Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เจ้าหญิงยวงแก้ว ตัดสินใจกระโดดตึกจากพระตำหนักฯ ถึงแก่อสัญกรรม T*T

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ปล.ภาพพระบรมมหาราชวังในอดีตครับ


สวัสดีครับทุกท่าน.

สืบเนื่องจากที่ได้ไปสืบค้นรายพระนามของเจ้านายฝ่ายเหนือ
พลันไปสะดุดตาเข้ากับรายพระนามหนึ่งพร้อมประวัติสั้นๆของท่านดังนี้..

"เจ้าหญิงยวงแก้ว สิโรรส ธิดาใน "เจ้าน้อยคำคง สิโรรส" ผู้เป็นราชปนัดดา (เหลนปู่ทวด) ใน "เจ้าฟ้าเมืองสาม, เจ้าฟ้าเมืองเชียงตุง องค์ที่ ๑" และเป็นนัดดา (หลานย่า) ใน "เจ้าหญิงฟองแก้ว (ณ เชียงใหม่) สิโรรส"
ผู้เป็นราชธิดาใน "เจ้าหลวงเศรษฐีคำฝั้น, เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ ๓" ได้โดยเสด็จ "พระราชชายา
เจ้าดารารัศมี" เข้าไปประทับในพระบรมมหาราชวัง ด้วยความรักต้องห้ามในวังหลวงกับ หม่อมราชวงศ์หญิงท่านหนึ่ง ในที่สุด เจ้าหญิงฯ ได้ตัดสินใจกระโดดตึกจากพระตำหนักฯ ถึงแก่อสัญกรรม "



     เจ้าหญิงยวงแก้ว เจ้าหญิงรูปงาม แต่ใจเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก กระโดดตึก ในตำหนักพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ในพระราชวังหลวง

     เธอตัดสินใจกระโดดตึกจากชั้น 4 เพื่อให้พ้นจากความขมขื่นของหัวใจที่แก้ปัญหาไม่ตก โดยอารมณ์สาวแท้ ๆ ทั้งที่รูปก็สวย มีเสน่ห์น่ารัก แต่ใจเข้มแข็งน่าดู

ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพ ฯ

       พ.ศ. 2449 คนในยุคนั้น กล่าวกันเป็นเสียงเดียวกันว่า พระตำหนักของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี พระธิดาของพระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์ที่ 7 ซึ่งมีพระนามว่าพระเจ้าอินทวิไชยยานนท์ ซึ่งทรงเป็นพระราชชายาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระเจ้าแผ่นดินแห่งกรุงสยามนั้น มีข้าหลวงและนางใน ซึ่งนับเป็นคนใกล้ชิดและเครือญาติบุตรหลานของเสด็จท่านทั้งสิ้น และเสด็จท่านได้ทรงเคร่งครัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวนครเชียงใหม่เป็นอย่างยิ่ง กล่าวคือ กุลสตรีทั้งหลายที่อยู่ในตำหนักของเสด็จท่าน ต้องแต่งตัวแบบชาวเหนือ และเกล้าผมยาวแบบชาวเหนือตลอดเวลา
       พฤติการณ์ดังกล่าวนี้เอง จึงทำให้บรรยากาศในบริเวณพระตำหนักของเสด็จพระองค์ท่านเต็มไปด้วยกลิ่นอายของชาวเหนือ และนอกจากนั้นกุลสตรีแน่งน้อยเจริญวัยทั้งหลายก็ล้วนสวยสดและพึงพิศชวนชมเป็นที่สุด ในแง่ของความสวยสดงดงามต่าง ๆ ตลอดจนกิริยามารยาท ทุกคนที่เป็นข้าหลวงนางในของเสด็จพระองค์จะต้องเล่นดนตรีเป็นอย่างน้อยคนละชนิด ดังนั้น ภายในตำหนักจึงมีเสียงดนตรีครึกครื้นเสมอ เสด็จพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ทรงสีซอกับดีดจะเข้ไพเราะเพราะพริ้งมาก



พระราชชายาเจ้าดารารัศมี




เจ้าหญิงบัวชุม ณ เชียงใหม่ที่ร่ำลือกันว่ามีสิริโฉมงดงามที่สุด





ปล.ภาพพระตำหนักของพระราชชายาเจ้าดารารัศมีที่สวนสุนันทา


ความงามของแต่ละนางในชาวเชียงใหม่ทั้งหลาย ล้านแล้วแต่สวยสดงดงาม คงงามเหล่านี้ได้ขจรขจายไปทั่วในราชสำนักและตามวังของเสด็จในกรมต่าง ๆ เราขอกล่าวถึงชีวิตของเจ้าหญิงผู้สวยเสน่ห์คนหนึ่งแห่งราชวงศ์เชียงตุง ซึ่งมีส่วนสัมพันธ์กับราชสกุล “ ณ เชียงใหม่ “ ซึ่งได้มีบทบาทนำชีวิตเข้าไปอยู่ในพระตำหนักของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี และจากเด็กอายุ 7 ขวบ จนถึง 19 ปี เป็นรุ่นสาวสะคราญตา

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

KNAFRA 3 ก.ค. 54 เวลา 21:09 น. 1
            เจ้าหญิงผู้นี้มีนามว่า “ ยวงแก้ว สิโรรส “ เจ้าปู่คือ เจ้าหนานไชยวงศ์ ซึ่งเป็นหลานปู่ของ เจ้าฟ้าชายสาม เจ้าฟ้าเชียงตุง เจ้าย่าของเจ้าหญิงฟองสมุทร ซึ่งเป็นธิดาของ เจ้าหลวงเศรษฐีคำฝั้น เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 3 กับแม่เจ้าตาเวยราชเทวี เจ้าพ่อคือ เจ้าน้อยคำคง ( คนเดียวกันที่ชาวเมืองเรียกว่า “ ค่ำคน “ ) เจ้าน้อยคำคง คนนี้เป็นน้องชายของเจ้าน้อยมหาวงศ์ เศรษฐีแห่งบ้านสันทรายมหาวงศ์ อำเภอสารภี เชียงใหม่
            เจ้าหญิงยวงแก้ว สิโรรส เป็นคนรูปงามมากคนหนึ่ง ซึ่งบรรดาเจ้าพี่นายน้องเทียบโฉมเปรียบกันก็ยากอยู่ และเป็นคนที่ค่อนข้างจะใจคอเข้มแข็งห้าวหาญแสนงอนและดุดันมากอยู่ทีเดียว ทั้งนี้เพราะได้ถ่ายทอดสายเลือดไปจากเจ้าน้อยตำตน ยอดนักเลงใหญ่แห่งนครเชียงใหม่ ในยุคกระนั้นเลยทีเดียว เจ้าหญิงยวงแก้วขาดแม่ที่อยู่ใกล้ เพราะเจ้าพ่อกับเจ้าแม่แยกกันไป เสด็จพระราชชายาทราบเข้า จึงโปรดให้รับตัวไปอยู่กับเสด็จตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เท่านั้น พร้อมกับเจ้าหญิงบัวชุม ณ เชียงใหม่


เหตุการณ์ร้ายได้มาถึงในปี 2449 นั้นเอง
        กล่าวคือ ในสมัยนั้น พวกนางในข้าหลวงในพระตำหนักของเจ้าจอมต่าง ๆ นิยมการเล่นเพื่อน หลงรักผู้หญิงด้วยกัน จนกระทั่งเอาทรัพย์สินเป็นของขวัญแลกเปลี่ยนกันไปมามิได้ขาด ซึ่งในสมัยนี้ เรียกกันว่า “ แฟน “ นั่นเอง
        เจ้าหญิงยวงแก้ว สิโรรส มีแฟนเป็นหญิงชื่อ หม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพ ผู้อยู่ในตำหนักหนึ่งในพระบรมมหาราชวัง แต่บังเอิญหม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพ ผู้นี้มี “ แฟน “ สาวคนหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว ชื่อ น.ส. หุ่น ต่างคนต่างชิงดีชิงเด่น ชิงไหวชิงพริบที่จะเอาชนะจิตใจซึ่งกันและกัน ระหว่างน.ส.หุ่นกับเจ้าหญิงยวงแก้ว


         และในขณะที่ชิงดีชิงเด่นกันนี้เอง น.ส.หุ่นได้ปล่อยข่าวเป็นเชิงใส่ไฟกรอกเข้าหูบรรดาเจ้าพี่นายน้องว่า เจ้าหญิงยวงแก้ว นำของที่ได้ประทานจากพระราชชายา ซึ่งเป็นแก้วแหวนเงินทองเพชรพลอยที่เสด็จประทานให้นั้น ไปปรนเปรอหม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพ เสียหมดสิ้น
         
        คราวนี้บรรดานางในได้นำไปกราบทูลเสด็จพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ให้ทราบว่าเจ้าหญิงยวงแก้วถูก “ หลอกตุ๋น “ เสด็จกริ้วมากที่สุดเรียกเจ้าหญิงยวงแก้วไปพบพร้อมบริภาษอย่างรุนแรงและสำทับให้เอาของมาคืนเสด็จท่านให้หมด นอกจากนี้ ก็ให้คาดโทษว่าจะส่งกลับนครเชียงใหม่เสียที ขณะนี้อารมณ์ยังไม่ปกติขอผลัดชำระโทษไว้อีกสัก 7 วัน จะลงโทษให้สาสมกับที่ทำให้พระองค์ช้ำพระทัยในความรักที่มีต่อเจ้าหญิงยวงแก้ว

        ความอับอาย “ แฟน “ และเพื่อนในตำหนักเจ้าจอมต่าง ๆ และอายต่อหม่อมราชวงศ์หญิงวงศ์เทพ ทำให้เจ้าหญิงเกิดความกลัดกลุ้มใจมากเพราะจะเอาของมาคืนก็ไม่ได้ 2 – 3 วันต่อมาเสด็จพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ก็ยังเฉย ๆ อยู่ ในคืนที่เจ้าหญิงยวงแก้วจะทำอัตวินิบาตกรรมนั้น ตอนกลางคืน ยังได้นอนปรับทุกข์กับ เจ้าหญิงบัวชุม ณ เชียงใหม่ ซึ่งตอนนั้น ได้สมรสกับ
        เจ้าอุตรการโกศล ( ศุขเกษม ) แล้ว และได้เข้าไปพักในพระตำหนักของเสด็จพระราชชายา โดยเจ้าอุตรการโกศล ขึ้นมาราชการที่นครเชียงใหม่
เจ้าหญิงยวงแก้ว พร่ำรำพัน ต่าง ๆ นานา ในความอาภัพของตนที่ถูกใส่ร้ายป้ายสีในครั้งนี้ แทนที่ทุกคนจะเห็นใจกลับเยาะเย้ยเหยียดหยามอีก เจ้าหญิงบัวชุมได้เพียรปลอบใจให้คลายโศกเศร้าลง แต่แล้วหลังจากเจ้าหญิงบัวชุมได้นอนหลับสนิทนั่นเอง..

        เจ้าหญิงยวงแก้ว ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนให้โลกรู้ว่าตนนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์มิได้กระทำดั่งข้อกล่าวหาและมิได้บังอาจกระทำการละเมิดต่อเสด็จพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ไม่มีใครจะตัดสินให้ความยุติธรรมแก่ตนได้ในโลกนี้ จึงขึ้นไปบนตึกพระตำหนักชั้น 4 แล้วกระโดดลงมาอย่างไม่กลัวตาย ด้วยน้ำใจอันเด็ดเดี่ยวแบบเจ้าน้อยคำคงผู้เป็นเจ้าพ่อ เพื่อให้โลกรู้ว่า “ข้ามิได้ทำผิดดังคนแกล้วใส่ความ” ผลคือเจ้าหญิงสลบคาที่
  
        ในคืนนั้นเจ้าหญิงยวงแก้ว ถูกหามนำตัวไปรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลฝรั่ง ทางประตูผีท้องที่อำเภอสำราญราษฎร์และได้ถึงแก่ความตาย ณ โรงพยาบาลแห่งนั้น..
        
         การตายของเจ้าหญิงยวงแก้ว พระพุทธเจ้าหลวงทรงทราบจึงได้รับสั่งให้เจ้าหน้าที่กรมวังไปทำการสอบสวนสาเหตุว่ามีเบื้องหลังซับซ้อนหรือไม่ นับว่าเป็นโชคดีที่เสด็จพระชายายังมิได้ลงโทษเฆี่ยนตีลงไป

หมายเหตุ: จาก หนังสือเพ็ชร์ลานนา โดย ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง (เล่ม 1)

0
KNAFRA 3 ก.ค. 54 เวลา 21:14 น. 2




ปล.ภาพเจ้าหญิงบัวชุมกับเจ้าน้อยศุขเกษม




ปล.แผนที่ตำแหน่งที่ตั้งตำหนักของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี





ภาพ "พระตำหนักม่อนจ๊อกป๊อก" บนดอยสุเทพของ "พระราชชายา เจ้าดารารัศมี" เป็นที่ทรงปลูกและเพาะพันธ์ "กุหลาบจุฬาลงกรณ์" ที่ทรงสั่งมาจากประเทศอังกฤษ ต่อมาได้ทรงประทานถวายเป็นสังฆสมบัติของ "วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร"

ปล.ภาพจาก วิกิพีเดีย.




กุหลาบจุฬาลงกรณ์ที่กล่าวถึง

        พระราชชายาฯ ทรงเป็นเจ้านายสตรีชั้นนำของประเทศ ทรงเป็น สมาชิกกิตติมศักดิ์ ของ ราชสมาคมกุหลาบแห่งประเทศอังกฤษ ทรงริเริ่มและสนับสนุนการปลูกกุหลาบทั่วนครเชียงใหม่ และหัวเมืองใกล้เคียง ภายหลังทรงพบกุหลาบขนาดใหญ่พันธุ์หนึ่ง ซึ่งมีสีชมพูระเรื่อ ส่งกลิ่นหอมตลอดเวลา ทำให้ทรงหวนระลึกถึง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชสวามีที่เสด็จสวรรคตไปแล้ว จึงได้พระราชทานนามกุหลาบพันธ์นั้นตามพระนามในพระราชสวามีว่า "จุฬาลงกรณ์" พระราชชายาฯ ทรงโปรดให้สร้างแปลงเพาะพันธุ์บน พระตำหนักม่อนจ๊อกป๊อก บนดอยสุเทพ ซึ่งมีอากาศเย็นทั้งปี เมื่อเสด็จมาประทับ ณ พระตำหนักดาราภิรมย์ ในช่วงปลายพระชนม์ชีพ ก็ทรงโปรดให้ปลูกกุหลาบ "จุฬาลงกรณ์" โดยรอบพระตำหนัก และทรงตัดดอกถวายสักการะ พระราชสวามี ซึ่งต่อมาภายหลัง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำกุหลาบ "จุฬาลงกรณ์" มาเพาะพันธุ์และทรงโปรดให้ปลูกประดับโดยรอบ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์

ปล.ข้อมูลจากวิกิพีเดียครับ







บรรดาเจ้านายบุตรหลานในราชวงศ์ฝ่ายเหนือ ที่ได้เป็นข้าหลวงนางในของเสด็จพระองค์ท่านในครั้งนั้นมี
เจ้าหญิงทิพวัน ณ เชียงใหม่
เจ้าหญิงบัวชุม ณ เชียงใหม่
เจ้าหญิงยวงแก้ว สิโรรส
เจ้าหญิงคำเที่ยง ณ เชียงใหม่
แม่นายบุญปั๋น พิทักษ์เทวี
เจ้าหญิงฟองแก้ว ณ เชียงใหม่
เจ้าหญิงบัวระวรรณ ( บึ้ง ) ณ เชียงใหม่
เจ้าหญิงเครือคำ ณ เชียงใหม่

และนัดดาน้อย ๆ อีก 2 ท่าน คือ
เจ้าหญิงลัดดาคำ ณ เชียงใหม่ กับเจ้าหญิงเรณุวรรณา ณ เชียงใหม่
0
KNAFRA 3 ก.ค. 54 เวลา 21:17 น. 3

ขอขอบคุณ http://www.lesla.com/board/gen.php?id=16962&mode_id=4
เจ้าของกระทู้ที่ค้นหาข้อมูลเป็นอย่างสูง

เข้าไปอ่านและนำมาลงโดยไม่ได้ขออนุญาต
ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ขอบคุณมากครับ ... ความรู้ดีๆมาแชร์สังคมไทยกัน ^^

0
Tottenham29539 4 ก.ค. 54 เวลา 10:03 น. 5

ขอบคุณที่นำความรู้ดีๆมาแบ่งปันให้สังคมครับ
คนสมัยก่อนนี้ มีใจเข้มแข็งจริงๆ
ไม่เหมือนสมัยนี้ สังคม......แม่ง
!@#$%^&

0
Kurama Shannon 5 ก.ค. 54 เวลา 07:05 น. 7

 ขอบคุณที่นำความรู้มาให้เราได้อ่านกันนะคะ
ทำให้เราทราบว่ารักร่วมเพศมีมานานแล้ว

0