ภาพความทรงจำในวัยเด็ก สู่ฉากอันน่าประทับใจในนิยาย, กลิ่นเอื้อง
สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวไรเตอร์ “คอลัมน์พบปะพูดคุย” ครั้งนี้ขอพาทุกคนไปแอ่วเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่เจ้า เพราะว่าพี่วิวมีนัดกับ กลิ่นเอื้อง นักเขียนฝีมือเยี่ยมอีกคนจากเว็บเด็กดี การันตีด้วยผลงานเล่มล่าสุด ‘พิรุณพร่ำรัก’ ที่เคยขึ้นอันดับหนึ่งในหมวดนิยายรักของเว็บเรามานานหลายสัปดาห์ ปัจจุบันมียอดวิวเกือบล้านครั้งแล้วค่ะ ที่สำคัญตอนนี้นิยายเรื่องนี้ได้ถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์แล้วด้วย
นิยายฮ็อตขนาดนี้แล้วพี่วิวจะไม่ชวนเพื่อนๆมาทำความรู้จักเธอได้ยังไงกัน อ๊ะ...นี่ก็ถึงเวลานัดหมายแล้ว ตามพี่วิวไปคุยกับเธอกันเลย!!
สวัสดีค่ะ พี่วิวเพิ่งเคยได้คุยกับ กลิ่นเอื้อง เป็นครั้งแรกเลยนะ แนะนำตัวสั้นๆให้พี่วิวกับชาวไรเตอร์ได้รู้จักหน่อยค่ะ
กลิ่นเอื้อง : สวัสดีค่ะ กลิ่นเอื้องนะคะ มีชื่อเล่นว่าแพม เป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิด ปัจจุบันกำลังเรียนสาขาอนิเมชั่นในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เริ่มเขียนนิยายมาสามปีแล้วค่ะ
พี่วิวสงสัยมากๆเลย กลิ่นเอื้อง นี่เป็นกลิ่นยังไงคะ
กลิ่นเอื้อง : ชื่อนี้คุณยายเป็นคนตั้งให้ค่ะ ด้วยความที่เป็นคนเหนือ กล้วยไม้จะเรียกว่าเอื้อง แล้วผู้ใหญ่ที่บ้านชอบปลูกมากๆ บางพันธุ์มีกลิ่นหอมแรง หอมอ่อน หอมตอนกลางคืน หรือบานปีละครั้ง พอนึกถึงชื่อนี้แล้วดูมีความหลากหลายในอารมณ์ ทั้งตื่นเต้น หวาน สวย ติดโบราณนิดๆ แล้วก็บอกภูมิลำเนาได้อย่างดี เลยตัดสินใจใช้ชื่อนี้ เคยคิดอยากเปลี่ยนนะคะ มันเช้ยเชยเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แต่สุดท้ายก็ไม่เปลี่ยน ฮ่าๆ
จุดเริ่มต้นที่ทำให้มีนักเขียนชื่อ กลิ่นเอื้อง ในวันนี้ คืออะไรคะ
กลิ่นเอื้อง : จุดเริ่มต้นของความเป็นกลิ่นเอื้องน่าจะต่างจากนักเขียนส่วนมากนะคะ แพมไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะเป็นนักเขียน หรืออยากเขียนนิยายให้ใครอ่าน แต่ต้องเริ่มเขียนเพราะเพื่อนชวนค่ะ ชวนแบบจริงจังให้ส่งงานเข้าประกวดโครงการนักเขียนหน้าใสเป็นเพื่อนหน่อย ตอนนั้นแพมว่าง ไม่มีอะไรทำ ก็เลยเอากับเพื่อนสักตั้ง รู้ตัวอีกทีก็เขียนจบไปเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ได้ส่งประกวดนะ...
