ภาพความทรงจำในวัยเด็ก สู่ฉากอันน่าประทับใจในนิยาย, กลิ่นเอื้อง


ภาพความทรงจำในวัยเด็ก สู่ฉากอันน่าประทับใจในนิยาย, กลิ่นเอื้อง
 

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวไรเตอร์ “คอลัมน์พบปะพูดคุย” ครั้งนี้ขอพาทุกคนไปแอ่วเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่เจ้า เพราะว่าพี่วิวมีนัดกับ กลิ่นเอื้อง นักเขียนฝีมือเยี่ยมอีกคนจากเว็บเด็กดี การันตีด้วยผลงานเล่มล่าสุด ‘พิรุณพร่ำรัก’ ที่เคยขึ้นอันดับหนึ่งในหมวดนิยายรักของเว็บเรามานานหลายสัปดาห์  ปัจจุบันมียอดวิวเกือบล้านครั้งแล้วค่ะ ที่สำคัญตอนนี้นิยายเรื่องนี้ได้ถูกนำไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์แล้วด้วย  
 
นิยายฮ็อตขนาดนี้แล้วพี่วิวจะไม่ชวนเพื่อนๆมาทำความรู้จักเธอได้ยังไงกัน อ๊ะ...นี่ก็ถึงเวลานัดหมายแล้ว ตามพี่วิวไปคุยกับเธอกันเลย!!

 
สวัสดีค่ะ พี่วิวเพิ่งเคยได้คุยกับ กลิ่นเอื้อง เป็นครั้งแรกเลยนะ แนะนำตัวสั้นๆให้พี่วิวกับชาวไรเตอร์ได้รู้จักหน่อยค่ะ
กลิ่นเอื้อง : สวัสดีค่ะ กลิ่นเอื้องนะคะ มีชื่อเล่นว่าแพม เป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิด ปัจจุบันกำลังเรียนสาขาอนิเมชั่นในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เริ่มเขียนนิยายมาสามปีแล้วค่ะ
 
พี่วิวสงสัยมากๆเลย กลิ่นเอื้อง นี่เป็นกลิ่นยังไงคะ  
กลิ่นเอื้อง : ชื่อนี้คุณยายเป็นคนตั้งให้ค่ะ ด้วยความที่เป็นคนเหนือ กล้วยไม้จะเรียกว่าเอื้อง แล้วผู้ใหญ่ที่บ้านชอบปลูกมากๆ บางพันธุ์มีกลิ่นหอมแรง หอมอ่อน หอมตอนกลางคืน หรือบานปีละครั้ง พอนึกถึงชื่อนี้แล้วดูมีความหลากหลายในอารมณ์ ทั้งตื่นเต้น หวาน สวย ติดโบราณนิดๆ แล้วก็บอกภูมิลำเนาได้อย่างดี เลยตัดสินใจใช้ชื่อนี้ เคยคิดอยากเปลี่ยนนะคะ มันเช้ยเชยเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แต่สุดท้ายก็ไม่เปลี่ยน ฮ่าๆ
 
จุดเริ่มต้นที่ทำให้มีนักเขียนชื่อ กลิ่นเอื้อง ในวันนี้ คืออะไรคะ
กลิ่นเอื้อง : จุดเริ่มต้นของความเป็นกลิ่นเอื้องน่าจะต่างจากนักเขียนส่วนมากนะคะ แพมไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะเป็นนักเขียน หรืออยากเขียนนิยายให้ใครอ่าน แต่ต้องเริ่มเขียนเพราะเพื่อนชวนค่ะ ชวนแบบจริงจังให้ส่งงานเข้าประกวดโครงการนักเขียนหน้าใสเป็นเพื่อนหน่อย ตอนนั้นแพมว่าง ไม่มีอะไรทำ ก็เลยเอากับเพื่อนสักตั้ง รู้ตัวอีกทีก็เขียนจบไปเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ได้ส่งประกวดนะ...
 
กลิ่นเอื้อง สวยแต๊ๆเจ้า
 
นักเขียนคนไหนที่ทำให้เราอยากจะมาเป็นนักเขียนดูบ้าง
กลิ่นเอื้อง : ถ้าถามถึงนักเขียนที่ชื่นชอบ แพมชอบผลงานของพี่may112 กับพี่กัลฐิดามากที่สุด  ซื้อหนังสือเก็บไว้หมด นอกนั้นก็อ่านไปเรื่อย นิยายแฟนตาซีที่ติดท็อปในเด็กดีช่วงก่อนๆ แพมก็อ่านแทบทุกเรื่องค่ะ
 
แล้วเริ่มมาเขียนนิยายกับ เด็กดี ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ  อวดนิยายเรื่องแรกในชีวิตหน่อย
กลิ่นเอื้อง : เรื่องแรกที่ลงในเว็บเด็กดีและเป็นเรื่องแรกที่แต่ง คือ 'จอมใจซาตาน' ค่ะ เหมือนเป็นเรื่องทดลองเขียนที่แปลงพล็อตมาจากพล็อตที่จะใช้ประกวดนิยายวัยรุ่นอีกที มันเลยมีทั้งความเพ้อเจ้อ แฟนตาซี ทั้งๆ ที่เป็นนิยายรักในหมวดซึ้งกินใจ ตอนนั้นยังมือใหม่ มีเท่าไหร่ใส่ไปไม่ยั้ง ผลคือได้นิยายที่เนื้อเรื่องแปลกๆออกมาเล่มหนึ่ง แต่ก็ได้ตีพิมพ์นะ เป็นต้นทุนให้เรื่องอื่นๆต่อไป เรียกได้ว่าถ้าเล่มนี้ไม่ได้พิมพ์ เล่มอื่นก็คงไม่มีค่ะ
 
พี่วิวไปส่องมายไอดีของกลิ่นเอื้อง มา ในนั้นมีงานเขียนเยอะแยะเลย แถมมีหลากหลายแนวมากๆ ทั้ง โรแมนติก แฟนตาซี แอคชั่น ดราม่า คอมเมดี้ก็มี   จริงๆแล้วคิดว่าตัวเองเขียนแนวไหนเป็นหลัก หรือถนัดที่สุด
กลิ่นเอื้อง : แพมเป็นนักเขียนที่มีความใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งจะได้เขียนนิยายแฟนตาซี แต่ดันเขียนนิยายรักได้ดีกว่า เลยไม่มีโอกาสเขียนแฟนตาซีสักที เวลาไปออกบูธแจกลายเซ็นนี่ ตอนเจอนักเขียนสายแฟนตาซีจะขอจับมือ เก่งจัง อยากเขียนบ้าง ฮ่าๆๆ   
 
