เรื่องดีๆ ที่อยากให้ทุกคนได้เข้ามาอ่าน เข้ามาอ่านกันนะ
อาจจะยาวหน่อย แต่อ่านนะ : ))
เรื่องดีๆของ อันจินเผิง เหรียญทองคณิตศาสตร์โอลิมปิคปี 1997
ในปี 1997 กันยายน วันที่ 28 ที่เทียนสิน นักเรียนมัธยมปีที่ 6 อันจินเผิง ได้รับเหรียญทองชนะเลิศในการแข่งขัน คณิตศาสตร์โอลิมปิคครั้งที่ 38 ณ. ประเทศอาร์เจนติน่า นับเป็นผู้เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่เมืองเทียนสิน
เบื้องหลังความสำเร็จของอัจฉริยะทางคณิตศาสตร์วัย 19 ปีคนนี้ แฝงไว้ด้วยเรื่องราวของความรัก... รักที่ยิ่งใหญ่ของแม่ ที่ทำให้ทุกผู้คนต้องซาบซึ้งจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่.
ปี 1997 กันยายน วันที่ 5 เป็น วันที่ผมจากบ้านไปรายงานตัวที่คณะคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ควันจากเตาหุงข้าวในยามเช้าตรู่ ที่ลอยจากบ้านไร่หลังเก่าอันชำรุดทรุดโทรมของผม คุณแม่ที่ขากระเผลกกำลังทำหมี่ให้ผม เป็นแป้งหมี่ ที่คุณแม่ใช้ไข่ไก่ 5 ฟอง แลกมาจากเพื่อนบ้าน ขาแม่ที่แพลงนั้นเป็นเพราะวันก่อน ท่านคิดจะหาเงินค่าเล่าเรียนให้แก่ผม แล้วพลิกจนขัดยอกในยามที่กำลังเข็นผักเต็มคันรถเพื่อไปขายในเมือง ยามที่ยกชามขึ้น ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ผมวางตะเกียบลงแล้วคุกเข่าลงบนพื้น ลูบคลำเท้าของแม่ที่บวมเป่งใหญ่กว่าหมั่นโถวอยู่นาน หยาดน้ำตาทีละหยดๆ ไหลกลิ้งลงสู่พื้น ...
บ้าน ของผมอยู่ที่ หมู่บ้านต้าอิ้วไต้ อำเภออู่ซิง เมืองเทียนสิน ผมมีแม่ที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง ชื่อของท่านเรียกว่า หลี่ เอี้ยน เสีย บ้านของผมจนมาก ๆ ตอนที่ผมเกิดมา คุณย่าก็ล้มป่วยอยู่บนเตียง ในปีที่ผมอายุ 4 ขวบ คุณปู่ก็ป่วยเป็นโรคหือหอบ เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งตัว พอ 7 ขวบ ผมก็เข้าโรงเรียน ค่าเล่าเรียนก็เป็นคุณแม่ไปหยิบยืมจากผู้อื่น ผมมักจะเก็บเอาดินสอที่เพื่อนนักเรียนโยนทิ้งแล้วกลับมา คุณแม่ปวดใจมาก บางครั้งแม้แต่เงินที่จะซื้อดินสอกับสมุดยังต้องหยิบยืมจากผู้อื่น แต่ทว่า คุณแม่ก็ยังมีช่วงเวลาที่ดีใจอยู่ ไม่ว่าการสอบไล่ หรือ สอบซ่อม ผมมักจะสอบได้ที่ 1 เสมอ ยิ่งวิชาคณิตศาสตร์ได้คะแนนเต็มมาตลอด ภายใต้กำลังใจจากแม่ ผมยิ่งเรียนก็ยิ่งมีความสุข ผมนับว่าไม่รู้ว่าในโลกนี้ยังจะมีเรื่องที่เป็นสุขมากไปกว่าการเรียนหนังสือ ผมยังไม่ทันเข้าเรียนประถมก็เรียนรู้พื้นฐานการคิดเลข บวก ลบ คูณ หาร เศษส่วน ทศนิยมแล้ว พอขึ้นประถมก็เรียนรู้ด้วยตนเอง ทำความเข้าใจต่อวิชาคณิตฟิสิกส์ เคมี ของชั้นมัธยมต้น
พฤษภาคม ปี 1994 เมืองเทียนสิน ได้จัดให้มีการแข่งขันวิชาฟิสิกส์ในระดับมัธยมต้น ผมเป็นเด็กชายลูกชาวนาเพียงคนเดียวที่สอบติด 3 ลำดับต้น จากนักเรียนที่มาจาก 5 อำเภอ ชานเมือง มิถุนายนของในปีนั้น ผมได้รับเลือกสรรเป็นกรณีพิเศษ จากโรงเรียนมัธยมต้นอี้จง ของเทียนสิน ผมวิ่งกลับบ้านด้วยความดีใจ เหมือนดั่งคนเสียสติ แต่คิดไม่ถึง เมื่อบอกข่าวดีให้กับคนทางบ้านฟัง บนใบหน้าของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า คุณย่าเสียชีวิตไปไม่ถึงครึ่งปี ชีวิตคุณปู่ก็อยู่ในช่วงอันตราย ที่บ้านติดหนี้เขาหมื่นกว่าหยวนแล้ว ผมค่อย ๆ เดินกลับเข้าห้องอย่างสงบ พร้อมทั้งร้องไห้ตลอดทั้งวัน คืนนั้นก็ได้ยินเสียงโต้เถียงกันที่นอกบ้าน ที่แท้คุณแม่คิดจะเอาลาในบ้านไปขายเพื่อให้ผมได้เรียนต่อ แต่คุณพ่อคัดค้าน ไม่เห็นด้วยเด็ดขาด คำพูดที่โต้เถียงกันของพวกท่านได้ยินไปถึงคุณปู่ที่ป่วยหนัก พอคุณปู่กระวนกระวานใจหนัก ท่านก็จึงลาโลกนี้ไปตลอดกาล ผมก็ไม่พูดถึงเรื่องเรียนต่ออีก นำเอา'ใบแจ้งผลการคัดเลือก'พับอย่างดีแล้วยัดเข้าไปในปลอกหมอน แล้วช่วยคุณแม่ทำงานเลี้ยงชีพไปวัน ๆ
ใคร รู้ได้ วันรุ่งขึ้นผมเอาขวดยาขึ้นมาดูเห็นฉลากภาษาอังกฤษ จึงรู้ว่ายาพวกนี้เป็นยาระงับเซลล์มะเร็ง ผมลากคุณแม่ออกไปนอกห้อง ร้องไห้ไปถามแม่ไปว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ คุณแม่ก็บอกว่า ตั้งแต่ผมไปเรียนมัธยมอี้จง คุณพ่อก็เริ่มถ่ายเป็นเลือด อาการหนักขึ้นทุกวันๆ คุณแม่ขอยืมเงินมาได้หกพันหยวน พาไปตรวจทั้งที่เทียนสิน ปักกิ่ง สุดท้ายตรวจพบเป็นเนื้องอกในลำไส้ หมอต้องการให้พ่อผ่าตัดโดยเร็ว คุณแม่ก็เตรียมจะไปขอยืมเงินมารักษา แต่คุณพ่อไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมรับปาก ท่านกล่าวว่า ยืมญาติมิตร เพื่อนฝูงจนทั่วแล้ว มีแต่ยืมแต่ยังมิได้จ่ายคืนใครเขาจะให้ยืมอีก !
ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนของผมอยู่ที่ 60 ถึง 80 หยวน ถ้าจะเปรียบกับเพื่อนนักเรียนที่ใช้จ่าย 200-240 หยวน แล้ว นับว่าน้อยจนน่าสงสาร มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ว่า เพื่อเงินจำนวนน้อยนิดนี้ แม่ต้องเก็บสะสมอย่างประหยัด ตั้งแต่ต้นเดือน ทีละหยวนๆ จากการขายไข่ไก่ ขายผัก จริงๆแล้วยามที่รวบรวมไม่ครบยังต้องไปขอยืมอีก 20 หรือ 30และเท่ากับพ่อ น้องชาย แทบจะไม่เคยได้กินผักเลย ถึงจะมีผักบ้างก็ไม่ใช้น้ำมันหมูคลุกเพียงตักน้ำผักดองมาคลุกกิน หรือทำอาหารกิน แม่ ไม่เคยปล่อยให้ผมต้องหิวโหย ทุกเดือนท่านจะเดินสิบกว่าลี้เพื่อซื้อหมี่สำเร็จรูปส่งไปให้ผม ทุกสิ้นเดือนแม่มักจะแบกถุงใบใหญ่ เหนื่อยยากลำบากมาดูผมที่เทียนสิน ภายในถุงนอกจากเศษหมี่สำเร็จรูปแล้ว
“แม่เพียงรู้ว่าเจ้าเป็นเด็กที่ทนความลำบากที่สุด
แม่ไม่ชอบฟังเจ้าพูดว่ายากลำบาก เพราะขอเพียงทนลำบากได้ก็ไม่ยากอีกแล้ว“ ผมจำคำของแม่คำนี้ไว้แล้ว...
ผม มีอาการติดอ่างเล็กน้อย มีคนบอกกับผมว่า จะเรียนภาษา อังกฤษให้ได้ดี อันดับแรกต้องให้ลิ้นฟังคำสั่งตัวเอง ดังนั้นผมมักจะเก็บก้อนหินก้อนหนึ่ง อมไว้ในปาก จากนั้นก็ขยันท่องภาษาอังกฤษอย่างเอาเป็นเอาตาย ลิ้นเมื่อได้เสียดสีกับก้อนหิน บางครั้งที่มีเลือดไหลออกมาทางมุมปาก แต่ผมก็กัดฟันยืนหยัดอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ครึ่งปีผ่านไป ก้อนหินเล็กๆ ถูกสีจนกลม ลิ้นของผมก็ถูกสีจนเรียบ ผลการเรียนภาษาอังกฤษขยับขึ้นเป็น 3 ลำดับต้นของห้อง ผมต้องขอบคุณแม่เป็นอย่างยิ่ง คำพูดของท่านทำให้เกิดปาฎิหาริย์ในการก้าวข้ามอุปสรรคอันยิ่งใหญ่ของการฝึกฝนของผม
“จินเผิง นี่เป็นเสื้อผ้าทั้งหมดของเธอหรือ ฉันไม่รู้จะจัดการอย่างไร“ ผมจึงรีบตอบว่า “ครูค รับ ผมไม่กลัวขายหน้า คุณแม่บอกกับผมเสมอว่า ในตัวถ้ามีภูมิความรู้ ก็จะมีความสง่าเอง ถึงผมต้องใส่เสื้อพวกนี้ไปอเมริกาพบกับคลินตัน ผมก็ไม่กลัว“
ข่าวการชนะเลิศได้เหรียญทองเหรียญของผมกับเพื่อนอีกคน ในการแข่งขันโอลิม ปิคคณิตศาสตร์ของการแข่งขันโอลิมปิควิชาการครั้งที่ 38 นี้ ได้ถูกแพร่กระจายเสียง และแพร่ภาพโดยสถานีวิทยุกระจายเสียง และสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ
ผม ฝ่าความมืดจนกลับถึงบ้านที่ผมคิดถึงทุกเช้าเย็น พ่อเป็นคนมาเปิดประตู แต่ว่าผู้ที่โอบผมไว้ในอ้อมอกอย่างแนบแน่นก็คือแม่ที่ปราณีของผม ใต้แสงดาวอันแจ่มจรัส แม่กอดผมอย่างแน่นหนา ผมล้วงเหรียญทองออกมาแล้วแขวนไว้ที่บนคอของแม่ แล้วร้องไห้ด้วยจิตใจที่โปร่งโล่ง...
...
ปีทีอยู่มัธยมปีที่ 4 ผมคิดจะซื้อหนังสือ“ พจนานุกรม จีน - อังกฤษ “เพื่อ ฝึกภาษาอังกฤษ ในกระเป่าเสื้อของแม่ไม่มีเงินเลย แต่แม่ก็รับปากว่าจะหาให้ หลังอาหารเช้า แม่ยืมรถลากคันหนึ่ง ขนผักกาดขาว เต็มรถแล้วลากไปพร้อมกับผม เพื่อนำไปขายในเมืองที่ไกลถึงสี่สิบลี้ เมื่อถึงตัวอำเภอก็เกือบเที่ยงแล้ว ตอนเช้าผมกับแม่ ดื่มเพียงน้ำซุปข้าวต้มใส่มันเทศกับข้าวโพดแค่ 2 ชาม ในยามที่ท้องหิวจนร้องจ๊อกๆ แค้นจนอยากให้มีคนมาเหมาซื้อผักไปทันที แต่แม่ยังคงอดทนต่อรองราคากับผู้ซื้อสุดท้ายตกลงกันในราคาชั่งละ 10 เซ็นต์ ผักกาดขาว 210 ชั่ง ควรเป็นเงิน 21 หยวน แต่ผู้ซื้อให้เพียง 20 หยวน เมื่อมีเงินผมคิดจะกินข้าวก่อน แต่แม่บอกให้ซื้อหนังสือก่อน เพราะนี่เป็นเรื่องสำคัญของวันนี้ พวกเราไปที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่งถามราคาหนังสือ ต้องใช้เงิน 18.25 หยวน ซื้อหนังสือเสร็จแล้วยังคงเหลืออยู่ 1.75 หยวน แต่แม่ให้ผม 75 เซ็นต์เพื่อไปซื้อขนมเปี๊ยะ 2 ชิ้น แม้จะกินขนมเปี๊ยะไป 2 ชิ้น แต่รอจนพวกเราแม่ลูกเดินจนเกือบจะถึงบ้าน เป็นระยะทาง 40 กว่าลี้(ของจีน 1 ลี้ = 500 เมตร) ผมก็หิวจนหน้ามืดตาลาย ในยามนี้นึกขึ้นได้ว่าผมลืมแบ่งขนมเปี๊ยะ1ชิ้นให้กับแม่ แม่หิวทั้งวัน ยังลากรถเป็นระยะทาง 80 ลี้เพื่อผม
ผมรู้สึกละอายจนคิดที่จะตบหน้าตนเอง แต่แม่กลับพูดว่า “แม่ ไม่มีความรู้เท่าไร แต่แม่นึกถึงตอนเด็กที่คุณครูเคยให้ท่องคำพูดหนึ่งของกอร์จี ว่า ความยากจนข้นแค้นเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง หากว่าเธอสามารถที่จะผ่านด่านมหาวิทยาลัยนี้ไปได้ ไฉนต้องกลัวว่าเป็นมหาวิทยาลัยเทียนสิน แม้แต่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เธอก็สอบเข้าไปได้ดั่งใจหวังอยู่ “ ตอน ที่แม่พูดคำ ๆ นั้น แม่ไม่มองหน้าผม แม่มองหนทางที่ทอดยาวไกลออกไปเหมือนดั่งว่าทางเส้นนั้น สามารถเชื่อมไปถึงเมืองเทียนสิน...เชื่อมไปถึงเมืองปักกิ่งไม่มีผิด ผมฟังแล้วก็ไม่รู้สึกว่าท้องหิวอีกแล้ว ขาก็ไม่เมื่อยอีกแล้ว หากกล่าวว่า ความยากจนข้นแค้น เป็นมหาวิทยาลัย ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ผมก็จะพูดว่า แม่ที่เป็นหญิงชาวนาของผม เป็นครูผู้นำพาที่ดีที่สุดของชีวิตผม'
... ที่ ด้านล่างเวทีไม่รู้มีตากี่คู่ ที่คลอด้วยน้ำตา ผมหมุนตัวกลับมา หันไปหาคุณแม่ที่จอนผมเริ่มหงอกขาว แล้วคำนับท่านด้วยใจอันลึกล้ำครั้งหนึ่ง..........
-- ความดีก็เหมือนกางเกงใน ต้องมีติดตัวไว้แต่ไม่ต้องเอามาโชว์
ที่มา : FW mail
อ่านจบแล้วโหวตด้วยนะ อยากให้กระทู้นี้มีคนอ่านเยอะๆ : ))
3 ความคิดเห็น
ความดีก็เหมือนกางเกงใน ต้องมีติดตัวไว้แต่ไม่ต้องเอามาโชว์
จริง!!!
โห่ยยย ซึ่งจังค่ะ
ความรัก ความหวังดี ของแม่
แม้แต่ จะเเลกมาด้วย ชีวิต เพื่อลูก แม่ก็ยอม
อย่างงี้ต้อง !!!
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?