กลิ่นเอื้อง สวยแต๊ๆเจ้า
นักเขียนคนไหนที่ทำให้เราอยากจะมาเป็นนักเขียนดูบ้าง
กลิ่นเอื้อง : ถ้าถามถึงนักเขียนที่ชื่นชอบ แพมชอบผลงานของพี่may112 กับพี่กัลฐิดามากที่สุด ซื้อหนังสือเก็บไว้หมด นอกนั้นก็อ่านไปเรื่อย นิยายแฟนตาซีที่ติดท็อปในเด็กดีช่วงก่อนๆ แพมก็อ่านแทบทุกเรื่องค่ะ
แล้วเริ่มมาเขียนนิยายกับ เด็กดี ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ อวดนิยายเรื่องแรกในชีวิตหน่อย
กลิ่นเอื้อง : เรื่องแรกที่ลงในเว็บเด็กดีและเป็นเรื่องแรกที่แต่ง คือ 'จอมใจซาตาน' ค่ะ เหมือนเป็นเรื่องทดลองเขียนที่แปลงพล็อตมาจากพล็อตที่จะใช้ประกวดนิยายวัยรุ่นอีกที มันเลยมีทั้งความเพ้อเจ้อ แฟนตาซี ทั้งๆ ที่เป็นนิยายรักในหมวดซึ้งกินใจ ตอนนั้นยังมือใหม่ มีเท่าไหร่ใส่ไปไม่ยั้ง ผลคือได้นิยายที่เนื้อเรื่องแปลกๆออกมาเล่มหนึ่ง แต่ก็ได้ตีพิมพ์นะ เป็นต้นทุนให้เรื่องอื่นๆต่อไป เรียกได้ว่าถ้าเล่มนี้ไม่ได้พิมพ์ เล่มอื่นก็คงไม่มีค่ะ
พี่วิวไปส่องมายไอดีของกลิ่นเอื้อง มา ในนั้นมีงานเขียนเยอะแยะเลย แถมมีหลากหลายแนวมากๆ ทั้ง โรแมนติก แฟนตาซี แอคชั่น ดราม่า คอมเมดี้ก็มี จริงๆแล้วคิดว่าตัวเองเขียนแนวไหนเป็นหลัก หรือถนัดที่สุด
กลิ่นเอื้อง : แพมเป็นนักเขียนที่มีความใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งจะได้เขียนนิยายแฟนตาซี แต่ดันเขียนนิยายรักได้ดีกว่า เลยไม่มีโอกาสเขียนแฟนตาซีสักที เวลาไปออกบูธแจกลายเซ็นนี่ ตอนเจอนักเขียนสายแฟนตาซีจะขอจับมือ เก่งจัง อยากเขียนบ้าง ฮ่าๆๆ
ส่วนตัวแล้วถนัดแนวโรแมนติกดราม่ามากที่สุดค่ะ ชอบความมืดหม่นของตัวละครเวลาดำดิ่งสู่วังวนปัญหาที่ไม่มีทางแก้ ยิ่งดราม่าหนักหน่วงมากเท่าไหร่ เวลาที่ตัวละครมีความสุขเรื่องจะสดใสมากขึ้นเท่านั้น เป็นคนที่ชอบเล่นกับความคอนทราสของเนื้อเรื่อง แล้วแนวดราม่าก็เขียนให้มีตลกร้ายสนุกมือด้วย บางฉากเศร้าๆเครียดๆอยู่ ใส่มุกขยี้เข้าไปให้หัวเราะทั้งน้ำตาก็ตลกดี >>
มายไอดีกลิ่นเอื้อง
มาพูดถึงผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นเล่มบ้างดีกว่า นิยายรักสามเล่มสามรส จอมใจซาตาน, เล่ห์ร้ายคุณชายที่รัก และล่าสุดนิยายรักแนวมาเฟีย พิรุณพร่ำรัก ทั้ง 3 เรื่องนี้ มีความแตกต่างกันยังไงบ้างคะ
กลิ่นเอื้อง : จอมใจซาตาน' จะเป็นเล่มที่เพ้อฝันที่สุดในสามเล่มนี้ค่ะ มีความโลกสวย โรมานซ์ ทุ่งดอกไม้ ส่วน'เล่ห์ร้ายคุณชายที่รัก'จะเป็นแนวรอมคอม ทั้งรัก ทั้งฮา ทั้งขำ บ้าบอ เบาสมอง ดราม่า มีครบทุกรส เรื่องนี้อ่านกี่ทีก็มีความสุข และ'พิรุณพร่ำรัก' เล่มสุดท้าย เรื่องนี้ดราม่าเต็มๆ มีความรักหลากหลายแบบ ทั้งเจ็บปวด อบอุ่น ตลกร้าย การพลัดพราก ฝนลมโหมกระหน่ำ และมีความหนาที่สุดในสามเล่มนี้ด้วย
ผลงาน 3 เรื่อง 3 รส, พิรุณพร่ำรัก เล่มขวามือ เป็นปกพิเศษมีขายเฉพาะตีพิมพ์ครั้งแรก
พี่วิวขอพูดถึงพิรุณพร่ำรักต่อหน่อยดีกว่า ได้ข่าวว่าตอนนี้ได้เป็นละครแล้ว รู้สึกยังไงบ้างที่ผลงานเราจะไปโลดแล่นหน้าจอ
