8 เรื่องที่เราไม่เคยรู้ เมื่อย้อนกลับไปในวันที่โลกยังไม่มี "แอร์"

        ฤดูร้อนที่อากาศร้อนเหมือนประเทศไทยไปตั้งอยู่ใจกลางพระอาทิตย์แบบนี้ คงหนีไม่พ้นต้องพึ่ง "แอร์" หรือ "เครื่องปรับอากาศ" กันใช่มั้ยคะ

        แต่ทุกครั้งที่มองแอร์ พี่น้องก็ได้แต่คิดนะว่า ใครนะเป็นผู้มีพระคุณของเรา สร้างนวัตกรรมนี้ขึ้นมา ใครนะช่างคิดกลไกการทำความเย็นแบบนี้ได้ คนๆ นั้นเขาร้อนมากถึงขนาดคิดอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้ หรือเขาอยากแก้ปัญหาอื่นนะ

        พี่น้องก็ไม่รอช้า หาข้อมูลเลยจ้า ว่ามีเรื่องอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับเจ้าเทพเจ้าความเย็นนี้ และได้ออกมาเป็นบทความนี้นั่นเอง

 

1. แอร์กับตู้เย็นเป็นพี่น้องกัน

        หากสืบสาวย้อนกลับไปถึงต้นกำเนิดของแอร์ ทุกคนต้องไปเจอต้นตอที่เป็นผู้คิดค้นตู้เย็นก่อนแน่ ในอดีตนั้นมีหลายคนคิด "เครื่องมือ" ที่จะช่วยสร้างความเย็นเพื่อแก้ปัญหาอะไรหลายๆ อย่าง

        จอห์น กอร์รี่ คุณหมอชาวสก็อตก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ เขาเป็นคุณหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐฟลอริด้า อเมริกา ช่วงปี 1850 มีโรคระบาดที่เขาเชื่อว่าเกิดจากสภาพอากาศที่ไม่ดี เขาจึงทดลองสร้างห้องที่มีอุณหภูมิต่ำโดยใช้น้ำแข็งช่วย
 
en.wikipedia.org
 
        แต่เนื่องจากในสมัยนั้นเขาต้องลำเลียงน้ำแข็งมาจากที่ๆ อยู่ไกลมาก เขาจึงประดิษฐ์เครื่องสร้างน้ำแข็งด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่เขาหาทุนมาสนับสนุนการสร้างเครื่องนี้ไม่ได้ และเจคอบ เพอร์กินส์ก็รับหน้าที่สร้างเครื่องจักรนี้ต่อทำให้เพอร์กินส์กลายเป็น "บิดาแห่งตู้เย็น" ไป

        แต่นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นค่ะ
 

2. วิลลิส แคร์ริเออร์ บิดาแห่งเครื่องปรับอากาศ
ที่ไม่ได้คิดค้นแอร์เพราะตัวเองร้อน

        เราอาจเข้าใจว่าคนที่คิดค้นแอร์คงจะร้อนมากสินะ ถึงได้พยายามคิดค้นเจ้าเครื่องทำความเย็นแบบนี้ออกมา แต่ไม่ใช่ค่ะ วิลลิส แคร์ริเออร์ ผู้ได้รับฉายาว่าเป็น "บิดาแห่งเครื่องปรับอากาศ" เขาประดิษฐ์แอร์ขึ้นมาเพื่อโรงพิมพ์ชื่อ แซ็กเค็ตส์ แอนด์ วิลเฮล์มส์ ในนิวยอร์กช่วงปี 1900
 
wired.com
 
        ทำไมโรงพิมพ์ถึงต้องการเครื่องปรับอากาศ?

