไหนนะคะ ก็ไปเพิ่มรอบ 2 อย่างที่น้องๆ เห็น และถ้ายังมีคนสละสิทธิ์อีกที่นั่งที่ว่างก็จะไปเพิ่มในรอบแอดมิชชั่นกลาง บางแห่งประกาศรับจากระเบียบการแค่ 10 คน แต่รับจริงเป็น 100 กว่าคนก็มีค่ะ
เอาล่ะ ทีนี้ไปดู 4 เรื่องช่วยคิดว่าจะยืนยันสิทธิ์หรือสละสิทธิ์กันต่อค่ะ
1. เงื่อนไขการตัดสิทธิ์!
สิ่งแรกที่สำคัญที่สุด สำหรับการตัดสินใจว่าเราจะยืนยันหรือสละสิทธิ์ ก็คือ การอ่านเงื่อนไขเกี่ยวกับเรื่องการตัดสิทธิ์จากระเบียบการค่ะ ที่ต้องอ่านไม่ใช่แค่เพื่อดูว่าตัดสิทธิ์อะไรบ้าง แต่ให้ดูว่าเผื่อว่าบางโครงการไม่ตัดสิทธิ์อะไรเลยก็มีค่ะ
ทั้งนี้ รับตรงหรือโควตาแต่ละโครงการ มีเงื่อนไขการรับเข้าศึกษาแตกต่างกันค่ะ ซึ่งจะแบ่งหลักๆ เป็น 3 แบบคือ
1. ตัดสิทธิ์เคลียริ่งเฮาส์ และ ตัดสิทธิ์แอดมิชชั่น หมายความว่า ถ้ายืนยันสิทธิ์รับตรงโครงการใดโครงการหนึ่งไป จะไปตัดสิทธิ์รับตรงที่เข้าร่วมเคลียริ่งเฮาส์โครงการอื่นพร้อมตัดสิทธิ์แอดมิชชั่นด้วย แต่ถ้าไม่ยืนยันสิทธิ์เคลียริ่งเฮาส์ ก็เท่ากับสละสิทธิ์โครงการรับตรงนี้ไป และจะคืนสิทธิ์แอดมิชชั่นให้เราคืนเหมือนเดิมค่ะ
2. ไม่ตัดสิทธิ์เคลียริ่งเฮาส์ แต่ ตัดสิทธิ์แอดมิชชั่น หมายความว่า ยืนยันสิทธิ์รับตรงโครงการนี้ได้ และยังมีสิทธิ์ในรับตรงโครงการอื่น แต่ก็จะไม่มีสิทธิ์แอดมิชชั่นอยู่ดี (ถ้าจะแอดมิชชั่นต้องสละสิทธิ์)
3. ไม่ตัดสิทธิ์เคลียริ่งเฮาส์ และ ไม่ตัดสิทธิ์แอดมิชชั่น หมายความว่า ยืนยันสิทธิ์โครงการนี้ไป ก็ยังมีสิทธิ์ในรับตรงโครงการอื่น และยังมีสิทธิ์แอดมิชชั่นค่ะ ดังนั้นในรับตรงกลุ่มนี้ ยืนยันสิทธิ์ไปก็สบายใจได้ว่ายังมีสิทธิ์แอดมิชชั่นเหมือนเดิม (แต่อาจเสียค่าธรรมเนียมต่างๆ)
น้องๆ จะเห็นว่าเงื่อนไขการรับนักศึกษาก็ยังพอทางมีให้เราเลือกได้ ซึ่งถ้าเราอ่านอย่างละเอียด ก็ไม่เป็นการปิดโอกาสตัวเองด้วยค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่โครงการที่ไม่ตัดสิทธิ์เคลียริ่งเฮาส์และไม่ตัดสิทธิ์แอดมิชชั่นกลาง จะเป็นรับตรงภาคพิเศษหรือนานาชาติค่ะ
2. เงื่อนไขการยืนยันสิทธิ์/สละสิทธิ์
เงื่อนไขต่อมาที่อยากให้สังเกต คือ เงื่อนไขเกี่ยวกับเรื่องการยืนยันสิทธิ์และสละสิทธิ์ค่ะ บางคนรีบกังวลเกินไปจนตัดสินใจผิดๆ ถูกๆ ในขณะที่บางคนก็ปล่อยชิวคิดว่าการสละสิทธิ์ทำเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งไม่ใช่! ค่ะ
การยืนยันสิทธิ์เข้าเรียน แต่ละสถาบันก็มีรายละเอียดไม่เหมือนกันนะคะ บางแห่งอาจกำหนดไว้ว่า การยืนยันสิทธิ์เป็นเพียงการยืนยันขั้นต้นว่าจะเรียนในสถาบันนี้ (คล้ายๆ กับการจอง) และมีระบุวันสละสิทธิ์มาให้ หากเลยวันนั้นแล้ว ถือว่าเป็นอันตกลงว่าเข้าเรียน แต่ถ้าสละสิทธิ์ทันเวลา ก็ถือว่าเราเลือกที่จะไม่เรียนในสถาบันนั้นๆ
