Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ลอก ดัดแปลง แรงบันดาลใจ ต่อให้นิยามกันแค่ไหน สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับ วิจารณญาณและจรรยาบรรณของนักเขียน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ทุกวันนี้ ผมแทบจะหมดศรัทธากับงานเขียนไทยจริงๆ เพราะสิ่งที่ผมพบก็คือนิยายจำนวนมากล้วนดัดแปลงมาจาก เกม การ์ตูน ภาพยนตร์ ไม่ก็นิยายต่างประเทศ

อาจจะเป็นเพราะผมรับสื่อเหล่านี้มามาก แค่มองปราดเดียวก็เห็นหมดแล้วว่าตัวนักเขียนนำอะไรมาเขียน

ถึงจะบอกว่า แค่หยิบยืมมาใช้ในตอนต้น แต่นอกจากนั้นไม่เหมือน มันก็ยากที่จะให้การยอมรับต่อไปได้แล้ว

หลายคนในที่นี้อาจจะบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ใช่วงการเดียวกัน เราไม่ได้ลอกวรรณกรรมของใครมานี่ 

เราแค่ถ่ายทอดความประทับใจ จากเกม จากหนัง จากการ์ตูน ที่เราชอบมา

ในมุมมองของนักอ่านส่วนใหญ่ที่อ่านผลงานประเภทนี้ อาจจะคิดถึงแต่แง่ของความสนุก ความบันเทิงเป็นหลัก ซึ่งคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ติดตามเกม หนัง การ์ตูน มามากมายสักเท่าไหร่ พูดง่ายๆ ว่ารับสื่อมาน้อยกว่าผู้เขียน

แต่ในมุมมองของ เกมเมอ คอหนัง แฟนการ์ตูน มันเป็นสิ่งที่แทบจะให้อภัยกันไม่ได้ เป็นการทำร้ายจิตใจกันอย่างมากที่สุด !

ดังที่เราจะได้เห็นจากกรณี นิยายดังบางเรื่องที่ชอบนำรายละเอียด พลอต มุก ของเกมดังอย่างไฟนอลแฟนตาซีมาดัดแปลง โดนรุมประณามเสียยับเยินในบอร์ดอื่น ที่ไม่ใช่บอร์ดนิยาย

หลายคนอาจจะอ้างว่านักเขียนดังๆ ก็เคยทำ ก็เคยลอก ก็เคยดัดแปลงมาก่อนเหมือนกัน

ผมอยากถามกลับไปว่า แล้วทำไมคุณต้องทำอย่างเขา ในเมื่อคุณเองก็รู้แก่ใจว่ามันไม่ดี 

ลอก ดัดแปลง แรงบันดาลใจ ผมขอย้ำอย่างเดิมเสมอ ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ยากถึงขนาดจะแยกแยะความแตกต่างไม่ออก

มีแต่นักเขียนเท่านั้นที่มักจะตีความเข้าข้างตัวเอง ว่าแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ไม่ผิดหรอกน่า ใครๆ ก็ทำ

การเป็นนักเขียนในความหมายของผม ไม่ใช่แค่คนที่อยากเขียน คนที่อยากมีงานเขียน แต่การเป็นนักเขียนต้องมีความรับผิดชอบต่อผลงานทุกชิ้นที่เผยแพร่ออกไปสู่คนอ่าน ต้องมีจริยธรรม ความสุจริตต่อผลงานของตนเอง



ปล. ดูเหมือนการจัดประชุมของไฮดี้ จะไม่ค่อยประสบผลสำเร็จนัก ทั้งที่เราช่วยกันนิยามกันจนได้ข้อสรุปแล้ว 

แต่นักเขียนส่วนใหญ่ก็ยังคงใช้ความคิด และทัศนคติของตัวเองเป็นเครืองนำทางอยู่ดี

PS.  บีบตับคนอ่านคืองานอดิเรก

แสดงความคิดเห็น

>

57 ความคิดเห็น

งดออกนาม 12 ก.ย. 51 เวลา 08:53 น. 1

ด้วยความนอบน้อมขอรับ ขอสวนกระแสทุกงานครับ (555+ ผมโดนเต็มๆเลย เพราะใช้ชื่อเรื่องเป้งๆเลยแหละ)

เอาเป็นว่าที่กล่าวมานั้นถูกต้องครับ แต่ก็ไม่ทั้งหมด ลองคิดดูนะครับว่าแรงบัลดาลใจน่ะมันถูกครอบงำได้นะ โดยนักเขียนที่เข้ามาวิจารณ์แล้วก็ชักนำให้เราทำอย่างโน้นอย่างนี้ สุดท้ายถ้านิยายของเราไม่ดีก็จะมาลงที่ว่า "ต้องอ่านมาให้มาก หรือ ต้องเก็บข้อมูลให้มาก" ใช่ไหมครับ

อ่านให้มากแล้วไงล่ะ นั่นแหละที่ทำให้เราเผลอหยิบสิ่งที่เราประทับใจมาโดยไม่รู้ตัว

ขอกล่าวตรงนี้ว่าไม่มีการลอกมาหรอกครับ ถ้าหากลอกก็ต้องตรงกันทุกตัวอักษร ควรจะใช้คำว่าดัดแปลงและแก้ไขดีกว่าครับ แต่อย่าว่ากันเลยครับ ขนาดระบบคอมม่อนเรลของรถบางยี่ห้อยังถูกอีกบริษัทพัฒนาแล้วจดสิทธิบัตรเลย ถ้าผิดกฏหมายจะจดสิทธิบัตรได้เรอะ (เย๊ยพาดพิง ขออภัยครับ เอามายกตัวอย่างเฉยๆ) แล้วค่ายเพลงบางค่ายเพลงที่เอาทำนองมารีมิกใหม่ล่ะ

ทำไมล่ะ ก็มันดีกว่าเดิมนี่ครับ มันไม่ได้เป็นการลอกแบบ แต่เป็นการพัฒนานิ ผิดศีลธรรมไหม เพราะว่าไม่ได้ลอก มันเป็นการพัฒนา เราก็ลงทุนรงแรงเหมือนกันจะผิดศีลธรรมได้ไง

สำหรับผม ผมขอกล่าวถึงบางสิ่งที่พลั้งเผลอหยิบยกมาว่าเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อๆไปครับ แล้วก็การคาดหวังอะไรจากนักเขียนมือใหม่อย่างผมมากมายคงไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะว่าแค่เขียนออกมาได้ก็แทบตายละ ถ้ายังจะมีข้อจำกัดให้เราห้ามทำอย่างโน้นอย่างนี้เพราะเหมือนกับที่นั่นที่นี่ ถ้าอย่างนั้นเราไม่ต้องไปอ่านนิยายจากทั่วโลกให้ดีก่อนแล้วค่อนมาเขียนนิยายเพื่อไม่ให้เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา จะได้ไม่ติดที่คำว่าลอกหรือดัดแปลงไงครับ

ไม่ได้มาเถียงครับ แต่มาแสดงแนวคิดที่สวนกระแส โปรดเข้าใจจุดประสงค์ของผมด้วยนะครับ 

ขอไม่ออกชื่อนะ เพราะเดียวจะถูกมองไม่ดี

0
Doggiebiz 12 ก.ย. 51 เวลา 09:57 น. 2

สำหรับเรื่องนี้แล้วผมเองก็พูดไม่ถูกเหมือนกันว่าจะตอบอย่างไรดี  เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้แต่งล้วนๆ (เพราะงั้นผมเลยไม่ได้ร่วมประชุมไง  เพราะรู้ว่า  สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเรื่องที่แล้วแต่บุคคลจะตัดสินใจเองอยู่ดี)

เรื่องแยกแยะระหว่างแรงบรรดาลใจ  ลอก นี่ยังไงผมเองก็ขอตอบว่ายากอยู่ดี  เพราะถ้าผมลองมองย้อนไปในนิยายที่ตัวเองกำลังแต่งอยู่นี่ก็พบได้เพียบเลยทั้งๆ ที่เรื่องที่สองผมเองก็พยายามจะเลี่ยงแรงบรรดาลใจจากการ์ตูน หรือ เกมส์ให้มากที่สุด  แต่ก็ยังไม่วายเจอบางอย่างหลังจากเอามาอ่านทวนใหม่อีกรอบที่ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ได้เอาแรงบรรดาลใจมาจากเรื่องนั้นๆ  สงสัยเพราะมันเป็นเรื่องที่เราชอบด้วยล่ะมั้งมันเลยติดหัวมา  ผมว่านักเขียนหลายๆ คนเองก็ไม่อยากจะถูกหาว่าเป็นพวกขี้ลอกหรอกนะ  เพราะฉะนั้นบางทีเจ้าตัวเองก็ไม่ได้คิดว่าจะลอกหรือหยิบยืมอะไรมาหรอก


PS.  "But when his own great work is but begun, What Reason weaves, by Passion is undone." Alexander Pope, An Essay on Man
0
ชัยยา 12 ก.ย. 51 เวลา 10:01 น. 3

เอาที่คุยกันมาตั้งกระทู้อีกแล้วสินะ งั้นก็ตอบเสียหน่อยละกัน 

ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยนะ การไม่ลอก ไม่ดัดแปลง ไม่แรงบันดาลใจจากอะไรของคนอื่น แน่นอนเป็นสิ่งที่ดี แต่มองอีกมุมหนึ่ง กว่าเราจะไปถึงจุดนั้นได้ล่ะ... กว่าจะเก่ง ช่ำชอง จนอยู่จุดที่สร้างสรรค์ได้ขั้นนั้นจริงๆล่ะ... 

มองไปที่บางคน สมมติคนนั้นอยากเขียน แต่ไม่รู้จะเขียนยังไง ไม่รู้จะเริ่มยังไง แต่เขาอยาก แล้วจะทำยังไง...ผลก็คือ บางคนอาจเริ่มจากแฟนฟิค บางคนคิดไปถึงสิ่งใกล้ตัว ซึ่งแน่นอน อาจจะเป็นเกม หนัง การ์ตูน ที่ชื่นชอบ มาคิดต่อยอด ดัดแปลง ต่างๆ นานา ก็ว่ากันไป ถามว่าผิดไหม? 

ผมว่าไม่ผิดร้ายแรงนักหรอกนะ ว่าตามจริงมันน่าจะเป็นธรรมชาติของกระบวนการสร้างสรรค์ของมนุษย์ด้วยซ้ำ คือ การคิดต่อยอดจากของคนอื่น การเรียนรู้จากของคนอื่นก่อนแล้วค่อยสร้างของตัวเอง พูดง่ายๆ คือ อ่านมากแล้วจึงอยากเขียนนั่นเอง ทีนี้ พออ่านมาก เห็นมาก มันก็ต้องมีของชื่นชอบ คนที่ยังไม่รู้จะทำยังไงก็อาจนำจุดนั้นมาเป็นการเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ของตัวเอง หรือแม้แต่คนที่ไม่ได้ตั้งใจนำมาใช้ก็อาจจะมีส่วนที่เราชอบเจือลงไปในงานของเรา เช่น ลีลาการเขียน กลิ่นอายการบรรยายของนักเขียนที่เราชอบ เป็นต้น  เหมือนที่สตีเฟ่น คิง พูดไว้ "เลียนแบบมาก่อนสร้างสรรค์" 

ถามว่า หลายคนเคยทำอย่างนั้น แล้วทำไมเราต้องทำเหมือนเขา 

ตรงนี้ขอตอบว่า ก็คงไม่มีใครอยากทำอย่างนั้น ไม่มีใครอยากถูกตั้งข้อครหาว่าเหมือนของคนนั้นคนนี้ แต่ก็นั่นล่ะ ผมยังเชื่อว่ามันเป็นธรรมชาติของกระบวนการสร้างสรรค์สำหรับหลายๆคน มันก็เริ่มจากการคิดต่อยอดหรือดัดแปลงกันทั้งนั้น เราลองมองไปที่วงการอื่น เครื่องบินโบอิ้งมาจากการดัดแปลงคิดต่อยอดเครื่องร่อนของพี่น้องตระกูลไรท์หรือเปล่า  การหักล้างทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ของใครสักคนหนึ่ง เราก็ต้องศึกษาและเริ่มการทดลองจากทฤษฎีนั้นๆ ก่อนใช่หรือไม่ ศึกษาย้อนกลับไปกลับมาแล้วเติมตัวแปรใหม่ๆลงไป ผลจึงต่างออกไปถูกหรือเปล่า 

สรุป มันเป็นกระบวนการเรียนรู้ตามธรรมชาติ 

ส่วนประเด็นว่า เส้นแบ่ง ลอก ดัดแปลง แรงบันดาลใจอยู่ตรงไหน อันนี้ถกกันไปเยอะละ ไม่ขอพูดถึงดีกว่า 

เอาเป็นว่า ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ที่เริ่มกระบวนการสร้างสรรค์ของตัวเองด้วยการหยิบจับสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบมาเป็นตัวตั้งเพื่อก้าวเดินต่อไป ขอให้ก้าวไปได้อย่างมั่นคง และเติบโตเป็นตัวของตัวเองในวันข้างหน้าต่อไป และขอประณามคนที่มุ่งแต่จะลอกหรือดัดแปลงเพื่อขายแต่อย่างเดียว ทำเพื่อเงิน เพื่อชื่อเสียง โดยที่ไม่ได้ทำเพื่อก้าวไปในเส้นทางนี้ด้วยใจรักเลย

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ


PS.  ความพยายามอยู่ที่ไหน...โผล่หัวออกมาสิวะ ความสำเร็จรอนานแล้ว
0
@mokona-modoki@ 12 ก.ย. 51 เวลา 10:21 น. 4

อ่า...พูดไม่ออกแฮะ เหมือนมีอะไรจุกในคอ เหอเหอ

ก็อย่างที่ท่านว่าแหละ วิจารณญาณกับจรรยาบรรณคือตัวกำหนดทุกอย่าง 
การนิยามก็คล้ายๆกับกฏหมายล่ะมั้ง มีไว้โก้ๆให้รู้เฉยๆแต่คนเราก็ยังหาช่องทางหลบหลีก
เพื่อประโยชน์ส่วนตนกันทั้งนั้น 

การเป็นนักเขียนในความหมายของผม ไม่ใช่แค่คนที่อยากเขียน คนที่อยากมีงานเขียน แต่การเป็นนักเขียนต้องมีความรับผิดชอบต่อผลงานทุกชิ้นที่เผยแพร่ออกไปสู่คนอ่าน ต้องมีจริยธรรม ความสุจริตต่อผลงานของตนเอง

ประโยคที่ท่านว่ามานี้ กินใจดีแท้ เราเห็นด้วยนะ แต่มันก็คงเหมาะกับนักเขียนเท่านั้น 
ซึ่งเราก็เชื่อว่ายังมีนักอยากเขียนหลายคน ที่คิดเห็นเช่นเดียวกันแบบคห.1 มันก็ไม่ผิดหรอกที่คิดแบบนี้
เพียงแต่มันทำให้วงการหนังสือไม่มีอะไรแปลกใหม่ออกมาเท่านั้นเอง

เรื่องประชุมชมรมนักสืบ ที่มันไม่ประสบผลสำเร็จส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะตัวไฮดี้เองด้วยแหละ
ถ้าไฮดี้มีความรู้ด้านงานเขียนหรือกฏหมายมากกว่านี้อาจจะดึงกระแสได้มากกว่านี้ การจะปลุกกระแสใหม่
มันต้องทุ่มอะไรลงไปเยอะ และต้องศึกษาด้านนี้เยอะด้วย อีกทั้งยังต้องทำงานแบบต่อเนื่อง 
ซึ่งไฮดี้ยังทำไม่ได้จริงๆนั่นแหละ (ขอโทษทุกท่านที่เคยตั้งความหวังไว้ด้วย)

แล้วพวกวิจารณญาณหรือจรรยาบรรณด้วยแหละ ทำให้ไฮดี้ไม่อาจสรุปงานประชุมสองครั้งสุดท้ายอย่างเป็นทางการได้
มันหนักหนาเกินความสามารถอ่ะ T-T
แต่ชมรมไม่คืบหน้ายังไงไฮดี้ก็ยังไม่ลบบทความชมรมหรอก คิดว่ามันยังคงมีประโยชน์หลงเหลืออยู่แหละ(มั้ง)

ขอพูดถึงคห.1หน่อยนะ 
ไม่จำเป็นหรอกนะคะที่ต้องไปอ่านหนังสือทั่วโลกให้ดีก่อนถึงจะมาเขียนนิยายได้ 
เราเชื่อว่าสิ่งที่จะทำให้เกิดอะไรใหม่ได้คือความคิดของตัวเราเท่านั้นค่ะ 
มันไม่ผิดหรอกถ้าคุณคิดด้วยตัวเองแล้วซ้ำกับใคร แต่มันจะผิดถ้าคุณซ้ำกับใครด้วยความตั้งใจ

ป.ล. เริ่มต้นว่าพูดไม่ออก แต่ไปๆมาๆกลับพูดยาวเหยียดเลย หุหุ


PS.  อยากเป็นคนตลกแต่ทำไม่ได้ ขอเป็นคนเรื่อยๆแบบเดิม จะรับได้มั้ย
0
KennyHass 12 ก.ย. 51 เวลา 10:38 น. 5

ตอนประถม ผมเริ่มหัดวาดการ์ตูนครั้งแรกก็ยืมแก๊กจากหนังสือขายหัวเราะ

ม.ต้น ผมเริ่มหัดวาดลายเส้นสไตล์อ.โทริยาม่าเพราะชอบดราก้อนบอล

ม.ปลาย ผมบ้าRagnarokมาก ถึงขนาดรวมหัวกับเพื่อนทำโดจินขึ้นมา

พอขึ้นมหา'ลัย ผมจึงเริ่มมีความคิดที่จะเขียนเรื่องราวที่เป็นออริจินอลของตัวเอง



จึงอยากลองถามเล่นๆแกมเอาจริงๆว่า ผมผิดไหมที่ตอนนั้นผมเอาแต่ก๊อบของคนอื่นมาใช้ ไม่เคยคิดเองเลย


PS.  ฉันมาฉันเห็นฉันแพ้ ยินแต่เสียงด่าว่าโง่เขลา เพลงที่นี่ไม่หวานเหมือนบ้านเรา ใครไม่เข้าถึงพอเขาเยาะเย้ย
0
sarinubia 12 ก.ย. 51 เวลา 10:48 น. 6

ขออนุญาตตอบกระทู้แบบไร้สาระและวกไปวนมานิดนึงนะท่านซาซา

แต่ละคนมักจะมีแรงบันดาลใจทีได้มาไม่เหมือนกันใช่บ่ ?
แล้วทีนี้ความประทับใจของแต่ละเรื่องเนี่ยนะมันก็ดันติดฝังในจิตใต้สำนึกแล้วเวลามาคิดพล็อตหรือคิดอะไร
มันก็เลยกลายเป็นว่าเอามาดัดแปลงซะงั้นไป
แล้วจะทำยังไงล่ะที่จะไม่ให้ไปกระทบกับผลงานคนอื่น ?
ก็นักเขียนที่ได้เห็นกันมาบางคนจริงอยู่แนะนำว่าให้เก็บข้อมูลให้มาก
วางพล็อดเรื่องให้ดีกว่านี้...ตอนแรกก็พอจะนึกว่าทำได้น่ะนะ - -*
ไปๆมาๆมันเหมือนไปจิ๊กแนวเรื่องเขามาซะงั้น
สรุปก็คือตัวกระผมเองยังหาข้อสรุปไมได้ - -* (จะโดนตบไหมเนี่ย)
เรื่องนี้มันพูดยากนา (หรือเราโง่เองหว่า )


PS.  •๏water๏•~sageal >>> http://www.whenifallinlove.net/diary/diary.php?sarinubia
0
spock 12 ก.ย. 51 เวลา 11:39 น. 8
  แบบที่ผมเคยให้ความเห็นไปแล้วอ่ะนะ

 เอาเป็นว่าฟันธงเลยแล้วกัน คิดว่าปัญหาหลัก คงอยู่ในหมวดกลุ่มหนังสือยุคใหม่ๆ อย่าง แฟนตาซี หรือหวานแหวว อะไรก็ตามที่นักเขียนแบบในเด็กดี เราๆเขียนกันมากกว่า

เพราะคนกลุ่มเราจะได้รับอิทธิพลจากสื่อต่างประเทศสูง   คิดว่าที่วิพากษ์วิจารณ์หลักๆ ในยุคนี้คงเป็นประเภทนี้ ส่วนที่เก่ามากๆ แบบเพชรพระอุมา ไปลอก สมบัติโซโลมอน มานั่นก็ถือว่าเป็นยุคเก่าแล้วกัน

เหมือนวงการเพลงไทยสมัยพี่แจ้ คีรีบูนที่เอาทำนองเพลงฝรั่งมาดื้อๆเลย

ยุคปัจจุบันของเราก็มีการดัดแปลง พอๆกับวงการเพลงไทยเราที่ลอกมาในตอนนี้ คือไม่ได้ตรงแปะๆ แต่อย่างว่าพอจับได้

ซึ่งบางทีก็ไร้ทางออก อาจจะเพราะเมืองไทยเรามาตรฐานเป็นแบบนี้มั้ง หนังสือแบบนี้ขายได้ หลายคนอ่านมาเล่มเดียวแล้วชอบก็เลยเขียน โดยบริสุทธิใจ แต่อย่างว่า มีในหัวอยู่แค่หนึ่งเล่มแล้ว เขียนออกมามันจะพ้นไปไหนได้ละ ยังไม่รู้วิธีเชิงพัฒนาใดๆเลย

มันก็เลยเอวังด้วยประการนี้
PS.   อ่านนิยายเนอร์วาน่าและอื่นๆได้ที่ไอดี อย่าลืมติดตาม คอลัมน์ good old day ในนิตยสาร a day ด้วยหนอ คอลัมน์ผมเอง..
0
sasadao 12 ก.ย. 51 เวลา 11:47 น. 9

มีคำตอบสำหรับ เคนนี่ ครับ

ที่กล่าวมาทั้งหมดนั่นไม่ผิดสักข้อ

เพราะคุณจะเลียนแบบ ลอกดัดแปลงยังไงก้ได้

ตราบใดที่ไม่ได้หาผลประโยชน์ในเชิงธุรกิจจากผลงานของใคร

ซึ่งมันต่างจากกรณีที่กล่าวถึงในกระทู้นี้ ที่คนแต่งนำไปส่ง สนพ มีการตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม

ไม่ใช่อะไรที่จะนำมาเรียกว่าการฝึกหัดเดินแล้ว


PS.  บีบตับคนอ่านคืองานอดิเรก
0
spock 12 ก.ย. 51 เวลา 12:27 น. 10

   สรุปว่า ซาซา เอาจุดวัด ตรงที่ ถ้านำไปเผยแพร่และใช้เป็นการค้าเป็นสำคัญสิใช่หรือเปล่า คือถ้าเก็บไว้อ่านคนเดียวเงียบๆ ก็ไม่เป็นไร

  แต่ถ้าออกสู่ตลาดวงกว้างแล้ว ถือว่าผิด อะไรทำนองนั้นเหรอ

 


PS.   อ่านนิยายเนอร์วาน่าและอื่นๆได้ที่ไอดี อย่าลืมติดตาม คอลัมน์ good old day ในนิตยสาร a day ด้วยหนอ คอลัมน์ผมเอง..
0
คนนอก 12 ก.ย. 51 เวลา 15:23 น. 11

ก็นั่นล่ะน้า ถ้าเกิดคนเขียนไปเอาแรงบันดาลใจ หรืออิทธิพลที่มีผลการจินตนาการ มาจากแหล่งที่ผู้อ่านไม่รู้ ก็จะไม่ถูกมองว่าไปลอกหรือดัดแปลงจากใครมา

มุมมองคุณซาซา ผมก็ว่าถูกแหละ แต่มันก็ก็ก้ำกึ่งแหละนะ&nbsp 

ผมว่ามันยังขาดมุมมองที่เรียกว่า "ไม่รู้" อยู่กระมัง

เพราะจินตการบริสุทธิ์ที่ใครคนนึงจะคิดขึ้นมาได้เนี่ย มันไม่ใช่เรื่องง่ายนี่นา&nbsp ถ้าถามว่าคนที่ไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ไปเขียนนิยายไซไฟ มันจะเป็นยังไง?

ผมยกตัวอย่างสตาร์วอร์ที่ถูกเขียนขึ้นนานมาแล้ว ฟันธงเลยว่าอย่างน้อยๆ ผู้แต่งก็คงพอรู้จักความหมายหรือข้อมูลของคำว่าเลเซอร์บ้างล่ะ อวกาศบ้างล่ะ&nbsp มาก่อน

จินตนาการเรื่องใหม่ๆถึงออกมาต่อยอดจากศาสตร์แขนงเดิมที่ผู้แต่งมีความรู้อยู่แล้ว

มีนิยายเรื่องไหนที่จินตนาการในการแต่งไม่ได้รับการลอกเลียนแบบหรือดัดแปลงมาจากอิทธิพลอื่นบ้างล่ะ ?&nbsp 
ผู้เขียนหลายคนที่คิดพล็อตเอง หรือแต่งนิยายตัวเองขึ้นมาเองแบบตั้งใจ อาจจะยังคงไม่ได้คิดหรอกมั้งว่า ลึกๆแล้ว ภายในจิตใจ
มันต้องได้รับแรงบันดาลใจมาจากที่ไหนสักแห่ง ถ้าถามว่านิยายรักหวานแหววที่มีเนื้อเรื่องในชีวิตประจำวันมาพัวพัน
มีผู้แต่งคนไหนมั่งที่จะไม่ได้รับอิทธิพลจากนิยาย ละคร หรือชีวิตประจำวันของตนเอง ?
ผู้แต่งที่ดูการ์ตูนมาแค่เรื่องเดียว หรือชอบเกมๆเดียว ย่อมแต่งนิยายที่ได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องนั้นเต็มๆ
ไม่ใช่เรื่องยากหรอกที่คนอ่านที่รู้จากสื่อๆนั้นเช่นเดียวกับผู้แต่งจะจับทางผู้แต่งได้&nbsp 
ผิดกัน ถ้าเกิดเป็นผู้แต่งที่อ่านมาก รู้มาก จินตนาการของเขาคนนั้นจะได้รับอิทธิพลมาจากสื่อกี่อย่างกัน เพียงแค่ว่าคนอ่านไม่รู้ก็เท่านั้น&nbsp 

ถ้าเป็นในส่วนที่มาเอาพล็อตเรื่องจากเกมหรือการ์ตูนมาเขียนหรือดัดแปลง มันก็ดูผิด แต่ผมไม่อยากตัดสินมันว่าถูกหรือผิดหรอก ถ้าเกิดคนแต่งคนนั้น
ไม่ได้คิดที่จะจงใจทำน่ะ ผมว่าส่วนใหญ่ หลายๆสิ่งหลายๆอย่างในโลกนี้ ออกจะฟังดูแย่หน่อย แต่มันก็ได้มาจากการลอกเลียนแบบ
ดัดแปลงและต่อยอดทั้งนั้นแหละ&nbsp เหมือนกับการเดินนั่นล่ะ ถ้าจะเอาจริงๆ มันก็ผิดแล้วที่ลอก ท่าเดินคนอื่นมา&nbsp 
แถมท่าเดินบางคนยังเหมือนกันอีก ? เช่นเดียวกัน การวิ่ง มันก็เหมือนกับการต่อยอดนั่นล่ะ เปรียบเทียบเหมือนกับการเขียนนิยาย
วัดกันที่ฝีมือเท่านั้น ใครดีกว่า เหมือนกันกับเกมนั่นแหละ ถ้าจะเอากันจริงๆ เกม rpg มันก็วัดกันที่ความแยบยลทางการดัดแปลงโครงเรื่องแหละถูกไหม
เพียงแค่คนเล่นจับไม่ได้ ว่าแนวคิดที่วางโครงเรื่องของเกมๆนี้ไปซ้ำอะไรยังไงก็เท่านั้น อย่างคนวางโครงเรื่องเกม
เอาโครงเรื่องมาจากเกมนี้หน่อย มาจากนิยายนี้หน่อย มาผสมกับนู่นอีกนี่อีก คนเล่นก็ไม่รู้แล้ว เพราะจับทางไม่ถูก ว่าโครงเรื่องหลักๆมันดัดแปลงหรือก๊อปมาจากไหน
แต่จริงๆแล้ว ใจจริง มันไม่มีใครคนไหนอยากจะทำแบบนั้นหรอกน่า&nbsp ถูกไหม?

่ในกรณีที่ผมแสดงความคิดเห็นนั้น ผมไม่ได้บอกว่าเค้าเอาพล็อตมาผสมปนเปกันน่ะ
แต่จะบอกว่า จินตนาการบางทีมันก็เกิดขึ้นโดยมีอิทธิพลมาจากพวกสื่อต่างๆที่ผู้แต่งสนใจนั่นล่ะ
ผมมองว่า ไม่มากก็น้อย มันก็ต้องมีบ้างแหละ ผู้อ่านที่มีจินตนาการใหม่ขึ้นมาโดยที่มันเหมือนกับจินตนาการเดิมของสื่อถูกดัดแปลงน่ะ
แล้วถูกมองว่าไปก็อปสื่อต่างๆที่เค้าสนใจมา ถูกจับได้นั่นล่ะ

0
cammy 12 ก.ย. 51 เวลา 16:15 น. 12

ผมก็ไม่มีทฤษฏีอะไรพูดถึงหรอก พอดีผมไม่ได้อ่านนิยายที่คนไทยเด็กรุ่นเขียนเท่าไหร่ แต่จากการอ่านนิยายในเว็บเด็กดีก็ประมาณนี้แหละ ส่วนใหญ่มันก็ไม่ค่อยสนุกเนอะ เพราะมันสำเร็จรูปมากเกินไป อ้านก็รู้แล้วมันเป็นอย่างไร แต่ผมว่าลอกจากสื่อพวกนี้ไม่ผิดนะ เพียงแต่ต้องลอกให้เนียนหน่อยๆ  มีการหักมุม น่าติดตามหน่อย ถือว่าเป็นนิยายที่ดีนะครับ(ว้าย....ผมเขียนเกิน 1 บรรทัด)


PS.  อ้วนนรก ณ ทุ่งสังหาร
0
Hideko_Sunshine 12 ก.ย. 51 เวลา 16:52 น. 13

แรงบันดาลใจ = แตกยอดความคิด # ยืมฉาก ยืมพล็อตมาใช้
นักเขียนส่วนใหญ่ที่เริ่มเขียนนิยายใหม่ๆ มักจะอ้างถึงคำว่า "แรงบันดาลใจ"
ถึงขนาดบอกว่า "หนูชอบนักเขียนคนนั้น หนุอยากเขียนเหมือนเขา หนูได้แรงบันดาลใจมาจากเขา"
แต่นิยายของคุณที่ออกมา ถ้าถอดร่างมาจากเขา ถ้าดึงเนื้อหา ดึงฉากของเขามาเพียงเพราะคำว่า "แรงบันดาลใจ"
มันก็ไม่ต่างจากการ "ทำร้าย" คนที่คุณชื่นชอบและการทำร้าย IDOL ของคุณหรอกนะ

การกลั่นกรองมาจากประสบการณ์ จากความคิดที่ตกค้าง ไม่เหมือนกับการหยิบยืม
เพราะการหยิบยืม เป็นแค่เรื่อง "ยำใหญ่" และ "ความมักง่าย" ในกรณีนี้ไม่ใช่ว่าต้องอ่านของคนทั้งโลก
ไม่ต้องไปตรวจเช็คหรอกนะ เพราะอะไรที่มันเหมือนกันโดย "บังเอิญ" เชื่อเถอะ! มันไม่เหลือกลิ่นให้ใครจับได้หรอก
แต่ถ้ามันเป็นการ "หยิบยืม (เจ้าของที่ไหนก็ไม่เต็มใจหรอก)" มาใช้ กลิ่นมันจะยังตกค้าง
แม้สำนวนจะไม่เหมือน แม้จะดัดแปลง "จนชำชาญ" แต่คนที่เขารู้เขา เขาเคยอ่าน เขาก็ได้กลิ่นมันอยู่ดี

บางที...การที่ไม่มีใครพูด ไม่มีใครทักท้วง อาจจะไม่ใช่เพราะไม่มีใครรู้...แต่เขาเพียงแค่อาจจะไม่อยากพูด
หรืออาจจะพูดเสียจน "รำคาญ" แล้วก็เป็นได้ เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับ "จิตสำนึก" จริงๆ (บางทีคนพูดกันหึ่งๆ ยังไม่รู้ตัวก็มี -_-)
จะกางกฏหมายว่ากันอย่างเดียวมันงัดกันไม่ได้หรอก เพราะกฏหมายยังมีช่องโหว่งที่ยังไงก็ปิดไม่มิด
ทุกอย่างอยู่ที่คนใช้กฏหมาย...ว่าจะทำยังไง "จะใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นั่นหรือช่วยกันกลบเกลื่อน" ก็แล้วแต่จะเลือกเป็น

หากคิดว่าการ "ยืมของคนอื่นมาใช้ = การฝึกเพื่อการพัฒนา" หรือคิดว่า "ทำได้ดีกว่า" มันไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหน่อยเหรอ
คุณคิดแค่ว่าเอาฉากของเขามา...เอาเนื้อหาของเขามา...แล้วเอามาเขียนใหม่ให้ดีกว่า คุณก็ถือว่ามันเป็นงานของคุณแล้ว คุณทำมันยากเหลือเกิน!!
คิดในทางตรงกันข้ามนะคะ...ว่าแค่คุณเอามา "ดัดแปลง" คุณยังบอกว่าคุณทำได้ยากขนาดนี้ กว่าจะเขียนออกมาได้แทบตาย
แล้วคนที่เขา "นั่งคิด" แทบ "หัวระเบิด" เพื่อที่จะให้คุณ "ยืม" 
สิ่งที่เขา "ริเริ่ม" มาดัดแปลงนั่นล่ะ เขาไม่เหนื่อยกว่าคุณเหรอ???


ใช่...ว่าตามกฏหมายคุณอาจจะไม่ผิด แต่ถ้าคุณคิดที่จะเป็นนักเขียน...คิดที่จะทำอาชีพนี้ 
ก็อย่าให้จุดเริ่มต้นของคุณเดินด้วย "ความคิดอันไม่ซื่อ" อย่างนี้จะดีกว่า
 
ไม่ปฏิเสธเลยว่า...พล็อตเรื่องมันก็วนๆ ฉากมันก็วนๆ แต่คุณหลีกเลี่ยงได้ในบางอย่าง
ไม่ใช่อ้างเหตุผลเหล่านี้ในการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง...ไม่ใช่ใช้ช่องโหว่เหล่านี้แถเอาตัวรอด

ฝากทิ้งท้าย...
ถึงเหล่านักเขียนทั้งนักเขียนและ นัก(อยาก)เขียน (เค้าก็เป็นนักอยากเขียนแหละ 555+)
ขอยืมคำพูดของ บก. ที่โอ๋มาประทับใจมาพูดให้ฟัง...
"แม้เดินด้วยก้าวแรกของตัวเองจะลำบาก แต่เราก็ได้เดินด้วยเท้าของเราเอง 
อย่าให้ใครมาพูดที่หลังได้ว่า...ก้าวแห่งความสำเร็จที่เราได้รับมันมาด้วยเท้าของคนอื่น"

การเป็นเบอร์สองของใครอีกคน...มันไม่สวยงามนักหรอกนะ โอ๋ว่า...


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 12 กันยายน 2551 / 16:49


PS.  ฝากอุดหนุนผลงานด้วยค่ะ ออกกับ สนพ.แจ่มใส เรื่อง Paparazzi ปฏิบัติการนี้จารชนหัวใจ 1-2, พันธนาการแห่งรัก 1-2, ปฏิบัติการแอบถ่ายหัวใจเจ้าชายเย็นชา, [Prince of Yakuza] รักเกินพิกัดร้าย สนุกทุกเรื่องเลยนะ
0
Ghitow 12 ก.ย. 51 เวลา 17:43 น. 14

คนเขียนย่อมรู้อยู่แก่ใจและคนอ่านย่อมแยกแยะได้

...

อนึ่ง ถ้าคนอ่านไม่รู้ก็ดีไป สบายใจทั้งคนอ่านและคนเขียน
เหมือนตอนที่ข้าพเจ้ายังไม่รู้ว่าเพชรพระอุมาเหมือนสมบัติโซโลมอนเหลือเกิน


PS.  ...ลูกชิ้นดีกว่าดอกไม้...
0
sasadao 12 ก.ย. 51 เวลา 17:44 น. 15

เห็นบอร์ดนี้เล่นเกมกันหลายคน เคยวิเคราะห์ สังเกต กันบ้างไหมครับ

ว่า เกม RPG ของญี่ปุ่น นั้นไม่มีเกมไหนที่เหมือนกันสักเกม ถึงจะมีมอนสเตอร์กากๆ ที่ชื่อเหมือนกันเป๊ะ หรือมีอาชีพผู้กล้า จอมเวท เหมือนกันก็ตาม

แต่จะไม่มีการทำเกมที่ระบบต่างๆ ในเกมเหมือนกัน หรือนำเอาเอกลักษณ์ของเกมใดมาใช้เด็ดขาด เพราะเค้าเคารพในพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ของกันและกันครับ

ถ้ามีค่ายไหนที่คิดจะเลียนแบบสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของค่ายอื่นละก็ เขาจะได้รับการลงโทษจากบรรดาเกมเมอร์อย่างสาสมทีเดียว

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 12 กันยายน 2551 / 17:49


PS.  บีบตับคนอ่านคืองานอดิเรก
0
พศวัต 12 ก.ย. 51 เวลา 17:46 น. 16

หรือว่าจะให้เด็กทารกมาถึงใช้ท่ากระโดดตีลังกาที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนดีละ

แรงบันดาลใจเป็นจุดเริ่มต้นของนักเขียนทุกคน อยากจะเขียนอะไรออกมาให้เป็นตัวอักษะให้มันเรียงเป็นประโยคข้อความก่อนจะถึงหน้ากระดาษสุดท้ายว่าจบ

ส่วนจะดัดแปลงยังไง ลอกยังไงก็แล้วแต่ ผมเชื่อว่านักเขียนทุกคนมีความคิด ไอเดียที่จะสื่อออกมา มีประเด็นที่จะทำให้นิยายก้าวต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะจบ แม้ว่าบางส่วนของเขาจะออกคล้ายกับเกม การ์ตูน ภาพยนต์ก็เถอะ

ลองให้โอกาส ปรับความคิดแล้วดูดี ๆ สิ ไม่ใช่นิยายไทยทุกเรื่องที่ขาดประเด็น ความคิดสร้างสรรค์


PS.  ไม่จับปากกา ไม่มีทางเขียน ...
0
sasadao 12 ก.ย. 51 เวลา 17:58 น. 17

ผมตอบแล้วไงครับ

ว่าการลอกเลียนเพื่อริเริ่ม ฝึกหัด นั้นไม่ได้ผิดอะไรเลย

แต่ยามใดที่คุณมีความคิดที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากพลังความคิดสร้างสรรค์ของคนอื่นแล้วละก็ 

สิ่งนั้นล่ะ ผิดมหันต์ 

บางคนที่ทำยังงี้ อาจจะมองแบบง่ายมากๆ คือคิดว่า ก็เอามาแค่เนี่ย ไม่เห็นจะเป็นไร ไม่ได้เอามาทั้งหมดสักหน่อย

เรื่องหุ่นยนต์แมวจากโลกอนาคตเดินทางมาช่วยเหลือเด็กขี้แย หรือสมุดโน๊ตที่เขียนชื่อแล้วตาย มองแค่นี้มันก็ง่ายนิดเดียว 

แต่กว่าที่เจ้าของผลงานเหล่านั้นจะคิดพลอตนั้นๆ ขึ้นมาได้ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกครับ


PS.  บีบตับคนอ่านคืองานอดิเรก
0
2nDiAmonD 12 ก.ย. 51 เวลา 18:07 น. 18

ปกติเราไม่ได้อ่านนิยายอยู่แล้วอะค่ะ ก็เลยไม่รู้ว่าจะมีนิยายของใครเหมือนของเราหรือป่าว?
สำหรับเรา เราไม่สนใจอยู่แล้วค่ะ เพราะเรามีโลกจินตนาการของเราเอง แล้วเราก็ไม่ได้อ่านของใครเลยที่เป็นแนวเดียวกับที่เราแต่ง
ขนาดหนังดังๆอย่างแฮรี่พอตเตอร์ เรายังไม่ได้ดูเลยค่ะ


การเป็นนักเขียนในความหมายของผม ไม่ใช่แค่คนที่อยากเขียน คนที่อยากมีงานเขียน แต่การเป็นนักเขียนต้องมีความรับผิดชอบต่อผลงานทุกชิ้นที่เผยแพร่ออกไปสู่คนอ่าน ต้องมีจริยธรรม ความสุจริตต่อผลงานของตนเอง

เราเห็นด้วยนะค่ะ เห็นด้วยอย่างยิ่งเลย


ทำไมล่ะ ก็มันดีกว่าเดิมนี่ครับ มันไม่ได้เป็นการลอกแบบ แต่เป็นการพัฒนานิ ผิดศีลธรรมไหม เพราะว่าไม่ได้ลอก มันเป็นการพัฒนา เราก็ลงทุนรงแรงเหมือนกันจะผิดศีลธรรมได้ไง

อันนี้เราก็เห็นด้วยค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีส่วนที่คล้ายอยู่บ้าง แต่ว่า แต่ละเรื่องของผู้เขียนที่แตกต่างกันออกไปมันก็ต้องมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เพราะได้เอามาปรับปรุงใหม่ แล้วก็บวกกับความคิดและมุมมองของตัวผู้เขียนเองด้วย ผลงานต่างๆก็ย่อมแตกต่างกันไป



สองฝ่ายต่างก็มีความคิดเห็นที่ต่างกัน ซึ่งก็ให้แง่คิดที่ต่างกันด้วย
เราคิดว่า แค่เขาไม่ลอกมาหมด หรือลอกมาเป๊ะๆเลย มันก็น่าจะให้อภัยกันได้ แต่จริงๆมันก็ไม่ควรเอามาหรอก
แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่คนเราห้ามกันไม่ได้ค่ะ เพราะว่าเมื่อใดที่ได้ดูได้เห็นสิ่งดีๆสิ่งที่ประทับใจขึ้นมา เขาก็คงอยากจะเอามาแต่งเติม
แล้วบางทีก็อาจจะเอามาใส่โดยไม่รู้ตัวก็มี


PS.  http://www.cyworld.com/DiAmonD0208
0
พศวัต 12 ก.ย. 51 เวลา 18:16 น. 19

นักเขียนก็เขียนด้วยใจรักนี้ครับ

ผมไม่คิดว่านักเขียนทุกคนจะเขียนนิยายเพื่อเงิน ชื่อเสียงหรอก


PS.  ไม่จับปากกา ไม่มีทางเขียน ...
0
KennyHass 12 ก.ย. 51 เวลา 18:48 น. 20

งั้นผมก็ผิดน่ะสิ เพราะตอนเด็กๆ ผมเขียนการ์ตูนเลียนแบบดราก้อนบอล แล้วเย็บเล่มให้เพื่อนในโรงเรียนอ่าน แล้วผมรู้สึกภาคภูมิใจมาก เพราะใครๆก็ชมผมว่าสนุกเหมือนอ่านดราก้อนบอล


PS.  ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเขียนนิยายให้อ่านแล้วเข้าใจ แค่คุณเขียนให้เป็นเรื่องเป็นราวได้ก็เก่งแล้ว - นิรนาม
0