        ก็เพราะความชื้นในอากาศทำให้การผลิตสิ่งพิมพ์มีปัญหา แคร์ริเออร์เลยประดิษฐ์เครื่องปรับอากาศที่ใช้แนวคิดแบบเดียวกับจอห์น กอร์รี่มาให้ซะเลย

        แต่สิ่งประดิษฐ์ของแคร์ริเออร์ทำให้คนทั่วไปสนใจ จนเขาต้องตั้งบริษัทและโรงงานเพื่อผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องทำความเย็นของเขาโดยเฉพาะ

        ถึงแม้ว่าความสนใจในเทคโนโลยีใหม่จะเพิ่มมากขึ้น แต่หน้าที่ของมันในอดีตนั้นเป็นแค่เครื่องปรับสภาพอากาศให้สะอาดและมีความชื้นที่เหมาะสม มันจึงเป็นที่นิยมในโรงงานที่ต้องการการปรับอากาศเท่านั้น เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ โรงงานทำขนม หรือแล็บผลิตยารักษาโรค

        นอกจากนี้ขนาดของเครื่องปรับสภาพอากาศของแคร์ริเออร์ก็ใหญ่โตพอๆ กับเครื่องจักรเครื่องหนึ่งเลยทีเดียว
 

3. แอร์ในสมัยก่อนมาจากสิ่งที่แคร์ริเออร์เรียกว่า "เครื่องทำความเย็น"

        ในปี 1922 แคร์ริเออร์เริ่มเปิดตลาดเครื่องปรับอากาศไปที่ร้านค้าและบ้านคนมากขึ้น เขาคิดค้นสิ่งที่เรียกว่า "chiller" หรือ "เครื่องทำความเย็น" ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความเย็นโดยเฉพาะ ไม่ใช่แค่ทำหน้าที่ปรับสภาพอากาศแบบในโรงงานอีกต่อไป
 
williscarrier.com / philco
 
        คนแรกที่ติดตั้งแอร์ในที่พักอาศัยของตัวเอง คือ ชาร์ลส์ เกตส์ (ไม่น่าใช่ญาติกับบิล เกตส์) ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีในรัฐมินนีโซต้า และได้รับฉายาว่า "เกตส์ แทงเป็นล้าน" (เพราะเขาชอบการพนันมาก)
แต่เขาไม่ได้อยู่ใช้แอร์ เพราะเสียชีวิตตอนที่มันติดตั้งเสร็จพอดี
 
blogspot.com
 
        ช่วงปี 1940 ที่แอร์บ้านเริ่มบูม เชื่อมั้ยว่าราคาแอร์ตอนนั้นอยู่ที่ 350 เหรียญ (ประมาณ 12,000 บาท) หรือคิดเป็นเงินปัจจุบันคือ 3,500 เหรียญ (ประมาณ 120,000 บาท)
 

4. ก่อนปี 1950 อะไรๆ ก็ไม่มีแอร์

        น้องๆ คงนึกภาพรถที่ไม่มีแอร์ เครื่องบินที่ไม่มีแอร์ ห้างสรรพสินค้าที่ไม่มีแอร์ไม่ออก แต่เชื่อมั้ยว่าก่อนปี 1950 พวกนี้คือเรื่องปกติ
 
velocityairconditioning.com
 
        อาคารสาธารณะเริ่มตั้งแต่แอร์เมื่อต้นปี 1900
        โรงหนังเริ่มติดแอร์ในปี 1917
        สายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์สก็เริ่มติดแอร์บนเครื่องบินเมื่อปี 1936
        ส่วนรถส่วนบุคคลเพิ่งมาติดแอร์เมื่อปี 1938
 
en.wikipedia.org
 
        แล้วก่อนหน้านี้อยู่กันยังไงน้า...
 

5. ยุคที่แอร์บ้านยังไม่ฮิต คนไปตากแอร์กันที่ไหน

        ถ้าเป็นสมัยนี้คงพูดกันติดปากว่า "ไปเดินห้างฯ ตากแอร์" แต่ย้อนกลับไปก่อนปี 1950 คนสมัยนั้นพอร้อนๆ ก็จะไปดูหนังกันค่ะ จนโรงภาพยนตร์หัวหมอทำการตลาดด้วยการแจกโปสเตอร์โฆษณาว่า "มาคลายร้อน ดูหนังที่โรงภาพยนตร์ฉันเถอะจ้ะ" พร้อมทำกราฟิกเป็นรูปน้ำแข็งพราวเกาะอยู่รอบขอบกระดาษ
 
williscarrier.com
 
        นี่เองอาจจะเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมโรงหนังสมัยนี้ถึงชอบเปิดแอร์แรงๆ นัก สงสัยอยากประกาศว่าข้าคือราชาแห่งสถานที่ตากแอร์นะจ๊ะ
 

6. แค่แอร์เครื่องเดียวทำให้ชีวิตดีขึ้นถึงขนาดนี้

        หลายคนอาจจะมองว่าการที่บ้านเรือนสมัยนี้ติดแอร์มากขึ้นทำให้สภาพอากาศของโลกแย่ลง แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ ลองมองย้อนกลับไปไกลอีกนิด รู้หรือไม่ว่าในอุตสาหกรรมต่างๆ เพราะ "แอร์" เลยนะที่ทำให้คุณภาพชีวิตเราดีขึ้น

        ไม่นับพวกสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลาย แอร์ช่วยทำให้เราเก็บรักษาของกินของใช้ได้ยาวนานขึ้น ไม่ต้องทำแล้วทิ้ง ทำแล้วทิ้งอีกต่อไป ข้าวของที่ผลิตกันออกมาถ้าอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของมันได้อีก และที่สำคัญที่สุดคือในวงการแพทย์
 
webarcondicionado.com
 
        ความเย็นจากแอร์และการปรับความชื้นช่วยทำให้ ยารักษาโรค คงประสิทธิภาพของมันไว้ได้ ช่วยป้องกันเชื้อโรค และยังช่วยรักษาอาการของโรคบางอย่างที่เกิดจากสภาพอากาศอันเลวร้าย อย่างที่คุณหมอจอห์น กอร์รี่เคยอยากทำแต่ทำไม่สำเร็จยังไงล่ะคะ
 

7. แม้แอร์จะเข้ามาแต่ เรายังมีปิดเทอมฤดูร้อนต่อไป

        น้องๆ อาจสงสัย แอร์เกี่ยวอะไรกับปิดเทอมฤดูร้อน

        ในยุคที่คนส่วนใหญ่ยังไม่มีแอร์ หน่วยงานของรัฐในอเมริกาเขามี "ปิดเทอม" เหมือนโรงเรียนทั่วไปเลยค่ะ เพราะสภาพอากาศที่ร้อนระอุจนทำให้ป่วยการจะทำงาน

        แต่ปัจจุบันนี้พอมีแอร์แล้ว ก็ทำงานกันสามร้อยหกสิบห้าวันตามปกติ แต่โชคดีเป็นของนักเรียนทั่วโลกที่ยังคงธรรมเนียมการ "ปิดเทอมฤดูร้อน" ต่อไป
 

8. แล้วคนสมัยก่อนเขาทนร้อนกันได้ยังไงนะ

        อย่างที่หลายๆ คนรู้กันว่าความร้อนในสมัยนั้นมันไม่ได้ร้อนเลือดเดือดแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนสมัยก่อนเขาไม่ร้อนกันนะคะ

        ให้ย้อนกลับไปไกลมากถึงยุคหิน คนก็อาศัยถ้ำที่มีความชื้นจากหินช่วยปกป้องตัวเองจากสภาพอากาศที่เลวร้าย

        คนอียิปต์ (เรื่องความร้อนในทะเลทรายนี่ไม่ต้องพูดถึง) เขาก็เอาหญ้ากกซึ่งเป็นพืชน้ำมาจุ่มน้ำแล้ววางไว้ตรงหน้าต่างเพื่อรับลม

        คนโรมันเขาก็มีอะควีดักต์ที่เป็นท่อส่งน้ำรูปสะพานโค้งไว้ลำเลียงความชื้นไปตามสถานที่ต่างๆ เหมือนมีบ้านติดแม่น้ำตลอดเวลา
 
en.wikipedia.org
 
        แต่ละยุคสมัยก็มีนวัตกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาต่างกันไป ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะมีเครื่องทำความเย็นที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้ามากขนาดนี้ แถมติดตัวเดียวเย็นได้ทั้งบ้านก็ได้นะ
 