กลิ่นเอื้อง : 'พิรุณพร่ำรัก' เป็นเรื่องราวของกุมารแพทย์สาวที่บังเอิญไปช่วยผู้ชายความจำเสื่อมคนหนึ่งเอาไว้ในวันที่ฝนตกค่ะ เธอดูแลเขา อยู่ด้วยกัน ตกหลุมรักกัน ก่อนที่เขาจะจากไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วพอมาเจอกันอีกทีเนี่ย เธอต้องมาดูแลลูกชายของเขา แล้วเขาก็จำช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่ได้เลย แถมยังมีคู่หมั้นแล้วด้วย คุณหมอเลยพยายามตีตัวออกห่าง ถ้าจำไม่ได้ ก็อย่ารู้จักกันอีกเลย แต่คู่นี้เหมือนมีอะไรมาฉุดรั้งกันเอาไว้ สุดท้ายคุณหมอเลยโดนลากเข้าไปพัวพันกับปัญหามาเฟีย กลายเป็นตัวแปรสำคัญในสงครามที่ยืดเยื้อมานาน ส่วนปัญหาหัวใจหนักกว่าเรื่องของมาเฟียอีกค่ะ เพราะพระเอกของเราทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะพิชิตใจคุณหมอทั้งๆ ที่ตัวเองก็จำเขาไม่ได้ อะไรๆ มันเลยยิ่งวุ่นวายมากขึ้น
ทดลองอ่าน
ตอนแรกไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่พอคนรอบๆตัวเรามาถามนู่นถามนี่ พ่อเพื่อนจะไปซื้อหนังสือแล้วนะ เพื่อนแม่ฝากนิยายมาขอลายเซ็นต์หน่อย เราเลยพลอยตื่นเต้นไปด้วย หลังๆ มาก็เริ่มอยากรู้ว่าฟีดแบคละครจะดีไหม คนจะพูดถึงนิยายของเรายังไง เพลงประกอบละครจะเพราะรึเปล่า โอ๊ย! ตื่นเต้นไปหมด ฮ่าๆ จำได้ว่าตอนเริ่มเขียนนิยายใหม่ๆ เคยอยากเห็นนิยายตัวเองเป็นละครค่ะ ซึ่งโอกาสก็มาเร็วเกินคาด
คิดว่าอะไรที่ทำให้นิยายของเรากลายเป็นละครได้
กลิ่นเอื้อง : น่าจะเป็นเพราะเนื้อเรื่องแปลกแล้วก็มีความเคลื่อนไหวตลอดมั้งคะ 'พิรุณพร่ำรัก' เป็นนิยายที่ดำเนินเรื่องโดยเน้นฉากปฎิสัมพันธ์ระหว่างตัวละครมากกว่าฉากที่เป็นความคิดภายในใจ ความรู้สึกของตัวละครถูกถ่ายทอดผ่านการถกเถียง ทะเลาะ ยียวน ตัวละครมีแอคชั่นตลอดเวลา บางครั้งแค่การเคลื่อนไหวร่างกายธรรมดาๆของหมอชาร์ม (นางเอกของเรื่อง) ก็บอกอารมณ์เธอได้แล้ว เลยดูง่ายที่จะดัดแปลงไปเวอร์ชั่นคนแสดง...แพมก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ ฮ่าๆๆ
แล้วกลิ่นเอื้องมีส่วนร่วมในการเขียนบทละครโทรทัศน์ไหมคะ
กลิ่นเอื้อง : มีนิดหน่อยค่ะ แพมให้'เนื้อเรื่องลับ'ของนิยายที่ถูกตัดออกกับทางค่ายละครไป เป็นส่วนของเนื้อเรื่องสำคัญ แต่ถูกตัดจนเหี้ยนเพราะอยากเขียน 'พิรุณพร่ำรัก' ให้เป็นนิยายโรแมนติกดราม่ามากกว่าแอคชั่น ตัวละครบางตัวที่ถูกกล่าวถึงในนิยายแบบไม่มีชื่อ จริงๆ แล้วมีชื่อหมด รวมถึงบางฉากที่เป็นฉากเล็กๆในหนังสือ แต่มีผลกับเนื้อเรื่องมากๆ ซึ่งข้อมูลตรงนี้ยังไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนค่ะ
ได้ยินว่าตอนเขียนเรื่องนี้บินไปถึงฮ่องกงเพื่อเก็บข้อมูลเลย อยากให้เล่าให้เพื่อนๆฟังถึงช่วงเวลานั้นหน่อยค่ะ
กลิ่นเอื้อง : ตอนที่ตัดสินใจว่าจะไป คือตอนที่นั่งอยู่หน้าคอมแล้วงงจนเขียนอะไรไม่ออก ในหัวมีข้อลมูลนะ แต่มันมันไม่สุดอ่ะ เราเลยรู้สึกแบบ เฮ้ย! ไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง แล้วก็ขูดเงินเก็บที่ได้จากตีพิมพ์เรื่องก่อน จนเกลี้ยงกระเป๋าแล้วจองตั๋วบินอีกวันเลย
จริงๆ แพมพอมีในใจบ้างแล้วว่าจะเขียนอะไร และต้องการอะไรเพิ่ม เลยทำแพลนว่า 4 วันในฮ่องกงเราจะไปที่ไหน แล้วก็ลุย แต่การเดินทางมักจะมีเรื่องไม่คาดคิดตลอด ลืมกระเป๋าตังค์ไว้บนรถบัสบ้าง วิ่งตามรถหน้าตั้งเลย ฮ่าๆๆ ร้านที่จะไปปิดบ้าง ติดฝนบ้าง ก็พบอะไรดีๆเหนือความคาดหมายเยอะมาก เป็นบรรยากาศที่ทำให้พอกลับถึงเชียงใหม่ปุ๊ปก็โหมเขียนนิยายรัวๆ ต่อเลย
พิรุณพร่ำรัก มีฉากสำคัญคือ สายฝน ได้แรงบันดาลใจพล็อตและฉากมาจากไหน
กลิ่นเอื้อง : จากฮ่องกงนั่นแหละค่ะ ฮ่าๆ ตอนเด็กๆพ่อแม่เคยพาไปครั้งหนึ่ง แล้วไปช่วงเปลี่ยนฤดูพอดี ภาพแรกของฮ่องกงที่เห็นคือตึกสูงทะลุเมฆกับบรรยากาศอึมครึม มันติดอยู่ในใจจนพอมาเขียนนิยายก็อยากเขียนเรื่องที่มีฉากหลังเป็นสถานที่แบบนั้นสักครั้ง จากนั้นเรื่องเกี่ยวกับมาเฟียก็ตามมา คิดว่าคงเขียนสนุกและเข้ากับบรรยากาศทะมึนๆ เลยตัดสินใจใช้เรื่องนี้เป็นแกนหลักของเรื่อง
ฮ่องกง แรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดเป็นนิยายเล่มนี้
ตั้งชื่อเรื่องเองด้วย พิรุณพร่ำรัก ชื่อนี้มีที่มายังไงคะ หลายๆคนชอบชื่อหนังสือมาก พี่วิวก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยค่ะ
กลิ่นเอื้อง : อยากได้อะไรเกี่ยวกับฝนๆค่ะ แล้วต้องไม่ซ้ำกับใคร คำแรกที่ผุดในหัวเลยคือพิรุณ พิรุณแล้วยังไงต่อ ฝนตก ฝนพรำ งั้นเป็นพิรุณพร่ำ เป็นนิยายรักเลยเติมรัก เข้าไปข้างหลัง บังเอิญคล้องจองกันอีกต่างหาก ออกมาเป็น 'พิรุณพร่ำรัก' ค่ะ สาบานว่าตอนคิดชื่อเรื่อง คิดแค่นี้จริงๆ สิบนาทีเสร็จ จนตอนนี้ยังงงตัวเองอยู่ว่าตั้งชื่อได้ขนาดนี้เลยเหรอ ส่วนเนื้อเรื่องกับลูกเล่นในหนังสือที่เข้ากับชื่อ ก็มาปรับให้สอดคล้องกันทีหลังค่ะ
อยากให้บอกเสน่ห์ของพระ-นางในเรื่องนี้หน่อย มีนักอ่านนักรีวิวหลายคนบอกว่าเคมีเข้ากันมาก
กลิ่นเอื้อง : สองคนนี้ ต้องบอกว่าบุคลิกเหมือนแม่เหล็กคนละขั้วค่ะ คือแตกต่างกัน แต่ก็ดึงดูดอีกฝ่ายอย่างรุนแรงเช่นกัน ในพาร์ทความจำเสื่อม โลแกน คนขี้เล่นสามารถพังกำแพงน้ำแข็งของหมอชาร์ม ได้ในพริบตา ส่วนโลแกน ลู ในพาร์ทนักธุรกิจจะเป็นคนเปิดเผยอารมณ์เฉพาะกับคนที่เขาเลือกแล้ว กวนประสาทนิดๆ เหมือนไม่ค่อยจริงจังกับอะไรทั้งๆที่ความจริงแล้วเป็นคนจริงจังมาก ส่วนคุณหมอเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง เยือกเย็น น่าค้นหา สวยครบสูตรเลยค่ะถ้าไม่นับข้อเสียที่บางครั้งเป็นข้อฮาของหมอ แล้วพอมิสเตอร์ลูแกล้งหยอดอะไรมาเธอก็จะรู้ทัน โต้กลับสวยๆได้ทั้งที่ในใจอาจกำลังรู้สึกอีกอย่าง คนฉลาดมาอยู่ด้วยกัน แพ้ทางกัน ฉากปะทะคารมเลยมีอะไรลุ้นๆ ให้เห็นตลอด แต่สิ่งที่สองคนนี้มีเหมือนกันคือความใจเด็ด หมอมีความแกร่งพอที่จะเป็นผู้หญิงของอดีตมาเฟีย ในขณะที่โลแกนเองก็แกร่งพอที่จะทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงของเขา คู่นี้ถ้าขาดคนใดคนหนึ่งไป เสน่ห์ของอีกฝ่ายจะไม่แสดงออกมาเลย
โลแกนกับหมอชาร์ม ภายใต้ร่มกันฝนสื่อรัก ฝีมือวาดโดยกลิ่นเอื้อง
ถ้าวันนึงคนที่รักลืมกลิ่นเอื้องเหมือนที่โลแกนลืมคุณหมอชาร์ม จะทำยังไงคะ
กลิ่นเอื้อง : ตอบยากนะคะ เพราะยังไม่เคยมีคนรักกับเขาสักที แต่ถ้าแพมมั่นใจว่าเรายังรักเขาอยู่ มั่นใจว่าเราจะทนไหวกับการที่เขาลืมอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเราไป แพมจะยังอยู่กับเขาค่ะ ความทรงจำเป็นสิ่งที่สามารถสร้างร่วมกันใหม่ได้ และถ้าเขาเคยรักเราจริง แพมมั่นใจว่าสามารถทำให้เขาตกหลุมรักได้อีกครั้งค่ะ... แหม่ ตอบไปก็อายไป >///<
ทุกวันนี้มีนักเขียนหลายๆคนนิยมเขียนงานแนว 'โรแมนติกดราม่า' กลิ่นเอื้อง คิดว่าผลงานของตัวเองแตกต่างจากนักเขียนคนอื่นยังไงคะ
กลิ่นเอื้อง : คิดว่านักเขียนแต่ละคนมีแนวทางการเขียนที่แตกต่างกันหมดนะคะ เพราะสิ่งที่พบเจอในชีวิตที่ผ่านมา สิ่งที่หล่อหลอมเราจนกลายเป็นนักเขียนคนหนึ่ง มันไม่เหมือนกัน... อย่างแพมเนี่ย แพมให้ความสำคัญกับกลิ่นเฉพาะตัวของนิยายค่ะ คือพอนึกถึงชื่อเรื่องนี้ปุ๊ป นักอ่านจะต้องเห็นภาพทันทีว่าเกี่ยวกับอะไร ความรักในเรื่องเป็นแบบไหน คาแรคเตอร์หลักเป็นยังไง... การสร้างเอกลักษณ์ให้งานน่าจดจำ เป็นสิ่งที่แพมรักมากๆ ซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้งานต่างจากคนอื่นมาอีกนิดค่ะ
จากวันแรกที่เขียนนิยายจนถึงวันนี้ ชีวิตของกลิ่นเอื้อง เปลี่ยนไปยังไง
เปลี่ยนไปเยอะพอสมควรค่ะ อย่างแรกคือเลิกขอเงินพ่อแม่แล้วดูแลชีวิตตัวเองทั้งหมด การทำแบบนี้เหมือนเป็นการกดดันตัวเองไปในตัวด้วยว่าต้องทำงานสม่ำเสมอนะ มีความรับผิดชอบนะ เหมือนเป็นก้าวสำคัญในการโตเป็นผู้ใหญ่เลย พ่อแม่ภูมิใจมากกกก แล้วก็ได้รู้จักคนหลากหลายขึ้น ทั้งพี่ๆ น้องๆ นักอ่าน พี่ๆนักเขียนท่านอื่น พี่ๆในสำนักพิมพ์ เหมือนสังคมของเรากว้างขึ้น มีอะไรให้เห็นมากขึ้น ส่วนการใช้ชีวิตประจำวันยังเหมือนเดิมค่ะ ขับมอเตอ์ไซค์ไปมหาวิทยาลัย เรียน กินข้าวกับเพื่อน ใช้มือถือเครื่องเก่า ไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไหร่... ที่ดีอีกอย่างคือจะซื้อหนังสือเล่มไหนที่อยากได้ก็ได้ ซื้อหมดเลยไม่มีกั๊ก ไม่มีคนบ่น ซึ่งดีมากกกกจริงๆ ฮ่าๆๆๆ
ขอเคล็ดลับการเป็นนักเขียนนิยายที่ดีในแบบของกลิ่นเอื้อง สัก 3 ข้อได้ไหมคะ
กลิ่นเอื้อง : เป็นตัวของตัวเอง ซื่อสัตย์กับตัวเอง... เขียนนิยายในแบบของเรา ความคิดของเรา ความสุขของเรา นิยายเรื่องนั้นๆจะสนุกไม่ได้เลยถ้าคนเขียนซึ่งเป็นคนอ่านคนแรกไม่สนุกไปด้วย และการเป็นตัวของตัวเอง ไม่ลอกใคร ไม่เลียนแบบใคร ยังทำให้เราภูมิใจในความเป็นนักเขียนของเราด้วยค่ะ
มีความรับผิดชอบ... ทั้งกับตัวเอง และผลงานที่เขียนไปค่ะ นักเขียนที่ดีควรมีอ้างอิงข้อมูลทุกอย่างในนิยาย ความแม่นยำของเนื้อหา ความสมเหตุสมผลของเนื้อเรื่อง เขียนในสิ่งที่ไม่ทำร้ายสังคม เขียนในสิ่งที่มั่นใจว่าจะให้อะไรดีๆกับคนอ่านเมื่ออ่านจนจบเรื่องค่ะ
รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น... งานของแพมจะไม่พัฒนาเลยถ้าไม่เปิดใจรับฟังนักอ่าน รับทุกอย่างทั้งคำติและคำชม กลั่นกรองให้เห็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของคอมเม้นท์ เอาจริงๆ แพมชอบคำติเตียนจากนักอ่านมากกว่าคำชมอีกนะ มันทำให้เราเห็นว่าเราพลาดอะไรไป เราควรแก้ตรงจุดไหน ปรับงานยังไงให้ดีมากขึ้น อาจใช้กับงานนี้ หรืองานถัดๆไป ไม่เคยโกรธเลยเวลาที่เห็นคนมาอ่านแล้วติแบบยาวเหยียด มีแต่แบบ.. เอาอีก เอาอีก แล้วไงอีก ฮ่าๆๆๆ แต่ต้องไม่ทิ้งความเป็นตัวของตัวเองนะคะ ข้อนี้สำคัญมากเช่นกัน
ผลงานต่อไปเพื่อนๆชาวไรเตอร์จะได้เห็นนิยายรักแนวไหนอีกคะ
กลิ่นเอื้อง : เรื่องต่อไปเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ค่ะ ชื่อว่า ‘ทิวาพราวแสง' มีพระเอกชื่อพี่คราม ที่ทุกคนเหมือนจะจำพี่ครามได้มากกว่าชื่อนิยาย ส่วนอีกเรื่องถัดไปเป็นแนวดราม่าที่พระนางเฉือนคมกันกระจุยกระจาย ชื่อว่า 'กุลสตรีเถื่อน' ซึ่งสองเรื่องนี้เก็บข้อมูลมาเรียบร้อยหมดแล้ว แล้วพอถัดจากสองเรื่องนี้ก็มีโปรเจคเรียงรอเป็นตับเลยค่ะ แต่ในนั้นไม่มีนิยายแฟนตาซีนะ ฮ่าๆ
สุดท้ายแล้วให้ฝากผลงานกับช่องทางติดต่อเลย
กลิ่นเอื้อง : กลิ่นเอื้องมีแฟนเพจนะคะ เชิญมาพบปะสังสรรค์ ถามหาหนังสือเล่มเก่าๆ กันที่ได้ www.facebook.com/pamzillanest หรือจะติดต่อกันผ่านอีเมล์ akita-harumi@hotmail.com ก็ได้ค่ะ ส่วนนิยายเรื่องใหม่ๆ จะอัพให้อ่านในเว็บเด็กดีเสมอ ตามไปกด Favorite ไว้ได้เลยค่ะ ที่นี่เลย >>
มายไอดี กลิ่นเอื้อง
พี่วิวไม่เสียแรงเลยค่ะที่มาไกลถึงเชียงใหม่เพื่อมาคุยกับเธอ กลิ่นเอื้อง เป็นนักเขียนอีกหนึ่งคนของเด็กดีที่มีผลงานออกตีพิมพ์และได้เป็นละครภายในไม่กี่ปีที่เริ่มเขียน ซึ่งนั่นไม่ได้เกิดจากความโชคดี แต่เกิดจากความพยายาม ฝึกฝนและลงทุนทั้งแรงกายแรงใจเพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด พี่วิวเชื่อว่าในอนาคตเราจะได้เห็นผลงานละครจากฝีมือปลายปากกาของกลิ่นเอื้อง เพิ่มมากขึ้นแน่ๆค่ะ
ทั้งชีวิตเคยแต่อ่านพอได้มาลองเขียนเองจริงๆแล้วจึงได้รู้ว่าไม่ง่ายเลย แต่คนเราย่อมมีครั้งแรกเสมอ ดังนั้น ด้วยลูกฮึด หรืออะไรสักอย่าง งานเล่มถัดๆมาจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น
- กลิ่นเอื้อง -
ก่อนจากกันพี่วิวเตรียมหนังสือ 'พิรุณพร่ำรัก' จากสำนักพิมพ์ซูการ์บีท มาแจกให้เพื่อนๆ 3 คน ที่ตอบคำถามถูกใจกลิ่นเอื้องมากที่สุด ซึ่งคำถามมีอยู่ว่า ความรักของคุณเหมือนฤดูอะไร เพราะอะไร?
ร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ - 12 มิถุนายน 2559
ประกาศผล 13 มิถุนายน 2559 เวลา 18.00 น.
กลิ่นเอื้อง ฝากบอกว่า มาเล่นกันเยอะๆนะ อยากให้ชาวไรเตอร์ได้ลองอ่านและเพลิดเพลินไปกับกลิ่นอายวันฝนพรำ และบรรยากาศหม่นๆ ของมวลหมู่เมฆเหนือเกาะฮ่องกงของพิรุณพร่ำรักกันทุกคนเลยนะคะ ^^
ประกาศรายชื่อผู้โชคดีได้รับหนังสือ พิรุณพร่ำรัก
BTBfriends
sayapechr
สิริ..
ส่งชื่อ-ที่อยู่-มายไอดียืนยันตัวตน มาที่ pimonwan@dek-d.com
หัวข้ออีเมล รับรางวัลพิรุณพร่ำรัก
ภายในวันที่ 20 มิถุนายน 2559
37 ความคิดเห็น
ไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือว่าในละครเหมือนไปถ่ายที่มาเก๊า ไม่ใช่ฮ่องกงเหมือนในนิยาย แต่สถานที่สวยมาก
ความรักของเราเหมือนฤดูอะไร..ขอตอบว่าเหมือนฤดูฝนค่า5555ก็แบบเนื่องจากเราเคยมีความรักในวัยเด็กซึ่งก็เหมือนจะยังไม่ใช่รักจริงๆจังอะไรมั้ง แหะๆ แต่สำหรับเรานะ ความรักที่เหมือนฤดูฝนก็เพราะว่า บางครึ้งสายฝนก็ทำให้เราชุ่มช่ำคลายร้อนได้แบบกระชุ่มกระชวยหัวใจ ฮิ้ววววว แต่บางครั้งก็เหมือนความทุกข์นะ เวลาเราร้องไห้ยิ่งฝนตกนี่เหมือนในละครเลย สายฝนชะล้างคราบน้ำตา แต่เราชอบความรักแบบนี้นะคะ
ความรักของเราเหมือนฤดูฝนค่ะ เพราะว่า..
ความรักมีทั้งหยาดน้ำตา ความสดใส ความละมุน ความอ่อนโยน และความเศร้า..
ความรักที่พึ่งเริ่มต้นก็เป็นดั่งท้องฟ้าเมฆสวยๆลอยล่อง
หลังจากนั้นท้องฟ้าที่มีเมฆสวยๆก็จะกลายเป็นเมฆที่กำลังตั้งเค้าพร้อมที่จะตก
พอเกิดความไม่เข้าใจ ไม่เชื่อใจกันความรักก็จะถึงจุดอิ่มตัวดั่งเมฆฝนแล้วตกลงมาสู่พื้น..
พอเริ่มปรับความเข้าใจกัน ความรักก็จะเป็นดั่งท้องฟ้าที่ฝนหยุดตกและมีแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาหลังจากฝนตก กลายเป็นสายรุ้งที่กลายเป็นสีสดใส
ความรักจึงเหมือนกับฤดูฝนมากที่สุดค่ะ
ความรักสำหรับเราเหมือนกับฤดูฝนค่ะ ยิ่งกับวัยเรียนนี่ยิ่งใช่ เพราะสายฝนก็เปรียบเสมือน อุปสรรค ความเจ็บปวดที่ตกมาหาเราจนทำให้เราเป็นไข้ ไม่สบาย แต่ก็มีบางครั้งที่สายฝนทำให้เรารู้สึกดี เช่นเวลาเรามีเรื่องที่ไม่สบายใจ อยากจะระบายแต่ไม่มีใครรับฟัง ก็มีแต่ฝนนี่แหละที่ช่วยทำให้เราใจชื้นขึ้นมาบ้าง เหมือนเวลาที่เราร้องไห้ในที่สาธารณะขณะที่ฝนตก ไม่มีใครรู้ว่าเราร้องไห้ เพราะน้ำตาเรามันละลายไปกับสายฝนแล้ว แต่ถึงเช่นนั้น ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ เหมือนกับพอผ่านอุปสรรคเหล่านั้นมาแล้ว เราก็ได้เจอกับสิ่งดีๆ รู้ว่าควรป้องกันตัวจากฝนยังไง มันทำให้เรามีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ความรักมันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ณ เวลานึงอาจรักมาก แต่พอถึงอีกเวลานึงอาจไม่รักแล้ว เหมือนกับฝนที่นึกจะตกตอนไหนก็ได้ ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า นี่คือความคิดของเราค่ะ 555555555555555[bb-06][bb-06]
อืม เหมือนฤดูหนาวค่ะ ฤดูหนาวเป็นฤดุที่คนมีความรักมักจะใช้เวลาร่วมกันเพราะมีเทศกาลต่างๆ บรรยากาศอันอบอุ่นในฤดูหนาว ความใกล้ชิดเกิดดขึ้นเพราะฤดูนี้ถ้าหากเป็นความรักที่สมหวัง ความรักของพ่อแม่ บางครั้งก้ต้องอบอุ่น บางครั้งก็ต้องหนาวและเย็น แต่ถ้าคววามรักใใในรูปแบบผิดหวังฤดูหนาวจะเป็นฤดูที่รู้สึกถึงความเงียบเหงา อ้างว่าง เปล่าเปลี่ยว
สรุปคือคววามรักของเราคือฤดูหนาวที่มีทั้งผิดหวังสมหวัง อบอุ่น สุข สมหวัง เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย เป็นฤดูที่น่าเหงาสำหรับคนโสด แต่เป้นฤดุที่ทำให้ใกล้ชิดกับคนในครอบครัว มีทั้งความรักและความผุกพัน ความใกล้ชิด ความสบายใจ
ปล. ขอให้โดนใจนักเขียนทีเถอะะะะ สาธุ
ความรักของเรา เหมือนกับฤดูร้อนค่ะ เพราะเขาเหมือนพระอาทิตย์ที่คอยให้ความอบอุ่นในใจเรา เวลาที่ได้เห็นเขายิ้ม เขามีความสุข เราเองก็มีความสุขไปด้วย ถึงแม้ว่าเขา จะไม่ได้คิดเหมือนเราก็ตาม ตลอด9ปีที่ผ่านมา มันพิสูจน์แล้วว่า ความรักไม่ได้หมายถึงการครอบครอง แต่มันคือการให้ การได้ทำสิ่งดีๆให้แก่กัน เราไม่ได้รักคนมีเจ้าของนะ เพราะเขายังไม่มีใคร เราเองก็ด้วย เราเคยบอกความในใจกับเขาไปแล้ว แต่แน่ล่ะว่า หัวใจเขา เราไม่สามารถไปบังคับได้ว่าเขาต้องรักเราตอบกลับ เราแค่คอยเฝ้ามองเขาไกลๆในที่ของตัวเอง ถึงจะทำได้แค่นี้ แต่เราก็มีความสุขมากแล้ว และถ้าสักวันเขาได้พบใครคนที่เขารัก เราก็พร้อมจะยินดีไปกับเขา พร้อมจะเห็นเขามีความสุข แม้ความสุขนั่นจะไม่มีเราก็ตาม.
#ไม่ได้โลกสวยนะคะ แต่ตลอด9ปีที่ผ่านมา มันสอนเราว่า แค่ได้มองอยู่ห่างๆก็ดีมากแล้ว
ปล.ขอให้ได้ขอให้โดนนะคะ ชอบอ่านมาก^^
เหมือนฤดูหนาวมั้งคะ เพราะทำให้รู้ว่าความอบอุ่นเป็นอย่างไร
ในหัวใจเราที่ไม่เคยมีความรักแบบหนุ่มสาว รับรู้ได้เลยว่าความอบอุ่นจากความรักของพ่อแม่และครอบครัวซึ่งเป็นคนที่เรารักและรักเราคือแสงสว่างที่ให้ความอบอุ่นกับหัวใจ ไม่ว่าวันนั้นในชีวิตจะเป็นอย่างไรเรายังสัมผัสถึงความอบอุ่นนี้ได้ และพวกเขาเหล่านั้นยังอยู่เคียงข้างเราเสมอ. :D
ความรัก เหมือนฤดูอะไร? เหมือนฤดูหนาวมั้งคะ เพราะ ฤดูหนาวหาความอบอุ่นได้อยาก ความรักของฉันก็หาอยากพอๆกับความอบอุ่นในฤดูหนาว บางคนอาจจะบอกว่าใส่เสื้อแขนยาวห่มผ้าแล้วเดี๋ยวก็อุ่น แต่ความรักความอบอุ่นที่แท้จริงๆในความหมายของฉัน อยู่ที่หัวใจค่ะ ไม่ได้อยู่ที่ผิวกาย
ความรักเหมือนทุกฤดูเพราะทุกฤดูผ่านมาแล้วก็ผ่านไปความรักก็เหมือนกันฉันเคยคิดว่าอยากจะหยุดมันไว้แต่ฉันก็ไม่เคยหยุดมันได้ใจคนก็เหมือนโลกฤดูกาลจะหยุดเปลี่ยนถ้าโลกหยุดหมุนซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ใจคนก็เหมือนกันโลกหยุดหมุนเมื่อไหร่ใจเขาคงหยุดอยู่ที่ฉัน
ความรักของฉันเหมือนฤดูใบไม้ผลิ
ตอนที่เรียนเรื่องฤดูในสมัยเด็ก นึกชอบคำว่า Spring มากที่สุด ความหมายที่วนเวียนอยู่ในหัวมันอาจจะดูบ้าบอไปซักหน่อย แต่ก็นะ :)
ตอนที่เห็นต้นไม้ผลิดอกออกผล ได้แต่นึกดีใจว่า วันดีๆจะเข้ามาแล้วนะ คงคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิที่ก่อนจะงดงามได้นั้นต้องทนกับสภาพไร้ความอบอุ่นนานแค่ไหนกันเชียว
ฉะนั้น ความรักของฉันคือฤดูใบไม้ผลิ ความรักของฉันคือการรักสิ่งที่เข้ามาแล้วทำให้เราเข้มแข็งในทุกวัน คือการรอคอยสิ่งที่สวยงามเข้ามาทำให้ชีวิตเต็มอิ่มสักครั้ง
ความรัก....เหมือนทุกฤดูผสมกัน
เริ่มจากฤดูใบไม้ผลิ เป็นฤดูแห่งการเริ่มต้น = ช่วงโปรโมชั่น ทุกๆสิ่งดูสวยงามไปหมด สมบูรณ์ อะไรๆก็ดี จนทำให้เห็นผิดเป็นชอบได้ในบางครั้ง
ฤดูร้อน เป็นช่วงที่เริ่มมีความขัดแย้งกันบ้าง มีความเห็นไม่ตรงกันเป็นบางครั้ง ก็ต้องใช้ความอดทน ค่อยๆทำความเข้าใจและเรียนรู้กันไป
ฤดูใบไม้ร่วง เป็นช่วงที่ทุกอย่างเริ่มไม่ตื่นเต้น ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ จนบางทีทำให้เบื่อ เฉื่อย ไม่ตื่นเต้น ทำให้มีความคิดว่าควรห่างกันซักพัก....
ส่วนฤดูหนาว เป็นช่วงที่ทำให้รู้สึกอ้างว้าง เหงา มีอุปสรรคต่างๆเข้ามาทดสอบทั้งคู่ หากสามารถฝ่าฟันอุปสรรคนั้นๆได้ ก็จะทำให้ชีวิตคู่เข้มแข็งขึ้น รักกันมากขึ้น เหมือนแบ่งความอบอุ่นให้แก่กันและกันเพื่อคลายหนาว