ส่วนตัวแล้วถนัดแนวโรแมนติกดราม่ามากที่สุดค่ะ ชอบความมืดหม่นของตัวละครเวลาดำดิ่งสู่วังวนปัญหาที่ไม่มีทางแก้ ยิ่งดราม่าหนักหน่วงมากเท่าไหร่ เวลาที่ตัวละครมีความสุขเรื่องจะสดใสมากขึ้นเท่านั้น เป็นคนที่ชอบเล่นกับความคอนทราสของเนื้อเรื่อง แล้วแนวดราม่าก็เขียนให้มีตลกร้ายสนุกมือด้วย บางฉากเศร้าๆเครียดๆอยู่ ใส่มุกขยี้เข้าไปให้หัวเราะทั้งน้ำตาก็ตลกดี >> มายไอดีกลิ่นเอื้อง
 
มาพูดถึงผลงานที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นเล่มบ้างดีกว่า นิยายรักสามเล่มสามรส จอมใจซาตานเล่ห์ร้ายคุณชายที่รัก และล่าสุดนิยายรักแนวมาเฟีย พิรุณพร่ำรัก ทั้ง 3 เรื่องนี้ มีความแตกต่างกันยังไงบ้างคะ
กลิ่นเอื้อง : จอมใจซาตาน' จะเป็นเล่มที่เพ้อฝันที่สุดในสามเล่มนี้ค่ะ มีความโลกสวย โรมานซ์ ทุ่งดอกไม้ ส่วน'เล่ห์ร้ายคุณชายที่รัก'จะเป็นแนวรอมคอม ทั้งรัก ทั้งฮา ทั้งขำ บ้าบอ เบาสมอง ดราม่า มีครบทุกรส เรื่องนี้อ่านกี่ทีก็มีความสุข และ'พิรุณพร่ำรัก' เล่มสุดท้าย เรื่องนี้ดราม่าเต็มๆ มีความรักหลากหลายแบบ ทั้งเจ็บปวด อบอุ่น ตลกร้าย การพลัดพราก ฝนลมโหมกระหน่ำ  และมีความหนาที่สุดในสามเล่มนี้ด้วย
 
ผลงาน 3 เรื่อง 3 รส, พิรุณพร่ำรัก เล่มขวามือ เป็นปกพิเศษมีขายเฉพาะตีพิมพ์ครั้งแรก

 
พี่วิวขอพูดถึงพิรุณพร่ำรักต่อหน่อยดีกว่า ได้ข่าวว่าตอนนี้ได้เป็นละครแล้ว รู้สึกยังไงบ้างที่ผลงานเราจะไปโลดแล่นหน้าจอ
กลิ่นเอื้อง : 'พิรุณพร่ำรัก' เป็นเรื่องราวของกุมารแพทย์สาวที่บังเอิญไปช่วยผู้ชายความจำเสื่อมคนหนึ่งเอาไว้ในวันที่ฝนตกค่ะ เธอดูแลเขา อยู่ด้วยกัน ตกหลุมรักกัน ก่อนที่เขาจะจากไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วพอมาเจอกันอีกทีเนี่ย เธอต้องมาดูแลลูกชายของเขา แล้วเขาก็จำช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันไม่ได้เลย แถมยังมีคู่หมั้นแล้วด้วย คุณหมอเลยพยายามตีตัวออกห่าง ถ้าจำไม่ได้ ก็อย่ารู้จักกันอีกเลย แต่คู่นี้เหมือนมีอะไรมาฉุดรั้งกันเอาไว้ สุดท้ายคุณหมอเลยโดนลากเข้าไปพัวพันกับปัญหามาเฟีย กลายเป็นตัวแปรสำคัญในสงครามที่ยืดเยื้อมานาน ส่วนปัญหาหัวใจหนักกว่าเรื่องของมาเฟียอีกค่ะ เพราะพระเอกของเราทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะพิชิตใจคุณหมอทั้งๆ ที่ตัวเองก็จำเขาไม่ได้ อะไรๆ มันเลยยิ่งวุ่นวายมากขึ้น ทดลองอ่าน 
 
ตอนแรกไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่พอคนรอบๆตัวเรามาถามนู่นถามนี่ พ่อเพื่อนจะไปซื้อหนังสือแล้วนะ เพื่อนแม่ฝากนิยายมาขอลายเซ็นต์หน่อย เราเลยพลอยตื่นเต้นไปด้วย หลังๆ มาก็เริ่มอยากรู้ว่าฟีดแบคละครจะดีไหม คนจะพูดถึงนิยายของเรายังไง เพลงประกอบละครจะเพราะรึเปล่า โอ๊ย! ตื่นเต้นไปหมด ฮ่าๆ จำได้ว่าตอนเริ่มเขียนนิยายใหม่ๆ เคยอยากเห็นนิยายตัวเองเป็นละครค่ะ ซึ่งโอกาสก็มาเร็วเกินคาด
 
คิดว่าอะไรที่ทำให้นิยายของเรากลายเป็นละครได้
กลิ่นเอื้อง : น่าจะเป็นเพราะเนื้อเรื่องแปลกแล้วก็มีความเคลื่อนไหวตลอดมั้งคะ 'พิรุณพร่ำรัก' เป็นนิยายที่ดำเนินเรื่องโดยเน้นฉากปฎิสัมพันธ์ระหว่างตัวละครมากกว่าฉากที่เป็นความคิดภายในใจ ความรู้สึกของตัวละครถูกถ่ายทอดผ่านการถกเถียง ทะเลาะ ยียวน ตัวละครมีแอคชั่นตลอดเวลา บางครั้งแค่การเคลื่อนไหวร่างกายธรรมดาๆของหมอชาร์ม (นางเอกของเรื่อง) ก็บอกอารมณ์เธอได้แล้ว เลยดูง่ายที่จะดัดแปลงไปเวอร์ชั่นคนแสดง...แพมก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ ฮ่าๆๆ
 
แล้วกลิ่นเอื้องมีส่วนร่วมในการเขียนบทละครโทรทัศน์ไหมคะ
กลิ่นเอื้อง : มีนิดหน่อยค่ะ แพมให้'เนื้อเรื่องลับ'ของนิยายที่ถูกตัดออกกับทางค่ายละครไป เป็นส่วนของเนื้อเรื่องสำคัญ แต่ถูกตัดจนเหี้ยนเพราะอยากเขียน 'พิรุณพร่ำรัก' ให้เป็นนิยายโรแมนติกดราม่ามากกว่าแอคชั่น ตัวละครบางตัวที่ถูกกล่าวถึงในนิยายแบบไม่มีชื่อ จริงๆ แล้วมีชื่อหมด รวมถึงบางฉากที่เป็นฉากเล็กๆในหนังสือ แต่มีผลกับเนื้อเรื่องมากๆ ซึ่งข้อมูลตรงนี้ยังไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนค่ะ
 
ได้ยินว่าตอนเขียนเรื่องนี้บินไปถึงฮ่องกงเพื่อเก็บข้อมูลเลย  อยากให้เล่าให้เพื่อนๆฟังถึงช่วงเวลานั้นหน่อยค่ะ
กลิ่นเอื้อง : ตอนที่ตัดสินใจว่าจะไป คือตอนที่นั่งอยู่หน้าคอมแล้วงงจนเขียนอะไรไม่ออก ในหัวมีข้อลมูลนะ แต่มันมันไม่สุดอ่ะ เราเลยรู้สึกแบบ เฮ้ย! ไม่ได้แล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง แล้วก็ขูดเงินเก็บที่ได้จากตีพิมพ์เรื่องก่อน จนเกลี้ยงกระเป๋าแล้วจองตั๋วบินอีกวันเลย 
 
จริงๆ แพมพอมีในใจบ้างแล้วว่าจะเขียนอะไร และต้องการอะไรเพิ่ม เลยทำแพลนว่า 4 วันในฮ่องกงเราจะไปที่ไหน แล้วก็ลุย แต่การเดินทางมักจะมีเรื่องไม่คาดคิดตลอด ลืมกระเป๋าตังค์ไว้บนรถบัสบ้าง วิ่งตามรถหน้าตั้งเลย ฮ่าๆๆ ร้านที่จะไปปิดบ้าง ติดฝนบ้าง ก็พบอะไรดีๆเหนือความคาดหมายเยอะมาก เป็นบรรยากาศที่ทำให้พอกลับถึงเชียงใหม่ปุ๊ปก็โหมเขียนนิยายรัวๆ ต่อเลย
 
พิรุณพร่ำรัก มีฉากสำคัญคือ สายฝน  ได้แรงบันดาลใจพล็อตและฉากมาจากไหน
กลิ่นเอื้อง : จากฮ่องกงนั่นแหละค่ะ ฮ่าๆ ตอนเด็กๆพ่อแม่เคยพาไปครั้งหนึ่ง แล้วไปช่วงเปลี่ยนฤดูพอดี ภาพแรกของฮ่องกงที่เห็นคือตึกสูงทะลุเมฆกับบรรยากาศอึมครึม มันติดอยู่ในใจจนพอมาเขียนนิยายก็อยากเขียนเรื่องที่มีฉากหลังเป็นสถานที่แบบนั้นสักครั้ง จากนั้นเรื่องเกี่ยวกับมาเฟียก็ตามมา คิดว่าคงเขียนสนุกและเข้ากับบรรยากาศทะมึนๆ เลยตัดสินใจใช้เรื่องนี้เป็นแกนหลักของเรื่อง
 


 


ฮ่องกง แรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดเป็นนิยายเล่มนี้

 
ตั้งชื่อเรื่องเองด้วย  พิรุณพร่ำรัก ชื่อนี้มีที่มายังไงคะ หลายๆคนชอบชื่อหนังสือมาก พี่วิวก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยค่ะ
กลิ่นเอื้อง : อยากได้อะไรเกี่ยวกับฝนๆค่ะ แล้วต้องไม่ซ้ำกับใคร คำแรกที่ผุดในหัวเลยคือพิรุณ    พิรุณแล้วยังไงต่อ ฝนตก ฝนพรำ งั้นเป็นพิรุณพร่ำ เป็นนิยายรักเลยเติมรัก เข้าไปข้างหลัง บังเอิญคล้องจองกันอีกต่างหาก ออกมาเป็น 'พิรุณพร่ำรัก' ค่ะ สาบานว่าตอนคิดชื่อเรื่อง คิดแค่นี้จริงๆ สิบนาทีเสร็จ จนตอนนี้ยังงงตัวเองอยู่ว่าตั้งชื่อได้ขนาดนี้เลยเหรอ ส่วนเนื้อเรื่องกับลูกเล่นในหนังสือที่เข้ากับชื่อ ก็มาปรับให้สอดคล้องกันทีหลังค่ะ
 
อยากให้บอกเสน่ห์ของพระ-นางในเรื่องนี้หน่อย มีนักอ่านนักรีวิวหลายคนบอกว่าเคมีเข้ากันมาก
กลิ่นเอื้อง : สองคนนี้ ต้องบอกว่าบุคลิกเหมือนแม่เหล็กคนละขั้วค่ะ คือแตกต่างกัน แต่ก็ดึงดูดอีกฝ่ายอย่างรุนแรงเช่นกัน ในพาร์ทความจำเสื่อม โลแกน คนขี้เล่นสามารถพังกำแพงน้ำแข็งของหมอชาร์ม ได้ในพริบตา ส่วนโลแกน ลู ในพาร์ทนักธุรกิจจะเป็นคนเปิดเผยอารมณ์เฉพาะกับคนที่เขาเลือกแล้ว กวนประสาทนิดๆ เหมือนไม่ค่อยจริงจังกับอะไรทั้งๆที่ความจริงแล้วเป็นคนจริงจังมาก ส่วนคุณหมอเป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง เยือกเย็น น่าค้นหา สวยครบสูตรเลยค่ะถ้าไม่นับข้อเสียที่บางครั้งเป็นข้อฮาของหมอ  แล้วพอมิสเตอร์ลูแกล้งหยอดอะไรมาเธอก็จะรู้ทัน โต้กลับสวยๆได้ทั้งที่ในใจอาจกำลังรู้สึกอีกอย่าง คนฉลาดมาอยู่ด้วยกัน แพ้ทางกัน ฉากปะทะคารมเลยมีอะไรลุ้นๆ ให้เห็นตลอด แต่สิ่งที่สองคนนี้มีเหมือนกันคือความใจเด็ด หมอมีความแกร่งพอที่จะเป็นผู้หญิงของอดีตมาเฟีย ในขณะที่โลแกนเองก็แกร่งพอที่จะทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงของเขา คู่นี้ถ้าขาดคนใดคนหนึ่งไป เสน่ห์ของอีกฝ่ายจะไม่แสดงออกมาเลย
 
โลแกนกับหมอชาร์ม ภายใต้ร่มกันฝนสื่อรัก ฝีมือวาดโดยกลิ่นเอื้อง
 
ถ้าวันนึงคนที่รักลืมกลิ่นเอื้องเหมือนที่โลแกนลืมคุณหมอชาร์ม  จะทำยังไงคะ
กลิ่นเอื้อง : ตอบยากนะคะ เพราะยังไม่เคยมีคนรักกับเขาสักที แต่ถ้าแพมมั่นใจว่าเรายังรักเขาอยู่ มั่นใจว่าเราจะทนไหวกับการที่เขาลืมอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเราไป แพมจะยังอยู่กับเขาค่ะ ความทรงจำเป็นสิ่งที่สามารถสร้างร่วมกันใหม่ได้ และถ้าเขาเคยรักเราจริง แพมมั่นใจว่าสามารถทำให้เขาตกหลุมรักได้อีกครั้งค่ะ... แหม่ ตอบไปก็อายไป >///<
 
ทุกวันนี้มีนักเขียนหลายๆคนนิยมเขียนงานแนว 'โรแมนติกดราม่า' กลิ่นเอื้อง คิดว่าผลงานของตัวเองแตกต่างจากนักเขียนคนอื่นยังไงคะ
กลิ่นเอื้อง : คิดว่านักเขียนแต่ละคนมีแนวทางการเขียนที่แตกต่างกันหมดนะคะ เพราะสิ่งที่พบเจอในชีวิตที่ผ่านมา สิ่งที่หล่อหลอมเราจนกลายเป็นนักเขียนคนหนึ่ง มันไม่เหมือนกัน... อย่างแพมเนี่ย แพมให้ความสำคัญกับกลิ่นเฉพาะตัวของนิยายค่ะ คือพอนึกถึงชื่อเรื่องนี้ปุ๊ป นักอ่านจะต้องเห็นภาพทันทีว่าเกี่ยวกับอะไร ความรักในเรื่องเป็นแบบไหน คาแรคเตอร์หลักเป็นยังไง... การสร้างเอกลักษณ์ให้งานน่าจดจำ เป็นสิ่งที่แพมรักมากๆ ซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้งานต่างจากคนอื่นมาอีกนิดค่ะ
 
จากวันแรกที่เขียนนิยายจนถึงวันนี้ ชีวิตของกลิ่นเอื้อง เปลี่ยนไปยังไง
เปลี่ยนไปเยอะพอสมควรค่ะ อย่างแรกคือเลิกขอเงินพ่อแม่แล้วดูแลชีวิตตัวเองทั้งหมด การทำแบบนี้เหมือนเป็นการกดดันตัวเองไปในตัวด้วยว่าต้องทำงานสม่ำเสมอนะ มีความรับผิดชอบนะ เหมือนเป็นก้าวสำคัญในการโตเป็นผู้ใหญ่เลย พ่อแม่ภูมิใจมากกกก แล้วก็ได้รู้จักคนหลากหลายขึ้น ทั้งพี่ๆ น้องๆ นักอ่าน พี่ๆนักเขียนท่านอื่น พี่ๆในสำนักพิมพ์ เหมือนสังคมของเรากว้างขึ้น มีอะไรให้เห็นมากขึ้น ส่วนการใช้ชีวิตประจำวันยังเหมือนเดิมค่ะ  ขับมอเตอ์ไซค์ไปมหาวิทยาลัย เรียน กินข้าวกับเพื่อน ใช้มือถือเครื่องเก่า ไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไหร่... ที่ดีอีกอย่างคือจะซื้อหนังสือเล่มไหนที่อยากได้ก็ได้ ซื้อหมดเลยไม่มีกั๊ก ไม่มีคนบ่น ซึ่งดีมากกกกจริงๆ ฮ่าๆๆๆ
 
ขอเคล็ดลับการเป็นนักเขียนนิยายที่ดีในแบบของกลิ่นเอื้อง สัก 3 ข้อได้ไหมคะ
กลิ่นเอื้อง : เป็นตัวของตัวเอง ซื่อสัตย์กับตัวเอง... เขียนนิยายในแบบของเรา ความคิดของเรา ความสุขของเรา นิยายเรื่องนั้นๆจะสนุกไม่ได้เลยถ้าคนเขียนซึ่งเป็นคนอ่านคนแรกไม่สนุกไปด้วย และการเป็นตัวของตัวเอง ไม่ลอกใคร ไม่เลียนแบบใคร ยังทำให้เราภูมิใจในความเป็นนักเขียนของเราด้วยค่ะ
 
มีความรับผิดชอบ... ทั้งกับตัวเอง และผลงานที่เขียนไปค่ะ นักเขียนที่ดีควรมีอ้างอิงข้อมูลทุกอย่างในนิยาย ความแม่นยำของเนื้อหา ความสมเหตุสมผลของเนื้อเรื่อง เขียนในสิ่งที่ไม่ทำร้ายสังคม  เขียนในสิ่งที่มั่นใจว่าจะให้อะไรดีๆกับคนอ่านเมื่ออ่านจนจบเรื่องค่ะ
 
รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น... งานของแพมจะไม่พัฒนาเลยถ้าไม่เปิดใจรับฟังนักอ่าน รับทุกอย่างทั้งคำติและคำชม กลั่นกรองให้เห็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของคอมเม้นท์ เอาจริงๆ แพมชอบคำติเตียนจากนักอ่านมากกว่าคำชมอีกนะ มันทำให้เราเห็นว่าเราพลาดอะไรไป เราควรแก้ตรงจุดไหน ปรับงานยังไงให้ดีมากขึ้น อาจใช้กับงานนี้ หรืองานถัดๆไป ไม่เคยโกรธเลยเวลาที่เห็นคนมาอ่านแล้วติแบบยาวเหยียด มีแต่แบบ.. เอาอีก เอาอีก แล้วไงอีก ฮ่าๆๆๆ แต่ต้องไม่ทิ้งความเป็นตัวของตัวเองนะคะ ข้อนี้สำคัญมากเช่นกัน
 
ผลงานต่อไปเพื่อนๆชาวไรเตอร์จะได้เห็นนิยายรักแนวไหนอีกคะ
กลิ่นเอื้อง : เรื่องต่อไปเป็นแนวโรแมนติกคอมเมดี้ค่ะ ชื่อว่า ทิวาพราวแสง' มีพระเอกชื่อพี่คราม ที่ทุกคนเหมือนจะจำพี่ครามได้มากกว่าชื่อนิยาย ส่วนอีกเรื่องถัดไปเป็นแนวดราม่าที่พระนางเฉือนคมกันกระจุยกระจาย ชื่อว่า 'กุลสตรีเถื่อน' ซึ่งสองเรื่องนี้เก็บข้อมูลมาเรียบร้อยหมดแล้ว แล้วพอถัดจากสองเรื่องนี้ก็มีโปรเจคเรียงรอเป็นตับเลยค่ะ แต่ในนั้นไม่มีนิยายแฟนตาซีนะ ฮ่าๆ
 
สุดท้ายแล้วให้ฝากผลงานกับช่องทางติดต่อเลย
กลิ่นเอื้อง : กลิ่นเอื้องมีแฟนเพจนะคะ เชิญมาพบปะสังสรรค์ ถามหาหนังสือเล่มเก่าๆ กันที่ได้ www.facebook.com/pamzillanest หรือจะติดต่อกันผ่านอีเมล์ akita-harumi@hotmail.com ก็ได้ค่ะ ส่วนนิยายเรื่องใหม่ๆ จะอัพให้อ่านในเว็บเด็กดีเสมอ ตามไปกด Favorite ไว้ได้เลยค่ะ  ที่นี่เลย >> มายไอดี กลิ่นเอื้อง 

 
พี่วิวไม่เสียแรงเลยค่ะที่มาไกลถึงเชียงใหม่เพื่อมาคุยกับเธอ กลิ่นเอื้อง เป็นนักเขียนอีกหนึ่งคนของเด็กดีที่มีผลงานออกตีพิมพ์และได้เป็นละครภายในไม่กี่ปีที่เริ่มเขียน ซึ่งนั่นไม่ได้เกิดจากความโชคดี แต่เกิดจากความพยายาม ฝึกฝนและลงทุนทั้งแรงกายแรงใจเพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด พี่วิวเชื่อว่าในอนาคตเราจะได้เห็นผลงานละครจากฝีมือปลายปากกาของกลิ่นเอื้อง เพิ่มมากขึ้นแน่ๆค่ะ
 
    ทั้งชีวิตเคยแต่อ่านพอได้มาลองเขียนเองจริงๆแล้วจึงได้รู้ว่าไม่ง่ายเลย แต่คนเราย่อมมีครั้งแรกเสมอ ดังนั้น ด้วยลูกฮึด หรืออะไรสักอย่าง งานเล่มถัดๆมาจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น   
                                                                                                   - กลิ่นเอื้อง -

 
ก่อนจากกันพี่วิวเตรียมหนังสือ 'พิรุณพร่ำรัก' จากสำนักพิมพ์ซูการ์บีท มาแจกให้เพื่อนๆ 3 คน ที่ตอบคำถามถูกใจกลิ่นเอื้องมากที่สุด ซึ่งคำถามมีอยู่ว่า  ความรักของคุณเหมือนฤดูอะไร เพราะอะไร?  
 
ร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ - 12 มิถุนายน 2559
ประกาศผล 13 มิถุนายน 2559 เวลา 18.00 น.
 
กลิ่นเอื้อง ฝากบอกว่า มาเล่นกันเยอะๆนะ อยากให้ชาวไรเตอร์ได้ลองอ่านและเพลิดเพลินไปกับกลิ่นอายวันฝนพรำ และบรรยากาศหม่นๆ ของมวลหมู่เมฆเหนือเกาะฮ่องกงของพิรุณพร่ำรักกันทุกคนเลยนะคะ ^^


ประกาศรายชื่อผู้โชคดีได้รับหนังสือ พิรุณพร่ำรัก


BTBfriends
sayapechr
สิริ..

 

 ส่งชื่อ-ที่อยู่-มายไอดียืนยันตัวตน มาที่ pimonwan@dek-d.com
หัวข้ออีเมล  รับรางวัลพิรุณพร่ำรัก
ภายในวันที่ 20 มิถุนายน 2559

พี่วิว

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

sayapechr Member 5 มิ.ย. 59 15:49 น. 15

ความรักของฉันเหมือนฤดูใบไม้ผลิ

ตอนที่เรียนเรื่องฤดูในสมัยเด็ก นึกชอบคำว่า Spring มากที่สุด ความหมายที่วนเวียนอยู่ในหัวมันอาจจะดูบ้าบอไปซักหน่อย แต่ก็นะ :)

ตอนที่เห็นต้นไม้ผลิดอกออกผล ได้แต่นึกดีใจว่า วันดีๆจะเข้ามาแล้วนะ คงคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิที่ก่อนจะงดงามได้นั้นต้องทนกับสภาพไร้ความอบอุ่นนานแค่ไหนกันเชียว 

ฉะนั้น ความรักของฉันคือฤดูใบไม้ผลิ ความรักของฉันคือการรักสิ่งที่เข้ามาแล้วทำให้เราเข้มแข็งในทุกวัน คือการรอคอยสิ่งที่สวยงามเข้ามาทำให้ชีวิตเต็มอิ่มสักครั้ง

0
กำลังโหลด
เลลาห์ Member 5 มิ.ย. 59 13:47 น. 13

ความรัก เหมือนฤดูอะไร? เหมือนฤดูหนาวมั้งคะ เพราะ ฤดูหนาวหาความอบอุ่นได้อยาก ความรักของฉันก็หาอยากพอๆกับความอบอุ่นในฤดูหนาว บางคนอาจจะบอกว่าใส่เสื้อแขนยาวห่มผ้าแล้วเดี๋ยวก็อุ่น แต่ความรักความอบอุ่นที่แท้จริงๆในความหมายของฉัน อยู่ที่หัวใจค่ะ ไม่ได้อยู่ที่ผิวกาย

0
กำลังโหลด
wichaya_min Member 5 มิ.ย. 59 13:51 น. 14

ความรักเหมือนทุกฤดูเพราะทุกฤดูผ่านมาแล้วก็ผ่านไปความรักก็เหมือนกันฉันเคยคิดว่าอยากจะหยุดมันไว้แต่ฉันก็ไม่เคยหยุดมันได้ใจคนก็เหมือนโลกฤดูกาลจะหยุดเปลี่ยนถ้าโลกหยุดหมุนซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ใจคนก็เหมือนกันโลกหยุดหมุนเมื่อไหร่ใจเขาคงหยุดอยู่ที่ฉัน

0
กำลังโหลด
แอมมีน่า Member 7 มิ.ย. 59 12:38 น. 19
ตอบคะๆ สำหรับเรา ฤดูร้อนน่าจะเหมาะสุดล่ะ แต่จริงๆ ฤดูกาลแต่ละฤดูมันดูมีความหมายของความรักที่แตกต่างกันไปคะ ส่วนตัวรู้สึกว่าช่วงเวลาของคนสองคนที่เดินทางผ่านร้อนผ่านหนาวไปตามสภาพอากาศ อย่างช่วงแรกอาจเปรียบได้กับฤดูร้อน ได้คบกัน เริ่มศึกษากันและกัน เป็นความรักที่สนุกที่สุดล่ะ ผ่านไปผ่านมาก็อาจจะเกิดช่วงที่มีอุปสรรค์ความรัก เปรียบเสมือนฝน หากทั้งคู่ต่างจับมือกันวิ่งฝ่าไปให้ได้ก็ดีไป หรือถ้ายังมัวแย่งร่มกันอยู่ก็คงถึงจุดต้องแยกย้ายกันไป แต่ถ้าทั้งสองคนยังจับมือกันจนฟันฝ่าอุปสรรคได้ก็มาก็ใช่ว่าจะสงบสุขเสมอไป เพราะหากคนใดคนหนึ่งรู้สึกเบื่อ... ฤดูหนาวคือช่วงอารมณ์ที่น่ากลัวคะ ความรักไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง บางคนเลิกกันเพราะเบื่อการทำอะไรซ้ำๆซากๆก็มี ฮึกๆ
0
กำลังโหลด
iZeny Member 4 มิ.ย. 59 17:54 น. 4

ความรักสำหรับเราเหมือนกับฤดูฝนค่ะ ยิ่งกับวัยเรียนนี่ยิ่งใช่ เพราะสายฝนก็เปรียบเสมือน อุปสรรค ความเจ็บปวดที่ตกมาหาเราจนทำให้เราเป็นไข้ ไม่สบาย แต่ก็มีบางครั้งที่สายฝนทำให้เรารู้สึกดี เช่นเวลาเรามีเรื่องที่ไม่สบายใจ อยากจะระบายแต่ไม่มีใครรับฟัง ก็มีแต่ฝนนี่แหละที่ช่วยทำให้เราใจชื้นขึ้นมาบ้าง เหมือนเวลาที่เราร้องไห้ในที่สาธารณะขณะที่ฝนตก ไม่มีใครรู้ว่าเราร้องไห้ เพราะน้ำตาเรามันละลายไปกับสายฝนแล้ว แต่ถึงเช่นนั้น ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ เหมือนกับพอผ่านอุปสรรคเหล่านั้นมาแล้ว เราก็ได้เจอกับสิ่งดีๆ รู้ว่าควรป้องกันตัวจากฝนยังไง  มันทำให้เรามีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ความรักมันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ณ เวลานึงอาจรักมาก แต่พอถึงอีกเวลานึงอาจไม่รักแล้ว เหมือนกับฝนที่นึกจะตกตอนไหนก็ได้ ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า   นี่คือความคิดของเราค่ะ 555555555555555[bb-06][bb-06]

0
กำลังโหลด

37 ความคิดเห็น

Tatakai Kiyoshi Member 4 มิ.ย. 59 16:07 น. 1

ไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือว่าในละครเหมือนไปถ่ายที่มาเก๊า ไม่ใช่ฮ่องกงเหมือนในนิยาย แต่สถานที่สวยมาก

งงงงงงงง

0
กำลังโหลด
แพรทิตา Member 4 มิ.ย. 59 16:10 น. 2

ความรักของเราเหมือนฤดูอะไร..ขอตอบว่าเหมือนฤดูฝนค่า5555ก็แบบเนื่องจากเราเคยมีความรักในวัยเด็กซึ่งก็เหมือนจะยังไม่ใช่รักจริงๆจังอะไรมั้ง แหะๆ แต่สำหรับเรานะ  ความรักที่เหมือนฤดูฝนก็เพราะว่า บางครึ้งสายฝนก็ทำให้เราชุ่มช่ำคลายร้อนได้แบบกระชุ่มกระชวยหัวใจ ฮิ้ววววว แต่บางครั้งก็เหมือนความทุกข์นะ เวลาเราร้องไห้ยิ่งฝนตกนี่เหมือนในละครเลย  สายฝนชะล้างคราบน้ำตา แต่เราชอบความรักแบบนี้นะคะ 

0
กำลังโหลด
ชา อึน ซาง Member 4 มิ.ย. 59 17:16 น. 3

ความรักของเราเหมือนฤดูฝนค่ะ เพราะว่า..

ความรักมีทั้งหยาดน้ำตา ความสดใส ความละมุน ความอ่อนโยน และความเศร้า..

ความรักที่พึ่งเริ่มต้นก็เป็นดั่งท้องฟ้าเมฆสวยๆลอยล่อง

หลังจากนั้นท้องฟ้าที่มีเมฆสวยๆก็จะกลายเป็นเมฆที่กำลังตั้งเค้าพร้อมที่จะตก

พอเกิดความไม่เข้าใจ ไม่เชื่อใจกันความรักก็จะถึงจุดอิ่มตัวดั่งเมฆฝนแล้วตกลงมาสู่พื้น..

พอเริ่มปรับความเข้าใจกัน ความรักก็จะเป็นดั่งท้องฟ้าที่ฝนหยุดตกและมีแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาหลังจากฝนตก กลายเป็นสายรุ้งที่กลายเป็นสีสดใส

ความรักจึงเหมือนกับฤดูฝนมากที่สุดค่ะ

0
กำลังโหลด
iZeny Member 4 มิ.ย. 59 17:54 น. 4

ความรักสำหรับเราเหมือนกับฤดูฝนค่ะ ยิ่งกับวัยเรียนนี่ยิ่งใช่ เพราะสายฝนก็เปรียบเสมือน อุปสรรค ความเจ็บปวดที่ตกมาหาเราจนทำให้เราเป็นไข้ ไม่สบาย แต่ก็มีบางครั้งที่สายฝนทำให้เรารู้สึกดี เช่นเวลาเรามีเรื่องที่ไม่สบายใจ อยากจะระบายแต่ไม่มีใครรับฟัง ก็มีแต่ฝนนี่แหละที่ช่วยทำให้เราใจชื้นขึ้นมาบ้าง เหมือนเวลาที่เราร้องไห้ในที่สาธารณะขณะที่ฝนตก ไม่มีใครรู้ว่าเราร้องไห้ เพราะน้ำตาเรามันละลายไปกับสายฝนแล้ว แต่ถึงเช่นนั้น ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ เหมือนกับพอผ่านอุปสรรคเหล่านั้นมาแล้ว เราก็ได้เจอกับสิ่งดีๆ รู้ว่าควรป้องกันตัวจากฝนยังไง  มันทำให้เรามีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ความรักมันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ณ เวลานึงอาจรักมาก แต่พอถึงอีกเวลานึงอาจไม่รักแล้ว เหมือนกับฝนที่นึกจะตกตอนไหนก็ได้ ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า   นี่คือความคิดของเราค่ะ 555555555555555[bb-06][bb-06]

0
กำลังโหลด
BTBfriends Member 4 มิ.ย. 59 18:17 น. 5

อืม เหมือนฤดูหนาวค่ะ ฤดูหนาวเป็นฤดุที่คนมีความรักมักจะใช้เวลาร่วมกันเพราะมีเทศกาลต่างๆ บรรยากาศอันอบอุ่นในฤดูหนาว ความใกล้ชิดเกิดดขึ้นเพราะฤดูนี้ถ้าหากเป็นความรักที่สมหวัง ความรักของพ่อแม่ บางครั้งก้ต้องอบอุ่น บางครั้งก็ต้องหนาวและเย็น แต่ถ้าคววามรักใใในรูปแบบผิดหวังฤดูหนาวจะเป็นฤดูที่รู้สึกถึงความเงียบเหงา อ้างว่าง เปล่าเปลี่ยว

สรุปคือคววามรักของเราคือฤดูหนาวที่มีทั้งผิดหวังสมหวัง อบอุ่น สุข สมหวัง เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย เป็นฤดูที่น่าเหงาสำหรับคนโสด แต่เป้นฤดุที่ทำให้ใกล้ชิดกับคนในครอบครัว มีทั้งความรักและความผุกพัน ความใกล้ชิด ความสบายใจ

ปล. ขอให้โดนใจนักเขียนทีเถอะะะะ สาธุ

0
กำลังโหลด
พราววิภา Member 4 มิ.ย. 59 18:45 น. 6

ความรักของเรา เหมือนกับฤดูร้อนค่ะ เพราะเขาเหมือนพระอาทิตย์ที่คอยให้ความอบอุ่นในใจเรา เวลาที่ได้เห็นเขายิ้ม เขามีความสุข เราเองก็มีความสุขไปด้วย ถึงแม้ว่าเขา จะไม่ได้คิดเหมือนเราก็ตาม ตลอด9ปีที่ผ่านมา มันพิสูจน์แล้วว่า ความรักไม่ได้หมายถึงการครอบครอง แต่มันคือการให้ การได้ทำสิ่งดีๆให้แก่กัน เราไม่ได้รักคนมีเจ้าของนะ เพราะเขายังไม่มีใคร เราเองก็ด้วย เราเคยบอกความในใจกับเขาไปแล้ว แต่แน่ล่ะว่า หัวใจเขา เราไม่สามารถไปบังคับได้ว่าเขาต้องรักเราตอบกลับ เราแค่คอยเฝ้ามองเขาไกลๆในที่ของตัวเอง ถึงจะทำได้แค่นี้ แต่เราก็มีความสุขมากแล้ว และถ้าสักวันเขาได้พบใครคนที่เขารัก เราก็พร้อมจะยินดีไปกับเขา พร้อมจะเห็นเขามีความสุข แม้ความสุขนั่นจะไม่มีเราก็ตาม.

#ไม่ได้โลกสวยนะคะ แต่ตลอด9ปีที่ผ่านมา มันสอนเราว่า แค่ได้มองอยู่ห่างๆก็ดีมากแล้ว

ปล.ขอให้ได้ขอให้โดนนะคะ ชอบอ่านมาก^^  

0
กำลังโหลด
ศรีดล Member 4 มิ.ย. 59 22:59 น. 7

เหมือนฤดูหนาวมั้งคะ เพราะทำให้รู้ว่าความอบอุ่นเป็นอย่างไร

ในหัวใจเราที่ไม่เคยมีความรักแบบหนุ่มสาว รับรู้ได้เลยว่าความอบอุ่นจากความรักของพ่อแม่และครอบครัวซึ่งเป็นคนที่เรารักและรักเราคือแสงสว่างที่ให้ความอบอุ่นกับหัวใจ ไม่ว่าวันนั้นในชีวิตจะเป็นอย่างไรเรายังสัมผัสถึงความอบอุ่นนี้ได้ และพวกเขาเหล่านั้นยังอยู่เคียงข้างเราเสมอ. :D

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
Catherine9670 Member 5 มิ.ย. 59 00:24 น. 10
ความรักของเราถ้าตอบได้ทั้ง 3 ฤดู ก็จะตอบทั้ง 3 ฤดูเลย ^^ เพราะฤดูร้อน เป็นช่วงเวลาที่เราจะลุยไปด้วยกันได้มากที่สุดไม่ต้องกังวลอะไรมาก ใช้เวลาได้อย่างเต็มที่ ดูพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ด้วยกันทุกวันๆ มันเป็นอะไรที่ดีมาก ฤดูฝน ถึงจะแฉะแต่ก็ฟินได้ จริงๆ วิ่งหลบฝนด้วยกัน เหมือนคนไม่ค่อยพูดกับคนที่พูดมากติดฝนอยู่ที่เดียวกันแหละค่ะ นานเข้าๆก็ทนความเงียบไม่ไหว ยิ่งเธอหล่อก็ยิ่งเงียบไม่ได้ ฤดูหนาว ถ้าพูดฤดูหนาว คงเป็นฤดูที่โรแมนติกสุดๆแล้วล่ะ ความอบอุ่นจากกองไฟรึ จะสู้อ้อมกอดจากเธอ >< เพราะมีหน้าวหนาว ถึงทำให้รู้ว่าการอยู่คนเดียวต้องทนหนาวเหน็บแค่ไหน ดังนั้น เมื่อมีเค้าให้ความอบอุ่นอยู่ข้างๆกาย ก็ต้องรักษาเข้าไว้และใช้เวลาที่ได้อยู่กับเค้าให้คุ้มค่าที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะยังได้อยู่ด้วยกันอีกไหม แล้วถ้ายังอยู่มันจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปรึเปล่า
1
Catherine9670 Member 5 มิ.ย. 59 16:52 น. 10-1
(( ไม่รู้จะดูไร้สาระไปไหม 555 เราไม่เคยมีแฟน ไม่เคยรักใครเลยเขียนอะไรไม่ได้มาก แต่ถึงแบบนั้นก็จะรอลุ้นค่ะ ^_^ ))
0
กำลังโหลด
รัช 5 มิ.ย. 59 01:13 น. 11
ความรักของเราก็คงจะเหมือนกับ...ฤดูฝนมั้งคะ โดยส่วนตัวก็เป็นคนที่ชอบฤดูฝนอยู่แล้ว จะเรียกว่าตอบแบบไม่คิดหรือเอาตามความชอบเลยก็คงจะประมาณนั้นค่ะ เพราะด้วยอายุและประสบการณ์เรื่องความรักเนี่ยน้อยพอๆกันเลยค่ะ แต่เรื่องทุกเรื่องมันก็มีเหตุผลของมัน เราชอบบรรยากาศอึมครึมก่อนที่ฝนจะตก เย็นดีค่ะไม่ร้อน ชอบกลิ่นดินเวลาที่ฝนตกสดชื่นดีค่ะ ชอบความโล่งความสะอาดของสิ่งต่างๆที่ถูกชะล้างด้วยน้ำฝนสบายตามากเลยค่ะ มองท้องฟ้าไกลๆแล้วรู้สึกดีจนบางทีก็อยากหลับ ? แต่ในความชอบก็ยังมีความไม่ชอบค่ะเพราะความเปียกความแฉะที่มากับฝนเนี่ย...เฮ้อ เข้าเรื่องค่ะ ว่าด้วยเรื่องความรักก็คงเหมือนก่อนฝนตกที่อึมครึม ท้องฟ้าปิด ไร้ซึ่งแสงแดด...ไร้ซึ่งความรัก แต่ช่วงเวลาที่ฝนตกกลิ่นที่สดชื่นของดินก็ยังทำให้เรารู้ว่ายังคงมีเรื่องดีๆอยู่เสมอถึงแม้ท้องฟ้าจะยังไม่เปิด พอถึงตอนที่ฝนหยุดตก ท้องฟ้าก็จะกลับมาสดใสเองถึงตอนนั้นเราก็จะมองเห็นอะไรๆชัดขึ้น เราเป็นคนคิดบวกค่ะถึงแม้ตอนนี้ความรักของเรายังไม่มีแววจะตั้งเค้าเลยก็ตาม แต่เชื่อว่าสักวันเมื่อถึงเวลาก็คงมาค่ะ ยังอายุน้อยอยู่ตอนนี้หน้าที่หลักๆของเราก็คือซักผ้า ล้างจาน กวาดบ้าน... และตั้งใจเรียนค่ะ
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
เลลาห์ Member 5 มิ.ย. 59 13:47 น. 13

ความรัก เหมือนฤดูอะไร? เหมือนฤดูหนาวมั้งคะ เพราะ ฤดูหนาวหาความอบอุ่นได้อยาก ความรักของฉันก็หาอยากพอๆกับความอบอุ่นในฤดูหนาว บางคนอาจจะบอกว่าใส่เสื้อแขนยาวห่มผ้าแล้วเดี๋ยวก็อุ่น แต่ความรักความอบอุ่นที่แท้จริงๆในความหมายของฉัน อยู่ที่หัวใจค่ะ ไม่ได้อยู่ที่ผิวกาย

0
กำลังโหลด
wichaya_min Member 5 มิ.ย. 59 13:51 น. 14

ความรักเหมือนทุกฤดูเพราะทุกฤดูผ่านมาแล้วก็ผ่านไปความรักก็เหมือนกันฉันเคยคิดว่าอยากจะหยุดมันไว้แต่ฉันก็ไม่เคยหยุดมันได้ใจคนก็เหมือนโลกฤดูกาลจะหยุดเปลี่ยนถ้าโลกหยุดหมุนซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ใจคนก็เหมือนกันโลกหยุดหมุนเมื่อไหร่ใจเขาคงหยุดอยู่ที่ฉัน

0
กำลังโหลด
sayapechr Member 5 มิ.ย. 59 15:49 น. 15

ความรักของฉันเหมือนฤดูใบไม้ผลิ

ตอนที่เรียนเรื่องฤดูในสมัยเด็ก นึกชอบคำว่า Spring มากที่สุด ความหมายที่วนเวียนอยู่ในหัวมันอาจจะดูบ้าบอไปซักหน่อย แต่ก็นะ :)

ตอนที่เห็นต้นไม้ผลิดอกออกผล ได้แต่นึกดีใจว่า วันดีๆจะเข้ามาแล้วนะ คงคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิที่ก่อนจะงดงามได้นั้นต้องทนกับสภาพไร้ความอบอุ่นนานแค่ไหนกันเชียว 

ฉะนั้น ความรักของฉันคือฤดูใบไม้ผลิ ความรักของฉันคือการรักสิ่งที่เข้ามาแล้วทำให้เราเข้มแข็งในทุกวัน คือการรอคอยสิ่งที่สวยงามเข้ามาทำให้ชีวิตเต็มอิ่มสักครั้ง

0
กำลังโหลด
วรรณิศา 5 มิ.ย. 59 19:47 น. 16
ความรักเหมือนฤดูหนาว เริ่มต้นที่ อบอุ่น และจะค่อยๆเย็น พอถึงจุดสิ้นสุด จะเย็นจับขั้วหัวใจ จนเจ็บปวด ทำให้ไม่อยากทำอะไร
0
กำลังโหลด
JiN_ToniX Member 5 มิ.ย. 59 21:23 น. 17
ฤดูฝนครับ เดายาก เดาไม่ได้ วันไหนอากาศแจ่มใส่ อยู่ดีๆฝนก็ตกลง มาง่ายๆ บางวัน ดูครึ้มๆ แต่ก็ไม่ตก บางทีก็มีทั้งพายุ ทั้งฟ้าร้อง ทั้งฝนตก กระหน่ำมาพร้อมๆกัน แต่ก็ใช่จะไม่มีวันไหนที่อากาศดีทั้งวัน
0
กำลังโหลด
JiN_ToniX Member 5 มิ.ย. 59 21:24 น. 18
ฤดูฝนครับ เดายาก เดาไม่ได้ วันไหนอากาศแจ่มใส่ อยู่ดีๆฝนก็ตกลง มาง่ายๆ บางวัน ดูครึ้มๆ แต่ก็ไม่ตก บางทีก็มีทั้งพายุ ทั้งฟ้าร้อง ทั้งฝนตก กระหน่ำมาพร้อมๆกัน แต่ก็ใช่จะไม่มีวันไหนที่อากาศดีทั้งวัน
0
กำลังโหลด
แอมมีน่า Member 7 มิ.ย. 59 12:38 น. 19
ตอบคะๆ สำหรับเรา ฤดูร้อนน่าจะเหมาะสุดล่ะ แต่จริงๆ ฤดูกาลแต่ละฤดูมันดูมีความหมายของความรักที่แตกต่างกันไปคะ ส่วนตัวรู้สึกว่าช่วงเวลาของคนสองคนที่เดินทางผ่านร้อนผ่านหนาวไปตามสภาพอากาศ อย่างช่วงแรกอาจเปรียบได้กับฤดูร้อน ได้คบกัน เริ่มศึกษากันและกัน เป็นความรักที่สนุกที่สุดล่ะ ผ่านไปผ่านมาก็อาจจะเกิดช่วงที่มีอุปสรรค์ความรัก เปรียบเสมือนฝน หากทั้งคู่ต่างจับมือกันวิ่งฝ่าไปให้ได้ก็ดีไป หรือถ้ายังมัวแย่งร่มกันอยู่ก็คงถึงจุดต้องแยกย้ายกันไป แต่ถ้าทั้งสองคนยังจับมือกันจนฟันฝ่าอุปสรรคได้ก็มาก็ใช่ว่าจะสงบสุขเสมอไป เพราะหากคนใดคนหนึ่งรู้สึกเบื่อ... ฤดูหนาวคือช่วงอารมณ์ที่น่ากลัวคะ ความรักไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง บางคนเลิกกันเพราะเบื่อการทำอะไรซ้ำๆซากๆก็มี ฮึกๆ
0
กำลังโหลด
minko. Member 7 มิ.ย. 59 18:03 น. 20

ความรัก....เหมือนทุกฤดูผสมกัน

เริ่มจากฤดูใบไม้ผลิ เป็นฤดูแห่งการเริ่มต้น = ช่วงโปรโมชั่น ทุกๆสิ่งดูสวยงามไปหมด สมบูรณ์ อะไรๆก็ดี จนทำให้เห็นผิดเป็นชอบได้ในบางครั้ง

 ฤดูร้อน เป็นช่วงที่เริ่มมีความขัดแย้งกันบ้าง มีความเห็นไม่ตรงกันเป็นบางครั้ง ก็ต้องใช้ความอดทน ค่อยๆทำความเข้าใจและเรียนรู้กันไป

ฤดูใบไม้ร่วง เป็นช่วงที่ทุกอย่างเริ่มไม่ตื่นเต้น ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ จนบางทีทำให้เบื่อ เฉื่อย ไม่ตื่นเต้น ทำให้มีความคิดว่าควรห่างกันซักพัก....

ส่วนฤดูหนาว เป็นช่วงที่ทำให้รู้สึกอ้างว้าง เหงา มีอุปสรรคต่างๆเข้ามาทดสอบทั้งคู่ หากสามารถฝ่าฟันอุปสรรคนั้นๆได้ ก็จะทำให้ชีวิตคู่เข้มแข็งขึ้น รักกันมากขึ้น เหมือนแบ่งความอบอุ่นให้แก่กันและกันเพื่อคลายหนาว smiley

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด