Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

บทความ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

บทความ11ประเภท

           บทบรรณาธิการ

      
         ไทยรัฐ  ประจำวันศุกร์ที่  6  กุมภาพันธ์  พ.ศ. 2547
                          ขอให้เดินถูกทาง
   คนไทยคงจะเอาใจช่วยให้รัฐบาลประสบความสำเร็จ  ในการแก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้  ขอให้รัฐบาลเดินถูกทางเสียที  หลังจากที่เดินหลงทางแก้ปัญหาแบบตาบอดคลำช้างมานานหลายสิบปี  นายกรัฐมนตรีประกาศว่า  รู้ตนตอของปัญหาหมดแล้ว  และจะแก้ไขแบบบูรณาการ  กล่าวคือนอกจากจะฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยแล้ว  ยังต้องแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมควบคู่กันไปด้วย
   ความไม่สงบเรียบร้อยและความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กลายเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อเรื้อรังมาหลายรัฐบาล  ประเดี๋ยวก็สงบลงชั่วคราว  แต่แล้วก็ประทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง  แต่ต้องถือว่ารุนแรงที่สุดในสมัยของรัฐบาลปัจจุบัน  เพราะอาจเรียกได้ว่ามีการฆ่ารายวัน  ทั้งตำรวจ ทหาร ข้าราชการพลเรือน หรือแม้แต่พระภิกษุในพระพุทธศาสนา  ก็โดนฆ่าเป็นครั้งแรกขณะที่ปฏิบัติศาสนกิจ
   ทำให้สถานการณ์ในสามจังหวัดคือ ยะลา ปัตตานีและนราธิวาส กลายเป็นอาณาจักรแห่งความกลัวประชาชนอยู่ในสภาพหวาดผวา ครูไม่กล้าไปสอนนักเรียน พระไม่กล้าออกบิณฑบาต ต้องปิดโรงเรียนชั่วคราวกว่าพันแห่ง และแม้แต่จะเปิดใหม่แล้วก็ยังไม่กล้าไปโรงเรียน นักวิชาการท่านหนึ่งฟันธงว่า ขณะนี้อำนาจรัฐถูกสั่นคลอนมากที่สุด นับตั้งแต่รัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา
   รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเดินทางไปควบคุมสถานการณ์ด้วยตนเองเป็นเวลาแรมเดือน แม้มั่นใจว่าสถานการณ์ในภาคใต้จบแล้วแต่ก็ยอมรับว่า ภารกิจที่สำคัญอย่างหนึ่งของรัฐบาลคือ การสถาปนาอำนาจรัฐขึ้นมาใหม่ เป็นการยอมรับว่า รัฐได้สูญเสียอำนาจอย่างหนึ่งไปโดยเฉพาะอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อย แม้จะประกาศกฎอัยการศึกก็ตาม
   ในการแก้ปัญหาแบบบูรณาการครั้งนี้  นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงกลาโหมรับผิดชอบเรื่องการใช้กำลังทหาร กระทรวงมหาดไทยดูแลการจัดระเบียบและการปกครอง โดยมีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง(พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ) ดูแลปัญหาในภาพกว้างและการพัฒนา หวังว่าการทำงานของทั้งสามฝ่าย จะมีการประสานงานเพื่อเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีความเป็นเอกภาพ
    การใช้กำลังจะต้องทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด เพราะถ้ากระทำต่อคนร้ายตัวจริงก็ดีไป แต่ถ้าผิดพลาดไปโดนชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เข้า ก็เท่ากับจะเป็นการเต้นตามเพลงของผู้ก่อการร้ายผู้ต้องการสร้างความรุนแรง และทำให้ชาวบ้านกลายเป็นแนวรบของกลุ่มคนร้าย แม้แต่การพัฒนาก็จะต้องให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ มิใช่การพัฒนาที่ทางการเป็นผู้สั่งแต่ฝ่ายเดียว
   เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปดูสถานการณ์ด้วยตนเอง ในเวลาอันสมควรเพื่อจะได้ทราบสถานการณ์และปัญหาที่แท้จริงจากประชาชนในท้อง ถิ่น ไม่ใช่ฟังรายงานจากข้าราชการฝ่ายเดียว ขณะเดียวกันก็ต้องฟังความเห็นจากทุกฝ่าย เช่น คำเตือนที่ว่าการแก้ปัญหาในพื้นที่มีความเปราะบาง ไม่ใช่แค่การส่งมือฆ่าเข้าไปและข้อเสนอของนักวิชาการให้วินิจฉัยโรคให้ถูกต้องก่อนที่จะแก้ปัญหา

     บทความสัมภาษณ์

คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
เนื่องในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ภาคตะวันออก ครั้งที่ 20

อรสา สุริยาพันธ์
ภาควิชาวิทยาศาสตร์การอาหาร

สวัสดีค่ะท่านผู้ฟัง เนื่องในวันที่ 18 - 24 สิงหาคมของทุกปี เป็นสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ซึ่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะมีการจัดกิจกรรมและนิทรรศการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมากมายและเช่นเดียวกัน ที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ก็ได้จัดให้มีงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติภาคตะวันออกขึ้นเป็นประจำทุกปี และในปีนี้เป็นครั้งที่ 20 โดยได้จัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 18 - 20 สิงหาคม 2546 ณ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ภายใต้หัวข้อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อเศรษฐกิจและสังคมไทยโอกาสนี้ รายการวิทยาศาสตร์เพื่อประชาชนได้เรียนเชิญ
รองศาสตราจารย์ ดร.คเชนทร เฉลิมวัฒน์ คณะบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา มาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติภาคตะวันออก ครั้งที่ 20 ที่จะจัดขึ้นค่ะ
ผู้สัมภาษณ์ : สวัสดีค่ะ ท่านคณบดี
คณบดี : สวัสดีครับ
ผู้สัมภาษณ์ : ก่อนอื่น ดิฉันใคร่ขอความกรุณาท่านคณบดี ได้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของงาน
สัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติค่ะ
คณบดี : ยินดีครับ งานวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติที่จัดขึ้นทุกปีนั้น เป็นการจัดขึ้นเพื่อ
น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเพื่อเทิดพระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย
ถ้าหากเรามองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ไทย เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ทรงโปรดการศึกษาทางด้าน
ดารา ศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง และในปี พ.ศ.2411 พระองค์ทรงคำนวณทางว่าจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงและสามารถมองเห็นได้ด้วยตา เปล่า ในวันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2411 ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ท่านได้ทรงคำนวณว่าปรากฏการณ์

สุริยุปราคาเต็มดวงที่จะเกิดขึ้นนั้น สามารถมองเห็นได้ดีที่สุดจากหมู่บ้านที่อยู่
ห่างไกลไปทางภาคใต้ของประเทศไทย ใกล้ฝั่งตะวันออกของแหลมมลายู
ซึ่งปัจจุบันคือตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์นั่นเอง ในครั้งนั้นพระองค์
ได้ ตกลงพระทัยที่จะทรงจัดงานมหาสมาคมขึ้นระหว่างผู้รู้ เพื่อคอยดูสุริยุปราคาเต็มดวงในวันดังกล่าว พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังตำบลหว้ากอ
พร้อมด้วยผู้โดยเสด็จและผู้มาเข้าเฝ้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีทั้งนัก
ดารา ศาสตร์ชาวฝรั่งเศสและชาวไทยที่สนใจในวิชาดาราศาสตร์ เป็นต้น และเมื่อถึงเวลาที่พระองค์ทรงคำนวณไว้สุริยุปราคาเต็มดวงก็เกิดขึ้น ตามที่ทรงคำนวณไว้อย่างแม่นยำ ไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่วินาทีเดียว และแม่นยำ ไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่วินาเดียว และแม่นยำยิ่งกว่าที่นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสของพระองค์ท่าน เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติของพระองค์ท่านเราจึงถือว่าวันที่ 18 สิงหาคม ของทุกปีเป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ และต่อมาจึงได้มีการกำหนดให้มีการจัดงานสัปดาห์วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้น ทุกปีด้วย
ผู้สัมภาษณ์ : การจัดงานนี้มีวัตถุประสงค์อย่างไรบ้างคะ
คณบดี : การจัดงานครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลายประการ สรุปได้ดังนี้ครับ
1. เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
2. เพื่อเผยแพร่ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งวิทยาการใหม่ๆ
แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปในภาคตะวันออก
3. เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการนำความรู้ทางวิทยาศาสต์ไปใช้ในการ
พัฒนาประเทศ
4. เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนแผนพัฒนาบริเวณชายฝั่งทะเล
ภาคตะวันออก
5. เพื่อสนับสนุนให้เกิดการประสานความร่วมมือทางด้านวิชาการและการพัฒนา
บุคลากรระหว่างนิสิต คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และนักเรียนจาก
สถาบันการศึกษาระดับสูงในภาคตะวันออกกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
ผู้สัมภาษณ์ : ค่ะ แล้วงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ครั้งที่ 20 ที่จัดขึ้นในปีนี้ เน้นเกี่ยวกับ
เรื่องอะไรบ้างคะ
คณบดี : งานวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ครั้งที่ 20 จัดขึ้นโดยใช้หัวข้อ วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี เพื่อเศรษฐกิจและสังคมไทยโดยในงานจะมุ่งเน้นทั้ง 2 ส่วนตามหัวข้อของงานปีนี้ครับ ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราสามารถที่จะใช้ความรู้
ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศไทยได้ครับ
ผู้สัมภาษณ์ : งานในปีนี้มีกิจกรรมเด่นๆ อะไรบ้างคะ
คณบดี : กิจกรรมที่จัดขึ้นในงานมีมากมายครับ จะขอยกตัวอย่างที่เด่นๆ ดังนี้ครับ
1. ในงานจะมีการจัดนิทรรศการเพื่อเทิดพระเกียรติพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย
โดยในช่วงเช้าจะมีพิธีถวายถานพุ่มสักการะ
2. มีการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยม
ศึกษาตอนปลาย ของโรงเรียนในเขตการศึกษา 12 โดยโครงงานที่ได้รับรางวัลที่ 1
ของแต่ละประเภทจะนำไปประกวดต่อในระดับประเทศ ซึ่งกิจกรรมโครงงาน
วิทยา ศาสตร์นี้จะช่วยกระตุ้นให้นักเรียนได้ศึกษา คิดค้น และประดิษฐ์ผลงานทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการสร้าง
นักวิทยาศาสตร์และปลูกฝังให้นักเรียนมีแนวคิดและกล้าแสดงออก ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต
3. การแข่งขันตอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ทุกระดับการศึกษาของโรงเรียนในภาคตะวันออก ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้าข่าวสารข้อมูลความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ทุกสาขา
4. นิทรรศการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของนิสิต คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาและกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายครับ เช่น การประกวดวาดภาพ การโต้วาทีและแข่งขันทักษะทางคอมพิวเตอร์ สำหรับนักเรียนในงานมีการ
แนะแนวการเตรียมสอบเอนทรานซ์ด้วย
ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคณบดีคะ ขอทราบกำหนดการจัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ครั้งที่ 20
อีกครั้งค่ะ ว่าจัดที่ไหนและเมื่อไหร่คะ
คณบดี : ครับ งานนี้จะจัดขึ้นที่บริเวณคณะวิทยาศาสตร์ และหอประชุมธำรง บัวศรี
มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 18 - 20 สิงหาคม 2546 เวลา
08.00 - 16.00 น.
ผู้สัมภาษณ์ : ท่านผู้ฟังคะ การจัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติครั้งนี้มีประโยชน์ต่อท่าน
ผู้ฟังทุกท่านเป็นอย่างมาก ดิฉันขอถือโอกาสนี้เชิญชวนผู้ฟังทุกท่านเข้าร่วมชม
ผลงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาค่ะ
สุด ท้ายนี้ต้องขอขอบพระคุณท่านคณบดี คณะวิทยาศาสตร์ ที่กรุณาให้เกียรติมาพูดคุยกับท่านผู้ฟังในรายการของเราในวันนี้ค่ะ ขอขอบพระคุณค่ะ
คณบดี : ครับ สวัสดีครับ

บทความแสดงความคิดเห็น

                    ช่วยกันประหยัดพลังงาน
     นโยบายชดเชยน้ำมันขายปลีกของรัฐบาลที่ดำเนินการมาถึงวันนี้นับเวลาได้ประมาณ
๑ เดือน ทำให้กองทุนน้ำมันต้องใช้เงินต้องใช้เงินชดเชยราคาถึงวันละประมาณ ๑๐๐ ล้าน
บาท รวมกว่า ๓,๐๐๐ ล้านบาท มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบางฝ่ายการดำเนินนโยบายดังกล่าว ผิดพลาด เพราะจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี นั่นคือ ขีดความสามารถในการผลิตของสินค้า ส่งออกในระยะยาว จะมีปัญหาและประชาชนจะไม่รู้จักนิสัยรักการประหยัด ในขณะที่รัฐบาล
โดย พ.ต.ท. ทักษิณ ชีนวัตร นายกรัฐมนตรีก็ยังคงยืนยันว่ารัฐบาลได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว จะเดินหน้านโยบายตรึงราคาน้ำมันไว้ต่อไป ขอให้ประชาชนช่วยกันประหยัดพลังงาน
     ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลในส่วนของรัฐบาลที่ตัดสินใจตรึงราคาน้ำมันมาก่อน หน้านี้ ๑ เดือน โดยถือเอาประชาชนเป็นหลักที่จะไม่เดือดร้อนจากการขึ้นราคาน้ำมันที่จะทำให้ ราคาสินค้า
ถีบตัวสูงขึ้นไปด้วย แต่ครั้นเวลาน้ำมันลดราคาลงมา ราคาสินค้ากลับไม่ลดตาม การตัดสินใจ ของรัฐบาลจึงควรได้รับการสนับสนุนจากประชาชน เพียงแต่ว่าการคาดการณ์ของรัฐบาลที่ว่า
จะเกิดสงครามสหรัฐถล่มอิรักในเร็ววัน ไม่ได้เป็นไปตามนั้น เพราะเวลาผ่านมา ๑ เดือน สงครามยังไม่เกิด เงินของกองทุนน้ำมันที่นำมาชดเชยก็เพิ่มขึ้นทุกวันจนกลายเป็นตัวเลข
ที่น่าวิตก แต่อย่างไรก็ตามมาถึงวันนี้ สงครามสหรัฐกับอิรักได้เกิดขึ้นแน่นอน ส่งผลให้ราคา น้ำมันผันผวนอย่างมาก เมื่อนั้นก็อาจจะมองเห็นว่าการตัดสินใจของรัฐบาลนั้นถูกต้องแล้ว
     การดำเนินนโยบายชดเชยน้ำมันขายปลีกที่กองทุนน้ำมันต้องควักกระเป๋ามาตลอด
๑ เดือน เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นในช่วงก่อนสงครามนี้ จะไม่เป็นที่น่าวิตก ถ้าประชาชนคนไทยได้รับรู้และเข้าใจว่าการตัดสินใจของรัฐบาลมุ่งประโยชน์ของ ประชาชน
และประเทศชาติเป็นสำคัญ หาใช่เป็นประโยชน์ของรัฐบาล แต่นั่นต้องอยู่ภายใต้ข้อแม้ว่า
ประชาชนจะต้องร่วมแรงร่วมใจประหยัดพลังงาน ควรมีจิตสำนึกว่าถ้าใช้น้ำมันหรือใช้พลังงาน มากแม้จะจ่ายเงินเท่าเดิมก็จะเกิดผลเสียหายต่อประเทศชาติ
     สิ่งที่ปรากฏขึ้นก็คือ ประชาชนโดยทั่วไปยังไม่ได้ตื่นตัวว่าจะต้องช่วยกันประหยัด วิถีชีวิต
เป็นอย่างไรก็ยังคงเป็นอย่างนั้น การใช้รถโดยไม่จำเป็นก็ยังเกิดขึ้นอยู่ คิดเพียงว่าเมื่อมีเงิน
เติมน้ำมันก็คงจะไม่เดือดร้อนไปถึงคนอื่น แต่แท้ที่จริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น การคิดอย่างนี้เป็น
การคิดเอาตัวเองเป็นตัวตั้ง ไม่คำนึงถึงผลกระทบโดยรวม หากมีคนคิดกันเช่นนี้มาก ๆ อยาก
ขับรถไปไหนก็ไปง่าย ๆ คิดจะเปิดไฟกี่ดวง เปิดเครื่องปรับอากาศ โดยไม่ช่วยกันประหยัด
พลังงานสุดท้ายเงินทองที่ต้องเสียไปให้ประเทศที่จำหน่ายน้ำมันก็จะเพิ่มทวีและประเทศไทย
ก็จะมีหนี้สินจำนวนมาก
     การรณรงค์ให้คนไทยพร้อมใจกันประหยัดโดยขอความร่วมมือแบบธรรมดา อาจจะได้ผล
สำหรับคนส่วนหนึ่งที่มีจิตสำนึก แต่คนอีกส่วนหนึ่งก็ติดนิสัยทำตัวสบาย สบาย ไม่ใส่ใจเรื่อง
การประหยัด นี่เองทำให้รัฐบาลต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดและกวดขันให้ปฏิบัติตามมาตรการ
สมัยรัฐบาล พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ก็เคยออกมาตรการต่าง ๆ มาใช้บังคับซึ่งก็ได้ผลระดับ
หนึ่งที่พลังงานไม่ถูกเผาผลาญไปโดยไม่จำเป็น มาถึงรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ก็น่าจะออก
มาตรการมารองรับด้วยซึ่งควรจะไม่รีบด้วยเช่น การกำหนดเวลาเปิด ปิด สถานบริการ ฯลฯ
สำหรับการชดเชยราคาน้ำมันก็คงจะต้องพิจารณาว่าควรจะปรับปรุงหรือไม่

 บทความวิเคราะห์

วิเคราะห์เหตุการณ์
       จากสภาพเศรษฐกิจ และ สังคมของไทย ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงตามกระแสการพัฒนาแบบทุนนิยม
ส่งผลกระทบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นตามในหลายๆ ด้านเช่น ปัญหายาเสพติด   ปัญหาที่ทำกิน    ปัญหาอาชญากรรม
เป็นต้น และ ด้านหนึ่งที่เป็นปัญหามาก ในปัจจุบัน คือ ปัญหาทาง ด้านสุขภาพที่มี แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น  ซึ่งส่วน
ใหญ่มาจาก ด้านพฤติกรรมสุขภาพ ของคนไทยเอง ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองเพื่อการดำรงชีวิต และพฤติกรรมของมนุษย์เรามี ความเชื่อมโยงต่อระบบต่างๆ ที่อยู่ในสังคมซึ่งระบบความเชื่อถือได้ว่าเป็นระบบหนึ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมทางด้านสุขภาพของมนุษย์เรา และ จากปรากฏการณ์ระบบความเชื่อของคนในชุมชนเรื่องผีปอบ ที่เกิดขึ้นนี้ พบว่าปรากฎการณ์ในระบบความเชื่อ ทางด้าน สุขภาพของประชาชน  มีระบบความเชื่อที่เชื่อมโยงกับความเชื่อดั้งเดิมในชุมชนที่ได้รับการขัดเกลาทางสังคม  (socialization)   สืบสานเป็นวัฒนธรรมความเชื่อสืบต่อกันมาเป็นรุ่นๆ ภายในชุมชน โดยมีความเชื่อมโยงประสมประสานกับวัฒนธรรมสังคมอีสาน และเมื่อเกิดเหตุการณ์ทางสุขภาพในชุมชนที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยชุมชนเอง เป็นตัวกระตุ้น
     ภาพที่ออกมาจึงมี ความเชื่อมโยงกันใน ความเชื่อวัฒนธรรมดั้งเดิมที่สามารถอธิบายเห็นภาพได้ดีกว่า  ความเข้าใจของประชาชนเอง และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นถ้าเป็นการมองด้านจิตวิทยาที่ส่งผลต่อภาวะสุขภาพจิตภายในชุมชนจะมองปรากฎการณ์นี้เป็นปรากฎการณ์อุปทานหมู่ (mass hysteria) ที่เป็นผลกระทบจากปัจจัยทางด้านสังคมและเศรษฐกิจที่วิกฤตในปัจจุบันนี้ และประกอบกับความที่ไม่สามารถอธิบายถึงสาเหตุการตายของคนในหมู่บ้านได้ จึงเกิดความารู้สึกที่ไม่มีความมั่นคงในชีวิตของตนเองของคนในหมู่บ้านขึ้นพร้อมๆ กัน สรุปปรากฎการณ์นี้ทำให้เห็นถึงความเป็นจริงที่ปรากฎขึ้นนี้มีความเชื่อมโยงกับปัจจัยที่หลากหลาย และที่สำคัญคือ ปัจจัยทางดานสังคม

และวัฒนธรรมของชุมชนที่จะเป็นตัวอธิบายเหตุและผลได้ด้วยตัวของชุมชนเอง

 

 

 

     บทความวิจารณ์

                         การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องคุณแม่มือใหม่วัยทีนเอจ
เมื่อ สัปดาห์ที่ผ่านมา ไปสอนนักศึกษาแพทย์เรื่องจิตวิทยาของหญิงตั้งครรภ์ค่ะ ด้วยความที่ทั้งอาจารย์ทั้งลูกศิษย์ยังไม่เคยมีใครตั้งครรภ์ซักคน เราเลยเรียนกันแบบทฤษฎีล้วนๆโดยนึกความรู้สึกของหญิงตั้งครรภ์ไม่ค่อยออก เท่าไร มีช่วงหนึ่งที่สอนถึง "ความหมายของการตั้งครรภ์" ค่ะ การที่ผู้หญิงเริ่มท้องไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงคนนั้นพร้อมสำหรับการเป็น แม่เสมอไป เช่นเดียวกับผู้ชายที่ทำผู้หญิงท้องได้และดีใจวี้ดว๊ายกระตู้วู้เมื่อคิดว่า ตัวเองกำลังจะมีลูก ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาพร้อมจะเป็นพ่อคนเสมอไปเช่นกัน

การ์ตูนเรื่อง "คุณแม่มือใหม่วัยทีนเอจ" ทำให้เข้าใจทฤษฎีนี้มากขึ้นจนน้ำตาซึมเลยค่ะ

" โยชิคาวะ รัน" เด็กสาวมัธยมปลายวัย 16 ปีรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตที่แสนจะเงียบเหงา ทุกวันที่กลับบ้านต้องไปเจอกับคุณพ่อจอมเผด็จการที่เอาแต่ดุว่า (ซึ่งที่ดุว่าก็เพราะพฤติกรรมของเธอเอง) และคุณแม่ที่ยอมตามคุณพ่อและไม่สามารถปกป้องเธอได้เลย ยามที่เศร้าจนอยากร้องไห้ น้องๆ กลับพยายามเข้ามาปลอบซึ่งแทนที่รันจะคิดว่าดี เธอกลับมองว่ากระทั่งอยากร้องไห้คนเดียวเธอยังไม่มีอิสระด้วยซ้ำ

ความ รู้สึกของวัยรุ่นทุกคนรวมถึงรันคือ "อยากเป็นผู้ใหญ่เร็วๆ เพราะจะได้เป็นอิสระและรับผิดชอบตัวเองได้" เด็กส่วนใหญ่คิดแบบนี้ตอนที่ยังขอเงินพ่อแม่อยู่ทั้งนั้นล่ะค่ะ

รัน อดทนอยู่ในบ้านที่เธอคิดว่าเป็นแหล่งรวมความทุกข์จนกระทั่งได้เจอ "ฮายาโตะ" เพื่อนผู้ชายที่คุยเก่ง มีเสน่ห์ แต่อารมณ์รุนแรง (ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมพระเอกหนังพวกตบจูบถึงอยู่ได้ เพราะผู้หญิงหลายคนชอบนี่เอง) ฮายาโตะให้ "ความสนใจ" ซึ่งรันคิดว่าตัวเองไม่เคยได้รับจากที่บ้าน และทำให้เธอเข้าใจไปเองว่าคือ "ความรัก" รันจึงตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนและทำงานพิเศษเก็บเงินเล็กๆ น้อยๆ เพื่อต้องการพิสูจน์ว่าเธอสามารถยืนด้วยขาของตัวเองได้

เหตุการณ์ ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อฮายาโตะประสบอุบัติเหตุทำให้ต้องรักษาตัวในโรง พยาบาล 2 เดือน ตลอดเวลารันต้องทำหน้าที่ดูแลฮายาโตะและทำงานไปด้วย แม้จะไม่อยากทนต่อความเอาแต่ใจของฮายาโตะแต่เมื่อคิดว่าแค่ยอมดูแลรับใช้ แล้วจะได้รับความรักตอบแทน เธอจึงยอมทนมาตลอด

สุดท้ายฮายาโตะชวนรัน ไปอยู่ด้วยซึ่งเธอก็ตัดสินใจทันทีเมื่อเห็นว่าพ่อแม่พยายามห้ามอย่างไร้ เหตุผล รันดีใจเพราะคิดว่าตัวเองได้เริ่มชีวิตใหม่ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดจบของความสุข

ฮายาโตะหึงหวงอย่างหน้ามืดตา มัว ไม่ยอมให้รันคุยกับผู้ชายคนไหนเลยและต้องอยู่บ้านรอคอยการกลับมาของเขาเท่า นั้น หากทำไม่ถูกใจก็จะถูกทำร้ายร่างกาย ทำแล้วก็มาขอโทษทีหลังซึ่งรันก็ยอมใจอ่อนและหลอกตัวเองเรื่อยมาว่าซักวันฮา ยาโตะคงเลิกทำร้ายเธอ หลอกตัวเองเสียจนเรียนรู้ที่จะไม่มีปากมีเสียงเรื่องใดเลยเพื่อให้ไม่ต้อง เจ็บตัว

ในที่สุดรันก็ตั้งครรภ์ค่ะ แต่ฮายาโตะคงไม่มีสามัญสำนึกของความเป็นพ่อเท่าไร เขายังสูบบุหรี่ในบ้านและทำร้ายร่างกายรันอยู่ตลอดซึ่งรันคิดว่าฮายาโตะต้อง การให้เธอมีลูกเพื่อจะได้อยู่ดูแลลูกและเขาโดยไม่คิดหนีไปไหน พอจะโทรหาเพื่อนก็ปรากฏว่าเบอร์โทรศัพท์ถูกลบหมด ในที่สุดคนที่รันนึกถึงและหวังจะพึ่งพาก็คือคุณพ่อคุณแม่

เรื่องราว ที่รันทำผิดพลาดมาตลอดคุณพ่อคุณแม่ให้อภัยและยินดีช่วยเหลือโดยไม่บังคับ เหมือนแต่ก่อน เหตุผลคือ "เพราะเป็นชีวิตของรัน" หน้าที่ของพ่อแม่คือแนะนำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด (ซึ่งรันก็ไม่เชื่อและมาตกระกำลำบากจนได้) แต่ในเมื่อลูกสาวได้เลือกแล้วและล้มเหลว หน้าที่ของพ่อแม่คือช่วยประคองให้อยู่รอดได้อย่างตลอดรอดฝั่ง

การ์ตูน เรื่องนี้สร้างจากเรื่องเล่าของคุณแม่วัยรุ่นหลายคนซึ่งแต่ละคนมีปัญหาแตก ต่างกันไป ส่วนใหญ่เป็นปัญหาครอบครัวซึ่งทำให้หลายคนคิดว่าอยากรีบมีครอบครัวใหม่เพื่อ ลบภาพแย่ๆของครอบครัวเดิมออกไปให้หมด แต่ในที่สุดเมื่อตัวเองกำลังจะมีลูกจึงเพิ่งเข้าใจความทุกข์ของพ่อแม่

วันที่เราเข้าใจความทุกข์ของพ่อแม่คือวันที่เราพร้อมจะเป็นพ่อแม่คนแล้วค่ะ

อ่าน จบแล้วชักอยากจะให้คนที่มองว่าเด็กหนีออกจากบ้านเกิดจากเด็กไม่ดีไม่ก็พ่อ แม่ไม่ดีมาอ่านบ้างจังค่ะ ปัญหาพ่อแม่วัยรุ่นเหล่านี้แท้จริงแล้วมีสาเหตุจากหลายปัจจัย ไม่มีใครถูกผิด (แต่มักจะผิดด้วยกันทุกคน)

การ์ตูนเล่มนี้สอนให้เรา มองปัญหาและหาทางแก้มากกว่าที่จะมาจับผิดว่าเป็นเพราะใครทำให้เกิดปัญหาแบบ นี้ขึ้นซึ่งทางแก้ก็จะไปคนละเรื่องเลย

             บทความสารคดีท่องเที่ยว

        อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาสระบาป อำเภอแหลมสิงห์ จากตัวเมืองจันทบุรีขับรถออกมาที่ถนนสุขุมวิท ตรงกิโลเมตร ที่ 346 มีทางแยกซ้ายไปน้ำตกพลิ้ว 2 กิโลเมตร อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว มีเนื้อที่ทั้งหมด 134.5ตาราง กิโลเมตร ประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปีพ.ศ. 2518 สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าโปร่งมีพันธุ์ไม้ต่าง ๆ เช่น ขนุนป่า กระท้อนป่า พิมเสน ขึ้นอยู่ทั่วไป ที่พักมี-บ้านพัก 3 หลัง พักได้หลังละ 8 คน ราคาหลังละ 600-800บาทและค่ายพักแรมพักได้ 20-50 คน ราคาหลังละ 200-500 บาท ติดต่อรายละเอียดได้ที่ กอง อุทยานแห่งชาติโทร. 5790529, 5794842 สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ ได้แก่ น้ำตกพลิ้ว มี 3 ชั้น จากทางขึ้นไป 200เมตร มี อลงกรณ์เจดีย์ อยู่ทางขวามือเป็นเจดีย์ศิลาแลง รัชกาลที่ 5 โปรดให้พระยา จันทบุรีเป็นแม่กองสร้าง เมื่อ พ.ศ.2419 นอกจากนี้แล้วบริเวณใกล้ ๆ กัน ยังมีปิรามิดอีกแห่งหนึ่งชื่อ "ปิรามิดพระนางเรือล่ม" หรือ "สถูปพระนาง-เรือล่ม" เป็นที่บรรจุพระอังคารของพระนางเจ้า-สุนันทากุมารี รัตน์ (พระนางเรือล่ม) ซึ่งเคยเสด็จประพาสน้ำตกพลิ้ว เมื่อพ.ศ.2417 ในธารน้ำตกมีปลาพลวงอาศัยอยู่เป็น จำนวนมาก

           บทความกึ่งชีวประวัติ

       สุนทรภู่
พระ สุนทรโวหาร (สุนทรภู่) เกิดเมื่อรุ่งอรุณของวันจันทร์ ขึ้นหนึ่งค่ำ เดือนแปด ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘ ตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๓๒๙ ในแผ่นดินของพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ชื่อเดิมว่า "ภู่" บิดาเป็นชาวบ้านกล่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง มารดาเป็นคนใกล้ชิดของกรมพระราชวังหลัง พระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ (ทองอิน) ซึ่งมีวังอยู่ริมคลองบางกอกน้อย คือระหว่างสถานีรถไฟธนบุรีกับโรงพยาบาลศิริราชในปัจจุบัน บ้านของเด็กชายภู่น่าจะอยู่แถวสถานีรถไฟธนบุรี เมื่อก่อนบริเวณนี้เรียกกันว่า สวนลิ้นจี่ ในวัยเด็กสุนทรภู่ได้รับความว้าเหว่เมื่อบิดากับมารดาต้องแยกจากกัน บิดาออกไปบวชอยู่ที่เมืองแกลงอันเป็นบ้านเกิด มารดามีสามีใหม่และมีบุตรสาว ๒ คน ชื่อ "ฉิม" กับ "นิ่ม" สุนทรภู่เป็นคนที่รักน้องแม้จะเป็นน้องต่างบิดาก็ตาม ในวัยเด็กได้เข้าเรียนหนังสือกับพระที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) มีความรู้ทางหนังสือพอที่จะทำงานเสมียน มารดาได้นำเข้าถวายตัวรับใช้เจ้านายที่ตนสังกัดอยู่ตั้งแต่ยังเด็กมาก เมื่อถวายตัวแล้วจึงกลับออกไปอยู่บ้านและเรียนหนังสือที่วัด สุนทรภู่คุ้นเคยกับขนบธรรมเนียมในรั้วในวังตั้งแต่ยังเยาว์ จึงเป็นเหตุให้สุนทรภู่มีความรู้เฉลียวฉลาดกว่าเด็กธรรมดาด้วยกัน พอโตขึ้นจึงเข้าไปรับใช้เจ้านายเป็นเสมียนในกรมพระคลังสวน ความรู้ความสามารถทางกาพย์กลอน ก็เริ่มฉายแววออกมา
หนังสือที่สุนทรภู่แต่ง

นิราศ
๑. นิราศเมืองแกลง แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๕๐ ตอนต้นปี
๒. นิราศพระบาท แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๕๐ ตอนปลายปี
๓. นิราศภูเขาทอง แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๗๑
๔. นิราศเมืองสุพรรณ (โคลง) แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๘๔
๕. นิราศวัดเจ้าฟ้า ฯ แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๗๕
๖. นิราศอิเหนา
๗. นิราศพระแท่นดงรัง
๘. นิราศพระประธม
๙. นิราศเมืองเพชร แต่งในราว พ.ศ. ๒๓๘๘-๒๓๙๒

นิทาน
๑. เรื่องโคบุตร แต่งในราวรัชกาลที่ ๑
๒. เรื่องพระอภัยมณี แต่งในราวรัชกาลที่ ๒-๓
๓. เรื่องพระไชยสุริยา แต่งในราวรัชกาลที่ ๓
๔. เรื่องลักษณวงศ์ (มีสำนวนผู้อื่นแต่งต่อ และไม่ทราบเวลาแต่ง)
๕. เรื่องสิงหไตรภพ แต่งในราวรัชกาลที่ ๒

สุภาษิต
๑. สวัสดิรักษา แต่งระหว่าง พ.ศ. ๒๓๖๔-๗
๒. เพลงยาวถวายโอวาท แต่งระหว่าง พ.ศ. ๒๓๗๓
๓. สุภาษิตสอนหญิง แต่งระหว่าง พ.ศ. ๒๓๘๐-๒๓๘๓

บทละคร
๑. เรื่องอภัยณุราช

บทเสภา
๑. เรื่องขุนช้างขุนแผนตอนกำเนิดพลายงาม แต่งในรัชกาลที่ ๒
๒. เรื่องพระราชพงศาวดาร แต่งในรัชกาลที่ ๔

บทเห่กล่อม
๑. เห่เรื่องจับระบำ
๒. เห่เรื่องกากี
๓. เห่เรื่องพระอภัยมณี
๔. เห่เรื่องโคบุตร

รวมวรรณกรรมของสุนทรภู่ ทั้งหมด ๒๔ เรื่อง

                         บทความครบรอบปี

        ฮาโลวีน

     วันฮาโลวีน เรามักจะคุ้นเคยเรียกกันเป็นภาษาปากว่า วันปล่อยผี ในวันดังกล่าวมักมีการจัดตกแต่งบ้านเรือน ร้านค้า โดยใช้ฟักทองที่คว้านเป็นรูปผี หรือใช้วัสดุอื่น ๆ ประดิษฐ์เป็นตัวผีหรือทำให้มีหน้าตาเป็นผีเพื่อสร้างบรรยากาศให้กลายเป็นงาน รื่นเริง วันฮาโลวันมีที่มาอย่างไร และเหตุใดจึงเรียกเช่นนั้นในเรื่องนี้ คณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล แห่งราชบัณฑิตยสถาน ได้จัดทำคำอธิบายถึงประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจของ ฮาโลวีนไว้ดังนี้

     ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Evs ซึ่งแปลว่า วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween คำ Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่า ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify คำ Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่า ๆ เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ)
    
คำ Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ คำ All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย ในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Chrismas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาส ชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไปหลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints Day)
     
การ สมโภชนักบุญทั้งหลายเริ่มโดยสันตะปาปาโบนีเฟสที่ 4 (Boniface IV ครองอำนาจ ค.ศ. ๖๐๘๖๑๕) โดยกำหนดวันที่ ๑๓ พฤษภาคมของทุกปี ตั้งแต่ ค.ศ. ๖๑๓ เป็นต้นมา สาเหตุเนื่องจากเป็นวันเปิดโบสถ์แพนทีอัน (Pantheon) อันเป็นโบสถ์สรรพเทพของชาวโรมันมาแต่เดิม และจักรพรรดิโฟกัส (Phocas) ยกให้เป็นของคริสต์ศาสนา ต่อมา สันตะปาปากรีโกรีที่ ๔ (Gregory IV ครองอำนาจ ค.ศ. ๘๒๗๘๔๔) เปลี่ยนเป็นวันที่ ๑ พฤศจิกายน ตั้งแต่ ค.ศ. ๘๓๕ เป็นต้นมา
    
ชาวคาทอลิกขณะนั้นถือว่าวันฮาโลวีนมีความสำคัญคู่เคียงกันกับวันคริสต์มาสและ วันอีสเตอร์จึงเริ่มงานตั้งแต่วันก่อนหรือวันสุกดิบ ขณะนั้นเกาะอังกฤษยังรับอำนาจของสันตะปาปาอยู่ ชาวอังกฤษจึงรับนโยบายของสันตะปาปาไปปฏิบัติตาม
    
ด้วย เหตุที่ชาวเผ่าเคลต์ของเกาะอังกฤษ (ไอร์แลนด์และสกอตแลนด์) ถือเอาวันที่ ๑ พฤศจิกายน เป็นวันต้นฤดูหนาวและเป็นวันขึ้นปีใหม่ (Samhoin) มาเป็นเวลานานแล้ว โดยจัดพิธีเป็น ๒ วัน คือวันสุกดิบ (๓๑ ตุลาคม) เป็นวันทำบุญเลี้ยงผี ซึ่งเชื่อกันว่าทั้งคืนจะมีผีออกเพ่นพ่านรับส่วนบุญ เมื่อจัดทำพิธียกอาหารทำบุญแล้วก็ปิดประตูหน้าต่างอยู่แต่ในบ้านอธิษฐานขอ ให้ผีไปที่ชอบ ๆ วันรุ่งขึ้น (๑ พฤศจิกายน) เป็นวันปีใหม่ ได้ทำพิธีบูชาเทพเจ้าตามด้วยการรื่นเริงตามประเพณี เมื่อชนพวกนี้ยอมรับนับถือศาสนาคริสต์แล้วก็ยังคงปฏิบัติประเพณีนี้ต่อมา ครั้นได้รับนโยบายจากสันตะปาปาแล้ว ผู้นำศาสนาก็หาวิธีแทรกพิธีกรรมของศาสนาคริสต์เข้ากับประเพณีเดิม วันสุกดิบจึงกลายเป็นวันทำบุญให้วิญญาณของผู้ล่วงลับที่อาจจะยังไม่ได้ขึ้น สวรรค์ คือวิญญาณที่ยังใช้โทษใช้บาปกรรมของตนยังไม่หมดสิ้น ยังอยู่ในแดนชำระ (purgatory) จึงทำพิธีสวดอ้อนวอนขอพระเป็นเจ้าเมตตาให้ได้ขึ้นสวรรค์เร็วขึ้น วิญญาณเหล่านี้จึงไม่น่ากลัวเหมือนผีที่เร่ร่อนขอส่วนบุญ เมื่อชาวบ้านหันมานับถือศาสนาคริสต์แล้วก็ไม่เชื่อเรื่องผีมาขอส่วนบุญอีก แต่ก็ยังถ่ายทอดประเพณีนี้ต่อไป โดยปรับให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ คือคืนวันสุกดิบถือเป็นคืนเล่นผี มีผู้แต่งตัวสมมุติเป็นผีออกเพ่นพ่านขอส่วนบุญ ใครที่ไม่ชอบแต่งตัวเป็นผีก็ยินดีจัดเลี้ยงต้อนรับผีในครอบครัวของตน โดยคว้านฟักทองหรือใช้วัสดุอื่นทำให้มีหน้าตาเป็นผี  สร้างบรรยากาศให้มีผีในบ้านต้อนรับผีนอกบ้าน  กลายเป็นงานสนุกสนานรื่นเริงที่มีบรรยากาศแปลก วันรุ่งขึ้นจึงเป็นวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และต่ออีกวันหนึ่งจึงเป็นวันทำบุญให้วิญญาณในแดนชำระ
     
เมื่อ ชาวไอริชและชาวสกอตอพยพไปตั้งหลักแหล่งในสหรัฐอเมริกาก็นำเอาประเพณีนี้ไป ปฏิบัติ ปรากฏว่าถูกใจชาวอเมริกันทุกเชื้อชาติ จึงปฏิบัติตามกันอย่างจริงจังตลอดมา และตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ เป็นต้นมาก็กลายเป็นเทศกาลประจำชาติมาจนทุกวันนี้.

บทความให้ความรู้ทั่วไป

6 อาหารต้านอาการหิวบ่อย

ยุคนี้คนมักกินจุบกินจิบเพราะรู้สึกว่า
ตัวเองหิวอยู่บ่อย ๆ พฤติกรรมที่ว่า
เกิดจากอะไร ลองมาสังเกตตัวเองแล้ว
ปรับเปลี่ยนสักนิดเพื่อสุขภาพที่ดีกว่าไหมค่ะ

เมื่อกินอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลมาก
ร่างกายจะผลิตอินซูลินออกมามากเพื่อควบคุม
ระดับน้ำตาลในเลือด และเมื่อระดับน้ำตาลลดลง
อย่างรวดเร็ว ก็รู้สึกอยากกินโน่นกินนี่ขึ้นมาอีก
ขอแนะนำอาหารที่อุดมด้วยแร่ธาตุและวิตามิน
ที่จะมาช่วยลดพฤติกรรมเหล่านี้
1. ข้าวกล้องและธัญพืชไม่ขัดขาว
อุดมไปด้วยโครเมียมที่ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด
ให้คงที่ มีแมกนีเซียมที่ช่วยปรับระดับอินซูลิน
แถมด้วยวิตามินบีที่จำเป็นต่อระบบเมแทบอลิซึม

2. อาหารทะเล
ลองหันมากินปลา หอย ปลาเล็กปลาน้อยที่มีซีลีเนียม
แมกนีเซียม แคลเซียม และสังกะสี แร่ธาตุเหล่านี้
ช่วยรักษาสมดุลของสารสื่อประสาท ทำให้ไม่หิวบ่อย
3. ถั่ว
ของกินเล่นช่วยให้อารมณ์ดีที่อุดมด้วยวิตามินบี
และแมกนีเซียม ช่วยในการปรับระดับอินซูลิน
และช่วยการทำงานของระบบประสาท

4. แอ๊ปเปิ้ล
มีเส้นใยอาหารมาก ทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้
และชนิดที่ไม่ละลายน้ำ กินแล้วอยู่ท้อง รสชาติ
ไม่หวานจัด และเป็นผลไม้ที่ดีต่อร่างกายทุกส่วน
5. ลูกพรุน
อุดมด้วยโครเมียม กินครั้งละน้อย ๆ
จะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้

6. ลูกเกด
กินเป็นของว่าง ทำให้ไม่คิดถึงขนมขบเคี้ยว
ลูกเกดมีแมงกานีสที่ช่วยในกระบวนการเผาผลาญ
พลังงาน ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ
ช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างช้า ๆ ทำให้ไม่หิวบ่อย

บทความเชิงธรรมมะ

 

!! เสียความรู้สึก !!

 

ใครไม่เคยเสียความรู้สึกบ้าง ?...

 ต้องตอบว่า เราเคยเสียความรู้สึกด้วยกันทั้งสิ้น

 เสียความรู้สึก หรือ ความรู้สึกเสีย ?...

 ก็คือ แต่เดิมเรารู้สึกดี แต่คราวนี้รู้สึกไม่ดี...
ถามว่า เราควรจะทำอย่างไร ?...

ถ้าเปรียบเป็นสิ่งของ... ของนั้นก็ต้องเป็นของเสีย ของนั้นเป็นของบูดเน่า... เราจะต้องทำอย่างไร...?

 เราต้องรีบเททิ้ง เพราะเป็นของไม่ดี... เพราะอาจจะมีกลิ่นรบกวน อาจจะกลายเป็นอาหารของหนู แมลงสาบ

 คราวนี้เราจะต้องเจอกับกองทัพสัตว์ที่น่ารังเกียจ สกปรก มีเชื้อโรคอีกด้วยใช่ไหม...? หนักเข้าไปใหญ่เลยคราวนี้

 ดังนั้น เราต้องรีบทิ้งของนั้นไปเสียโดยเร็วที่สุด เพื่อความสะอาด เพื่อความปลอดภัยของเรา และคนในครอบครัว...

 ใจเราก็เหมือนกัน...ใจที่เสีย...เป็นใจที่ไม่ดี เป็นไปกับโทสะ...  เป็นบาป

 น่าแปลกนักที่บุคคลทั้งหลายกับเฝ้ากอดรัดความรู้สึกที่เสียๆ นั้นไม่ยอมเลิกรา...

 เคยเห็นคนที่เขากำลังเสียใจ กำลังเสียความรู้สึกคนหนึ่งเขาบอกว่า...

 ยังบอกไม่ได้ว่าจะทำใจ (ยอมรับ) ได้หรือไม่... เรื่องนี้คงต้องใช้เวลาอีกนาน...

 เห็นไหม ? คนส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนี้ ใจดีๆ ไม่ชอบ ชอบใจที่เสียๆ ...ยิ่งเป็นการทำร้ายตัวเองเท่าไหร่ ให้ต้องมาคอยคิด

 เรื่องที่น้อยอกน้อยใจอย่างนั้นล่ะก็ ...ชอบนัก...คิดให้ปวดใจเล่นลึกๆ ไปเสียอย่างนั้นเอง...

 ไม่รู้ว่าตัวสะบักสะบอมหัวใจสักแค่ไหน... แต่ก็ยังไม่ยอมละ กลับเฝ้าสงวนความรู้สึกแย่ๆ นั้น ราวกับของมีค่า ?...

 เริ่มทำประโยชน์เสียตั้งแต่บัดนี้... ทิ้งใจที่เสีย สร้างใจที่ดี หันหน้าเข้าสู้ ไม่ใช่หันหนี

 เราต้องเข้มแข็ง ไม่ใช่อ่อนแอ... เพราะเรารักตัวเองเป็น...

 เสียความรู้สึกได้ แต่อย่าเสียนาน... รีบหันกลับ... เพ่งเอาประโยชน์ ไม่เพ่งเอาโทษ...

 แล้วเราจะมีความสุขได้ด้วยตัวเราเอง... เพราะเรามีใจเป็นเพื่อนที่แสนดีของเรา

 โดยเราจะไม่เรียกร้องหาเพื่อนจากที่อื่นจนตัวเราเดือดร้อน

เมื่ออ่านแล้ว มันดูเหมือนจะทำง่ายนะ แต่จริงๆ แล้ว ในความเป็นจริง ในชีวิตของมนุษย์ สัตว์โลกธรรมดาๆ

 อย่างเรา ที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะ หรือสัจธรรมของโลกอย่างถ่องแท้ มนุษย์ที่ซึ่งยังคงมี กิเลศ ตัณหา มีโลภ โกรธ หลง ถือเป็นเรื่องยาก

 กับการที่จะลืม ไม่คิดไปถึงเรื่องที่ทำให้เราเสียความรู้สึก มันลืมไม่ได้ง่ายๆ จะให้เททิ้งไปอย่างของเสีย ของเน่า ทั่วไปนั้น...ยาก

 ถ้าจะง่ายลงมาหน่อย ก็คือ พยายามลด ความรู้สึกเสียๆ นั้น ให้น้อยลง หาสิ่งดีๆ เพื่อที่จะได้ไม่มีเวลาไปนึกถึง

 ความรู้สึกที่เสีย ความรู้สึกไม่ดีนั้น นี่อาจจะเป็นวิธีทางที่ง่ายยิ่งขึ้น..สำหรับเรา


บทความวิชาการ

          ปัจจุบัน ประชาคมโลกให้ความสำคัญกับปัญหาที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยตระหนักว่า สิ่งแวดล้อมดีหรือไม่ดีล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของ ประชาชนพลโลกกันถ้วนหน้า
          ในประเทศไทย
เอง ...เรื่องราวของการตรวจสอบมลพิษในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดก็กำลังเข้มข้น เป็นข่าวพาดหัวในหนังสือพิมพ์หลายฉบับตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
           ในระดับโลก
...ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) อันมีสาเหตุจากปรากฎการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นตัวการสำคัญ ก็กำลังได้รับความสนใจยิ่ง 
             เมื่อวันจันทร์ที่ 29 มกราคม 2550 ที่ผ่านมา เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ก็ได้ออกมาย้ำว่า คณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ ไอพีซีซี (Intergovernment Panel on Climate Change, IPCC) กำลังประชุมกันที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อตรวจ (ร่าง) รายงานว่าด้วยเรื่องผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในขั้นสุดท้าย ก่อนที่จะเผยแพร่สู่สาธารณชนในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2550 นี้
    
  รายงานดังกล่าว รวบรวมงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ 2,500 คน จากกว่า 130 ประเทศ โดยใช้เวลาในการรวบรวมถึง 6 ปี
     เนื้อหาเด่นของรายงานระบุว่า
มีความเป็นไปได้อย่างน้อย 90 เปอร์เซนต์ที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งเมื่อ 6 ปี ที่แล้ว รายงานระบุความเป็นไปได้อยู่ที่ 66 เปอร์เซ็นต์(สรุปก็คือ รายงานได้เพิ่มความน่าเชื่อถือว่ามนุษย์เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้โลกร้อน)
       
ในรายงาน ยังได้นำเสนอผลการประเมินแนวโน้มที่ว่า ในช่วงศตวรรษที่ 21 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2.0-4.5 องศาเซลเซียส
      แม้หลายประเทศที่อยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตร รวมทั้งประเทศไทยสัมผัสอากาศร้อนจนเคยชิน คนไทยหลายคนจึงไม่ค่อยตื่นตัวว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นไม่กี่องศาที่เพิ่มขึ้นนั้น จะกระทบกับกรุงเทพฯ หรือจังหวัดอื่นอย่างไร?” แต่หลักฐานผลการวิจัยของปัญหาอันอาจมีสาเหตุจากโลกร้อนหลายชิ้นทั่วโลก ที่ทยอยเผยแพร่ออกมาในช่วง 2 –3 ปีที่ผ่านมา เช่น
            - พืชอย่างดอกเชอร์รี่ และองุ่น ออกดอกและผลเร็วกว่าปกติ
            - เพนกวินจักรพรรดิในทวีปแอนตาร์กติกหรือขั้วโลกใต้ มีจำนวนคู่ผสมพันธุ์ลดลงจาก 300 คู่ เหลือเพียง 9 คู่
            - องค์การ อนามัยโลกได้สำรวจการแพร่ระบาดของมาลาเรียในเขตตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรปใน ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พบว่ามาลาเรียได้ขยายวงจากสามประเทศ ไปถึงรัสเซียกับอีก 6 ประเทศใกล้เคียงและอีกหลายๆ ผลการวิจัย [น้ำท่วม คลื่นความร้อนสูง พื้นที่แห้งแล้ง ภูเขาน้ำแข็งละลาย (ที่กระทบต่อปริมาณน้ำทะเลและพื้นที่ชายฝั่ง) ฯลฯ] ที่สะท้อนให้เห็น
ปัญหาร่วมกันของประเทศไทยกับประเทศอื่นทั่วโลก

 

แสดงความคิดเห็น

5 ความคิดเห็น

bob overlord 12 ส.ค. 51 เวลา 19:13 น. 1

เหมือนเอามาจากหนังสือเรียน...

ว่าแต่บทความจากไร้สาระนุกรมนี่เรียกว่าบทความแบบไหนครับ??

http://th.uncyclopedia.info/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81


PS.  บ้านไม่มีเน็ต
0