แต่ทั้งนี้ สถาบันส่วนใหญ่จะกำหนดเงื่อนไขตั้งแต่ขั้นตอนการยืนยันสิทธิ์เลยว่า ถ้าเลือกยืนยันสิทธิ์และไปรายงานตัว ถือว่าเป็นการ "ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษา" ในคณะและมหาวิทยาลัยนั้นๆ ทันที จะไม่มีโอกาสสละสิทธิ์อีกต่อไป ซึ่งจะมีการจ่ายเงินค่าธรรมเนียมการศึกษาในช่วงเวลานั้นด้วยเลย ฉะนั้นถ้าเรายืนยันสิทธิ์ไปแล้ว ก็ไม่ต้องคิดแล้วค่ะว่าจะสละสิทธิ์ดีมั้ย เพราะสละสิทธิ์ไม่ได้แล้วนั่นเอง
เงื่อนไขการยืนยันสิทธิ์โครงการรับตรงใช้คะแนน GAT PAT, วิชาสามัญ ม.สงขลาฯ
จะเห็นว่าถ้ายืนยันสิทธิ์โดยการจ่ายค่าธรรมเนียมแล้ว จะถือว่ายืนยันสิทธิ์เลย
ดังนั้น อย่าเพิ่งคิดเองเออเองว่า ทุกมหาวิทยาลัยจะสละสิทธิ์ตอนไหนก็ได้ ดูเงื่อนไขให้ดีว่าการยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาจริงๆ คือ ช่วงใด มีเวลาให้เราตัดสินใจสละสิทธิ์มั้ย ถ้าไม่มี ก็ต้องรีบตัดสินใจค่ะ
3. ค่าใช้จ่ายในการยืนยันสิทธิ์
เรื่องเงินๆ ทองๆ ก็เป็นประเด็นสำหรับการตัดสินใจว่ายืนยันหรือสละสิทธิ์ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าบางแห่งเราสามารถวางเงินไว้ก่อน แล้วตัดสินใจสละสิทธิ์ภายหลังได้ แต่เงินจำนวนนั้นไม่คืนให้ค่ะ ถ้าถามถึงจำนวนก็บอกเลยว่าไม่ใช่น้อยๆ ฉะนั้นลองดูกำลังทางการเงินทางบ้าน ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ดู ว่าจะยอมเสี่ยงด้วยมั้ย
4. ความพร้อมในการแอดมิชชั่นหรือลงสนามอื่นต่อไป
สุดท้าย จะขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ การถามใจตัวเอง ว่ารู้สึกยังไงกับคณะที่สอบติด จะมีความสุขมั้ยถ้าได้เข้าไปเรียนจริงๆ และถ้าจะสละสิทธิ์ มีความพร้อมที่จะลงสนามสอบอื่นอีกมั้ย เพราะสภาพแวดล้อมความกดดันแต่ละที่ต่างกันค่ะ ซึ่งในประเด็นนี้คงต้องให้เวลากับตัวเองสักหน่อยนะคะ คุยกับตัวเองเยอะๆ แล้วจะรู้ว่าเราพร้อมหรือไม่ แล้วอย่าลืมวางแผนด้วยนะคะ ว่าหลังจากสละสิทธิ์ไป จะวางแผนในแต่ละช่วงเวลายังไงบ้าง
เข้าใจว่าน้องๆ เด็กแอดฯ ก็มีเรื่องเครียดและกดดันค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว ซึ่งการตัดสินใจว่าจะยืนยันสิทธิ์หรือสละสิทธิ์ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องตัดสินใจ เรียกว่าต้องใช้ทั้งเวลาและกำลังใจ ใช้เวลาคุยกับตัวเองเยอะๆ หาข้อมูลคณะที่เราเรียน ถ้ารู้ว่าไม่น่าใช่ การสละสิทธิ์อาจเป็นคำตอบ ที่นั่งเราสละสิทธิ์ไปก็ไม่ได้ไปไหนนะคะ จะมาเพิ่มให้เราในรอบแอดมิชชั่นกลางนั่นเอง แต่ถ้าคิดว่าที่ได้ก็ดีอยู่แล้ว ก็ "ยืนยันสิทธิ์" ไปเลยค่ะ
6 ความคิดเห็น
ถ้าเป็นแบบนี้ ถือว่าพอยืนยันสิทธิ์แล้ว เราสามารถยกเลิกได้ใช่ไหมคะ
ถ้าเราไม่ได้แจ้งสละสิทธ์เราสามารถแอดมิชชั่นได้หรือเปล่าค่ะ
แล้วถ้าแอดได้ต้องลาออกจากการเป็นนักศึกษาสถาบันพระบรมที่เรายืนยันสิทธิใช่ไหมค่ะ