Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ถวายเงินหรือข้าวสารพระบาปตกนรกและพระพุทธรูปไม่ใช่วัตถุในศาสนาพุทธคนพุทธรับถือต่อมาเฉยๆซี่งบาปมาก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ลองเข้าไปดูตามนี้เลยครับ
www.samyaek.com

http://www.samyaek.com/ebook/book11.pdf?r=002

http://www.samyaek.com/ebook/book10.pdf

http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=1175.msg12112#msg12112

http://www.samyaek.com/fileload/samyaek/formular001.pdf?r=002

http://www.samyaek.com/fileload/samyaek/seen227.pdf?r=002

http://www.samyaek.com/mambo/index.php?option=com_content&task=category&sectionid=7&id=126&Itemid=44

http://www.samyaek.com/pratripidok/

http://www.dhammahome.com/front/tipitaka/
http://www.samyaek.com/board2/

เรื่องอุทิศบุญลองเข้าไปดูกันเอานะครับ ทำยังไงถึงจะเบิกบุญมาอุทิศได้เรื่อยๆโดยไม่หมด

http://www.samyaek.com/ebook/book14.pdf?r=006


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 5 มิถุนายน 2553 / 03:15
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 5 มิถุนายน 2553 / 04:01
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 31 กรกฎาคม 2553 / 00:19

PS.  ใครอยากสมหวังทุกอย่างที่อยากได้ ใครอยากพ้นทุกข์หรือทำอะไรก็ได้ทุกอย่างแต่ต้องใช้เวลา พระพุทธเจ้าท่านบอกทางไว้แล้ว www.samyaek.com

แสดงความคิดเห็น

>

87 ความคิดเห็น

noop23525 4 มิ.ย. 53 เวลา 02:22 น. 1

เราไม่ได้บ้านะ เเล้วเราก็ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรด้วยคือเเบบยิ่งเราได้พบเจอเห็นอะไรมามากๆเข้ามันทำให้เราไม่อยากจะเชื่ออะไรเลย นอกจากตัวเราเอง

อย่ามองเราเป็นพวกร่องลอยไร้ศาสนานะ เราไม่เคยลบหลู่หรือพูดไม่ดี เเต่เรากลัวว่านานวันเข้า เรากลัวว่าใจเรามันจะเปลี่ยนไปเพราะสิ่งเเวดล้อมเเล้ะการ เวลา

เราคิดเเบบนี้เราบาปไหมคะ จขกท


PS.  นี่หรือมนุษย์..ชั่งร้ายกาจนัก
0
นทพ.มนวีร์ สุนทรโกมล 4 มิ.ย. 53 เวลา 02:43 น. 2

ยึดคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นหลักครับ ศาสดาเรามีองค์เดียว อะไรที่ขัดกับธรรมของพระพุทธเจ้า ก็ขอให้งดเสีย พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วว่าเมื่อท่านปรินิพพานไปแล้ว คำสอนท่านจะเป็นศาสดาแทนพระองค์ แล้วเธอบอกว่าเชื่อตัวเองก็ไม่ดีหรอกครับ เธอยังมีกิเลส ยังมี โลภ โกรธ หลงอยู่ เชื่อพระพุทธเจ้าปลอดภัยที่สุด แม้พระสารีบุตรผู้เลิศทางด้านปัญญาที่สุดในบรรดาสาวก ก็เคยสอนผิดและถูกพระพุทธเจ้าตำหนิมาแล้ว เพราะฉะนั้น อยากรอดจริงๆเชื่อพระพุทธเจ้าครับ

0
noop23525 4 มิ.ย. 53 เวลา 02:50 น. 3

สงสัยเราก็ว่าเหมือน คุณ จขกท อ่ะเเหละ

เราก็เเค่คนธรรมดานี่เองโนะ ไม่ได้วิเศษมากจากไหนเลย

เราเชื่อในตัวพระพุทธเจ้านะ เชื่อในคำสอน เเต่เราทำไม่ได้อ่ะ มันเหมือนมีอะไรซักอย่าง กันๆเอาไว้

เรากลัวกลัวว่า วันนึง สิ่งนั้นมันจะชนะเรา เรามั่นใจว่าเราไม่ใช่คนดีนะ เเต่เรามันใจว่าเราไม่ใช่คนเลวด้วย

เราควรทำไงอ่ะบอกทีนะคะ จขกท


PS.  นี่หรือมนุษย์..ชั่งร้ายกาจนัก
0
Unn~* 4 มิ.ย. 53 เวลา 07:39 น. 4

เรื่องเงิน ต้องเข้าใจนะครับ เวลาเปลี่ยนไปยุคสมัยเปลี่ยนไป พระป่า ที่ธุดงค์อาจทำได้นะครับการไม่ใช้เงิน แต่พระตามเมืองละครับ บางทีเงินก็จำเป็นในการเดินทาง ต้องขออนุญาติเอาคำอธิบายของพระมหาสมปองมาบอกละกันครับ  ว่า ตามจริงต้องให้มัคคนายก เป็นผู้ดูแลเงินหรือถือเงิน  แต่ก็นั่นละครับบางทีพระสงฆ์ก็จำเป็นต้องเดินทางเอง จะไปตามตัวมัคคนายกมาจ่ายก็ลำบากแก่มัคคนายก ตลอดจนคนขับรถก็ตามที


PS.  เด็กบอร์ด~* แอบดอดเข้าทางหน้าต่าง
0
Kaiser Ittipat I 4 มิ.ย. 53 เวลา 11:33 น. 5

ศาสนานี้สอนให้เชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้ ตอนนี้ผมพิสูจน์ได้ว่าศีล5มันดีตริงเลยปฎิบัติตาม ส่วนในซึ่งพิสูจน์ไม่ได้เช่นเรื่องกลับชาติมาเกิดยังไม่เชื่อ


PS.  ปกป้องศักดิ์ศรีสถาบันสามี และหัวหน้าครอบครัว
0
พ่อมดขาว 4 มิ.ย. 53 เวลา 13:47 น. 6

ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วครับ เงินเป็นปัจจัยในการซื้อขายแลกเปลี่ยน

ยิ่งไม่ถวายเงินพระ ยิ่งลำบากหนักเข้าไปอีก

เรื่องนรก-สวรรค์ ผมมองเป็นแค่กุศโลบายครับ ผมไม่สนใจกับของเลื่อนลอยแบบนั้นหรอกครับ

มัวแต่ใส่ใจกับอะไรที่เลื่อนลอย แล้วละเลยหลักธรรมของศาสนา แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรครับ

ถ้าเราทำบุญ แล้วเอาแต่คิด ว่าจะได้ขึ้นสวรรค์หรือไม่ จะได้บุญมากแค่ไหน แบบนั้น ผมมองว่ามันคือการยึดติดครับ



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 4 มิถุนายน 2553 / 14:31


PS.  ใด ใด ในโลกล้วน...ลุยเอา จะตัวหนักตัวเบา...ลุยแหลก ทั้งยกขาขึ้นพาด...พลิกแพลง เชี่ยวชาญ อัดกระแทกอาจหาญ...หัวซุก หัวซุน
0
นทพ.มนวีร์ สุนทรโกมล 4 มิ.ย. 53 เวลา 14:35 น. 7

เดี๋ยวจะมาตอบให้ รอก่อนนะครับ ไม่เย็นนี้ก็เย็นพรุ่งนี้ และผมจะพยายามไม่ตอบโดนใช้วาจา คำพูดของผม ผมจะพยายามใช้คำพูดของพระพุทธเจ้ามาตอบ (พุทธพจน์มาตอบ) เดี๋ยวให้ผมเสร็จธุระก่อนนะครับ แต่เท่าที่ดู คุณยังไม่เข้าใจและยังเป็นชาวพุทธที่ยังศึกษาพุทธพจน์ไม่มาก ซึ่งพุทธพจน์ไม่ใช่คำสอนของพระชื่อดังที่ต่างๆหรืออาจารย์ต่าง ความรู้ของสาวกกับพระศาสดาต่างกันมาก เปรียบคนปุถุชนที่กิเลสเหมือนไส้เดือนดินที่มองไม่เห็นอะไรเลยมีแต่ความมืดมิด จะไปเทียบกับประอรหันต์สาวกที่เป็นเหมือนหงษ์ที่บินได้สูงเสียดฟ้า รู้จักทั้งแผ่นฟ้าและแผ่นดินได้หมด แต่แม้กระนั้น ความรู้ของพระสาวกที่เป็นอรหันต์ ก็ยังเปรียบเป็นแค่หิ่งห้อย เมื่อเทียบกับความรู้ของพระศาสดาคือพระพุทธเจ้า ที่เปรียบเหมือนดวงอาทิตย์ ก็เทียบดวงอาทิตย์กับหิ่งห้อยแล้วกัน ไม่ก็ลองเทียบน้ำเพียงหยดเดียวกับน้ำทั้งมหาสมุทธทั้งโลก ไม่ก็เทียบฝุ่น(บาลี=ธุลี)เม็ดเดียวกับฝุ่นทั้งโลก สาวกกับพระศาสดาเปรียบได้เช่นเดียวกันนั้น แต่แค่นี้ยังไม่กระจ่างเดี๋ยวผมไปทำธุระก่อนเดี๋ยวมาตอบให้ ระหว่างนี้ขอให้พวกท่านได้ไปอ่านศึกษาพระไตรปิฎกให้มากกว่านี้เสียก่อน เดี๋ยวคุณก็น่าจะเข้าใจอะไรมากกว่านี้ เพราะเท่าที่ดูคุณใช้สติปัญญาของคุณในการตัดสินว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก หรืออาจจะใช้สติปัญญาของบรรพบุรุษ หรือคนที่โกนหัวแล้วห่มผ้าเหลืองที่อ้างว่าเป็นพระแต่ไม่ใช่พระ(พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วว่าผู้ที่ประพฤติเช่นไรไม่ใช่สาวกของพระองค์ ไม่ใช่สมณะ หรือเป็นโมฆะบุรุษ)ในการตัดสินว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก ซึ่งยิ่งเทียบไม่ได้เลยกับพระสติปัญญาของพระพุทธเจ้า เดี๋ยวผมจะกลับมาช่วยตอบให้นะครับ เดี๋ยวไว้ทำธุระเสร็จก่อน

0
พ่อมดขาว 4 มิ.ย. 53 เวลา 14:41 น. 8

ไม่มีปัญหาครับ ผมจะรออ่าน ^ ^



PS.  ใด ใด ในโลกล้วน...ลุยเอา จะตัวหนักตัวเบา...ลุยแหลก ทั้งยกขาขึ้นพาด...พลิกแพลง เชี่ยวชาญ อัดกระแทกอาจหาญ...หัวซุก หัวซุน
0
Monkeyboyz Oil-Thanakrit 4 มิ.ย. 53 เวลา 14:49 น. 9
๑. มา อนุสฺสาเวน อย่าเชื่อโดยฟังตามกันมา
๒. มา ปรมฺปราย อย่าเชื่อโดยเหตุสักว่าตามสืบๆ กันมา
๓. มา อิติ กิราย อย่าเชื่อโดยตื่นข่าว
๔. มา ปิฎกสัมฺปทาเนน อย่าเชื่อโดยอ้างปิฎก
๕. มา ตกฺกเหตุ อย่าเชื่อโดยนึกเดาเอาเอง
๖. มา นยเหตุ อย่าเชื่อโดยคาดคะเน
๗. มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าเชื่อโดยการตรึกตรองตามอาการ
๘. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนกฺขนฺติยา อย่าเชื่อโดยเห็นว่าถูกตามลัทธิของตน
๙. มา ภพฺพรูปตาย อย่าเชื่อโดยเห็นว่า ผู้พูดควรเชื่อได้
๑๐. มา สมโฌ โน ครุ อย่าเชื่อโดยถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา

และพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้บอกให้เราเชื่อในพระองค์ แต่จงเชื่อในหลักแห่งความเป็นจริง ครับ

PS.  ~//INNO [B]Boy Gangz :: www.facebook.com/NikeBBoy //~
0
Bomberboy* 4 มิ.ย. 53 เวลา 16:14 น. 10

ถวายเงินพระ แล้วพระนำไปซื้ออาหารให้สุนัขแมวในวัด มันบาปหรอกหรือ
// ทำบุญ ทำด้วยใจใช่อยากได้บุญ

0
--KENgrow-- 4 มิ.ย. 53 เวลา 17:58 น. 12

 มิว่าจะเป็นใครอะไรก็ตาม อย่างที่ปู่ออยบอก 

อย่าเชื่อเพียงเขาเล่ามา

ศาสนามีไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ

แต่ไม่ได้มีไว้ให้เชื่องมงาย

การเชื่อศาสนาต่างๆโดยไม่ตริตรอง

ไม่ต่างอะไรกับคนที่ขูดเลขขอหวยที่ออกตามสื่อโทรทัศน์

มันน่าขบขันที่ที่เราเชื่อคำพูดของอะไรไม่รู้ที่เชื่อกันว่า

เป็นสิ่งที่ถูกที่ควรมาเป้นพันๆปี แล้วยึดว่านั้นคือถูกต้องแล้ว

โดยไม่ตริตรองให้ดีเสียก่อนว่านั้นเป้นสิ่งที่ปฏิบัติแล้วจรรโลงโลกได้จริงหรือไม่

การตักบาตรการทำบุญมีจุดประสงค์เพียงให้เราละได้ซึ่งกิเลศ และความตระหนี่

สิ่งใดที่สละได้ก้สมควรจะสละ มิใช่หรือ อย่าเพียงยึดติดแต่รูปกาย

เพียงแต่การถวายเงิน เงินคือสิ่งยั่วยุกิเลศตันหา ฉะนั้นการให้เงินพระจึงเหมือนยั่วยุให้พระทำบาป

เพียงแต่ว่าในปัจจุบัน เรามิอาจแยกได้ว่าพระจริงหรือพระปลอม เพียงคิดแค่ว่า

ข้าพเจ้าได้รู้จักลดการตระหนี่ถี่เหนียงโดยการถวายเงินนี้ ก็เพียงพอแล้วหรือไม่!!!!

นั้นคือคำถามที่อยากจะให้ สาวก ผู้ปฏิบัตรตามศีลธรรมทั้งหลายได้คิดตาม

หรือแม้พระพุทธรูป หรือรูปเคารพนั้น ก็มีผลเพียงแค่ว่า เป้นตัวแทนแห่งพระศาสดาในใจของเราเท่านั้น

คนที่ไม่มีจิตใจเลื่อมใสหรือไม่ได้มีรูปเคารพไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจนั้น ก็เอารุปเคารพไปตั้งทิ้งๆขวางๆ ตบแต่งสถานทีได้

เหมือนกับที่ฝรั่งมังคาถ่ายนูดกับพระพุทธรูป ก็เหมือนกับคนไทยศาสนิกชน นำกางเขนสวยงามมาเป้นสร้องห้อยคอ

เพียงเห้นแค่ว่าสวยงาม แต่ไม่ได้คิดว่ามีคุณค่าอะไร

อย่างไรก็ตามพระพุทธรูปหรือรุปเคารพ ก็มีให้ปถุชน สามัญชนเชื่อเพื่อยึดเหนี่ยวให้ทำความดีหรือ ยึดเหนี่ยวเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

พอๆกับนรกหรือสวรรค์ ที่เป้นเพียงเครื่องยึดเหนี่ยวให้คนเกรงกลัวต่อบาป หรือให้คนพยายามทำดีเพื่อให้เกิดในชาติภพที่ดี

การไม่เชื่อก็จะทำให้ไม่มีศีลธรรมในโลก ซึ่งไม่ดีแน่ๆ แต่การที่จะปล่อยวางได้จริงนั้น ต้องไม่ยินดี ไม่ยินร้ายมิใช่หรือ??

เป็นปัญหาพาราดอกซ์ ที่เกิดชึ้นเพราะ ความเชื่อ!!!



ปล. ถึง คห7. การเปรียบเทียบคนไม่รู้เป้นสัตว์ไส้เดือนน่าแขยง คุณไม่ละอายต่อบาปหรือ ที่ว่าผู้อื่นเสียๆหายๆเช่นนั้น??

คุณเปรียบท่านศาสดาเป้นพระอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่  ว่าท่านคือผู้รู้แจ้งเห็นจริงเท่านั้น ไม่มีใครเห้นแจ้งได้เท่า

ใครก้ตามที่เห็นต่างคือผู้ผิด ไม่เท่ากับคุณกำลังยึดติดเหรอ??




---------------------------------------
วิทยาศาสตร์ และศาสนา เป้นสิ่งที่ขัดแย้งกันมาตั้งแต่อดีตแล้ว 

พุดในแง่ของศาสนาพุทธ ซึ่งเป้นศาสนาที่ดุเหมือนจะเข้าได้ดีกับวิทยาศาสตร์

วิทย์ หรือ พุทธ เหมือนกันที่ มนุษย์ในสปีชีส์ โฮโมซาเปียนๆ เป็นผู้คิดขึ้นมา

เหมือนกันตรงที่ พุทธ วิทย์ ศึกษาในสิ่งเดียวกัน

พุทธ และ วิทย์ ศึกษาโดยหลักการเดียวกัน

วิทย์มิให้เชื่อในทุกๆสิ่งจนกว่าจะได้พิสูจน์

พุทธไม่ให้เชื่อจนกว่าตนจะรู้แจ้งเห้นจริงในเรื่องนั้นๆ

เมือ่ใดก็ตามที่พุทธ หรือศาสนา ปราศจากความเชื่อ พุทธและวิทย์ก็จะกลายเป้นสิ่งเดียวกัน!!!!!



ศึกษาพุทธ ศึกษาวิทย์!!!!!!!!!    เพื่อศึกษาตนเองในหลายๆด้าน

อย่างมงายเพียงด้านเดียว เพราะมันจะไม่ต่างกับการ ที่เสื้อสีต่างๆ ฟังข่าวสารด้านเดียว!!!!



พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้เพราะท่าน ไม่เชื่อครุของท่านไม่ใช่หรือ   แล้วสาวกทำไมจึงจะเชื่อครุของตนเองแล้วนำมาป่าวประกาศ

ว่านั้นถูก นั้นผิด!!!!!!!!!!!!   เพียงเพราะเชื่อศาสดา เพียงเพราะเชื่อครุของตน

















เจ้าของ คห.นี้ ไม่ได้ต้องการใหผู้ที่อ่านเชื่อใน ความคิดเห็นส่วนบุคคลนี้ ไม่ต้องการให้คล้อยตาม ไม่ต้องการให้เห็นด้วย

แต่ต้องการให้ใช้วิจรณญาณส่วนบุคคล เพราะทั้งหมดที่เจ้า้ของความคิดเห็นนี้ เขียนทั้งหมดด้วยตนเองจากการศึกษา และรู้จริงในเรื่องนั้นๆ

และนำสิ่งที่คิดได้ มาเสนอความคิดเห็นเท่านั้น!!!!!    


(อ่านๆแล้วพิมผิดเยอะเวอร์ แต่แก้ไม่ไหว - -" รีบพิมจะรีบไปทำธุระ อ่านไม่ออกให้บอกเดียวกลับมาแก้ให้ต่อ)


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 4 มิถุนายน 2553 / 18:04
แก้ไขครั้งที่ 2 เมื่อ 4 มิถุนายน 2553 / 18:06
แก้ไขครั้งที่ 3 เมื่อ 4 มิถุนายน 2553 / 18:16


PS.  ผมมันดื้อ ผมมันซน ผมมันงองแง ผมมันเอาแต่ใจ... แต่ที่ทำไป เพราะอยากให้คุณ กอดผมไว้ คนเดียว
0
!Лио де Astros! 4 มิ.ย. 53 เวลา 18:56 น. 14
ถูกต้องอย่างที่เก่ง และ ปู่ออยบอกอ่ะ

เอาเป็นว่า ทำบุญไปตามสมควร ยึดหลักคำสอนหลักธรรมทางศาสนา และปฏิบัติให้ได้ เป็นพอ
 
     อย่าเอาคุณลักษณะ คุณสมบัติตนเองไปเทียบกับใคร

     แล้วอีกอย่าง การทำจิตใจ ให้ผ่องใส ยึดมั่นในหลักธรรม มิสามารถลบล้างกรรม หรือการกระทำทั้งในอดีตและปัจจุบันได้เพียงแต่ จะเป็นส่วนช่วยทำให้กรรมเบาบางลงหรือ ยืดระยะเวลาออกไปเท่านั้น


          ปล ผมเชื่อแค่หลักธรรมศีล 5 และกฎแห่งกรรม แค่นี้หล่ะ

       
  

0
-*- 4 มิ.ย. 53 เวลา 19:45 น. 15

ศาสนาสอนให้ถือศีล 5
ถ้าทุกคนในโลกถือศีล 5 ได้อย่างเคร่งครัด โลกนี้ก็สงบสุขแล้ว

0
น้ำโขง 4 มิ.ย. 53 เวลา 20:34 น. 16

วัดสามแยกนี่เอง ที่แม่ผมกำลังชักจูงให้มาัฟังธรรมอ และดึงผมให้เข้าไปอยู่ในหมู่ผู้คนที่ศรัทธา

จขกท. คงรู้อะไร ๆ เกี่ยวกับที่นี่เยอะใช่ไหมครับ เช่นเื่รื่องเนื้อหาในพระไตรปิฎก การให้เงินพระ พระรูปนั้นเป็นโมฆะบุรุษ พระคือผู้ปราศจากกิเลสและกามทั้งปวง ไม่เห็นแก่ทรัพย์ ไม่ต้องการทรัพย์ ไม่มีพระอิฐพระปูนใดมาแทนพระพุทธเจ้า ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา ฯลฯ

ผมมีคำถามหนึ่งมาถาม ที่บอกว่าการเล่นดนตรีเป็นบาป มันบาปยังไง เพราะอะไรเหรอครับ นักร้อง นักดนตรีในโลกนี้เป็นคนบาปทั้งหมดหรือไม่ ดนตรีไม่มีประโยชน์ หาสิ่งดีใด ๆ ไม่ได้เลยหรือ? เป็นสิ่งเลวร้ายที่ทำให้ผู้เล่นมีบาปติดตัวใช่หรือไม่?

ผมได้บอกกับแม่ผมว่า ผมยอมเป็นคนบาป ยอมตกนรก ดีกว่าไม่ได้เล่นดนตรีซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรัก


PS.  ทว่านั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเราค่อยพูดถึงในโอกาสต่อไป
0
--KENgrow-- 4 มิ.ย. 53 เวลา 21:10 น. 17

^
^
ขอตอบคห.16 ตอบตามความคิดเห็นส่วนบุคคล ^.^

ตามพุทธศาสนา พระคือผู้ที่ต้องการจะละกิเลศ พ้นทุกข์พ้นสุข

เครื่องดนตรี จรรโลงใจได้ แต่เนื้อเพลงล้วนเกี่ยวกับอกหักรักคุด เพลงรัก ยั่วยวนให้เกิด ความรักเป้นกิเลศ

อีกทั้งยังให้เกิดความสุข ซึ้งผุ้จะถึงนิพพาน คือไม่ยินดี ไม่ยินร้าย

เมื่อฟังเพลงเพราะ มีสุข แสดงว่ามีความยินดีกับเพลง จะทำให้ไม่ถึงนิพพาน

กลับกลายเป้นว่า ไม่บรรลุผลที่ตั้งไว้ (ซึ่งพระส่วนใหญ่ไมไ่ด้ตั้งใจจะนิพพานสะหน่อย - -")

จึงเป้นข้อห้างของสงฆ์ว่าห้ามเล่นร้องดนตรี ส่วนนักดนตรีคือผู้ทำให้คนที่ฟัง หลงในเสียง

เป้นการหลงในรูปอย่างหนึ่ง ทำให้คนเหล่านั้นไม่อาจนิพพานได้

แต่ ณ ที่นี้ ผมไม่ได้คิดว่ามันเป้นบาป แค่คิดว่ามันทำให้ ไม่สามารถถึงนิพพานได้เท่านั้นเอง ^.^

ปล. อีกอย่างไม่มีใครนิยามดนตรีได้ว่าคืออะไรกันแน่ หากเป็นคำร้องเฉยๆ ก็คือดนตรี มีเครืองบรรเลงเฉยๆก็คือดนตรี

ถึงทั้งร้องทั้งบรรเลงก็คือดนตรี หากแต่ว่าตนตรีอาจจะเป้นศาสตร์ที่ที่เกิดจากเสียง ร้อยเรียงเป้นทำนองให้เกิดอารมณ์ต่างๆ

ได้ทั้งสุข ทั้งเศร้า  

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การสวดมนต์ทำนองเสนาะ ก็คือบทสวดที่สร้างมาแทนเสียงเพลง

ล้วนให้ผุ้ฟังที่ฟังเกิดความสงบ ในจิดใจ เกิดสมาธิ และเข้าใจลึกซึ้งในบทสวดซึ่งของดังเดิมเป้นภาษาบาลี

หากฟังดีๆแล้ว จะมีทำนองไพเราะ เรียกให้ถูกนั้นก็คือเพลงรูปแบบหนึ่งนั้นเอง เพียงแต่เราเปลี่ยนชื่อจากเพลงสวดเป็นบทสวดทำนองเสนาะ

มันก็แค่คำที่เอามาแทนกันเพื่อให้ไม่คิดว่ามันเป้นเรื่องผิด 

ถ้าการร้องเพลงเป้นเรื่องบาป บทสวดทำนองสรภัญญะ(ทำนองเสนาะ) ก็บาป


อย่ายึดติดกับรูป เสียง หรือแค่คำศัพทื คำเรียก ที่มนุษย์คิดขึ้นมา สมมติมันขึ้นมา

มองให้ทะลุว่าอะไรคืออะไร แล้วก็จะตัดสิ้นได้ว่าอะไรคืออะไร




อะไรคือบาป อะไรคือบุญ

ศีลคืออะไรกัน

ขอถามให้ลองคิดๆดูน่ะครับ 

ปล. ใช้ความคิดของตัวเองที่ผ่านการตริตรองมาอย่างดี อย่าเชื่อใครมาตอบน่ะครับ ^.^


PS.  ผมมันดื้อ ผมมันซน ผมมันงองแง ผมมันเอาแต่ใจ... แต่ที่ทำไป เพราะอยากให้คุณ กอดผมไว้ คนเดียว
0
Smile Music 4 มิ.ย. 53 เวลา 21:38 น. 18

อะโห กระทู้นี้ ทำผมทึ่ง อึ้ง และตะลึงครับ O_______O 55+


PS.  ต่างที่คิด...ชีวิตจึงต่าง คิดให้เป็น แล้วจะมีความสุข
0
Nico Di Angelo 4 มิ.ย. 53 เวลา 21:40 น. 19
 คุณพระ แก๊งค์ซิสเลอร์นี่เมพศาสนากันทั้งนั้น 
--------------------------------
ผมไม่ได้อ่านเนื้อหาในเว็บนั้นนะ แต่อ่านจากคอมเม้นผ่านๆ ก็พอเข้าใจ
ผมคิดว่า...คนเรายึดติดกับผลตอบแทนมากไปรึปล่าครับ

แบบต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้จะได้ขึ้นสวรรค์ ไปเป็นเทวดา หรือทำอย่างนี้มันบาปนะ
เหอะๆ....ผมเชื่อในเรื่องความดี ความชั่วและกฏแห่งกรรมแค่นั้นครับ
สิ่งไหนที่เราคิดว่าดี คิดว่าถูกต้อง..ก็ทำไปเถอะ แต่สิ่งนั้นต้องเป้นผลดี และสุจริตจริงๆ ไม่นำความเดือดร้อนมาให้ใคร
ถ้าเราทำด้วยใจบริสุทธิ์แล้ว เค้าจะอาสิ่งที่เราทำไปทำไรต่อก็ชั่งเค้าเหอะครับ...เค้าก็ได้รับผลกรรมนั้นเอง  ผมไม่เชื่อในสวรรค์นรกอยู่แล้วครับ...ผมเชื่อในผลการกระทำมากกว่า...

    ผมเคารพพระพุทธรูปเพราะผมใช้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่ไม่ใช่หลงงมงายครับ
ส่วนเรื่องถวายเงินพระ...อืม..ถ้าผมอยากช่วยเหลือวัด ช่วยเหลือพระ
เราทืำด้วยใจจริง ไม่ได้มีพระมาขอรับบริจาคหรืออะไร มันก็บาปรึไงครับ ??

แล้วการที่ไปว่าคนอื่นว่าเป็นไส้เดือนนี่ นี่แหละครับ บาปจริงๆ ...การไปดูถูกคนอื่น
การไม่ยอมรับคห.คนอื่นนี่ น่าละอายมากครับ...อับอายแทนสถาบันที่คุณเรียนมาจริงๆ


"คนที่เป็นไส้เดืิอนคือคุณต่างหากล่ะครับ"...อย่าบอกนะครับว่าคิดไม่ได้ ถ้าคิดไม่ได้
ก็อย่ามาสั่งสอนคนอื่นเลยครับ

ปล..ถ้าเล่นดนตรี+ฟังดนตรี แล้วบาป ผมก็ยอมบาปครับ 
"อันชนใดไร้ซึ่งดนตรีกาล ในสั-นดานเป็นคนชอบกลนัก"....สวัสดี


PS.  ~o.If you don't satisfy me. It's your business..I don't care. OK na krab!!~
0
น้ำโขง 4 มิ.ย. 53 เวลา 21:47 น. 20

ขอบคุณเก่งที่มาอธิบายให้


PS.  ทว่านั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเราค่อยพูดถึงในโอกาสต่อไป
0