นอกจากการใช้เครื่องมือแก้ปัญหาความร้อนที่ปลายเหตุแล้ว
อย่าลืมช่วยกัน
ปลูกต้นไม้เพื่อบรรเทาปัญหาโลกร้อนในอนาคตกันด้วยนะ


ขอบคุณข้อมูลจาก
williscariier.com
info-graphic.co.uk
visual.ly
richmondsair.com
atlasbutler.com
พี่น้อง
พี่น้อง - Columnist คอลัมนิสต์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
tkgirl 1 พ.ค. 59 13:34 น. 2
เรียนประวัติศาสตร์มา อจ. บอกว่า ก่อนสงครามโลกครั้งที่2 กทม. มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 25 องศา ตามหาอ่านจากบันทึกสถาพภูมิอากาศของกรมอุตุฯ ย้อนหลังดูก็เจอจริงๆค่ะ แค่สมัยตอนเด็กของพ่อแม่เราก็ยังเย็นสบายกว่านีเลย อยากให้อากาศแบบนั้นกลับมาจังเลยค่ะ T__T
0
กำลังโหลด
เมโลดี้สีฟ้าใส Member 3 พ.ค. 59 15:02 น. 3

เขาอยู่กันได้ เพราะอากาศมันไม่ร้อนขนาดนี้ไง (อาจจะยกเว้นในแถบทะเลทรายที่ก็ต้องปรับตัวกันไป) ไม่ต้องย้อนไปถึงยุคโน้นหรอกค่ะ ขนาดพ่อแม่เรายังบอกเลยว่าสมัยเด็กๆอากาศเมืองไทยไม่ได้ร้อนเท่านี้ ตอนนี้บ้านที่อยู่เป็นช้นเดียว ไม่มีแอร์ อุณหภูมิในบ้านเมื่อเมษาที่ผ่านมา อยู่ที่ 46-47 องศา นี่มันปาเข้าไปเกือบครึ่งร้อยแล้วนะคะ

0
กำลังโหลด

9 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
tkgirl 1 พ.ค. 59 13:34 น. 2
เรียนประวัติศาสตร์มา อจ. บอกว่า ก่อนสงครามโลกครั้งที่2 กทม. มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 25 องศา ตามหาอ่านจากบันทึกสถาพภูมิอากาศของกรมอุตุฯ ย้อนหลังดูก็เจอจริงๆค่ะ แค่สมัยตอนเด็กของพ่อแม่เราก็ยังเย็นสบายกว่านีเลย อยากให้อากาศแบบนั้นกลับมาจังเลยค่ะ T__T
0
กำลังโหลด
เมโลดี้สีฟ้าใส Member 3 พ.ค. 59 15:02 น. 3

เขาอยู่กันได้ เพราะอากาศมันไม่ร้อนขนาดนี้ไง (อาจจะยกเว้นในแถบทะเลทรายที่ก็ต้องปรับตัวกันไป) ไม่ต้องย้อนไปถึงยุคโน้นหรอกค่ะ ขนาดพ่อแม่เรายังบอกเลยว่าสมัยเด็กๆอากาศเมืองไทยไม่ได้ร้อนเท่านี้ ตอนนี้บ้านที่อยู่เป็นช้นเดียว ไม่มีแอร์ อุณหภูมิในบ้านเมื่อเมษาที่ผ่านมา อยู่ที่ 46-47 องศา นี่มันปาเข้าไปเกือบครึ่งร้อยแล้วนะคะ

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
เวย์ ผู้เมากาวกลิ่นไวท์ช็อกโกแลต Member 18 มี.ค. 60 22:33 น. 8

บอกเลยค่ะ ถ้าไม่มีปิดเทอมฤดูร้อน นักเรียนอย่างเรานี่แหละตายแน่

0
กำลังโหลด
นกไซเบอร์ Member 28 มี.ค. 60 18:40 น. 9

ปีนี้อากาศร้อนจริงๆ ที่บ้านต้องติดสองเครื่องเลยครับ AirGree ตัวเล็กเครื่องนึง กับ Mitsu ตัวใหญ่อีกเครื่อง สองห้องนอนข้างบน นี่ว่าข้างล่างอาจจะติดอีกเครื่องครับ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด