Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

10 ลัทธิอุบาทว์ทะลุโลก!!!!

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
            วันนี้ผมขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ 10 ลัทธิอุบาทว์ที่มีผู้นับถือ และก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมมากมาย

   ลำดับที่ 10 ลัทธิพี่น้องผองผีดูดเลือด

                                  
                                            ร็อด เฟอร์เรล เจ้าลัทธิ

             ร็อด เฟอร์เรล ชาวอเมริกัน ตั้งตัวเป็นศาสดาตั้งแต่อายุได้ 16 ปี เขาตั้งชื่อลัทธิของเขาว่า "มนต์ผีดูดเลือด" มีหลักอยู่ว่า ต้องเจาะเลือดของคนในลัทธิมาแลกกันดื่มและแลกคู่กันเสพสม มีผู้ถูกเฟอร์เรลหลอกให้ลงมือสังหารไป 2 ศพในรัฐเคนตักกี เฟอร์เรลหลอกสาวกว่าเขาคือ "เวกัสโซ" จอมแวมไพร์ที่มีอายุยืนยาวมากว่า 500 ปีมาแล้ว เฟอร์เรลร่วมกับ ฮีทเธอร์ เวนดอร์ฟ สาวกสาวบุกเข้าไปในบ้านขอเวนดอร์ฟเอง ลงมือใช้ชะแลงตีและแทงพ่อแม่จนตาย แล้วพากันหนีไปลงมือสังหารพ่อแม่ของตัวเอง หลบหนีไปซ่อนตัวแต่ถูกตำรวจจับกุม ถูกตัดสินประหารชีวิต แต่สาวกของเขาพยายามเผยแพร่ลัทธิไปทั่วสหรัฐฯ แม้แต่ออสเตรเลียเองก็มีการติดตามทำลายล้างให้สิ้นซาก

     ลำดับที่ 9 ลัทธิขบวนการสร้างสรรค์

                                                
                                                           แมท เฮล เจ้าลัทธิ

            แมท เฮลเริ่มเป็นศาสดาลัทธิขบวนการสร้างสรรค์ โดยประกาศว่าเป็นลัทธิที่นิยม "อหิงสา" แต่อันที่จริงคือ การเหยียดผิว เขาประกาศต่อต้านชาวต่างชาติและพวกเกย์อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู สาวกของลัทธิถูกล้างสมองให้ประกอบอาชญากรรมต่อปฏิปักษ์ สาวกระดับสูงถูกตัดสินจำคุกในข้อหาฆาตกรรมคนผิวดำและสตรีชาวเกาหลีใต้ กับทำร้ายชาวยิวปางตายไปอีก 9 คน เจ้าลัทธิเองก็ถูกศาลสั่งลงโทษจำคุก 40 ปีด้วยข้อหาจ้างวานตำรวจนอกแถวให้สังหารผู้พิพากษา ผู้กระทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับลัทธิของตัวเอง และยังถูกกล่าวหาวามีส่วนรู้เห็นในการสังหารสามีกับมารดาของผู้พิพากษาคนดังกล่าว ปัจจุบันลัทธิอุบาทว์นี้ถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก เพราะขัดต่อกฎหมายของสหรัฐอเมริกา

   ลำดับที่ 8 ลัทธิมอร์มอนใหม่

                                                 
                                                เจฟฟรีย์ ลุนด์เกรน เจ้าลัทธิ

              ในขณะที่เจฟฟรีย์ ลุนด์เกรน เป็นสมาชิกของมอร์มอน เซิร์ช ได้ซ่องสุมสาวกได้ถึง 20 คน ในปี ค.ศ.1984 โดยตั้งเป็นลัทธิใหม่ชื่อ "คำพยากรณ์สุดท้ายแห่งพระเจ้า" จัดตั้งที่ทำการลัทธิในบ้านเช่าในรัฐโอไฮโอ โดยประกาศว่า จะนำสาวกไปต้อนรับการเสด็จกลับสู่โลกมนุษย์ของพระคริสต์เจ้า เจฟฟรีย์เป็นเดือดเป็นแค้นที่ เดนนิส อาเวรี หนึ่งในจำนวนสาวกปฏิเสธคำขอให้โอนเงินในบัญชีเงินฝากทั้งหมดเข้าบัญชีของเจฟฟรีย์ และย้ายครอบครัวมาอยู่ร่วมกับสาวกคนอื่นๆ สั่งให้สาวกสังหารล้างครัวอาเวรี เจฟฟรีย์ถูกศาลตัดสินประหารชีวิต แต่คำสอนของเขายังอยู่ และได้รับ
การเผยแพร่อย่างลับๆ ตลอดมา

     ลำดับที่ 7 ลัทธิครอบครัวเดียวกัน

                                            
                                                      ชาร์ลส์ แมนสัน เจ้าลัทธิ

               ชาร์ลส์ แมนสัน ผู้ก่อตั้งลัทธิครอบครัวเดียวกัน มีความคิดว่า "สงครามทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ระหว่างคนผิวขาวกับคนผิวสีกำลังใกล้เข้ามาแค่เอื้อม" เขาบอกสาวกว่า เมื่อสงครามทำลายล้างเผ่าพันธุดำเนินไป พระเจ้าได้ชี้ทางให้เขาสามารถนำพลพรรคลงไปหลบภัยในหลุมใต้ทะเลทราย แล้วรอดชีวิตมาสู่โลกใหม่ คนผิวสีจะได้ครองโลกแต่ไม่มีปัญญาจัดระบบสังคม แมนสันกับสาวกคือผู้ที่จะได้รับการยอมรับให้เป็นผู้จัดระบบโลกใหม่ ผู้ขัดขวางต้องถูกสังหาร แมนสันบงการให้สาวกบุกเข้าไปสังหารเหยื่อที่เขาถือว่าเป็นศัตรูที่เป็นคนในโลกมายาฮอลลีวู้ด 9 คน หนึ่งในจำนวนนั้นคือ ชารอน เทต ภรรยาของ โรมัน โปลันสกี้ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังที่ตายทั้งกลม แมนสันถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่คำสอนของเขายังคงมีอิทธิพลอยู่ในเจ้าลัทธิต่างๆ ในปัจจุบัน

        ลำดับที่ 6 โอมชินริเคียว
 
                             
                                         โชโกะ อาซาฮารา เจ้าลัทธิ

             โชโกะ อาซาฮารา เป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนาบังหน้า ก่อตั้งลัทธิที่มีชื่อว่า "โอมชินริเคียว" ในปี ค.ศ.1984 เขาเผยแพร่คำสอน จนมีผู้เข้ามาเป็นสาวกทั้งในญี่ปุ่นและนอกประเทศกว่า 49,000 คน เขาเริ่มแสดงความโหดเ้ยมเมื่อต้องสงสัยว่า อยู่เบื้องหลังการสังหารสาวกที่ตีตัวออกห่าง เพื่อปิดปากก่อนจะนำความในไปเปิดเผย อยู่เบื้องหลังการปล่อยแก๊สซารินในเมืองมัตสึโมโต เป็นเหตุให้มีคนตายไป 8 คน เมื่อตำรวจเริ่มสอบสวนคดีใกล้ตัวอาซาฮาราเข้าไปทุกที อาซาฮาราก็สั่งให้สาวกปล่อยแก๊สซารินในสถานีรถไฟใต้ดินในมหานครโตเกียว 5 สาย ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 12 คน บาดเจ็บ 54 ราย หลายรายพิการตาบอด ตำรวจบุกเข้าทลายสำนักงานใหญ่ของโอมชินริเคียว พบวัตถุระเบิด สารเคมี อาวุธเคมี และเฮลิคอปเตอร์ทำในรัสเซียเพื่อเตรียมไว้โปรยอาวุธเคมีสังหารผู้คน ที่นับว่าขหัวลุกคือ แก๊สซารินจำนวนมากพอที่จะฆ่าคนได้ถึง 4,000,000 คน อาซาฮาราถูกจับกุมดำเนินคดี สาวกที่เหลือแปลงรูปไปเป็นลัทธิอเล็ป ซึ่งยังคงเผยแพร่ลัทธิอย่างลับๆ

            


แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 23 ตุลาคม 2553 / 00:55

แสดงความคิดเห็น

>

5 ความคิดเห็น

PRINCEARM 22 ต.ค. 53 เวลา 21:27 น. 1
พวกนี้ว่างจัด นั่งคิดลัทธิให้ตัวเอง 

ว่าแต่ ทำไมมีแค่ 5 เองงะ

หายไปไหนอีก 5 งะคับ


PS.  การศึกษา ความศรัทธา และประสบการณ์ คือทางออกของทุกปัญหาในชีวิต
0
ซูบารุโย 22 ต.ค. 53 เวลา 21:36 น. 2
         ลำดับที่ 5 ลัทธิประตูสวรรค์

                                           
                                                              มาร์แชลล์ แอปเปิลไวท์ เจ้าลัทธิ
           มาร์แชลล์ แอปเปิลไวท์ ศาสดาเจ้าลัทธิประตูสวรรค์สอนให้สาวกรู้ว่า มนุษย์หาได้มาจากการสร้างของพระเจ้า หากแต่มาจากพ่อแม่ที่เป็นมนุษย์ต่างดาว เมื่อคลอดบุตรธิดาออกมาแล้วก็ปล่อยให้เจริญเติบโตอยู่บนโลก และจะนำยานอวกาศมารับบรรดาทายาท เพื่อเดินทางไปยังดาวต้นกำเนิดที่อยู่ด้านหลังของดาวหาง เฮล-บ็อบ มีสาวกมารวมตัวกัน 38 ราย ต่างเรียกร้องให้ศาสดาติดต่อเรียกบรรพบุรุษนำยานอวกาศมารับ แอปเปิลไวท์บอกว่า หากจะไปเร็วต้องไปด้วยวิญญาณ ว่าแล้วก็เอาวอดก้าผสมยาพิษชนิดร้ายแรงให้ดื่ม ไม่เว้นแม้แต่ตัวเอง ตำรวจนอร์ธควีนส์แลนด์เข้าไปพบก็ต่อเมื่อสาวก 38 คนกับศาสดานอนตายแหงแก๋รวม 39 ศพ

       ลำดับที่ 4 ลัทธิคำสอนแห่งวิหารสุริยา
                                                 
                                                                           ลุค จูเรต์ เจ้าลัทธิ
                 หลังจากก่อตั้งลัทธิเผยแร่คำสอนที่ทำให้สาวกทุกคนเชื่อว่า ตนเองคืออัศวินแห่งเทมพลาร์ในศตวรรษที่ 14 ในปี ค.ศ.1984 ลุค จูเรต์ ผู้ป่วยโรคจิตชาวสวิส ก็กลายเป็นศาสดาที่มีสาวกเป็นจำนวนมาก อาการทางประสาทของจูเรต์เริ่มถึงขีดสุดในปี ค.ศ.1994 เมื่อจูเรต์ถือดาบกวัดแกว่งไปมาแล้วแทงทารกวัย 3 เดือนตายคาที่ โดยกล่าวหาว่าเป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์มาเกิดต่อหน้าผู้เป็นบิดามารดา อีก 15 วันต่อมา จูเรต์ก็เอายาพิษผสมเครื่องดื่มให้สาวกคนสนิท 15 คนกินจนชักพะงาบๆ ผู้ไม่ดื่มก็ถูกยิง หรือไม่ก็ถูกรมควันจนสำลักตาย เมื่อตำรวจบุกเข้าไปก็พบแต่ศพเกลื่อนสำนักไปหมดนับได้ 75 ศพ มีทั้งที่ฆ่าตัวตายและถูกฆาตกรรม รวมทั้งตัวจูเรต์ก็กลายเป็นศพไปด้วย

        ลำดับที่ 3 ลัทธิกิ่งก้านแห่งดาวิเดียน

                                                     
                                                          เดวิด โคเรช เจ้าลัทธิ
       เดวิด โคเรช ผู้ก่อตั้งลัทธิกิ่งก้านแห่งดาวิเดียนได้สั่งสอนสาวกว่า ตัวศาสดากับสาวกทั้งปวงล้วนเกิดมาในยุคแห่ง "อมาเกดอน" อันเป็นวันที่พระเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ว่า เป็นวันวิบัติของโลก โดยโคเรชได้เผยกับเหล่าสาวกว่า ตนเองก็อวตารแห่งพระคริสต์ เขานิยมการแต่งงานกับเด็ก และมีเพศสัมพันธ์กับเด็กที่อยู่กินเป็นภรรยาหลายคนด้วยกัน มีการตบตีทารุณต่อเด็กและสตรี มีการสะสมอาวุธสงครามไว้ภายในสำนักมากมาย
        เอฟ.บี.ไอ. รวบรวมหลักฐานจนสามารถเอาผิดกับเจ้าลัทธิได้ เมื่อได้เวลาอันสมควร เอฟ.บี.ไอ. จึงบุกเข้ากวาดล้างที่ทำการของกิ่งก้านแห่งดาวิเดียนในเมืองวาโค รัฐเท็กซัส เมื่อเอฟ.บี.ไอ.ประกาศให้มอบตัวก่อนจะยิ่งแก๊สน้ำตาเข้าไป เจ้าลัทธิสั่งสู้ตาย จากนั้นก็วางเพลิงเผาที่ทำการ เมื่อเหตุการณ์สงบ เอฟ.บี.ไอ. เข้าไปตรวจสอบพบตัวสาสดากับสาวกเป็นศพดำเป็นตอตะโกรวมกัน 82 ศพ สาวกคนสนิทที่รอดชีวิตมาได้แอบเผยแพร่คำสอนเพื่อฟื้นฟูสำนักขึ้นมาแต่ไม่สำเร็จ

    ลำดับที่ 2 ลัทธิฟื้นฟูพระบัญญัติ 10 ประการ พระวจนะแห่งพระเจ้า

                                                          
                                                                            โจเซฟ คิบเวเทียร์ เจ้าลัทธิ
              เป็นลัทธิที่แหกคอกออกมาจากโรมันคาทอลิก เซิร์ช โดย นายโจเซฟ คิบเวเทียร์ นักการเมืองชาวอูกันดา โดยบอกกับเหล่าสาวกว่า พระมารดามารีอาได้ทรงปรากฎพระวรกายต่อหน้าของตัวเอง เขาย้ำกับสาวกอยู่เสมอว่า โลกจะแตกในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ.2000 แต่เอาเข้าจริงปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิบเวเทียร์ก็เฉไฉไปว่า พระเจ้ายังไม่ทรงต้องการทำลายโลก แต่เลื่อนไปเป็นวันที่ 17 มีนาคม ปีเดียวกัน 
            ในวันที่ 17 มีนาคม คิบเวเทียร์ก็วางเพลิงเผาโรงนาอันเป็นที่ทำการและที่อยู่ร่วมกันของเหล่าสาวกทั้งหลาย หลังจากเพลิงสงบเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปสำรวจพบศพผู้เสียชีวิตที่ถูกย่างสดดำเป็นตอตะโกจำนวน 513 ศพ รวมทั้งศาสดาบ้าทะลุดโลกคิบเวเทียร์
            ที่น่าสยดสยองมากไปกว่านั้นคือ การพบศพจำนวน 265 ศพถูกฝังไว้ใต้ดินในที่ดินที่นายคิบเวเทียร์ครอบครองอยู่แต่ละศพมีร่องรอยการถูกแทงไม่ก็ถูกวางยาพิษ รวมศพที่ตายด้วยน้ำมือของศาสดาบ้าทะลุโลกถึง 778 ศพด้วยกัน

         ลำดับที่ 1 ลัทธิโบสถ์แห่งมวลมนุษย์

                                             
                                                  จิม วอร์เรน โจนส์ เจ้าลัทธิ
              จิม วอร์เรน โจนส์ ก่อตั้งลัทธิโบสถ์แห่งมวลมนุษย์ขึ้นในแอฟริกาใต้ เมื่อปี ค.ศ.1955 ต่อมาในปี ค.ศ.1970 ก็มีผู้เข้ามาเป็นสาวกถึง 2,000 คน โจนส์สอนให้ดำรงชีวิตแบบสังคมนิยม ปลูกผักเลี้ยงสัตว์บริโภคกันเอง โจนส์ซื้อที่ดินเพื่อก่อตั้งที่ทำการของลัทธิฯ รู้จักกันในชื่อ "โจนส์ทาวน์" เป็นเมืองปิดที่ไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาวุ่นวาย
              เหตุร้ายเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1978 ลีโอ รายอัน สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ กับผู้สื่อข่าวได้เข้าไปที่โจนส์ทาวน์ รายอันได้แอบนำสาวกที่เปลี่ยนใจซ่อนตัวออกมาเพื่อขึ้นเครื่องบินกลับ แต่ความแตก บรรดาสาวกที่บ้าคลั่งพากันขับรถตามมาสังหารรายอันกับสาวกที่แปรพักตร์และผู้สื่อข่าวอีก 3 คนตายเกลี้ยง
              วันรุ่งขึ้นหลังจากเกิดการฆาตกรรมสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ โจนส์รู้ดีว่า ทุกอย่างกำลังจะถึงจุดอวสาน ตำรวจไม่ปล่อยเอาไว้แน่ เขาเรียกประชุมสาวกทั้งหมด สั่งให้ดื่มเครื่องดื่มที่ผสมไซยาไนด์อย่างแรงเพื่อฆ่าตัวตาย ผู้ปฏิเสธจะถูกยิง รัดคอ หรือไม่ก็ถูกจับฉีดไซยาไนด์เข้าเส้นเลือด โจนส์ระเบิดหัวตัวเองตายตามไป เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสำรวจพบว่ามีคนตายทั้งหมด 918 ศพ มีเด็กรวมอยู่ด้วย 270 คน

      
                         ภาพศพตายเกลื่อนที่เมืองโจนส์ทาวน์

           ที่มา : หนังสือเรื่อง แปลก

0